ตอนที่ 15-2 ได้พบแล้ว
“องค์ชายผู้นี้ยังมิได้ออกไปตามหาท่าน แต่เป็นท่านเองที่มาหาข้าถึงที่”
ชางอู๋ซินกล่าวด้วยน้ําเสียงที่เย็นชา ขณะจ้องมองไปยังฮันซวนห่าวผู้หยิ่งยโส
“เพียงแต่ข้าต้องการทราบว่า เหตุผลที่ท่านมาที่นี้เพราะต้องการทดแทนบุญคุณ
หรือว่าต้องการมาเอาชีวิตข้ากันแน่?”
ฮันซวนฮ่าวแสดงสีหน้าอึดอัดใจภายใต้แสงไฟสลัวนั้นในทันที
นับตั้งแต่วันที่เขากลับมาจากปาบนภูเขา เขาได้พยายามสืบหาเด็กหนุ่มที่ช่วยชีวิตตนเองเอาไว้
เขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะต้องมาหาเขาในที่สุด เนื่องจากเขายังต้องทําตามคําสัญญาทั้งสามประการนั้น
เพราะเด็กหนุ่มผู้นั้น คงมิยอมทิ้งผลประโยชน์ของตนเองเป็นแน่
แต่เขามิทราบว่า จะต้องใช้เวลานานเพียงใด กว่าจะได้พบชายหนุ่มผู้นั้นอีกครั้ง
บางที่อาจจะใช้เวลานานถึงสิบปีก็เป็นได้?
ดังนั้นเขาจึงส่งสายลับของบ้านตระกูลฮันซวนออกไปค้นหา เด็กหนุ่มอย่างเป็นความลับ
อย่างไรก็ตาม เขามิได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อันใดเลย และเกือบจะทําให้เขาเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน
การค้นหาโดยมิมีผลลัพธ์ ทําให้เขาเริ่มเกิดความกังวลใจมากขึ้นเรื่อยๆ
มันเป็นสถานการณ์ที่เขามิเคยประสบมาก่อน
เขาพบว่า เด็กหนุ่มผู้นี้มีแววตาที่พึงพอใจตนเอง จึงต้องการทําความรู้จักกับเขาให้มากกว่านี้
และในเวลานั้น บ้านตระกูลฮันซวนได้รับภารกิจให้สังหารองค์รัชทายาท
ตามปกติแล้ว เขาจะมิได้มีส่วนร่วมในงานดังกล่าว
แต่ปัจจุบันมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับองค์รัชทายาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงบวก
ยิ่งไปกว่านั้น ฮันซวนฮ่าวมีความหงุดหงิด และต้องการหาผู้ใดสักคนเพื่อระบายอารมณ์ ดังนั้นเขาจึงเข้ามาที่นี่ด้วยตนเอง
เขามิเคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า องค์รัชทายาทจะเป็นบุคคลผู้เดียวกับเด็กหนุ่มที่เคยช่วยชีวิตตนเองเอาไว้
ฮันซวนฮ่าวมีความรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่วันนี้เขามีโอกาสมาที่ตําหนักแห่งนี้ด้วยตนเอง
ในที่สุด เขาก็ได้พบกับเด็กหนุ่มผู้นั้น
แต่เมื่อนึกถึงเหตุผลในการมาของเขา และเมื่อมองเห็นการบาดเจ็บของเหล่าองครักษ์บริเวณด้านนอก
เขาจึงเกิดความละอายใจขึ้นมาในทันที และกลัวว่าจะได้รับการเย้ยหยันจากการกระทําของเขา
” ต้องขอโทษด้วย!”
นับเป็นครั้งแรกของฮันซวนฮ่าว ที่ต้องขอโทษผู้อื่นในรอบสิบแปดปี จากนั้นได้กล่าวต่ออีกว่า
“ข้ามิทราบว่า ท่านคือองค์รัชทายาท เช่นนั้น บ้านตระกูลฮันซวนจะรับผิดชอบต่อความสูญเสียในครั้งนี้
สําหรับบรรดาองครักษ์เหล่านี้ ข้าจะชดเชยให้ทางครอบครัวของเขาอย่างดีที่สุด
ชางอู๋ซินมิได้ใส่ใจเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย
เพราะหากนางให้ความสนใจอย่างแท้จริง นางคงจะออกมาปกป้องพวกเขาเพื่อมิให้ได้รับบาดเจ็บ
ผลดีของการโจมตีในวันนี้นอกจากจะเป็นการทดสอบความเข้มแข็งของพวกเขาแล้ว
มันเป็นเรื่องที่จําเป็นสําหรับการพัฒนาทักษะด้านวิทยายุทธของพวกเขาด้วย
ภายใต้แสงจันทร์ใบหน้าของชางอู่ซินเปล่งประกายจนน่าขนลุก
“ผู้ใดกัน ที่ต้องการชีวิตขององค์รัชทายาทผู้นี้”
แม้แต่คํากล่าวของนาง ก็ดูเหมือนจะมีความหมายที่ซับซ้อนซ่อนอยู่
เมื่อเห็นว่าชางอู๋ซินมิได้ตําหนิเขาเลย ฮันซวนฮ่าวจึงเกิดความรู้สึกผ่อนคลายในใจ
ริมฝีปากของเขาจึงกลายเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ในทันที
เมื่อเขานึกถึงผู้ที่ต้องการจะปลิดชีวิตองค์รัชทายาท
“ผู้ที่ต้องการให้ท่านตายคือ พระมเหสีอาวุโสฉินแห่งวังหลวง
ท่านต้องการให้ข้าช่วยกําจัดนางหรือไม่?
ฮันซวนฮ่าวยื่นข้อเสนอให้กับชางอู๋ซิน โดยที่นางมิเคยคาดคิดมาก่อน
ในท้ายที่สุด ไม่ว่ารอยยิ้มของเขาจะดูสดใสสักเพียงใด เขาก็ยังคงเป็นมือสังหารแห่งบ้านตระกูลฮันซวนอยู่ดี
และเขาคงมิใช่ผู้ที่มีจิตใจดีจนถึงขั้นที่จะทํางานให้กับผู้อื่นโดยมิมีเงื่อนไข
“ในฐานะหนึ่งในสามเงื่อนไขที่เคยสัญญาเอาไว้ เช่นนั้นหรือ?”
ชางอู่ซินเอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย
ฮันซวนฮ่าวรู้สึกหดหูเล็กน้อยในหัวใจ ที่ได้รับการเอ่ยถามที่แสนจะเย็นชา
เหตุใดการแสดงน้ําใจของเขาจึงกลายเป็นสิ่งที่ถูกมองข้าม?
“ไม่แน่นอน”
ฮันซวนฮ่าวกล่าวอย่างอุ่นเคืองใจ
“สิ่งนี้มิได้รวมอยู่ในเงื่อนไขทั้งสามนี้ที่เราได้ตกลงกันไว้”
แม้ว่านางจะมเข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงกล่าวเช่นนั้น แต่ชางอู๋ซินก็มิได้ใส่ใจ
ปกติแล้วนางจะแบ่งแยกผู้คนรอบกายออกเป็นสองประเภท
พวกแรกคือ พวกที่มิได้คิดร้ายกับนาง ซึ่งคนจําพวกนี้นางจะมิให้ความสนใจเท่าใดนัก เช่นเดียวกับฮันชวนฮ่าวในตอนนี้
และอีกจําพวกคือผู้ที่คิดจะทําร้ายนาง
“มิจําเป็น เรื่องเพียงเล็กน้อยแค่นี้ ข้าสามารถจัดการได้ด้วยตนเอง”
ชางอุซินกล่าวอย่างมีแยแส
เพราะพระมเหสีฉันเป็นผู้ที่มีคู่ควรที่จะให้ความสนใจในเวลา
เนื่องจากยังมีถึงเวลาที่จะจัดการกับนาง
เมื่อกล่าวจบจึงแหวกผ้าม่านและเดินกลับไปยังเตียงนอนของตนเองในทันที โดยมิได้กล่าวอันใดออกมา
ในขณะที่ทิ้งให้ฮันชวนฮ่าว ยืนอยู่ที่เดิมด้วยความหงุดหงิด
และมุมปากของนางได้กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่าเขาเดินออกจากห้องนอนไป
หลังจากหานซวนห่าวออกมาจากพระตําหนักขององค์รัชทายาท
เขาจึงได้พบว่า ลูกน้องของตนเองกําลังรอการกลับออกมาของเขาอยู่ ขณะที่พวกเขาร้องเรียก
“นายท่าน!”
“ตั้งแต่วันนี้ไป พวกเจ้าต้องรายงานความเคลื่อนไหวทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวังหลวง และองค์รัชทายาทให้ข้าทราบโดยละเอียด
นอกจากนี้หากมีผู้ใดมาว่าจ้างให้ลอบสังหารรัชทายาทให้รีบมารายงานข้าก่อนทุกครั้ง
หากข้าทราบว่า ผู้ใดมิปฏิบัติตามคําสั่งนี้ อย่าหาว่าข้าเป็นผู้โหดเหี้ยม”
ฮันซวนฮาวจ้องมองผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ในชุดสีดําเหล่านั้นด้วยสายตาที่ดุร้าย
“รับทราบ นายท่าน!”
พวกเขารับคําด้วยอาการสั่นสะท้านเนื่องจากความหวาดก
แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเจ้านายของพวกเขาจะมีความสง่างาม
แต่หัวใจของชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ช่างอํามหิตอย่างหาที่เปรียบมิได้
และจํานวนผู้ใต้บังคับบัญชาที่เสียชีวิตในบ้านตระกูลฮันซวนนั้นนับมิถ้วน
ขณะนี้ฮันซวนฮ่าวกําลังมองกลับไปยังตําหนักที่ประทับขององค์รัชทายาทจากระยะไกลด้วยความรู้สึกยินดี
ในที่สุดเขาก็ทราบแล้วว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นคือใคร แท้ที่จริงแล้วเขาคือองค์รัชทายาทนั่นเอง
ฮันซวนฮ่าวตกอยู่ในห้วงของความคิด โดยมิรู้ตัวเลยว่า มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ซึ่งสิ่งนี้ทําให้มือสังหารที่รวมตัวกันเกิดอาการตกตะลึง
ในขณะเดียวกัน อู๋จูกําลังยืนอยู่หลังผ้าม่านหน้าห้องนอนของรัชทายาท
และนางได้ยินเสียงดังมาจากด้านในว่า
“กลับไปดูแลอาการบาดเจ็บของตนเองก่อน”
อู่จรู้สึกโล่งใจเมื่อองค์รัชทายาทปลอดภัยดี
แต่นางมีความสงสัยว่า องค์ชายกับฮันซวนฮ่าวมีความสัมพันธ์อันใดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม นางทราบดีว่ามิใช่เรื่องที่ตนเองควรจะสอดรู้สอดเห็น
จึงเดินถอยออกจากห้องนอนไปอย่างเงียบๆ ขณะที่เกือบจะชนกับหัวหน้าขันที่ไห่ที่กําลังวิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน
“รัชทายาทมิได้เป็นอันใดใช่หรือไม่?”
ขันที่ไร่กําลังจะพรวดพราดเข้าไปในห้องนอน แต่อู๋จูขวางทางเขาเอาไว้ในทันที
“ไห่กงกง รัชทายาทสบายดี มิมีอันใดที่น่าเป็นห่วง ตอนนี้พระองค์ทรงพักผ่อนแล้ว ท่านจึงมิสมควรเข้าไปรบกวน”
อู๋จูกังวลว่า องค์รัชทายาทจะเกิดความรําคาญใจ หากขันทีไห่เข้าไปจริงๆ
“ดี..ดีแล้ว”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้วหัวหน้าขันที่ไร่จึงรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
หลังจากนั้นเหล่าทหารองครักษ์ที่ได้รับบาดเจ็บจึงถูกนําตัวไปรักษาทันที