สุดยอดรัชทายาท – ตอนที่ 20-1 นินทาลับหลัง

 

ตอนที่ 20-1 นินทาลับหลัง

 

ห้องโถงใหญ่ที่หรูหราเต็มไปด้วยบรรดาขุนนางและครอบครัวนั่งอยู่ด้านใน มีหญิงสาวแต่งตัวหรูหรานั่งอยู่ด้านข้างบิดามารดาของพวกนาง และมักจะเหลือบตา

 

มองไปยังบรรดาบุรุษหนุ่มที่ร่ํารวยเหล่านั้น

 

ที่ด้านบนสุดของห้องโถงใหญ่นี้ มีนางสนมของจักรพรรดิหลายคนนั่งอยู่ แม้ว่าจักรพรรดิจะเคยมีนางสนมมากมาย แต่ปัจจุบันนี้มีเพียงสามคนเท่านั้น

 

ขณะนี้จักรพรรดิชางทรงเสื้อคลุมอย่างเป็นทางการสีเหลืองสดใสนั่งอยู่บนที่นั่งสูงสุด

 

ดวงตาที่ชาญฉลาดคู่นั้นของพระองค์เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งขณะที่ทรงเหลือบมองขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายท่านเป็นครั้งคราว

 

ขุนนางเหล่านั้นคุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพ แต่ที่จริงแล้วพวกเขามีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ภายในหัวใจเป็นอย่างมาก

 

“ฝ่าบาทเพคะ ทุกคนมารวมตัวกันหมดแล้ว เราเริ่มงานกันเลยจะดีหรือไม่?!”

 

มเหสีซินกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่มองจักรพรรดิ พระนางสวมชุดประจําตําแหน่งสีม่วงในขณะที่ใบหน้าของพระนางถูกแต่งแต้มขึ้นอย่างประณีต ทําให้ดูช่างมีความอ่อนหวานและมีเสน่ห์ยิ่งนัก

 

ผมของพระนางม้วนเป็นมวยและประดับประดาด้วยปิ่นปักผมมุกสีทองที่ส่องประกาย ซึ่งทําให้ผู้คนที่ได้พบเห็นต่างก็ตื่นตาตื่นใจ อีกทั้งยังประดับตกแต่งด้วยเครื่องประดับมุกและหยกล้ําค่ามากมายซึ่งล้วนแล้วแต่หุ้มด้วยอัญมณีทั้งหมด

 

พระมเหสีซินส่งให้กําเนิดองค์ชายและองค์หญิง โดยพระโอรสของพระนางคือองค์ชายสามชางเฉินหยิ่ง ในขณะที่พระธิดาของพระนางคือองค์หญิงชางฉินมี

 

พระมเหสีซินมีลักษณะนิสัยที่หยิ่งยโสและเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก ซึ่งพระนางมักจะทําทุกอย่างตามใจพระองค์เอง โดยไม่คํานึงถึงความเหมาะสม แต่จักรพรรดิชางไม่เคยแสดงความไม่พอใจต่อพระนางเลย

 

และหลังจากที่ได้รู้จักกับจักรพรรดินีชิว จักรพรรดิก็ไม่เคยไปเยี่ยมห้องของมเหสีคนอื่นอีกแม้ว่าจักรพรรดินีชิวจะสิ้นพระชนม์ไปถึงสิบสามปีแล้วก็ตาม แต่พระองค์ก็ไม่เคยเรียกให้นางสนมคนใดมารับใช้พระองค์บนเตียงเลย

 

“ทุกคน? ยังมีผู้ใดบ้างที่มิได้มาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ อ้อ! คงจะมีเพียงแค่องค์รัชทายาทแห่งพระราชวังตะวันออกเท่านั้นที่มิได้มา การกระทําเช่นนี้นับว่ามิเหมาะสมอย่างยิ่ง!”

 

พระมเหสีฉินกล่าวอย่างไม่พอใจ พร้อมกับใช้มือลูบไล้ไปบนเครื่องทรงของตนเอง ขณะที่เผยให้เห็นดวงตาอันแวววับ ที่แฝงไปด้วยความเกลียดชัง ซึ่งปรากฏอยู่บนใบหน้าที่งดงาม และดูมีเสน่ห์ของพระนาง

 

มเหสีฉันเป็นผู้อาวุโสในวังหลวง โดยในช่วงเวลาที่จักรพรรดิยังทรงเป็นองค์รัชทายาทอยู่นั้นพระนางเป็นมเหสีเคียงข้างของพระองค์อยู่แล้ว ดังนั้นพระนางจึงเป็นคนแรกที่ให้กําเนิดองค์ชาย

 

แต่น่าเสียดายที่พระโอรสของพระนางไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาท ขณะที่พระมเหสีฉินมีพระโอรสองค์โตเพียงองค์เดียวซึ่งนั่นก็คือ องค์ชายชางเฉินจ้าว

 

คํากล่าวของมเหสีฉินทําให้ทุกคนมองไปรอบๆห้องโถงใหญ่ แต่พวกเขาก็ไม่พบองค์รัชทายาทผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง

 

ทําให้หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ข่าวลือในหมู่สามัญชนเมื่อวันก่อนเป็นเรื่องจริงหรือไม่?

 

หรือว่าองค์รัชทายาทยังคงเป็นผู้ที่ไร้สาระและไร้ค่า เหมือนดังเช่นข่าวลือเมื่อครั้งกระโน้น?

 

คิ้วของฮวนม่อเฉอย่นในช่วงเวลาสั้นๆ ขณะที่พบว่าคํากล่าวของพระมเหสีฉินนั้นเป็นอันตรายต่อองค์รัชทายาทเกินไป มิน่าเล่าสถานการณ์ของเขาจึงยากลําบากมาโดยตลอด

 

เมื่อนึกถึงชาวหนุ่มที่สง่างามและเต็มเปี่ยมไปด้วยความ อดทนที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่หดหูใจเช่นนี้ ความรู้สึกในใจของฮวนมอเฉอก็เต็มไปด้วยความรังเกียจที่มีต่อพระมเหสีฉิน

 

โดยเขารู้สึกราวกับว่าคํากล่าวเหล่านั้นกล่าวออกมาเพื่อต้องการให้องค์รัชทายาทถูกลงโทษ

 

หากไม่ใช่เพื่อการรักษามารยาทต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย เขาคงจะโต้เถียงแทนองค์รัชทายาทไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตามเหตุใดเขาจึงต้องโกรธแค้นแทนองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้? หรือเพียงเพราะตนเองเป็นที่ปรึกษาขององค์รัชทายาท?

 

เล้งหยูเฟิงพิจารณาแล้วว่าองค์รัชทายาทไม่ได้อยู่ในห้องโถงใหญ่ จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่เขาเห็นองค์ชายเสด็จเข้ามาในพระราชวัง

 

แต่ขณะนี้องค์รัชทายาทไม่ได้อยู่ที่นี่! มันเกิดอะไรขึ้น? เป็นไปได้หรือไม่ว่า พระองค์ทรงประสบปัญหาบางอย่างหรือแค่ไม่ต้องการมาร่วมงานเลี้ยง?

 

เมื่อกล่าวสิ่งที่เหมือนองค์รัชทายาทกําลังกลัวและการคาด เดาที่คล้ายกันเล้งหยูเฟิงไม่สามารถยอมรับสิ่งเหล่านั้นว่าเป็นความจริงได้ เพราะดวงตาขององค์รัชทายาทนั้นน่ากลัวเหมือนกับสัตว์ป่าที่เขาเคยเห็น คนแบบนั้นจะกลัวอะไรได้

 

มเหสีฉินยิ้มอย่างพอพระทัย เพราะหลังจากที่องค์รัชทายาทกระทําการต่อต้านพระโอรสของพระนางบนท้องถนนในวันนั้น ราชครูไปก็ได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิเพื่อกราบทูลว่า พระโอรสองค์โตมีมารยาทที่ไม่เหมาะสม

 

และฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้พระโอรสของพระนางกักขังตนเองอยู่ในที่พํานักและไตร่ตรองความผิดทั้งหมด และเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาข้างนอกแม้แต่การเข้าร่วมงานเลี้ยงวันคล้ายวันประสูติของจักรพรรดิในครั้งนี้

 

ซึ่งมันทําให้พระมเหสีฉินกลายเป็นเป้าหมายในการถูกเยาะเย้ยโดยเหล่านางสนมคนอื่นๆในพระราชวังหลัง

 

ตอนนี้จักรพรรดิชางยังคงนั่งด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงความยินดีหรือความโกรธ ทําให้ผู้คนต่างก็คาดเดาว่า พระองค์ยังทรงเกลียดชังองค์รัชทายาทเหมือนเดิมหรือไม่ และทบทวนมุมมองของพวกตนเองที่มีต่อองค์ชาย

 

พวกเขาต้องการคําใบ้จากการแสดงออกของจักรพรรดิชาง แต่ในฐานะจักรพรรดิพระองค์ได้เรียนรู้ที่จะซ่อนเร้นอารมณ์ของตนเองมานานแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้ใดสามารถคาดเดาความคิดภายในของพระองค์ได้

 

” อา? องค์รัชทายาทกล้าหาญถึงเพียงนี้จริงๆหรือ? เหตุใดถึงไม่มา? เหตุใดจึงทําราวกับว่าจักรพรรดิไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา!” มือของมเหสีซินปิดปาก

 

แต่น้ําเสียงของพระนางนั้นชัดเจนพอที่ทุกคนจะได้ยิน แต่มันไม่ใช่ว่าผู้คนรอบข้างไร้สมองจนไม่สามารถเข้าใจความหมายของคํากล่าวนั้น ขณะที่นางสนมคนอื่นๆ ไม่กล้าปริปาก

 

ไม่ใช่ว่านางสนมทุกคนในพระราชวังหลวงจะเกลียดชังองค์รัชทายาท แต่เนื่องจากจักรพรรดินีชิวได้ยึดความรักของจักรพรรดิไว้ทั้งหมดจึงทําให้พวกนางรู้สึกไม่พอใจ

 

หัวใจของจักรพรรดิชางไม่ยอมให้หญิงอื่นเข้าไปอยู่ข้างใน ซึ่งความรักเช่นนี้จะไม่ทําให้นางสนมจํานวนมากรู้สึกอิจฉาได้อย่างไร?

 

แต่ในขณะที่จักรพรรดินีชิวสิ้นพระชนม์แล้ว ความแค้นทั้งหมดก็มาลงที่องค์รัชทายาทแทน

 

“ในฐานะนางสนม ท่านกล้ากล่าวลับหลังองค์ชายผู้นี้เชียวหรือ?

 

ข้าสงสัยว่าวันนี้มเหสีซินเสวยอะไรเข้าไป ถึงได้กล้ากล่าวเช่นนั้น!” น้ําเสียงนั้นทุ่มต่ําและเย็นชาพอที่จะตรึงผู้คนได้ดังขึ้นจากด้านนอกห้องโถงใหญ่

 

ทุกคนตระหนักว่าองค์รัชทายาทเสด็จมา จึงหันไปมองที่บริเวณทางเข้าห้องโถงใหญ่ ในขณะที่การแสดงออกของฮวนม่อเฉอมีความผ่อนคลายมากขึ้นขณะที่หัวใจของเขาสงบลง

เล้งหยูเฟิงมีสีหน้าที่เรียบเฉยเมื่อเขาได้ยินคํากล่าวขององค์รัชทายาท องค์รัชทายาทดูเหมือนจะไม่ถูกคุมขังพอสมควร

 

ทุกคนสังเกตเห็น เมื่อบุรุษหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีดําเดินเข้ามาในห้องโถง สิ่งที่ทําให้พวกเขาประหลาดใจคือคุณลักษณะที่น่าทึ่งของหนุ่มน้อยผู้นี้

 

เขามีผิวพรรณที่ดูเป็นธรรมชาติพร้อมกับความบอบบางแต่นั้นก็ไม่ได้ทําให้ความน่าสนใจของเขาลดลงเลย ขณะที่ดวงตาของเขามั่นคงโดยไม่มีการสั่นไหวแม้จะน้อย

 

แต่มันชัดเจนมากจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นอยู่ภายใน ดูเหมือนว่าดวงตาคู่นั้นจะสามารถดูดซับหัวใจและจิตวิญญาณของผู้คนรอบข้างได้

 

เขามีดั้งจมูกที่โด่งและบอบบางแต่ตรง และมุมริมฝีปากของ เขาถูกดึงขึ้นไปให้กลายเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน เขาเป็นเหมื อนฝนที่ตกมาท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิในเดือนมีนาคม มันช่างละ เอียดอ่อนและนุ่มนวลยิ่งนัก

 

เมื่อจ้องมองดูองค์รัชทายาทได้มีบางอย่างแวบผ่านสายตาของจักรพรรดิซางก่อนที่มันจะจางหายไปราวกับว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นจริง

 

ตอนนี้ฝูงชนต่างก็ตกตะลึงกับรูปลักษณ์ขององค์รัชทายาท ไม่ใช่ว่าไม่มีผู้ใดเคยเห็นเขามาก่อน ถึงเขาจะไม่ค่อยออกมา แต่ก็มีขุนนางบางคนที่เคยพบพระองค์แล้ว

 

แต่ทุกครั้งองค์รัชทายาทจะก้มหน้าก้มตา จึงไม่มีผู้ใดสามารถเห็นใบหน้าของพระองค์ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ทุกคนจะได้เห็นสีหน้าที่พิเศษขององค์รัชทายาท

 

โดยพระองค์ไม่พ่ายแพ้ผู้อยู่ในการจัดอันดับความงามของหมู่ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ ซึ่งในความเป็นจริงพระองค์ทรงมีความโดดเด่นกว่าผู้คนเหล่านั้นมากนัก

 

แม้แต่ชายหนุ่มที่โดดเด่นที่สุดสองคนในห้องโถงใหญ่อย่างท่านแม่ทัพเล้งและคุณชายฮวนก็ไม่สามารถเทียบกับองค์รัชทายาทในแง่ของรูปลักษณ์ได้

 

ไม่ใช่ว่าหน้าตาของพวกเขาด้อยกว่า ขณะที่ทั้งสามคนต่างก็มีจุดแข็งของตัวเอง อย่างไรก็ตามดวงตาและรูปร่างของทายาทมิดูเหมือนว่า มีความสิ่งที่น่าสนใจมากกว่า

 

“ถวายพระพรเสด็จพ่อ”

 

สุดยอดรัชทายาท

สุดยอดรัชทายาท

สุดยอดรัชทายาท
Score 7.8
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สุดยอดรัชทายาทหญิงสาวมีชื่อว่า ชางอู๋ซินเป็นผู้นำของตระกูลชาง นิสัยของนางเหมือนกับปีศาจ ที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนที่ได้พบเห็น สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์อันงดงามเหนือกาลเวลาของนางนั้นเป็นหัวใจที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ชางอู๋ซินถูกผู้ที่นางหลงรักฆ่าตาย ด้วยการวางยาพิษ ตอนนี้นางได้กลับมาเกิดในร่างของรัชทายาทผู้ขี้ขลาด และอ่อนเเอของแคว้นฉิน ชางอู๋ซิน มีนิสัยโหดร้าย ไร้ความปรานี และโหดเหี้ยมดั่งปีศาจ เมื่อนางเปลี่ยนความขี้ขลาดให้เป็นความโหดร้าย เมื่อความไม่รู้เปลี่ยนเป็นความฉลาด เมื่อความเมตตากลายเป็นความอำมหิต และเมื่อชางอู๋ซินยืนอยู่ที่จุดสูงสุด ผู้ใดจะอยู่เคียงข้างเพื่อยุติความเหงาและความอ้างว้างของนาง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset