สุดยอดรัชทายาท ตอนที่ 26 ริมฝีปากของรัชทายาท
ตอนที่ 26 ริมฝีปากของรัชทายาท
เมื่อกลับมาที่ค่ายพักแรม นางเห็นเล้งหยูเฟิงกับฮวนมอเฉอทันทีเวลานี้แทนที่จะพักผ่อน พวกเขากลับยืนอยู่ที่หน้าค่าย ประ หนึ่งกําลังรอนางอยู่เมื่อเห็นเช่นนั้นประกายแห่งความรู้สึกผิดได้ แล่นเข้ามาในหัวใจของนาง
“รัชทายาท!” พวกเขาร้องเรียก เนื่องจากพวกเขาอยู่ในพื้นที่นอกเขตเมืองหลวงพวกเขาจึงละทิ้งมารยาทที่จําเป็นบางอย่างที่ พวกต้องปฏิบัติตามปกติ
ชางอู๋ซินเพียงรอคําถามของพวกเขาและตามที่คาดไว้ ฮวนม่อเฉอได้เปิดปากถามก่อน “รัชทายาท ต่อจากนี้ไป เป็นการดีที่สุดหากท่านจะละเว้นจากการเดินออกจากค่ายไกลเกินไป”
การที่บุรุษทั้งสองมาไปประจําการที่ด้านหน้าค่าย ชางอู๋ซินตระหนักว่ามันต้องเป็นเพราะพวกเขาเห็นนางอยู่กับฮันซวนห่าวบริเวณทะเลสาบที่ตอนนี้นางสามารถมองเห็นได้จากจุดปัจจุบันของสามคนซึ่งอยู่บนสุดของภูมิประเทศที่สูง
ทว่าใบหน้าของฮันซวนห่าวอาจอยู่ไกลเกินกว่าจะจําได้ แต่ปฏิสัมพันธ์ของเขากับชางอู๋ซินนั้นสามารถรับรู้ได้
“พวกท่านทั้งสองควรพักผ่อน!” นางไม่พูดอะไรอีกและตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ จากนั้นนางนั่งและหลับตาลง เมื่อรู้สึกสบายตัว
ชายทั้งสองได้ตามไปนั่งที่ด้านข้างขององค์รัชทายาทด้วยความตั้งใจที่จะพักผ่อน แต่ทั้งคู่กลับต้องตื่นเต้น
หลังจากรัชทายาททรงปิดตาลง รัศมีแห่งความตายอันเฉียบคมและเงียบงันของเขาได้ลดน้อยลง เหลือเพียงร่างของสิ่งมีชีวิตที่ซีดเซียวและผอมบางคล้ายกับลูกแมวที่น่าทะนุถนอม ส่งผลให้ทั้งเล้งหยูเฟิงและฮวนมอเฉอต่างก็รู้สึกต้องการกอดรัชทายาทไว้ในอ้อมแขนของพวกเขาเอง
พร้อมกันนั้น พวกเขาได้ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก และเมื่อทั้งสองโน้มตัวไปทางเพื่อคลุมมันเหนือร่างรัชทายาท กิริยาพวกเขาได้เปลี่ยนเป็นท่าทางเขินอายเมื่อเสื้อทั้งสองตัวได้ปรากฎบนร่างขององค์ชายพร้อม ๆ กัน และเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายของอีกฝ่ายในทันที
ทําให้ขนตาของชางอู่ซินสั่นไหวครู่หนึ่งแล้วคลายออกขณะชายสองคนที่มอบเสื้อคลุมให้นางต่างก็หลับตาลงเช่นเดียวกัน
มันเป็นยามเช้าตรู่ เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นท้องฟ้าพลันสดใสเหมือนเช่นทุกวัน
หลังจากที่ลืมตาขึ้นทันที เล้งหยูเฟิงกับฮวนมอเฉอหันไปมองที่องค์รัชทายาท เพียงพบว่าเขาหายไปในขณะที่เสื้อผ้าที่ทั้งสองคนคลุมให้ถูกวางไว้ข้างหลัง
เมื่อชายทั้งสองเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมของตน พวกเขาพบว่าเสื้อผ้าของพวกเขาเย็นและขึ้นเล็กน้อยด้วยไอน้ํายามเช้าส่งผลให้ตระหนักในทันทีว่าองค์ชายรัชทายาทตื่นเร็วกว่าที่พวกเขาคิด
เล้งหยูเฟิงและฮวนมอเฉอจึงรีบสวมเสื้อคลุมตัวนอกและออกเดินทางตามหาองค์รัชทายาท โดยที่ทั้งคู่ลืมไปว่าความกังวลบนใบหน้าของพวกเขาเป็นอย่างไรและไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเหตุใดพวกเขาถึงใส่ใจคนที่ได้รู้จักเพียงชั่วครู่
“รัชทายาท!” พวกเขาพบว่าชางอู๋ซินยืนอยู่ไม่ไกลจากจุดเริ่มต้น
ตอนนั้นชางอู่ซินกําลังตรวจสอบตู้เสบียงโดยที่นางไม่ได้พักผ่อนเลยทั้งคืนเพราะมีบุคคลที่ไม่น่าไว้ใจอยู่รอบตัวนางมากเกินไปและไม่เพียงมันจะทําให้นางกระสับกระส่ายเท่านั้น แต่นางยังถูกชั่ง น้ําหนักด้วยความสําคัญของงานบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติของนา งด้วย แล้วนางจะหลับตานอนอย่างไร้กังวลได้อย่างไร
เล้งหยูเฟิงและฮวนมอเฉอเองต่างระมัดระวังตัวเช่นกันแต่กลิ่นหอมจาง ๆ ที่เล็ดลอดออกมาจากร่างเมื่อคืนนี้ได้กล่อมให้พวกเขาหลับใหลถึงกระนั้นหากพวกเขาสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยพวกเขาจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ถูกปลุกให้ตื่น
ชางอู่ซินเหลือบมองทั้งสองพลางพยักหน้า
ทั้งสองรู้สึกเขินอายมาก เพราะพวกเขามีหน้าที่ปกป้ององค์รัชทายาทแต่กลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตื่นขึ้นโดยไม่คาดคิด
“สั่งกองทัพให้กินอาหารเร็วเข้า แล้วพวกเราจะออกเดิน ทาง!” ชางอู๋ซินสั่งการ
นางรู้ว่ายิ่งพวกนางไปถึงล่าช้าเท่าไร ชีวิตที่ไร้เดียงสาก็จะยิ่งสูญเสียไปกับความหิวโหย
จากนั้นเล้งหยูเฟิงรีบไปรวบรวมกองกําลัง ในขณะที่ฮวนมอเฉอเหลือบมองที่องค์รัชทายาทแล้วหายเข้าไปในปา
ทว่าชางอู๋ซินตระหนักถึงการจากไปของเขาแต่ไม่ได้ทัดทานหรือกังวลเกี่ยวกับเขา โดยเลือกที่จะมุ่งความสนใจไปที่การเตรียม สิ่งของตรงหน้าแทน
ในขณะเดียวกัน เล้งหยูเฟิงค่อนข้างงุนงงเมื่อเห็นเพื่อนของเขาเดินเข้าไปในปาลึก แต่เขารู้ว่าฮวนมอเฉอไม่ได้ไร้ฝีมือหากมีเรื่องเลว ร้ายปรากฏขึ้นและเขาค่อนข้างเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่ต้องกังวลเล้งหยูเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถอดกระเป๋าใส่น้ําออกจากม้าและมุ่งหน้าไปที่ทะเลสาบเพื่อเติมน้ําสะอาดลงในกระเป๋า
“องค์รัชทายาท ท่านควรดื่ม!” เขาพูดเสียงแข็งเล็กน้อยขณะที่ส่งถุงน้ําในมือให้ชางอู่ซิน
เล้งหยูเฟิงไม่ค่อยมีโอกาสดูแลผู้อื่น ทว่านับตั้งแต่เริ่มต้นการเดินทางเขาไม่เคยเห็นองค์รัชทายาทดื่มน้ําสักหยด เมื่อตรวจสอบ อย่างถี่ถ้วนแล้วเขาพบว่าองค์ชายไม่ได้นําถุงน้ําติดตัวมาด้วย
ชางอู๋ซินหยุดชั่วคราวระหว่างทางไปที่รถเสบียงอื่นและเหลือบมองที่การแสดงออกที่เคร่งเครียดของเล้งหยูเฟิง โดยคิดไม่ถึงว่าแม่ทัพที่ดูเยือกเย็นจะใส่ใจรายละเอียดเกี่ยวกับนางมากเพียงนี้
เป็นเรื่องจริงที่นางกระหายน้ํา ดังนั้นนางจึงรับถุงที่เสนอและอ้าปากกลืนกลืนน้ําคําเล็ก ๆ สองสามอีก
“รัชทา…” คําพูดหยุดอย่างกะทันหันในลําคอของเล้งหยู เฟิงเมื่อกําลังจะบอกว่าถุงน้ํานั้นเป็นของเขาและเขาเคยดื่มจากถุงนั้นมาก่อนแต่แล้วเขาก็เห็นองค์รัชทายาทดื่มน้ําจากถุงโดยตรง
องค์รัชทายาททรงดื่มน้ําในลักษณะที่ค่อนข้างสุภาพและอ่อนโยน ซึ่งไม่เหมือนกับผู้ชายทั่วไปที่กลืนน้ําลายทีละคําใหญ่ ๆ
เล้งหยูเฟิงจ้องมองไปที่ริมฝีปากขององค์รัชทายาท ซึ่งเขาพบว่าเป็นสีชมพูอ่อน โดยริมฝีปากสีชมพูอ่อนเหล่านั้นถูกกดทับกับปากถุงน้ําของเล้งหยูเฟิงขณะคิดว่าเขาดื่มในลักษณะเดียวกันส่งผลให้ดวงตาของแม่ทัพหนุ่มเบิกกว้างขึ้นทันที
เขาคิดว่าริมฝีปากขององค์รัชทายาทงดงามมากถึงจะซีดอยู่บ้างแม้เล้งหยูเฟิงจะไม่เคยสนใจริมฝีปากของผู้อื่นมากนัก แต่เขาคิดว่าริมฝีปากขององค์รัชทายาทต้องงดงามที่สุดในบรรดาชายหนุ่ม
ในขณะที่เล้งหยูเฟิงรู้สึกรําคาญกับความคิดของตัวเองถุงน้ําของเขาได้ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วต่อหน้าเขาและน้ําเสียงอันเย็นชาของชางอู่ซินพลันดังขึ้น
“ขอบคุณมาก!”
เล้งหยูเฟิงถึงกับชะงักงันเพราะไม่คิดว่าคนอย่างองค์รัชทายาทจะเป็นผู้ที่แสดงความขอบคุณผู้อื่น
สุดท้ายแล้วองค์รัชทายาทเป็นคนแบบไหนกันแน่?
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่เย็นชาและไร้มนุษยธรรม แต่คําพูดและการกระทําของเขากลับตรงกันข้ามกับความคาดหวังของ แม่ทัพหนุ่มมันจึงทําให้เล้งหยูเฟิงต้องการทําความเข้าใจเกี่ยวกับองค์รัชทายาทมากขึ้น
ชางอู๋ซินมองไปที่เล้งหยูเฟิงอย่างแปลกใจ ขณะสงสัยว่าเหตุใดเขาถึงถือถุงน้ําไว้แน่นด้วยอาการแข็งค้าง จากนั้นนางปัดความคิดทิ้งไปและทํางานของนางต่อไป และเวลานี้ฮวนมอเฉอซึ่งหายไปชั่วขณะหนึ่งได้เดินออกมาจากปา
เสื้อคลุมของเขายังคงเป็นสีฟ้า แต่เพราะน้ําค้างจากต้นไม้ในปาชายเสื้อคลุมของเขาจึงเปียกชื้น และในมือของเขาถือผลไม้ปาที่เก็บมาสด ๆ ต่อมาเมื่อเห็นชางอู๋ซิน เขารีบเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม
“องค์รัชทายาท นี่คือผลไม้ที่เก็บมาสดใหม่!”
เมื่อเย็นวานนี้ชายหนุ่มทุกข์ใจเมื่อเห็นองค์รัชทายาทกําลังทานอาหารแห้ง เมื่อเขาจินตนาการว่าพวกเขาจะต้องกินมันอีกครั้งเป็นอาหารเช้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจออกไปเก็บผลไม้เพื่อบรรเทาความหิวแทน
ชางอู๋ซินเหลือบมองที่ผลไม้และไม่ขยับชั่วอึดใจก่อนจะเริ่มเดินจากไปทว่าฮวนมอเฉอพยายามยัดเยียดผลไม้สองผลไว้ในมือข องนางและเขาได้เช็ดผลไม้ทั้งสองนั้นให้สะอาดด้วยเสื้อผ้าของตนเองก่อนจะมอบมันให้กับนาง
นางจึงเดินจากไปโดยไร้คําพูดพร้อมกับผลไม้ทั้งสองที่อยู่ในครอบครองของนาง โดยปล่อยให้ฮวนมอเฉอรู้สึกหมดหนทางเมื่อนางไม่แยแสความปรารถนาดีของเขา
ถึงกระนั้นฮวนมอเฉอก็ไม่สามารถควบคุมความปรารถนาของตนที่จะทําสิ่งต่าง ๆ ให้กับองค์รัชทายาท
“นี่ นี่ของท่าน แล้วอย่าพูดว่าข้าเก็บผลไม้มาเพื่อรัชทายาทเท่านั้น!” ฮวนมอเฉอหยิบผลไม้อีกคู่หนึ่งออกมาแล้วโยนให้เล้งหยูเฟิงขณะอีกฝ่ายนึกขบขันอยู่ในใจและไม่เข้าใจว่าเหตุใดเพื่อนของเขาถึงอารมณ์เสีย
ดูเหมือนว่าองค์ชายรัชทายาทจะมีอิทธิพลต่อชายสองคนมากเกินไป นั่นเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีกันแน่?
เล้งหยูเฟิงถึงกับคิดไปไกลถึงขนาดที่ว่า หากเขายังคงติดตามองค์ชายอยู่ เขาอาจลงเอยด้วยการทําบางสิ่งที่เหนือจินตนาการ
หลังจากนั้นฮวนมอเฉอรู้สึกกระหายน้ําและตั้งใจที่จะคว้ากระเปาน้ําของเล้งหยูเฟิง…