ตอนที่ 8-2 แต่งตั้งสาวใช้คนสนิท
ขันทีไห่ก้าวไปข้างหน้าทันที และตบหน้าเซียงเอ๋อ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นขันทีในวังหลวง แต่เขาก็มีวิทยายุทธเช่นกัน
เพี๊ยะ!
“จะ…เจ้า!”
เซียงเอ๋อกล่าวติดอ่าง และชี้นิ้วไปยังขันทีไห่ชิงด้วยความโกรธแค้น
องค์รัชทายาทคอยกางปีกปกป้องนางมาตลอด ขันทีไห่จึงมิเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ
เซียงเอ๋อ
นับตั้งแต่เริ่มเข้ามารับใช้องค์รัชทายาท ก็มิมีผู้ใดกล้าที่จะทำร้ายนาง
“ตบต่อไป”
ชางอู๋ซินมองไปยังเมฆบนท้องฟ้า และออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น
ขันทีไห่ชิงยิ้มกว้างอย่างมีความสุข และมอบการตบที่ไร้ความปรานีให้กับใบหน้าของเซียงเอ๋อโดยตรงอีกสองสามครั้ง
สิ่งนี้ทำให้จำแทบมิได้ว่า นั่นคือใบหน้าของเซียงเอ๋อ นางคงมิสามารถกินข้าวได้เหมือนคนปกติไปอีกหลายวัน
สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ขันทีไห่ตบ
เซียงเอ๋อจนฟันของนางร่วงออกมาหลายซี่ นั่นทำให้เห็นว่า เขาใช้พละกำลังมากมายสักเพียงใด
เซียงเอ๋อจ้องมององค์รัชทายาทด้วยความหวาดกลัว
ผู้ซึ่งยืนอยู่อย่างสงบราวกับว่ามิได้ยินสิ่งใดเลย นางทั้งหวาดกลัวและมีความรู้สึกสับสน เสียงของชางอู๋ซินเปล่งออกมาอย่างใจเย็นว่า
“เจ้าสงสัยหรือไม่ ว่าเหตุใดรัชทายาทผู้นี้จึงต้องการที่จะลงโทษเจ้า?”
เซียงเอ๋อพยักหน้า นางมิทราบจริง ๆ ว่าเหตุใดองค์รัชทายาทจึงทำเช่นนั้น สาวใช้และเด็กรับใช้ที่คุกเข่าอยู่ก็มีความรู้สึกงุนงงเช่นเดียวกัน
พฤติกรรมขององค์รัชทายาททำให้เหล่าสาวใช้เกิดความหวาดกลัว
และพวกเขาพอจะทราบแล้วว่าองค์รัชทายาทผู้นี้ได้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
“สาวใช้ที่ต้อยต่ำผู้นี้กล้าเรียกแทนตนเองว่าข้า ต่อหน้าองค์รัชทายาท และมิได้แสดงความเคารพเมื่อพบข้า
องค์ชายผู้นี้แทบจะมิได้เอ่ยถามเจ้าเลย แต่เจ้ากลับกล่าววาจาออกมาโดยมิได้รับอนุญาต
บัดนี้ช่วยกล่าวกับข้ามาสิว่า เจ้าควรจะถูกตบปากหรือไม่?”
เสียงของชางอู๋ซินนั้นไพเราะและราบเรียบ มิได้แสดงออกถึงความโกรธเคืองหรือความสุขแต่อย่างใด
ดูเหมือนว่าในสายตาของเขา
เซียงเอ๋อผู้นี้ มิคู่ควรที่จะได้รับความสนใจแม้แต่น้อย
เซียงเอ๋อมิเคยคาดคิดเลยว่า องค์รัชทายาทจะตอบกลับมาเช่นนี้
นางอยู่เคียงข้างองค์ชายผู้นี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว จึงทำให้นางค่อย ๆ ลืมตัวตนของตนเองไป
แต่เหตุใดองค์รัชทายาทกลับตามใจนางในตอนแรก แล้วเหตุใดจึงโหดร้ายกับนางในตอนนี้?
“เซียงเอ๋อ ตอนนี้เจ้าทราบหรือยังว่าทำสิ่งใดผิด?”
ชางอู๋ซินก้มศีรษะลงมองเซียงเอ๋อ ผู้ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น
เซียงเอ๋อมิกล้าเอ่ยสิ่งใดออกมา นางทำแค่เพียงพยักหน้าอย่างหมดหวัง
ตอนนี้เซียงเอ๋อทราบแล้วว่า มิควรยั่วโมโหองค์ชาย นางจึงมิกล้าที่จะกวนประสาทเขาอีก
ชางอู๋ซินหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มนั้นทำให้สาวใช้ที่แอบมองอยู่ต้องหน้าแดงด้วยความเขินอาย
องค์รัชทายาทผู้นี้มีใบหน้าที่หล่อเหลา และคมคายยิ่งนัก มันช่างสมบูรณ์แบบที่สุด!
“เมื่อทราบแล้วว่าตนเองทำสิ่งใดผิด เช่นนั้นเจ้าจะต้องยอมรับการลงโทษ…มานี่”
ชางอู๋ซินชี้ไปยังสาวใช้ที่กำลังคุกเข่าคนหนึ่ง สาวใช้ผู้นั้นสวมชุดสาวใช้ที่แสนจะธรรมดา
นางมีรอยแผลเป็นยาวอยู่บนใบหน้านั้น สาวใช้ผู้นี้มีลักษณะคล้ายกับอู๋เหว่ย อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของชางอู๋ซินเป็นอย่างมากมาก
แม้แต่ท่าทางที่สง่าผ่าเผยของนางก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่านางจะเป็นเพียงสาวใช้ธรรมดา แต่ชางอู๋ซินก็มั่นใจว่าสาวใช้ผู้นี้จะสามารถเป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ได้
สาวใช้ผู้นั้นเดินเข้ามาหาชางอู๋ซิน จากนั้นได้คุกเข่าลงตรงหน้า
น้ำเสียงของนางนั้น ช่างเย็นชา แต่มีความสุภาพเป็นอย่างมาก ดูเหมือนกับว่า มันเป็นเช่นนั้นโดยมิได้ตั้งใจ
“ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ”
ชางอู๋ซินมองไปยังสาวใช้ผู้นั้นด้วยความพึงพอใจ จากนั้นจึงกล่าวว่า
“เจ้าจะถูกเรียกว่าอู๋เหว่ย เจ้าเต็มใจที่จะมาเป็นผู้ติดตามของข้าหรือไม่?”
สาวใช้เงยหน้าขึ้นมองด้วยความสับสน แต่นางพบว่าดวงตาขององค์รัชทายาทนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง
เขามีท่าทางที่มีอำนาจคล้ายกับพญาหงส์
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนเคารพนับถือเขา ดวงตาคู่นั้นมิได้ดูหมิ่นต่อรูปลักษณ์ของนาง แต่กลับมองมาด้วยแววตาที่ชื่นชม
สาวใช้ผู้นี้รู้สึกว่า นางสามารถเป็นผู้ติดตามขององค์รัชทายาทได้
“นับว่าเป็นเกียรติแก่หม่อมชั้นเป็นอย่างสูง! ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่ทรงพระราชทานนามให้หม่อมชั้น” อู๋เหว่ยกราบไหว้อย่างเคารพ
ภายในจิตใจขององค์รัชทายาทผู้นี้คือมังกร ซึ่งจะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าในสักวันหนึ่ง เขาตั้งชื่อให้สาวใช้และมองนางด้วยสายตาชื่นชม
เนื่องจากสาวใช้ผู้นี้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะจงรักภักดี นางจะมิใช่เพียงแค่ผู้ที่เสียโฉมอีกต่อไป
แต่นางจะเป็นสาวใช้คนสนิทขององค์รัชทายาท
และ‘อู๋เหว่ย’คือชื่อใหม่ของนาง
ชางอู๋ซินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นจึงหันหน้าไปยังบรรดาสาวใช้ที่กำลังคุกเข่าอยู่อีกด้านหนึ่ง ขณะที่กล่าวว่า
“พวกเจ้าทุกคนจงตบเซียงเอ๋อ พวกเจ้าจะมิได้รับอนุญาตให้หยุดจนกว่านางจะหยุดหายใจ
หากข้าพบว่า ผู้ใดก็ตามที่ฝ่าฝืนคำสั่ง คนผู้นั้นก็มิจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”
ทันทีที่ชางอู๋ซินกล่าวจบลง นางได้หันกลับเข้าห้องนอนไป
ในขณะที่ขันทีไห่จ้องมองไปยังเหล่าสาวใช้พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
ในที่สุดองค์รัชทายาทก็ได้ทราบว่า มีบางคนที่มิได้หวังดีกับตัวเขา
หากจักรพรรดินีผู้ล่วงลับทราบเรื่องนี้ นางจะต้องมีความพึงพอใจอย่างแน่นอน
แม้ว่าเซียงเอ๋อจะต้องการวิ่งหนี แต่นางก็ถูกขันทีไห่ขวางทางเอาไว้
คงมิมีผู้ใดกล้าที่จะฝ่าฝืนคำสั่ง พวกเขามิทางเลือกอื่นนอกจากตบหน้านางทีละคน และทุกคนจึงกลายเป็นเพชฌฆาต
และเซียงเอ๋อก็หมดลมหายใจไปในที่สุด