ตอนที่ 3 กินยาไม่เขย่าขวดหรือยังไง?
ถ้าหากหมอดูบอกเยว่ฉินว่าเธอจะกลับมาเกิดใหม่และใช้ชีวิตใหม่ เธอคงจะไม่ได้มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ ทว่าจริงๆ แล้วการตายไปสะคงดีกว่าหลายปีที่เธอต้องอดทนอยู่กับพวกคนชั่วช้าเหล่านี้ มันดีกว่าการที่เธอต้องทนอับอายมาหลายปี และใช้ชีวิตอยู่กับผู้คนตระกูลเฉียวที่ทำให้เธอติดคุก!
“จิ๋งหยุนเฉา หงเย่คือน้องสาวของลูก พี่สาวประเภทไหนกันที่จะพูดถึงน้องเช่นนี้? เกรดของลูกมันดีอยู่แล้วนั่นก็เพราะยีนส์ในตัวของแม่มิใช่หรือ? หงเย่เป็นน้องสาวที่ดีเพราะเธอเสียสละหลีกทางให้ตั้งแต่ลูกเล็กๆ มิเช่นนั้นเธอจะเป็นอันดับหนึ่งเช่นนี้ได้อย่างไร?” เสียงไอ หลังจากที่เยว่ฉินพูดจบใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยสีแดงก่ำ
ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะพ่ายแพ้กับความเจ็บป่วยเสียแล้ว…ทว่าเธอเองก็ไม่สามารถหยุดเป็นห่วงลูกๆ ได้เลย
มีข้อกังขามากมายเกิดขึ้นในใจของเธอ หรือว่าบางทีหมอดูอาจทำนายเรื่องราวของจิ๋งหยุนเฉาผิดไป เด็กคนนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอป่วยหนักเช่นนี้ก็ได้
“แม่พูดถูกจริงๆ นั่นแหละค่ะ ที่ฉันเก่งอย่างนี้ก็เพราะได้รีบยีนของแม่มาจริงๆ ทว่าหงเย่ได้รับยีนมาจากพ่อเต็มๆ เพราะว่าฉันและหงเย่ไม่มีอะไรเหมือนกัยสักอย่าง!” จิ๋งหยุนเฉาถากถางทุกคนอย่างเจตนา
เยว่ฉินตกใจเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่จิ๋งหยุนเฉา
เธอกินยาไม่เขย่าขวดเหรอ? หรือไปกินอะไรผิดมาถึงได้พูดจาเช่นนี้?! คำพูดของจิ๋งหยุนเฉาเป็นคำพูดที่สียดแทง แดกดัน ซึ่งทำให้เยว่ฉินกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที
“โอเค…ตอนนี้เธอเรียนรู้ที่จะตอบโต้แล้วซิ เธอคงจะเรียนรู้มาจากหงเย่สินะ เป็นผู้หญิงจำเป็นต้องอ่อนโยนและมีสัมมาคารวะ! มิเช่นนั้นเธอจะไม่มีสามีเอาได้!” เยว่ฉินโกรธและอึดอัดเอามากๆ ร่างกายของเธอเริ่มร้อนผ่าวเพราะความโกรธ
ความเจ็บป่วยของเยว่ฉินเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีสัญญาณใดๆ ออกมาเลยว่าเธอจะป่วย แต่วันหนึ่งที่เธอไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบายเธอกลับเจอเนื้องอกในตับ ซึ่งมันเป็นเนื้องอกระยะสุดท้าย!
เธอใช้เวลารักษาตัวเองอยู่สักพักแต่มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น… สภาพเธอตอนนี้คือผมของเธอร่วงหมดแล้วและร่างกายเหนื่อยล้ามาก เธอใช้ชีวอตเหมือนคนไร้วิญญาณ
ตระกูลเฉียงเป็นเพียงครอบครัวธรรมดา พวกเขาไม่ใช่ตระกูลที่ร่ำรวย และเมื่อเยว่ฉิยป่วยพวกเขาก็ใช้เงินเก็บมารักษาเธอ ซึ่งเงินนั้นคือเงินออมของครอบครัว หมอที่ดูแลอาการของเธอบอกให้คนในตระกูลทำใจเรื่องการจากไปของเธอ เยว่ฉินรู้ดีว่าเธอเหลือเวลาอีกไม่นานดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะออกจากโรงพยาบาล เพราะเธอไม่อยากตายที่นั่นอย่างโดดเดี่ยว เพราะเธอไม่อยากตายที่นั่นอย่างโดดเดี่ยว
และเมื่อเธอกลับมาใช้ชีวอตที่บ้านแล้วมีอาการค่อนข้างดีขึ้นเรื่อยๆ นั่นจึงทำให้เธออยากอยู่ดูอาการที่บ้านและไม่กลับไปที่โรงพยาบาลอีก
จิ๋งหยุนเฉาไม่อยากต่อเถียงกับเยว่ฉิน เธอเดินไปที่ห้องครัวเพื่อหาอะไรกิน
ถึงเธอจะเป็นหนี้บุญคุณตระกูลเฉียว ทว่าเธอก็ทำความสะอาดและแลดูแลบ้านหลังนี้มาหลายปี ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่ว่าเธอจะหาเงินได้มากน้อยเพียงใดเธอมอบเงินจำนวนนั้นให้คนในตระกูลทุกบาททุกสตางค์ แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลยเพราะท้ายที่สุดแล้วเธอก็ต้องตายอย่างอนาถอยู่ดี!
นอกจากนี้เกรดของเธอยังดีมาตลอดตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นเธอไม่เคยทำให้ตระกูลต้องอับอาย คอนที่เธอเรียนในระดับชั้นประถม เธอยังมีโอกาสได้เข้าแข่งขันทางวิชาการมากมายซึ่งเธอยังชนะได้รางวัลเป็นเงินมาอีกด้วย ซึ่งหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยขอเงินเยว่ฉินอีกเลย ซึ่งตอนนี้เธอก็ยังต้องเกรงใจเวลากินหรือดื่มของกินในบ้าน…ทำไมต้องเกรงใจด้วยล่ะ?
นอกจากโจ๊กในห้องที่มีคนเตรียมไว้ให้ เธอไม่กล้ากินอะไรอย่างอื่นเลย
ถ้าเธอจำไม่ผิดโจ๊กชามนั้นทำให้เธอป่วยและล้มหมอนนอนเสื่อเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
ในชีวิตเก่าของเธอ เธอคิดว่าเธอจำเป็นต้องทำทุกสิ่งให้ดีก็เพื่อเยว่ฉิน เธอเคยคิดว่าตนเองมีความสุขในบ้านหลังนี้ ซึ่งเธอในเวอร์ชั่นปัจจุบันจะไม่มีทางคิดเช่นนั้นเด็ดขาด
ในครัวไม่ได้มีอาหารมากมายนักแต่เธอเองก็ไม่ได้เรื่องมากเธอมักจะกินอะไรง่ายๆ เธอเริ่มวางแผนแล้วว่าจะทำอย่างไรกับอนาคตครั้งที่สอง
“จิงจิง…เธอไม่เห็นถ้วยโจ๊กในห้องของเธอเหรอ? เธอมาที่ครัวทำไม?” เฉียวหงเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ฉันไม่อยากกินโจ๊กเย็นๆ นั่นหรอก ถ้าหากฉันป่วยมากกว่าเดิมจะเป็นอย่างไร? ฉันมีสอบในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ฉันไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงหรอก” จิ๋งหยุนเฉากล่าวอย่ามีนัยยะ
หัวใจของเฉียวหงเย่หยุดเต้นเล็กน้อย “หรอ…มันร้ายแรงขนาดนั้นเลย? แค่โจ๊กเย็นๆ มันจะทำให้เธอป่วยเลยเหรอ? อ่อนแอซะจริง!”
“หงเย่เธอหนะแข็งแรงมาก ไม่เคยป่วยเลย ทำไมไม่ลองกินโจ๊กนั้นแทนฉันล่ะ?” จิ๋งหยุนเฉากล่าวอย่างเย้ยหยัน
“จิ๋งหยุนเฉา! เธอยังกลัวตัวเองจะป่วยเพราะกินโจ๊ะถ้วยนั้น ทำไมต้องให้คนอื่นกินมันด้วยล่ะ!? อยากมีปัญหาอย่างนั้นเหรอ?” เฉาเหวยหมิงผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังจิ๋งหยุนเฉาตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว