ตอนที่ 7 การดูดซับของหยกวิญญาณ
ร่างของชายชราเริ่มจางหายไปเมื่อเขาพูดจบ
จิ๋งหยุนเฉารู้สึกไม่ดีพร้อมกับคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว “เด็กผู้นี้จะตั้งใจฟังและปฏิบัติตามคำสอนของท่านบรรพบุรุษเก่าแก่อย่างเคร่งครัด! ถ้าหากฉันผิดคำพูดขอให้ฉันตายอย่างทุกข์ทรมาน”
“ไม่จำเป็น เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดเถอะ ตามใจ…แต่ข้ามีเรื่องจะเตือน เวลาในจี้หยกนี้เร็วกว่าเวลาโลกปกติถึงห้าเท่า ทุกครั้งที่เจ้าเข้ามายังที่นี่เจ้าจะต้องมีสมาธิและบรรลุบทเรียนให้ได้เร็วที่สุด”
ร่างกายของเขาสลายหายไปอย่างสมบูรณ์เมื่อเขาพูดจบประโยค
จิ๋งหยุนเฉาจำทุกคำพูดที่เขาพูด จดทุกอย่างจนขึ้นใจและหันตัวไปโค้งคำนับสองครั้งตรงทิศที่เขาหายตัวไป
เหล่าพระเจ้าคงจะสงสารเธอจนมอบหนทางเดินชีวิตใหม่
ริมฝีปากของเธอเหือดแห้งและลุกยืนขึ้น เธอทำตามคำแนะนำของชายชรา และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ท่านบอก…เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอนอนอยู่ที่เตียงในห้องนอนของตน
ซึ่งในขณะนั้นท้องของเธอก็ปั่นป่วน เธอปวดท้องจนนอนงอตัว เธอนึกถึงโจ๊กชามใหญ่ที่ได้กลืนลงไปก่อนหน้า
ท้องไส้ของเธอแสบจนบิด เธอท้องเสียมาตลอดทั้งคืน นอกจากนี้เช้าวันต่อมาเธอยังมีไข้สูงเนื่องจากในคืนนั้นเธอทุกข์ทรมานและอาจต้องใช้เวลาถึงหนึ่งอาทิตย์ในการฟื้นฟูร่างกาย
ในสัปดาห์นั้นเยว่ฉินก็จากไปเช่นกัน ทว่าร่างกายของเธออ่อนแอเกินกว่าจะเข้าร่วมงานศพ ครอบครัวเฉียวและคนอื่นๆ ที่มางานได้ประนามและด่าทอเธอเป็นเวลานานหลังจากงานศพ ไม่มีใครเห็นใจเธอเลยแม้แต่น้อย
จิ๋งหยุนเฉาปวดท้องจนกุมท้องของตนเองเพื่อวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ แต่ก็พบว่าห้องน้ำถูกล็อกและมีคนอยู่ข้างใน
“จิงจิงเหรอ? ขอโทษนะแต่ฉันปวดท้อง! รอแป๊ปนะ…” เสียงของเฉียวหงเย่ดูหัวเราะคิกคัก
ตอนที่เธอมีชีวิตอยู่และเกิดเหตุการณ์โจ๊กนี้เธอไม่ได้ต่อปากต่อคำกับหงเย่และเหวยหมิง ซึ่งตอนนั้นเธอยอมกินโจ๊กเข้าไปแต่โดยดี ทว่าครั้งนี้เธอสู้ ดังนั้นการโดนกลั่นแกล้งนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้น ในตอนนี้จิ๋งหยุนเฉาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เธอจำได้ว่าเธอสามารถเข้าไปยังจี้หยกดังนั้นเธอจึงเดินกลับไปที่ห้องของตนเองและจะกลับเข้าไปในจี้หยก
เมื่อเธอเข้าไปในจี้หยกอาการปวดท้องของตนเองจึงเบาลง
จิ๋งหยุนเฉาครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ได้เดินไปหยิบกระดาษม้วนโบราณขึ้นมา เธอหยดเลือดลงไปที่หินหยกบนกระดาษม้วนโบราณ
ทันใดนั้นแสงสีเขียวเปล่งประกายของหยกและกระดาษม้วนโบราณพุ่งมาที่ตาของเธอ ตัวอักษรต่างๆ รวมกันเป็นประโยค ก่อนที่เธอจะกระพริบตาข้อมูลจำนวนมากก็ได้เข้ามาในสมองของเธอ
เธอไม่เคยรู้เลยว่าตัวเธอจะสามารถครอบครองความรู้ทั้งหมดได้ขนาดนี้ ตัวอักษรและข้อความทั้งหมดเป็นความรู้ที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน ตอนนี้เธอได้แต่ตั้งสมาธิและจ้องมองอ่านข้อความทั้งหมดเพื่อเก็บข้อมูลเข้าหัวให้ได้มากที่สุด
ทว่าเมื่อมองย้อนกลับไป เธอกลับรู้สึกประหลาดใจ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณปู่ท่านนั้นบอกกับเธอว่าอย่าหักโหม แค่กระดาษม้วนโบราณหยกชิ้นเดียวก็เหมือนมีข้อมูลรวบรวมจากในหนังสือเอาไว้เป็นพันๆ เล่ม
จิ๋งหยุนเฉารู้ว่าหงเย่แอบใส่ยาถ่ายลงไปในถ้วยโจ๊กนั้น จากการที่เธออ่านกระดาษม้วนโบราณหยกเธอจึงได้ค้นพบวิธีแก้ท้องร่วงมากมาย แต่น่าเสียดายที่เธอรู้วิธีและวัตถุดิบของการปรุงยาแก้ท้องร่วงนั้นแล้วแต่ว่าเธอไม่รู้ว่าสามารถนำวัตถุดิบต่างๆ มาจากที่ใด เธอจะไปเอาสมุนไพรเหล่านั้นมาจากที่ใดกัน? แต่ถึงแม้ว่าเธอจะมีวัตถุดิบ แต่เธอก็ไม่มีเครื่องมือในการปรุงยานั้นอยู่ดี!
และแน่นอน…เธอไม่สามารถซื้อยาดีดีกินได้! เพราะเธอจนมาก ไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียว!
อย่างที่โบราณเขาบอกว้าไฟไม่สามารถดับได้ด้วยน้ำอันน้อยนิด และถ้าเธอหาสมุนไพรและเครื่องมือได้ตอนนั้นก็คงสายไปแล้ว เธอคิดว่าไม่ว่าจะเป็นยาชนิดใดตอนนี้ก็คงช่วยอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี
ตอนนี้จิ๋งหยุนเฉารู้สึกตื่นตระหนกกับอาการที่ตนเองเป็นอยู่ตอนนี้ เธอพยายามสงบสติอารมณ์ตนเองและหาวิธีอื่นแก้ไขต่อไป เมื่อเธอสงบสติอารมณ์ของตนเองได้เธอก็นึกถึงสิ่งอื่นขึ้นมา…
นวดกดจุด!
นำนิ้วทั้งห้าชิดกัน แล้วกดและนวดลงไปบริเวณท้องอย่างเบาๆ จุดเทียนซู จุดกวานหยวน เป็นจุดความดันสูงบริเวณลำไส้ และจากนั้นใช้นิ้วโป้งนวดไปที่จุดชี่ห่าย จุดฝังเข็มบริเวณท้องน้อย…
จิ๋งหยุนเฉาทำตามคำแนะนำในกระดาษม้วนโบราณอย่างรวดเร็ว เธอได้นวดเหมือนคำบอกในกระดาษม้วนโบราณบอกเอาไว้ ท้องของเธอจึงได้รู้สึกดีขึ้น เธอตื่นเต้นเล็กน้อยและพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองเช่นเดิม
หงเย่ยังคงเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องน้ำและหัวเราะเยาะอยู่อย่างนั้น
หงเย่ชอบอยู่ในห้องน้ำขนาดนั้นเลยเหรอ? ดี! อยู่มันไปทั้งคืนเลยละกันนะหงเย่!