บทที่ 14 ใครกล้าว่าร้ายน้องสาวข้า (ปลาย)
ภายนอกจวนตระกูลเยี่ย
ทันทีที่เจียงเหนียนและอีกสองคนเดินออกมาพ้นจวนตระกูลเยี่ย สีหน้าของพวกเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นดุร้ายคำทะมึน
“นี่มันจะมากเกินไปแล้ว !”
จางเลี่ยกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “วันใดที่ตระกูลเยี่ยเรืองอำนาจ พวกมันต้องขับไล่และกำจัดทุกคนที่ขวางหูขวางตาเป็นแน่”
หลีอวี๋กล่าวอย่างเย็นชา “นั่นเพราะเยี่ยหลางคือผู้ที่ดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมา และตอนนี้ตระกูลเยี่ยก็มีเยี่ยหลาง พวกมันดูถูกแม้กระทั่งผู้เฒ่าเจียงเสียด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับพวกเรา”
เจียงเหนียนส่ายศีรษะ “พอเถอะ พวกเราจำต้องกลืนความภาคภูมิใจและแบกรับความรู้สึกนี้ไว้ พวกเจ้าไม่ควรเป็นกังวลไป เราจะยังจับตาและเฝ้าดูพวกมันอยู่ ช่วงเวลาดี ๆ มิอาจคงอยู่ได้นาน ด้วยความเย่อหยิ่งเอาแต่ใจพวกตระกูลเยี่ย พวกมันจะต้องประสบโชคร้ายในสักวัน !”
เมื่อกล่าวดังนั้น ทุกคนจึงพากันแยกย้ายหายลับไปหน้าประตูจวนตระกูลเยี่ย
…
ด้วยท่าทีประนีประนอมจากทั้งฝ่ายผู้นำตระกูลหลี ผู้นำตระกูลจาง และผู้นำตระกูลเจียง ทำให้คนในตระกูลเยี่ยหยิ่งผยองและดูแคลนผู้อื่น !
ในอดีต ตระกูลเยี่ยเป็นเหมือนเบี้ยล่างอยู่ภายใต้อำนาจของตระกูลอื่น ๆ มาตลอด แต่ตอนนี้เป็นเพราะเยี่ยหลาง สมาชิกทั้งหมดในตระกูลเยี่ยจึงได้มีความมั่นใจขึ้นมา !
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กหนุ่มจากตระกูลเยี่ยหลายคนคิดว่าพวกตัวเองเป็นตระกูลขุนนางผู้สูงส่ง เดินกร่างไปทั่วเมืองชิง เหล่าผู้อาวุโสไม่เพียงแต่จะไม่ห้ามปราม ซ้ำยังให้ท้าย !
ในตอนนี้เกือบทุกคนชื่นชอบเยี่ยหลาง แต่ในขณะเดียวกันบางคนกลับยังจดจำเยี่ยฉวนได้
“เจ้าได้ยินว่าเยี่ยฉวนไม่ได้ออกมานอกจวนนานแล้วหรือ ?”
“เขาจะกล้าออกไปหรือเปล่าล่ะ ? ตอนนี้เจ้าพวกเด็กรุ่นใหม่ในเมืองชิงจะเกรงกลัวใครไปมากกว่าเยี่ยหลางกันเล่า ? แน่นอนว่าใน ทั่วทั้งแคว้นเจียงในหมู่คนรุ่นเดียวกัน พี่เยี่ยหลางถือว่าโดดเด่นที่สุด ! และสำหรับเยี่ยฉวน ข้าก็เกรงว่าเขาจะไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเป็นข้ารับใช้ของเยี่ยหลางเสียด้วยซ้ำ”
“จริงของเจ้า หากเขายอมขอขมาตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ไม่แน่ว่าบางทีคงรักษาชีวิตไว้ได้”
“ใครสนกันว่าเขาจะเป็นหรือจะตาย เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนรุ่นใหม่ในตระกูลเยี่ยอย่างพวกเรานั้นมีเกียรติเพียงใด ? เมื่อวานข้าเดินผ่านเด็กตระกูลจาง ข้าเงื้อมือตบไปเสียหลายที ก็ไม่แม้แต่จะกล้าผายลมออกมาด้วยซ้ำ !”
“ฮ่าฮ่า ส่วนข้าเจอทายาทตระกูลหลีในสวนยี่ฉุน คนที่เมื่อก่อนมีแต่เยี่ยฉวนอยู่ในสายตา แต่เมื่อวานนี้ข้าสั่งให้มันไสหัวไป มันก็ไม่กล้าผายลมออกมาแม้แต่นิด เรื่องนี้แหละทำให้ข้าดีใจจริง ๆ!”
“ใช่ไหมล่ะ ? ตอนนี้ในเมืองชิง ถือว่าตระกูลเยี่ยเป็นใหญ่สุด ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าพี่เยี่ยหลาง ไป ไป พวกเราไปหาพี่เยี่ยหลางกันเถอะ…”
“…”
ภายในหอคอยแห่งเรือนจำ
เยี่ยฉวนถือกระบี่หลิงเซี่ยวกวัดแกว่งไปมาไม่หยุดหย่อน
เขากำลังโหมฝึกอย่างบ้าคลั่ง !
สำหรับเยี่ยฉวน สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือมุ่งมั่นที่จะเป็นเซียนกระบี่ให้ได้ ชีวิตของน้องสาวขึ้นอยู่กับเขา เขาตระหนักรู้ถึงความสำคัญของความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ชายหนุ่มเข้าใจมากขึ้น ว่าหากชายใดตกอยู่ในความอัปยศอดสูแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้มีค่าอะไรมากไปกว่าสุนัขตัวหนึ่ง !
แม้ว่าชายหนุ่มจะเคยทำประโยชน์และหยิบยื่นความช่วยเหลือมากมายให้กับตระกูลเยี่ย แต่ทั้งตระกูลกลับยังทอดทิ้งเขาตามอำเภอใจ
ตนนี่แหละต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน !
ในหอคอย เยี่ยฉวนไม่รู้เลยว่าตัวเองฟันกระบี่ไปกี่ครั้ง แต่ตอนนี้เขาสามารถตัดเส้นผมด้วยเพียงกระบี่เดียวได้แล้ว และอาจกล่าวได้ว่าเขากลายเป็นผู้ฝึกกระบี่เต็มตัวแล้ว !!
อย่างไรก็ตาม เท่านี้มันยังไม่ดีพอ !
การใช้ความเร็วและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาเรียกได้ว่าเป็นเพียงผู้ฝึกกระบี่ระดับธรรมดาเท่านั้น และยังคงมีช่องว่างอีกมากถ้าคิดจะเป็นเซียนกระบี่ที่ยิ่งใหญ่ !
ระหว่างที่ฝึกฝน ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด แต่ทุกอย่างก็ดูจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังกลับออกจากหอคอย ก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว
ศึกนัดชี้ชะตาเป็นตายระหว่างเขากับเยี่ยหลางจะเกิดขึ้นในอีก 3 วัน !
วันนี้เป็นวันที่เยี่ยฉวนออกจากหอคอยแห่งเรือนจำ ทันทีที่ก้าวออกมาเขาก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น เนื่องจากนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เป็นเวลาที่จะต้องส่งเสบียงให้เยี่ยหลิงแล้ว !
“มีอะไรเกิดขึ้นกับนางหรือเปล่า ?”
เยี่ยฉวนรีบร้อนไปที่ห้องของเยี่ยหลิง ก่อนพบว่าเวลานี้เยี่ยหลิงนอนตัวสั่นอยู่บนเตียง ในขณะที่ปอยผมบางส่วนของนางเริ่มกลายเป็นสีขาวโพลน !
เมื่อเห็นแบบนี้เยี่ยฉวนก็พลันหน้าซีด เขารีบวิ่งไปหยิบขวดหยกขาวเหมือนอย่างเคย แต่ทว่าไม่เหลืออะไรข้างในนั้นแล้ว !
“ยาหมด !”
เยี่ยฉวนตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่ “บ้าเอ๊ย นี่ข้าลืมไปได้อย่างไร หากยาหมด เยี่ยหลิงต้องตายแน่ !”
พูดดังนั้นเยี่ยฉวนก็ตบหน้าตัวเองอีกครั้ง เขารีบร้อนเอามือจับที่แก้มของเยี่ยหลิงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “รอก่อนนะ พี่จะรีบกลับมา !”
หลังพูดจบเยี่ยฉวนก็พลันวิ่งออกมานอกห้องอย่างบ้าคลั่งและวิ่งตรงไปที่ห้องโอสถของจวนตระกูลเยี่ยทันที
“เยี่ยฉวนออกมาแล้ว !”
เมื่อได้เห็นเยี่ยฉวน ข่าวก็พลันแพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วโดยฝีมือของพวกเด็กหนุ่มตระกูลเยี่ย กระทั่งมีบางคนที่พยายามขัดขวางเขาทำให้ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด
ถ้าเป็นเมื่อก่อนพวกเขาคงไม่กล้าทำอย่างแน่นอน แต่เดี๋ยวนี้ เมื่อตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลเยี่ยได้เปลี่ยนผ่านไปที่เยี่ยหลางแล้ว เด็กหนุ่มเหล่าก็ดูจะไม่ได้เกรงกลัวเยี่ยฉวนเช่นดังเดิมอีก
ระหว่างทางเดิน คนกลุ่มหนึ่งนำโดยเยี่ยเฟิง ผู้เป็นหลานสายตรงของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย และเป็นลูกพี่ลูกน้องของเยี่ยหลางได้เข้ามาพยายามที่จะหยุดเยี่ยฉวน
เยี่ยเฟิงมองไปที่เยี่ยฉวนและยิ้ม “เยี่ยฉวน เจ้าหลบเป็นเต่ามุดหัวอยู่ในกระดองมาได้ตั้งหลายวัน แล้วเหตุใดวันนี้จึงออกมาวิ่งพล่านข้างนอกได้เล่า ?”
เยี่ยฉวนไม่สนใจเยี่ยเฟิงและคนอื่น ๆ เขายังคงมุ่งหน้าไปที่ห้องโอสถ แต่เยี่ยเฟิงกลับมายืนขวางหน้าเยี่ยฉวนและหัวเราะ “เยี่ยฉวน ดูท่าทางเจ้ากำลังรีบนะ นี่เป็นเพราะน้องสาวนอกไส้ของเจ้ากำลังจะตายใช่หรือไม่ ? ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าคงต้องขอแสดงความยินดีกับเจ้าล่วงหน้าเลยแล้วกัน อย่างน้อยวันหน้าเจ้าก็จะได้มีภาระน้อยลง…”
จังหวะนี้ก่อนที่เยี่ยเฟิงจะทันได้ตอบสนอง เยี่ยฉวนก็พลันตรงไปที่เขาก่อนจะปล่อยหมัดระเบิดพลังเข้าใส่กลางลำคอออกมาแบบไม่ยั้งมือ
กร๊อบ !
เสียงกระดูกหัก
ทุกคนตกตะลึง
เยี่ยเฟิงตาเบิกกว้าง ลูกตาทะลักออกมาข้างนอก
ทันใดนั้นเยี่ยฉวนก็พลันชักมีดสั้นที่เอวขึ้นมาตัดคอของเยี่ยเฟิง
ฉับ !
ศีรษะของเยี่ยเฟิงกระเด็นลอยไปไกล !
เยี่ยฉวนทิ้งมีดสั้นในมือ มองไปที่เด็กหนุ่มตระกูลเยี่ยที่เหลืออย่างดุดัน “ใครหน้าไหนที่มันกล้าว่าร้ายน้องสาวของข้า ? ข้าจะทำให้มันพูดไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต !”