บทที่ 22 ชาตินี้ไม่ขอเป็นคนตระกูลเยี่ยอีกต่อไป (ต้น)
“เจ้า !”
ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยชี้หน้าเยี่ยฉวนอย่างเกรี้ยวกราด เช่นเดียวกับใบหน้าของเขาที่กลายเป็นสีน้ำเงินคล้ำด้วยโทสะ
เยี่ยฉวนเหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยและคนอื่น ๆ นิ่ง ชายหนุ่มแสยะยิ้มและเอ่ยขึ้น “ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย เราตกลงกันแล้วว่าการประลองแบบชี้เป็นชี้ตายเป็นเรื่องระหว่างข้ากับเขา แต่ท่านกลับขัดขวางการประลอง หึ ๆ ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย ท่านนี่ไร้ยางอายเสียจริง ๆ! ทุกคนกำลังมองอยู่ ท่านไม่กลัวว่าตระกูลเยี่ยจะกลายเป็นตัวตลกงั้นหรือ ?”
ได้ยินสิ่งที่เยี่ยฉวนพูดออกมา ทุกคนโดยรอบก็พากันมองมาที่คนตระกูลเยี่ยด้วยสายตาเหยียดหยาม
คราแรกตกลงกันไว้ว่านี่จะเป็นการท้าประลองแบบตัวต่อตัว แต่ตระกูลเยี่ยกลับกรูเข้ามาต่อสู้พร้อมกัน นี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบตัวต่อตัวแล้วแต่เป็นหมาหมู่ !
ใกล้กับลานประลอง ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องนี้ !
ในอีกด้านหนึ่ง หลีอวี๋กับคนอีกสองคนมองหน้ากัน ก่อนที่ในดวงตาของพวกเขาจะปรากฏรอยยิ้มลึกลับขึ้น
ความผิดพลาด !
ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง !
พวกเขาไม่นึกเลยว่าเยี่ยหลางจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยฉวน แม้ว่าเขาจะบรรลุขั้นผสานลมปราณแล้วก็ตาม !
สำหรับสามตระกูลที่เหลือแล้ว เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องดียิ่ง !
หลีอวี๋ยืนขึ้น เขามองที่ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยตระกูลเยี่ย “ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย ท่านเชิญเรามาดูการประลองนะ ดังนั้นแล้วท่านต้องการให้เราดูคนตระกูลเยี่ยของท่านรุมประชาทัณฑ์ชายหนุ่มคนหนึ่งแทนหรือ ?”
อีกด้านหนึ่ง จางเลี่ยก็แสยะยิ้มและเอ่ยขึ้น “นี่หรือการต่อสู้แบบชี้เป็นชี้ตายในตำนาน ? ทันทีที่อยู่บนสังเวียนชี้ชะตา ท่านก็เริ่มสู้แบบหมาหมู่เลยหรือนี่ ? เรื่องนี้ข้าล่ะอยากหัวเราะจริง ๆ เชียว…”
เจียงเหนียนจากตระกูลเจียงเหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยและเอ่ยเย็นชา “ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย ทุกคนกำลังมองท่านอยู่นะ !”
สีหน้าของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยดูย่ำแย่ยิ่ง เขาเหลือบมองเยี่ยหลางที่อยู่ข้างเขา ก่อนพบว่าในตอนนี้เกราะที่เยี่ยหลางสวมใส่อยู่ได้แตกเป็นชิ้น ๆ แล้ว !
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ตรงปากของเยี่ยหลางยังมีเลือดไหลอย่างต่อเนื่อง เห็นชัดว่าเขากำลังทรมานจากอาการบาดเจ็บสาหัสภายใน !
“หากเขาสู้ต่อ เขาจะต้องถูกเยี่ยฉวนฆ่าตายแน่ !”
คิดดังนี้แล้ว ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็กำหมัดทั้งคู่ช้า ๆ!
ตอนนั้นเอง เยี่ยฉวนที่อยู่ไม่ไกลนักก็พลันยิ้มออกมาและเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยจะไม่ปล่อยให้ข้าสู้กับเขาตัวต่อตัวเสียแล้ว แต่ท่านก็ไม่มีเหตุผลที่จะกำจัดข้า ! มาเถอะ เอ่ยออกมา ข้ากำลังฟังท่านอยู่ ! ทุกคนกำลังฟังท่านอยู่ !”
ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยเหลือบมองเยี่ยฉวน “เยี่ยฉวน ข้าสงสัยว่าการประลองนี้ไม่ยุติธรรม เจ้าต้องโกงแน่ ๆ เจ้า…”
ถึงจุดนี้ เยี่ยฉวนพลันชี้หน้าผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยอย่างเดือดดาล “โกง ? ไอ้สุนัขเฒ่า เจ้ายังหน้าไม่อายได้มากกว่านี้อีกหรือไม่ ? ข้าสู้กับเขาตัวต่อตัว แต่พอข้าชนะ ท่านก็หาว่าข้าโกงงั้นหรือ ? หน้าท่านนี่มันหนายิ่งกว่าฝ่าเท้าข้าเสียอีก !”
ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยออกคำสั่งอย่างไร้ปรานี “พี่น้องตระกูลเยี่ยทั้งหลาย เยี่ยฉวนต่อต้านผู้ใหญ่และเริ่มขบถต่อเรา ฆ่ามันเสีย !”
เห็นชัดว่าเขากระเหี้ยนกระหือรือจะสังหารเยี่ยฉวนเสียจนไม่สนอะไรอย่างอื่นแล้ว !
“โห่ !” ผู้ชมในลานประลองที่ได้ยินดังนั้นก็พลันส่งเสียงโห่ไล่ !
“ตระกูลเยี่ยช่างหน้าไม่อายจริง ๆ! พวกเขาไม่อาจทนต่อการพ่ายแพ้ได้ !”
“ไม่เพียงแต่พวกเขาจะแพ้ไม่ได้ มันยังเป็นเรื่องขายหน้าอย่างยิ่งอีกด้วย ถ้าใครคนอื่นชนะมันก็จะกลายเป็นเรื่องขี้โกงไปงั้นหรือ ? หรือว่านี่คือสันดานของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย ?”
“เขาจะมีทางเลือกใดเล่า ? ผู้ถูกเลือกนั่นคือหลานชาย ! เขาจะปล่อยให้หลานตัวเองตายได้อย่างไรเล่า ? แต่ถึงเป็นเช่นนั้นก็ยังเป็นเรื่องหน้าไม่อายที่ทำเช่นนี้อยู่ดี !”
“…”
บนอัฒจันทร์ ชายกลางคนจากเมืองเหยียนและสตรีโฉมงามจากเมืองลั่วต่างสบตากันพลางส่ายหน้า ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยแววดูถูกที่ไม่อาจปิดบัง
รอบลานประลองแห่งความเป็นความตาย บรรดาพลหน้าไม้ต่างจ้องมองกันอย่างไร้คำพูด ในตอนนี้ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็คำรามเกรี้ยวกราด “ทำไมพวกเจ้าไม่ฆ่ามัน ?”
บรรดาผู้คุ้มกันลังเล จากนั้นขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือแต่ ในตอนนั้นเองเสียงหนึ่งพลันดังออกมา “ท่านผู้นำออกจากการเก็บตัวทำสมาธิแล้ว !”
ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็ตัวสั่นระริกเล็กน้อย เขามองที่หน้าประตูจวนตระกูลเยี่ยและเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมาช้า ๆ
บุคคลนี้ก็คือประมุขคนปัจจุบันของตระกูลเยี่ย เยี่ยชาง ! และเขายังเป็นผู้มีพลังฝีมือแข็งแกร่งที่สุดในตระกูลเยี่ย !
“คารวะท่านผู้นำ !”
ทุกคนในสนามต่างโค้งคำนับลง
เยี่ยฉวนเหลือบมองเยี่ยชางและไม่เอ่ยอะไร
เยี่ยชางเดินเข้ามายังลานประลองตัดสินความเป็นตาย เขาเหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยและเอ่ยขึ้น “เจ้าทำบ้าอะไรลงไป !”
สีหน้าของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยน่าเกลียดลงเล็กน้อยขณะที่เขาโค้งคารวะเล็กน้อยและเอ่ยตอบ “ท่านผู้นำ !”
เยี่ยชางเมินผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยเสีย เขากลับประสานมือและโค้งคำนับโดยรอบ “ทุกท่าน ข้าต้องขออภัยด้วยที่เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น !”
หลังจากนั้นเขาก็เหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย “นับจากบัดนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ใช่ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเยี่ยอีกต่อไปและถูกลดขั้นลงเป็นผู้อาวุโสธรรมดา เจ้าจะไม่ได้กลับมาอำนาจอีกเลยตลอดชีวิต !”
ได้ยินดังนี้ สีหน้าของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยและกำลังจะพูด แต่เยี่ยชางกลับหันมองไปทางเยี่ยฉวน “เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะดีไหม ?”
เยี่ยฉวนส่ายหน้า เขาชี้ไปที่เยี่ยหลางผู้อยู่ใกล้เคียง “การต่อสู้ตัดสินความเป็นความตายระหว่างข้ากับเขายังไม่จบขอรับ !”
ได้ยินคำพูดของเขา เยี่ยชางก็ย่นคิ้วเล็กน้อย
ถึงตอนนี้ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยกับกลุ่มผู้อาวุโสก็เดินมาอยู่ข้าง ๆ เยี่ยชาง ก่อนเป็นผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอุบอิบ “ท่านผู้นำ เยี่ยหลางเป็นผู้ถูกเลือกผู้ที่มีนิมิตแห่งฟ้าดินด้วยนะขอรับ อนาคตของเขาก้าวไกลไร้ที่สิ้นสุด แม้เขาจะพ่ายแพ้ให้เยี่ยฉวน แต่ตันเถียนของเยี่ยฉวนก็แตกสลายไปแล้วทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นผู้พิการ ชีวิตนี้เขาจะเป็นได้ไม่มากไปกว่าอันธพาล และแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้ออกจากเมืองชิงนี้นะขอรับ”
เยี่ยชางมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยอย่างเหินห่าง “ก็เพราะเจ้าไม่ใช่หรือไง จุดตันเถียนของเขาเลยแตกสลาย ข้าพูดถูกไหม ?”
ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยกำหมัด “ใช่ขอรับ ! แต่ว่าท่านผู้นำ เขาไม่มีอนาคตแล้ว ผิดกับเยี่ยหลางที่มีอนาคตไม่สิ้นสุด ไว้ชีวิตเขาในวันนี้ ในภายภาคหน้าเขาต้องชนะนำเกียรติยศและชื่อเสียงอันขจรไกลมาให้ตระกูลเยี่ยแน่นอนขอรับ !”
บรรดาผู้อาวุโสรอบด้านต่างเห็นด้วย
เยี่ยหลางไม่อาจถูกสังหารได้ !
เพราะว่าเขาเกี่ยวพันกับการได้เกียรติและการเสื่อมเกียรติของตระกูลเยี่ยในภายภาคหน้า !
เยี่ยชางเงียบไป
ทุกตระกูลล้วนต้องการอัจฉริยชน ตันเถียนของเยี่ยฉวนถูกทำลาย จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรับผิดชอบตระกูลเยี่ยได้ในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย กลับกัน เยี่ยหลางคนนี้คือผู้ถูกเลือกที่มีนิมิตแห่งฟ้าดินอยู่ !
ตระกูลเยี่ยต้องการใครสักคนอย่างเขา !
คิดดังนี้แล้ว เยี่ยชางก็พลันมองเยี่ยฉวน “นับจากบัดนี้ไป การปฏิบัติต่อเจ้าก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะเป็นไปเช่นเดิม ยกเว้นเรื่องตำแหน่งทายาทตระกูล เรื่องนี้ขอให้จบลงที่นี่ เจ้าเข้าใจหรือไม่ ?”
เยี่ยฉวนยิ้ม
รอยยิ้มของเขาดูเศร้าและมืดมน !
เยี่ยฉวนมองเยี่ยชาง “ความจริงแล้ว ท่านผู้นำน่าจะรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลเยี่ยเมื่อนานมาแล้ว ทว่าท่านกลับไม่ออกมาห้ามปรามแต่กลับตามใจผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยผู้ปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ เดาว่าท่านคงไม่เพียงแต่จะกลัวผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยกับคนอื่น ๆ แต่ยังกลัวข้าด้วย ท่านกลัวว่าข้าจะเป็นภัยต่อท่านหากข้าเติบโตเร็วเกินไปสินะขอรับ ?”
ดวงตาของเยี่ยชางหรี่ลงเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “เจ้านี่มันช่างสู่รู้นัก !”