หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 128 เอาไว้ค่อยพูดทีหลัง ! (ปลาย)

บทที่ 128 เอาไว้ค่อยพูดทีหลัง ! (ปลาย)

การหายไปอย่างไร้ร่องรอยของสตรีลึกลับทำให้เยี่ยฉวนเข้าใจแล้ว ชายหนุ่มไม่โง่พอที่จะรอความช่วย เหลือจากผู้อื่น ถ้าเจ้าอยากที่จะมีชีวิตอยู่ เจ้าจงพึ่งพาตนเอง !!!

ท่าทางของชายหนุ่มเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นนัก ด้วยเขามีความคิดของตนย้ำมาว่าเมื่อต้องตายก็ขอตายพร้อมกับนาง ฉะนั้นจงลงมือเสียตอนนี้ และนี่.. มันก็มิใช่เพียงคำขู่ !! “ไม่ว่าอย่างไรข้าต้องตายอยู่แล้ว ไฉนเลยข้าจึง ไม่ลากเจ้าให้ลงนรกไปพร้อมกับข้าเสียเล่า ?”

เมื่อเห็นทีท่าเอาจริงของคนตรงหน้า หญิงสาวชุดดำที่เพ่งสายตามองอย่างพิจารณาพลันพูด “หยุด !”

ชายหนุ่มชะงักหยุด ทว่ากระบี่หลิงซิ่วกลับบังเกิดสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเตรียมที่จะทะยานออกจากฝักได้ทุกเมื่อ

หญิงสาวเพ่งมองตรงมาที่เยี่ยฉวนเหมือนเดิม “เจ้ากล้าหาญกว่าที่ข้าคิดจริง ๆ”

ชายหนุ่มพูดเสียงแหบต่ำ “ข้าเพียงต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไปเท่านั้น”

มุมปากของอีกฝ่ายปรากฏรอยยิ้มหยัน “ถ้าจำไม่ผิด เป็นเจ้าที่คิดติดตามข้ามาเอง ! ถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าเจ้าหาข้าพบได้อย่างไร แต่เจ้าไม่ได้มาเพื่อช่วยข้าแน่ ใช่ไหม ?”

เยี่ยฉวนนิ่งคิดก่อนจะตอบว่า “ข้าบอกความจริงก็ได้ เหตุผลที่ติดตามเจ้ามาก็เพื่อถามบางอย่าง”

ผู้ฟังนิ่วหน้าอย่างข้องใจ “ฉะนั้นจงถามมา !”

“ถามไปว่า นางได้รับพลังปฐพีจากที่ใด !”

ทันใดนั้น เสียงของสตรีลึกลับดังขึ้นในหัวของเยี่ยฉวน

เขามองตรงไปที่คนในชุดดำเบื้องหน้า “เจ้าได้รับพลังปฐพีมาจากที่ใด ?”

ด้วยเพราะได้ยินคำถามไม่คาดคิดออกจากปาก หญิงสาวจึงพลันหันขวับมามองเยี่ยฉวน ในแววตามี ร่องรอยประหลาดใจอย่างยิ่ง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าได้รับพลังปฐพี ?”

ทว่าคนตอบกลับตอบอย่างปกติ “ข้าเดา !”

สตรีชุดดำจ้องหน้าชายหนุ่มตรงหน้าเขม็ง ราวกับต้องการมองให้ทะลุปรุโปร่ง

เยี่ยฉวนมองสบตา แววตาปราศจากร่องรอยของความอ่อนแอ !

ผ่านไปอึดใจใหญ่ เสียงพูดจึงลอยมาเข้าหูของชายหนุ่ม “เจ้าเป็นใครกันแน่ ?”

เยี่ยฉวนส่ายหน้า “พักเรื่องนั้นไว้ก่อน พูดอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะพาเจ้ากลับแคว้นหนิง แต่หลังจาก นั้นให้ไว้ชีวิตข้า รวมทั้งบอกด้วยว่าเจ้าได้รับพลังปฐพีจากที่ใด”

หญิงสาวนิ่งไปสักพัก จากนั้นจึงพยักหน้า “ได้ !”

เขานิ่งมองอย่างครุ่นคิด ก่อนถามว่า “เจ้ากล้าสาบานหรือไม่ ? ความจริงข้าไม่ค่อยเชื่อเจ้า !”

เมื่อได้ยินอีกฝ่าย หญิงสาวจึงหันมองเยี่ยฉวนเต็มตา มุมปากปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม “ถ้าอย่างนั้น จงชักกระบี่ของเจ้าออกมา ! แต่ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน ถึงข้าจะถูกจับได้ ข้าก็อาจจะไม่ตาย แต่เจ้า ยังไงเสียก็ ต้องตายแน่ !”

ชายหนุ่มถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สายตาจ้องนางเขม็ง “เจ้าสาบานได้หรือไม่ว่าจะไม่ฆ่าข้า ไม่ต่อสู้ ทำ ทารุณกรรมและกักขังหน่วงเหนี่ยวต่อข้า อีกอย่าง เมื่อไปถึงที่นั่นเจ้าจะไม่ทำร้ายให้ข้าได้รับบาดเจ็บ มิเช่นนั้น พวกเราก็ตายด้วยกันวันนี้ !”

จากนั้น กระบี่หลิงซิ่วที่สั่นอย่างรุนแรงในอุ้งมือ พลันบังเกิดแสงกระบี่ขึ้นที่บริเวณยอดปลาย

ตลอดเวลาที่เยี่ยฉวนมีเจตนาจะใช้กระบี่ มันก็ได้ปรากฏเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่ากึกก้องอยู่ไม่ขาดสาย !

สายตาของสตรีชุดดำยังคงจ้องมองมาไม่คิดหลบสายตา อีกทั้งแววตาเย็นชายังกลับยิ่งเพิ่มความเหี้ยมเกรียมเป็นทวีคูณ

ภายในใจของชายหนุ่มปราศจากความหวั่นเกรงใด ๆ ยังมองสบตาโดยไม่ลดละ “หากเจ้าไม่ยอม สาบาน ข้าจะสู้ตายไปพร้อมกับเจ้าอย่างแน่นอน”

อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปนานโดยไม่มีคำพูดใดออกจากปากอีก !

ขณะที่กระบี่ในมือสั่นสะท้านหนักขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับแสงกระบี่ที่เริ่มทอประกายเจิดจ้า หญิงสาว ชุดดำพลันรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ได้ ข้าสาบาน เมื่อเจ้าพาข้ากลับถึงแคว้นหนิง ข้าจะไม่สังหารเจ้า ไม่ต่อสู้กับเจ้า และไม่กักขังเจ้า หากผิดไปจากคำสาบาน ขอให้ข้าถูกทรมานจากความผิดบาปในใจของตนเอง !”

ทันทีที่ได้ยิน เยี่ยฉวนเริ่มคลายกังวล เพราะหากเป็นไปได้เขาเองก็ไม่อยากเลือกต่อสู้เช่นกัน

“ใครเล่าจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ ?”

เยี่ยฉวนเก็บกระบี่คืนสู่ฝัก จากนั้นจึงเดินตรงไปหาหญิงสาว “พวกเราออกเดินทางเถิด !”

หญิงสาวจ้องมองคนตรงหน้า รอยยิ้มชนิดหนึ่งผุดขึ้นที่มุมปาก จากนั้นจึงปีนขึ้นบนหลัง การเดินทาง ช่วงนี้เยี่ยฉวนใช้ความเร็วเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ความมุ่งมั่นประการเดียวคือนำหญิงสาวไปส่งให้ถึงแคว้นหนิงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นจะออกค้นหากฎแห่งเต๋าต่อไป !

ด้วยฝีมือของสตรีลึกลับที่ช่วยซ่อนลมหายใจของคนทั้งสอง พวกเขาจึงสามารถหลุดพ้นการติดตาม โดยผู้กล้าแกร่งแห่งสำนักอัปสรเมรัย ในคืนต่อมาพวกเขาก็ได้เข้าสู่ชายแดนแคว้นหนิงแล้ว

ณ กลางป่า เยี่ยฉวนวางหญิงสาวลง จากนั้นตนเองจึงถอยออกไป “พวกเรามาถึงแล้ว !”

หญิงสาวชุดดำได้แต่มองเฉย โดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น

เยี่ยฉวนเห็นเช่นนั้น รู้สึกชาวาบตลอดทั้งร่าง “เจ้าจะผิดคำสาบานหรือ ?”

“เพราะเหตุใด ?”

ฝ่ายนั้นอมยิ้มมุมปาก “ข้าไม่อยากตายอย่างทารุณด้วยความผิดบาปในใจของตนเอง แต่ว่า…”

เพียงได้ยินคำว่า ‘แต่’ ชายหนุ่มใจหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม เขาหันหลังกลับออกวิ่งทันที ทว่าหญิงสาวชุดดำ พลันปรากฏกายดักหน้าและยกฝ่ามือกดเข้าที่คอหอยของเขา

เยี่ยฉวนได้แต่จ้องคนตรงหน้าเขม็ง ขณะที่อีกฝ่ายอมยิ้มมีเลศนัย “วางใจเถิด ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ไม่ทำร้ายจนพิกลพิการ หรือแม้แต่กักขังเจ้า แต่…”

จากนั้น นางหยิบยาเม็ดชนิดหนึ่งมีสีชมพู และดีดลงไปในลำคอของเยี่ยฉวนอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวถอยห่างออกไปในระยะไกล มุมปากเจือรอยยิ้มน่าหวาดกลัว

ชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างงงัน “เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน ?”

อีกฝ่ายยังคงยิ้ม ๆ “สักพักเจ้าจะรู้เอง”

ครู่ต่อมาใบหน้าของชายหนุ่มเริ่มแดง ขณะเดียวกันภายในกายรู้สึกร้อนรุ่มราวกับโดนไฟสุม

คนที่ยืนอยู่ห่าง ๆ หัวเราะคิก รอยยิ้มของนางช่างมีเสน่ห์ยวนใจ “ยาสมุนไพรนี้โด่งดังมากในแคว้นหนิง มีชื่อว่า ‘โด่ไม่รู้ล้ม’ ว่ากันว่าเป็นยาที่มีสรรพคุณช่วยให้ความเป็นชายชาตรีของเจ้าแข็งแกร่งตลอดทั้งคืน… เจ้าจะมีแต่หฤหรรษ์ !”

เมื่อกล่าวมาถึงตอนนี้ นางแสร้งทำหน้าตกอกตกใจ “อ้อ ข้าเกือบลืม เจ้าอยู่กลางป่า ดังนั้นจะหาสตรี ได้ที่ไหน ? เอาเถิด ถึงจะไม่มีสตรี ทว่าก็มีภูตผีปีศาจ…” เสียงหัวเราะคิกคักอย่างชอบอกชอบใจ

หลังจากนั้นจึงหันหลังจากไป ทว่าออกเดินไปได้เพียงครู่เดียวราวกับเพิ่งนึกอะไรออกสักอย่าง “ข้าไม่ได้สังหารเจ้า ไม่ได้หักแขนหักขาหรือไม่ได้กักขังเจ้า !”

สิ้นเสียงของคนพูด ร่างพลันพุ่งทะยานขึ้นสู่อากาศและตั้งท่าจะเหินจากไป

ในตอนนั้นเอง หอคอยแห่งเรือนจำในกายของเยี่ยฉวนเริ่มสั่นสะท้าน และชั่วพริบตากระบี่สองเล่มพลันสะบัดออกจากร่างกายของชายหนุ่ม

หญิงสาวซึ่งทะยานออกในระยะไกล เสมือนนางจะสามารถรับรู้ความผิดปกติด้านหลังจึงหันกลับมา พลันสายตาจับความเคลื่อนไหวในยามกลางคืนรับรู้ได้ถึงแรงสะบัดของกระบี่ที่พุ่งเข้าหา นางสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ด้วยปฏิกิริยาตอบโต้ ทำให้หญิงชุดดำผลักฝ่ามือข้างขวาออก ก่อให้เกิดแรงระเบิดแห่งแสงที่พุ่ง กระจายออกเป็นรูปร่างตาข่าย !

อย่างไรก็ตาม แรงสะบัดแห่งกระบี่ทั้งสองส่งพลังสบั้นแสงตาข่ายจนขาดกระจาย และในเวลาต่อมา

ฉับ ! ฉับ !

ร่างของหญิงสาวชุดดำถูกพลังปะทะผลักดันไปจนติดกับต้นไม้ใหญ่ สองกระบี่ที่สะบัดออกดุจเข็มพุ่ง ทะยานเข้าปักสกัดจุดปราณบนร่างกาย ดังนั้นนางจึงไม่สามารถผลักออกพลังชี่จากภายในกายได้ !

ทันใดนั้นร่างของเยี่ยฉวนพลันปรากฏลงเบื้องหน้าหญิงสาวชุดดำ สภาพของชายหนุ่มนัยน์ตาแดงก่ำ ราวสีโลหิต ภายในกายร้อนรุ่มดังมีเพลิงเผาผลาญ เยี่ยฉวนเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่าเมื่อเข้าฤดูผสมพันธุ์

หญิงสาวที่มองเห็นคนตรงหน้าเต็มตาพลันสีหน้าเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง นัยน์ตานางจ้องเขม็งพลางเสียง ตวาดข่มขู่อย่างเกรี้ยวกราด “ถ้าขืนกล้าแตะต้องตัวข้า ข้าตามฆ่าเจ้าทั้งตระกูลทั้งญาติพี่น้องเจ้าไม่ให้มีเหลือ”

เยี่ยฉวนในตอนนี้ไม่คำนึงเหตุถึงผลใดใดอีกต่อไป เขาเริ่มลงมือกระชากผ้าผ่อนออกจากกายหญิงสาว

สายตาของหญิงสาวชุดดำที่เห็นปฏิกิริยาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นปั่นป่วน “เจ้าไม่กล้าทำอะไรข้า ไม่เช่นนั้น ข้าจะ…”

ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปากของนางไว้ ส่งเสียงคำรามสำทับ “เอาไว้ค่อยพูดทีหลัง !”

ทันทีที่สิ้นเสียงพูด เขาก็จัดแจงเอื้อมมาคว้าร่างนางเกาะกุมไว้ทั้งสองมือ…

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

เยี่ยฉวนเติบโตขึ้นมาในฐานะนายน้อยตระกูลเยี่ย เขาทำทุกอย่างเพื่อตระกูล และน้องสาวที่กำลังป่วยหนัก เยี่ยหลิง ทั้งต่อสู้ แย่งชิง ฆ่าฟัน ทว่าสิ่งที่ชายหนุ่มได้กลับมาคือการทรยศหักหลัง !! แต่มีหรือที่เขาจะต้องยอมแพ้ !! ในเมื่อตระกูลเยี่ยไม่ต้องการข้า งั้นแล้วเราก็ถือว่าจบกัน ข้าเยี่ยฉวนผู้นี้จะพาน้องสาวจากไป และจะกลายเป็นเซียนกระบี่ผู้เหาะเหินตัดผ่านท้องนถาให้จงได้ !!! ชีวิตและความตายเป็นเพียงภาพลวง หากไม่ยอมรับแล้วไซร์ เช่นนั้นต่อให้เป็นเทพ เป็นมาร หรือเป็นเซียน ข้าก็จักประหารมันด้วยกระบี่ในมือ !!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset