หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 140 พวกเจ้าถึงกับซึมไปเลยหรือ ? (ปลาย)

บทที่ 140 พวกเจ้าถึงกับซึมไปเลยหรือ ? (ปลาย)

หลีซิ่วจ้องหน้าเยี่ยฉวน แววตาเต็มไปด้วยความกระหายแห่งการฆ่า ชั่วเสี้ยววินาทีที่กำลังจะจู่โจมพลันบังเกิดเสียงดังขึ้นจากด้านข้าง “ฮ่าฮ่า คราแรกศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ท้าทายให้เข้ามาสู้กันตัวต่อตัว ทว่า ในตอนนี้ท่านกลับหมายจะข่มเหงผู้ที่ด้อยอาวุโสกว่าเช่นนั้นหรือ ?”

หลีซิ่วหันขวับมาทางต้นเสียง เผยให้เห็นว่าที่ไม่ไกลออกไปนั้นมีชายชราผลักรถเข็นซึ่งมีหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งบนรถเข็นนั้น พวกเขาเคลื่อนที่ออกมาเบื้องหน้าอย่างช้า ๆ เสียงของหญิงสาวผู้มีเปลือกตาปิดสนิทนั่นเอง

ชายกลางคนเขม้นมองทางหญิงสาวในชุดดำผู้มาใหม่ ทว่านางมิได้หวาดหวั่นแต่อย่างใด “สถานศึกษาฉางมู่จับตัวน้องสาวของเขาหวังให้พี่ชายตามมาที่นี่ พวกท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร ? สนุกนักหรือกับการข่มเหง ผู้ที่ด้อยอาวุโสกว่า ? หรือว่าเวลานี้ฉางมู่ไม่อาจตั้งความหวังกับคนรุ่นใหม่ได้เสียแล้ว ?

เมื่อได้ยินคำพูดของผู้มาใหม่ กลุ่มคนที่รายล้อมต่างออกความเห็นวิพากษ์วิจารณ์เสียงเซ็งแซ่ หลาย สายตาที่มองมายังรองอาจารย์ใหญ่มีหลากหลายความรู้สึก

“ข่มเหงผู้ด้อยอาวุโส ?”

“เป็นเรื่องที่น่าละอายใจจริง ๆ!”

ในตอนนั้นเอง บนเส้นทางขึ้นเขาฉางซานได้ปรากฏร่างของคนผู้หนึ่ง และที่เบื้องหลังคนผู้นั้นก็ได้มี ศิษย์แห่งฉางมู่ติดตามมาด้วยนับสิบคน !

ก่อนที่ในชั่วอึดใจนั้น ร่างที่ว่าพลันมาปรากฏต่อหน้าเยี่ยฉวน เขาคือเฟินเจี๋ย !

ส่วนกลุ่มคนที่ตามหลังเฟินเจี๋ย พวกมันเป็นศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่

เฟินเจี๋ยกวาดตามองเยี่ยฉวน จากนั้นหันหน้าไปทางหลีซิ่วซึ่งยืนใกล้กัน “รองอาจารย์ใหญ่ ข้าขอสู้กับ เขาได้หรือไม่ขอรับ ? ปล่อยเขาให้เป็นหน้าที่ของข้า !”

รองอาจารย์ใหญ่พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต พลางกล่าวสำทับ “อย่าประมาทฝีมือของศัตรู !”

ผู้ฟังเหยียดมุมปากพลางสายตากวาดมาทางเยี่ยฉวน “ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาตามหาน้องสาวเสียแล้ว นับว่ากล้าหาญไม่น้อย เจ้า…”

ทันใดนั้น ร่างของเยี่ยฉวนพลันหายวับไปจากจุดตรงหน้า

อีกฝ่ายเห็นเช่นนั้นพลันสีหน้าแปลกไปเพียงเล็กน้อย เขาเคลื่อนที่ว่องไวเฉกเดียวกันเมื่อปลายกระบี่ ของเยี่ยฉวนสะบัดตรงเข้ามาที่หน้า ทำการเบี่ยงหลบออกได้อย่างทันท่วงที ขณะเดียวกันมือก็ได้ตวัดกระบี่ แหวกอากาศออกไปพุ่งตรงในระดับเอวของเยี่ยฉวน

ควับ !

พลังลมแห่งคมกระบี่ซึ่งทะยานผ่านทางฝ่ามือ พุ่งเข้าหาจุดตายกึ่งกลางลำตัวของเยี่ยฉวน !

เยี่ยฉวนพลิกฝ่ามือ เหวี่ยงกระบี่ด้วยหลังมือพร้อมฟาดลงไปตรง ๆ

ตู้ม !

พลังลมแห่งกระบี่กระจายออกด้วยพลังปะทะของกระบี่ !

เสี้ยววินาทีนั้นเองเฟินเจี๋ยปรากฏกายขึ้นเหนือศีรษะเยี่ยฉวนอย่างกะทันหัน ก่อนพลันบังเกิดใบมีดลมพุ่งจากทุกทิศทางตรงหาเยี่ยฉวนอย่างรวดเร็ว

เยี่ยฉวนที่เห็นดังนั้นจึงกระทืบฝ่าเท้าลงบนพื้นดินผลักร่างทะยานขึ้นสู่อากาศ โดยไม่รอช้าเขาตวัด กระบี่ฟาดลงเบื้องล่างทันที !

หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา !

หลีซิ่วผู้อยู่ใกล้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน เมื่อเห็นเยี่ยฉวนออกพลังปะทะแห่งกระบี่ พลันสีหน้าแปร เปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความกล้าแกร่งของพลังนั้นหาใช่ผู้ที่มีขั้นพลังหลอมรวมลมปราณพึงใช้ได้ !

เฟินเจี๋ยไม่แตกต่างจากชายกลางคนด้วยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะมันเป็นสิ่งที่นอกเหนือความ คาดหมาย แท้จริงแล้วพลังกระบี่ของเยี่ยฉวนนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าที่พวกเขาคิดมากนัก !

หากกระบี่ที่เยี่ยฉวนผลักออกครั้งก่อนเป็นพลังปะทะที่ว่ารุนแรงแล้ว งั้นพลังแห่งกระบี่ครานี้ก็นับว่า สามารถทำลายล้างโลกได้เลยทีเดียว !

ความแตกต่างสองพลังในหนึ่งกระบี่ได้สร้างความกังขาขึ้นภายในใจของเฟินเจี๋ยอย่างยิ่งยวด ทว่าเขา ไม่อาจหยุดคิดได้นาน เขาประกบฝ่ามือเข้าหากันโดยแรงในทันทีทำให้เกิดกระแสลมพัดหมุนวนอย่างรุนแรงอยู่รอบตัว ฉับพลันกระแสลมหมุนก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นใบมีดลมมากมายพุ่งไปในทิศทางคมกระบี่ของเยี่ยฉวน !

อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เยี่ยฉวนฟาดกระบี่ตัดลงกลางใบมีดลมจนแตกกระจัดกระจายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ก่อนที่วินาทีต่อมา เยี่ยฉวนจะผลักออกลำแสงกระบี่พุ่งตรงเข้าหาคนเบื้องหน้า !!!!

ตู้ม !

ภาพที่ปรากฏพร้อมเสียงระเบิดกึกก้อง ร่างของเฟินเจี๋ยถอยกรูดราวกับมีแรงผลักมหาศาลจนไถลออก ไปไกลหลายจั้ง !

ทันทีที่หยุดชะงัก เยี่ยฉวนพลันทะยานวาบเข้าไปเบื้องหน้า พร้อมกระบี่ในมือฟาดฉับตัดอากาศ

เขาออกกระบี่ด้วยพลังปะทะหนึ่งกระบี่ชี้ชะตะเช่นเดียวกัน !

ความกล้าแกร่งของกระบี่ครั้งนี้ยิ่งกว่าครั้งก่อน ที่แรงผลักกดมหาศาลจนแม้แต่แผ่นดินยังสะท้านแยก แตกพินาศ !

สายตาว่องไวของเฟินเจี๋ยจับความเคลื่อนไหวเต็มสองตา ก่อนจะกระทืบฝ่าเท้าลงกับพื้นโต้ตอบ

เปรี้ยง !

ด้วยพลังต้านทานจากพื้นดิน ส่งร่างให้ล่าถอยจากจุดอย่างรวดเร็ว หากแต่กลับไม่อาจหลบพ้นคม กระบี่ของเยี่ยฉวนที่ฟาดฉับลงมาจากด้านบน

ตู้ม !

พื้นดินบริเวณนั้นแตกระเบิดออก พลังออกปะทะและลำแสงแห่งกระบี่พุ่งอัดร่างของเฟินเจี๋ยกลาง อากาศ ทันทีที่เขาตกกระแทกพื้นดิน เยี่ยฉวนพลันพุ่งวาบมาปรากฏกายต่อหน้าในมือขยับกระชับกระบี่และ ฟาดฉับอย่างรุนแรงที่ร่างของเฟินเจี๋ย !

ทันทีนั้นร่างหนึ่งพลันพุ่งพรวดออกจากด้านข้างเข้าหาเยี่ยฉวน

เป็นศิษย์แห่งฉางมู่คนหนึ่ง !

เหตุการณ์นั้นปรากฏต่อหน้ากลุ่มคนที่มาเฝ้าดู จึงบังเกิดเสียงเอะอะด้วยความไม่พอใจดังอึงอล

“ไหนว่าเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ?”

เยี่ยฉวนเปลี่ยนทิศทางไปยังผู้เข้าขวาง ในขณะนั้นเองเขาจึงเปลี่ยนทิศทางของคมกระบี่ที่กำลังฟาด ออกไปด้านขวามือ

ตู้ม !

พลังกระบี่พุ่งปะทะร่างของเจ้าศิษย์แห่งฉางมู่คนนั้นปลิวกระเด็นไปต่อหน้าต่อตา ก่อนที่ชายหนุ่มจะ เหวี่ยงสะบัดกระบี่ซัดออกหาคนที่กระเด็นไปผู้นั้น

ฉับ !

พลันศีรษะของศิษย์ผู้เคราะห์ร้ายขาดสะบั้นและปลิวหวือออกไปในระยะไกล !

โลหิตสาดกระเซ็นไปตลอดทางที่ศีรษะซึ่งปราศจากร่างกระเด็นตกไปไกลหลายจั้ง !

เยี่ยฉวนสะบัดมือขวา ส่งกระบี่หลิงซิ่วย้อนกลับเข้าสู่อุ้งมือผู้เป็นเจ้าของ ทำให้เฟินเจี๋ยซึ่งล่าถอยออก ไปหลายจั้ง ณ เบื้องหน้าในขณะนี้มีสีหน้าสีตาบ่งบอกว่าพิศวงยิ่ง

หาใช่เฟินเจี๋ยผู้เดียวที่รู้สึก ทว่ากองกำลังศิษย์แห่งฉางมู่ในลานต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

แน่ชัดว่าความกล้าแกร่งของเยี่ยฉวนที่พวกเขาเห็นในขณะนี้ เป็นสิ่งเหนือความคาดหมาย !

ยังก่อน เยี่ยฉวนไม่หยุดยั้งเพียงเท่านี้ เขาก้าวเดินตรงเข้าหาเฟินเจี๋ยรวมทั้งศิษย์แห่งฉางมู่กลุ่มใหญ่ เบื้องหน้า

ทุกคนในที่นั้นมองเขาด้วยสายตาตกตะลึง

“เขาคิดต่อสู้กับคนทั้งกลุ่มเช่นนั้นหรือ ?”

เฟินเจี๋ยคำรามจากด้านหน้า “วันนี้ไม่ข้าก็มันจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง !”

สิ้นเสียง เขากดนิ้วมือลงบริเวณหว่างคิ้ว ทันใดนั้นกระแสพลังชี่ฉายวาบออกจากร่างกาย !

ตู้ม !

กระแสพลังชนิดหนึ่งปะทุขึ้นเหนือชั้นอากาศบริเวณลานกว้าง

“พลังขั้นสันโดษ !”

เสียงใครบางคนตะโกนด้วยความตื่นเต้น “เขาต้องใช้ไม้ตายเป็นแน่ !”

ขณะที่เฟินเจี๋ยเดินตรงเข้าหาเยี่ยฉวนทีละก้าว แสงพลังเปล่งรัศมีล้อมรอบกายและยิ่งทวีความแรงขึ้น ทุกขณะ

ทว่าช่วงเวลานั้น ดูเหมือนว่าไม่มีใครทันสังเกตพลังบางอย่างที่ค่อยแทรกซึมเข้าสู่กายของเยี่ยฉวนจากล่างขึ้นบน…

ไม่นานนักระยะห่างของคนทั้งสองลดน้อยลงทุกขณะ เฟินเจี๋ยกำหมัดและพุ่งตรงออกไป

หมัดที่ผลักออกบรรจุพลังมหาศาลเทียบได้กับแรงอัดระเบิดของภูเขาไฟ สามารถสกัดเยี่ยฉวนให้ชะงักด้วยแรงปะทะฉับพลัน !

ขณะนั้นกระแสพลังปฐพีพลันแทรกซึมขึ้นสู่ร่างกายจากล่างขึ้นบนเต็มเพียบ เสี้ยววินาทีนั้นชายหนุ่ม พลันตวัดกระบี่ฟาดลงตรงทันที !

ตู้ม !

พลังต้านทานแห่งกระบี่กระแทกพลังหมัดของเฟินเจี๋ยแตกออกทันที อีกทั้งร่างของมันยังกระเด็นไปไกล และทันทีที่ตกกระแทกพื้นดิน ร่างของเยี่ยฉวนพลันปรากฏยืนค้ำอยู่ตรงหน้า เขายกกระบี่ฟันตรงใส่ร่างคนบนพื้นอย่างไม่ลังเล

“เยี่ยฉวน !”

จังหวะนั้น เสียงของหลีซิ่วดังก้องเข้าโสตประสาทของชายหนุ่ม “ถ้าเจ้าสังหารเขาวันนี้ สถานศึกษา ฉางมู่จะทำทุกวิถีทางให้ทั้งเจ้าและน้องต้องตายอย่างอนาถ เจ้า…”

ทันใดนั้น เยี่ยฉวนพลันตวัดฟาดกระบี่ลงเบื้องหน้าอย่างรุนแรง

ฉัวะ !

ร่างของเฟินเจี๋ยขาดสะบั้น

ชายหนุ่มเหวี่ยงสะบัดกระบี่ ตัดร่างของเฟินเจี๋ยจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โดยชิ้นเนื้อจัดเรียงเป็นตัวอักษรคำหนึ่งว่า ‘ฉาง’

เยี่ยฉวนเงยหน้าขึ้นมองไปยังกลุ่มศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ เสียงคำรามราวสัตว์ป่าเล็ดรอดไรฟัน “เป็นอะไรไป ? พวกเจ้าถึงกับซึมไปเลยหรือ ? เข้ามาเลย ไอ้พวกชาติชั่ว !”

Related

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

บทที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

“เจ็บสิ”

“เจ็บจะตายอยู่แล้ว !”

เยี่ยฉวนเพิ่งเคยรู้สึกอยากตายเป็นครั้งแรก !

มันเคยเป็นเพียงความเจ็บปวดของเลือดเนื้อภายนอกร่างกาย แต่คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในและเส้นเลือดทั้งหลายสั่นสะท้านราวกับกำลังแตกเป็นริ้ว ๆ นี่เป็นความเจ็บปวดในระดับที่ชายหนุ่มไม่เคยสัมผัสมาก่อน !

“เจ้าต้องอดทนไว้ !”

เยี่ยฉวนกัดฟันอย่างอดกลั้น ทั้งร่างยังไม่หยุดสั่น

เขาปรารถนาอย่างยิ่งที่จะหลับตาพักผ่อนสักครู่ แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าเขาทำไม่ได้ เมื่อหมดสติไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็เป็นไปได้ว่าคงไม่อาจฟื้นขึ้นมาอีก !

ถ้าข้าไม่ฟื้น จะเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวข้ากัน ?

นางอายุเพียง 12 ปี คนในตระกูลเยี่ยจะเมตตานางหรือไม่ ?

เมื่อคิดถึงเยี่ยหลิง เยี่ยฉวนพลันเงยหน้าขึ้นและร้องคำรามออกมา มือทั้งสองกำแน่น ส่วนใบหน้าก็เต็มไปด้วยสีสันที่บ้าคลั่ง “มาเลย เจ็บมากกว่านี้อีกสิ ฮ่า ๆ ข้าทนได้… ข้า… เจ็บปวดเหลือเกิน ยังไงก็ช่วยเพลาลงหน่อยเถอะ…”

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละน้อยจนเยี่ยฉวนไม่รับรู้แล้วว่าทั้งหมดนี้ใช้เวลานานเท่าใด ร่างกายของเขาทรุดลงราวกับร่างเนื้อที่ไร้ซึ่งกระดูกพยุง ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะเริ่มกระตุกคล้ายกับคนเป็นโรคลมชัก

อาการชักกระตุกนี้ยังคงดำเนินอยู่ประมาณ 1 เค่อ และเมื่อหยุดลง ร่างของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ !

เยี่ยฉวนนอนแผ่ราบไปกับพื้น เขาไม่เหลือแรงจะขยับตัวแล้ว !

ในเวลาเดียวกันนั้น ข้างนอกหอคอยแห่งเรือนจำพลันมีเมฆจำนวนมหาศาลรวมตัวกันบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย ทำให้ในไม่ช้าสายฝนเริ่มตกลงมา แต่ทว่าพื้นอื่นที่รอบด้านข้างท้องฟ้ากลับแจ่มใสและมีแสงแดดจ้า พร้อมกันนั้นข้างบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย สายรุ้งอันบางเบาค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน และเมื่อรุ้งสายแรกโผล่ขึ้นมา รุ้งสายที่สองก็ปรากฏขึ้นตาม เช่นเดียวกับรุ้งสายที่สามที่กำลังค่อย ๆ ปรากฏขึ้นภายในหอคอยแห่งเรือนจำนั้น ก่อนที่จู่ ๆ เยี่ยฉวนจะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยและรุ้งสายที่สามจะพลันหายวับไป

นี่คือนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์ !

ทุกคนในเมืองชิงปั่นป่วน !

อัจฉริยะได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วระหว่างสองพิภพ เมื่อมีเหตุการณ์ผ่านด่านหรือทะลวงเลื่อนขั้นได้ พวกเขาจะดึงดูดนิมิตของทั้งสวรรค์และโลกมนุษย์ หากจะว่ากันตามจริงแล้ว เรื่องนี้เคยเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่าเท่านั้น แต่มาบัดนี้เหตุการณ์อัศจรรย์ได้เกิดขึ้นแล้วในเมืองชิง ดังนั้นทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังข้างบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย

ณ จวนตระกูลเยี่ย ผู้เฒ่าสูงสุด บรรดาผู้อาวุโสและทุกคนในตระกูลต่างมารวมตัวที่ลานกว้างกันพร้อมหน้า ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยคำนับฟ้าและกล่าวอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาครอบครัวตระกูลเยี่ยและเยี่ยหลาง !”

ทุกคนในตระกูลเยี่ยคุกเข่าและคำนับลงพร้อมกัน !

ในเวลานี้ ทุกคนในจวนตระกูลเยี่ยต่างยินดีปรีดาอย่างที่สุด !

ภายในคฤหาสน์ตระกูลเจียง

ชายชรามองไปที่นิมิตแห่งสวรรค์และโลกเหนือจวนตระกูลเยี่ยก่อนที่สีหน้าของเขาจะกลายเป็นน่าเกลียด “เจ้าเยี่ยหลางช่างยิ่งใหญ่อะไรปานนั้น ! เขาสามารถดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมาได้… ใครก็ได้ ไปตามผู้นำตระกูลจางและตระกูลหลีมาที่นี่ที บอกว่าข้ามีเรื่องต้องการหารือ”

ในเมืองชิง วิญญาณนกพิราบผู้พิทักษ์นับไม่ถ้วนโผขึ้นฟ้าแล้วบินไปทุกทิศทุกทาง ภาพนี้เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นนัก !

เรื่องที่ตระกูลเยี่ยมีผู้ถูกเลือกอยู่หนึ่งคนนั้นไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด และถึงแม้ว่าผู้ถูกเลือกนั้นจะหาได้ยากยิ่ง แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์ถึงขนาดดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมาได้นั้นกลับหายากยิ่งกว่า

เป็นที่รู้กันดีว่าต่อแต่นี้ไป ตระกูลเยี่ยได้ถูกยกระดับให้สูงขึ้นแล้ว !

ไม่ใช่เพียงแต่ในเมืองชิง แต่ยังหมายถึงทั่วในแคว้นเจียงทั้งหมดหรือแม้แต่ในทวีปชิงก็ตาม

ขณะนี้ทุกคนในจวนตระกูลเยี่ยเกือบจะพากันลุกฮือด้วยความตื่นเต้น นอกจากนี้เบี้ยเลี้ยงส่วนตัวของแต่ละคนยังถูกปรับขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งเดือนเพื่อเป็นสินน้ำใจ และไม่เพียงเท่านั้น ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยยังได้ตรงเข้าไปหาผู้นำตระกูลเพื่อให้ท่านได้มอบตำแหน่งผู้นำรุ่นเยาว์ให้แก่เยี่ยหลางอีกด้วย

ผู้นำรุ่นเยาว์นั้นเป็นตำแหน่งที่แตกต่างจากผู้สืบทอดของตระกูล ตำแหน่งผู้สืบทอดนั้นหมายถึงผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลในอนาคต แต่ตำแหน่งผู้นำรุ่นเยาว์นั้นมีศักดิ์และอำนาจมากเป็นอันดับสองรองจากประมุขสูงสุดแห่งตระกูลเยี่ยแต่เพียงผู้เดียว แม้ว่าผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยจะกระทำเกินกว่าอำนาจ แต่เขาก็ไม่สน นั่นเพราะในเร็ว ๆ นี้เยี่ยหลางกำลังจะกลายเป็นอัจฉริยะแห่งยุคที่นานปีจะมีให้พบได้สักหนึ่งหน กระนั้นแล้วท่านผู้นำตระกูลจะสามารถทำอะไรเขาได้ ?

ในวันข้างหน้า วาสนาทั้งหมดของตระกูลเยี่ยคงต้องพึ่งพาเยี่ยหลางแล้ว !

ที่ลานหน้าจวน เยี่ยหลางเงยหน้าขึ้นมองนิมิตบนท้องฟ้า คิ้วขมวดเป็นปมแน่น

เขาทะลวงเลื่อนขั้นได้แล้ว !

เขาได้เลื่อนจากขั้นที่หก ผสานลมปราณเข้าสู่ขั้นหลอมรวมลมปราณ !

แต่กระนั้นเยี่ยหลางก็ยังคลางแคลงใจอยู่ เมื่อ 2 ชั่วยามที่แล้วเขาสำเร็จพลังขั้นหลอมรวมลมปราณได้ แต่นิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์กลับเพิ่งมาปรากฏเอาตอนนี้ ! ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่อาจแน่ใจได้ว่า นิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์คราวนี้นั้นเกิดจากตนหรือไม่ !

ไม่นานนัก เยี่ยหลางพลันยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “หึ หากไม่ใช่ข้าแล้วใครกันเล่าที่จะมีความสามารถในการดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกนี้ ? ดูเหมือนว่าชีวิตนี้ โชคชะตาจะกำหนดให้ข้าเป็นผู้ครอบครองพรสวรรค์อันสุดยอด !”

หลังจากกล่าวได้ดังนั้น เยี่ยหลางก็พลันหมุนตัวและเดินจากไป

ณ หอคอยแห่งเรือนจำ

เยี่ยฉวนนอนอยู่บนพื้น เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ได้ ในตอนนั้นเองเสียงของสตรีลึกลับพลันดังขึ้นภายในห้อง “ลุกขึ้นเสีย แล้วจงดูที่ร่างกายของเจ้า !”

เยี่ยฉวนค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นและก้มลงมองร่างของตัวเอง เขาชะงักไปทันทีเพราะตอนนี้ผิวของเขามีประกายสีทองจาง ๆ แผ่ออกมา !

“นี่มันอะไรกัน ?” เยี่ยฉวนมองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน

สตรีลึกลับกล่าว “ขั้นกายาทองคำนั้นหมายถึงการปลูกฝังทองคำลงภายในกายหยาบของให้หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่างกายที่ถือเป็นรากฐาน เจ้าจึงจำเป็นจะต้องมีพื้นฐานเสียก่อน แต่การที่พื้นฐานของเจ้าจะดีหรือไม่นั้น ก็มิได้เป็นตัวตัดสินว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหน …คนธรรมดาทั่วไปมัวแต่เพียงฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายภายนอก แต่ละเลยความมั่นคงจากอวัยวะภายใน ทว่าในความเป็นจริงแล้วต้องเริ่มฝึกฝนจากภายในจึงจะดีที่สุด เมื่อกล้ามเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายในทั้งหมดของเจ้าแข็งแรงเท่านั้นจึงจะสามารถทนรับต่อแรงปะทะจากภายนอกได้ แม้ว่าเจ้าจะได้รับความเจ็บปวดเหนือมนุษย์ในตอนนี้ แต่มันก็จะเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้า หรือหากเจ้าลองมองให้ดี เจ้าก็จะเห็นประโยชน์ของมันตั้งแต่ตอนนี้”

เยี่ยฉวนสูดลมหายใจเข้าจนลึกแล้วประสานมืออย่างช้า ๆ ขณะนี้เขารู้สึกได้เลยว่าลมปราณภายในปั่นป่วนพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง !

เมื่อรู้สึกได้เช่นนี้ เยี่ยฉวนก็บังเกิดความยินดีเหลือประมาณ

จริงดังที่สตรีลึกลับกล่าว ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเมื่อก่อน !

ไม่เพียงเท่านั้น หากจะพูดถึงความแข็งแกร่งแล้ว เทียบกับเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย อาจกล่าวได้ว่าชายหนุ่มไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิดหากตอนนี้จะต้องประมือกับคู่ต่อสู้ตัวฉกาจแบบตัวต่อตัว ยกตัวอย่างเช่น ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยที่ถึงแม้จะมีลำดับพลังอยู่ในขั้นผสานลมปราณ แต่ก็ใช้ชีวิตแบบสุขสบายมาตลอด ไม่เคยต้องได้รับความยากลำบากอะไร

เยี่ยฉวนรีบร้อนถามเมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ “ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้น้องสาวข้าได้รับความเจ็บป่วยทุกข์ทรมาณจากพิษธาตุเย็น ท่านพอจะช่วยได้หรือไม่ ?”

สตรีลึกลับนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นน่ะหรือ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว

สตรีลึกลับพลันกล่าว “แน่นอน ข้ามีหนทางรักษานาง แต่น้องสาวของเจ้าไม่อาจเข้ามาในหอคอยแห่งนี้ได้”

“ทำไม ?” เยี่ยฉวนงงงวย

สตรีลึกลับตอบ “จิตวิญญาณของหอคอยนี้กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงลึกแห่งภวังค์ แม้ว่าตอนนี้มันจะยอมรับเจ้าเป็นเจ้านาย แต่เจ้าก็ยังไม่ได้ครอบครองกฎแห่งเต๋าเลยแม้แต่ข้อเดียว ดังนั้นเจ้าจึงไม่สามารถพาคนอื่นมาที่นี่ได้ หรือหากเจ้าดึงดันจะพาใครสักคนเข้ามา มันก็จะกำจัดคนแปลกหน้าผู้นั้นทันทีโดยสัญชาตญาณ”

เมื่อได้ยินดังนี้ใบหน้าของเยี่ยฉวนจึงสลดลง “ดูเหมือนคงมีแต่ข้าจะต้องพาน้องสาวเข้าไปหาหมอในเมืองหลวงเท่านั้น”

ขณะนี้เขาเองก็เปรียบเสมือนลูกนกที่ใกล้จะแตกรัง กล่าวคือหากเขาต้องการที่จะบรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณให้ได้ เขาก็ต้องตามหาวิญญาณกระบี่เพื่อจะดูดซับเข้าไป แต่วิญญาณกระบี่ขั้นสูงนั้นสูงค่ามากจนมิอาจประมาณค่าได้ ทั่วทั้งเมืองชิงอาจจะมีแค่เล่มเดียวเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตระกูลเยี่ยจะมีในครอบครองเลย ! แต่ในสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองในแคว้นเจียงอย่างเมืองหลวง ไม่แน่ว่าอาจจะมีวิญญาณกระบี่อยู่บ้างก็ได้ !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset