หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 143 มันต้องตาย ! (ต้น)

บทที่ 143 มันต้องตาย ! (ต้น)

กู่มู่ชะงักงัน !

ผู้ที่เพิ่งปรากฏกายออกมาเบื้องหน้าเขามิใช่ใคร อาจารย์ใหญ่จี้ อาจารย์ใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางหลานนั่นเอง

อีกฝ่ายชำเลืองมองอาจารย์ใหญ่จี้พลางเหยียดมุมปากเชิงเยาะหยัน เขาทำท่าอ้าปากเพื่อพูดบางอย่าง ฉับพลันอาจารย์ใหญ่จี้ก็ได้อันตรธานไปต่อหน้า

ผัวะ !

ท่ามกลางสายตาทุกคู่ พวกเขาเห็นกับตาเมื่อร่างของกู่มู่กระเด็นห่างออกไปไกลกว่าสามสิบจั้ง !

ทุกคนตกตะลึงชะงักงัน

กู่มู่ คนผู้นี้นั้นมีพลังกล้าแกร่งอยู่ในขั้นผสานเทพ !

ชายชราผู้ที่เพิ่งถูกปะทะออกไปขยับลุกขึ้น สีหน้าบ่งบอกว่าตกใจไม่น้อย “เจ้า… ทำไมเจ้าจึง…”

ในแคว้นเจียงนี้ เขานับเป็นผู้กล้าแกร่งในพลังขั้นผสานเทพ อีกทั้งพลังยังแข็งแกร่งมากที่สุดคนหนึ่ง ทว่าตอนนี้พลังปะทะของเขากลับล้มเหลวด้วยอาจารย์ใหญ่จี้ขยับออกเพียงก้าวเดียว

ทันใดนั้นอาจารย์ใหญ่จี้ก้าวเท้าออกไปข้าวหน้า ฉับพลันร่างได้มาปรากฏเบื้องหน้ากู่มู่

ระยะห่างสามสิบจั้ง เขากลับก้าวเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น !

ร่นระยะทาง !

ตัวกู่มู่เอง เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นสีหน้าพลันตระหนกอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงที่พูดแฝงความหวาดกลัวเจือ ในนั้น “เจ้ามิได้เป็นเพียงขั้นผสานเทพ…”

ผัวะ !

ชายชราไม่มีโอกาสจบประโยค เพราะร่างทั้งร่างปลิวหวือไปในอากาศ

อาจารย์ใหญ่จี้ฉวยไหสุราจากแขวนที่เอวขึ้นดื่มอั้ก จากนั้นพุ่งหมัดกระแทกออกในระยะไกล

ตู้ม !

แรงสะท้านนั่นสะเทือนตลอดจนที่ว่างในอากาศ !

ร่างกู่มู่ซึ่งลอยละลิ่วสีหน้าแปรเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง แรงผลักดันแห่งพลังชี่กระแทกร่างจนสั่นคลอน ทันทีที่ปรากฏแรงผลักกลับจางหายไปราวหมอกควัน ขณะนั้นเองมันก็ได้เกิดรูกลวงบริเวณหน้าอก ก่อนที่ร่างจะ กระแทกกับสันเขา ซึ่งอยู่ไม่ไกลทางด้านหลังอย่างรุนแรง

กลุ่มศิษย์ในลานต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง !

ร่างของกู่มู่ตกลงบนพื้น สายตาจ้องเขม็งที่อาจารย์ใหญ่จี้จากระยะไกล “เจ้า… เจ้าปิดบังความกล้า แกร่งไว้อย่างมิดชิด…”

อาจารย์ใหญ่จี้ไม่ได้ใส่ใจต่อกู่มู่ที่กำลังจะสิ้นชีพ ชายชราหันกลับมาทางเยี่ยฉวน ซึ่งในเวลานั้นก็ได้มี คนอีกสองคนถลันเข้าไปหาชายหนุ่ม

สองคนที่ว่าคือโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อ

ทันทีที่เห็นสภาพของเยี่ยฉวน คนทั้งสองหน้าซีดเผือด

สภาพของเยี่ยฉวนในเวลานี่ปรากฏบาดแผลทั่วร่างกาย นอกจากนั้นมุมปากยังมีโลหิตสดไหลซึมไม่ หยุด หนำซ้ำยังไม่มีทีท่าจะหยุดเสียด้วย !

ชัดเจนว่าเขามิได้สาหัสเฉพาะภายนอก ทว่าบอบช้ำภายในเช่นกัน !

ในตอนนั้นเอง โม่อวิ๋นฉีโกรธจัด เขาหันมองไปยังคนรอบข้างและชี้มือไปที่กู่มู่ คำรามเกรี้ยวกราด “ผู้อาวุโสเฮงซวย ไอ้สุนัขเฒ่า นี่เป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวระหว่างศิษย์ แต่เจ้ากลับมาข่มเหงรังแกกัน พวกสารเลว ฉางมู่ ! ไร้ยางอายสิ้นดี !”

ไป๋เจ๋ออีกด้านพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “พวกเจ้ามันน่าอับอายนัก !”

พลันมีเสียงของอาจารย์ใหญ่จี้ดังขึ้นว่า “พาเขากลับไป !”

“กลับหรือ ?”

เยี่ยฉวนผุดลุกขึ้นในทันที สายตาจ้องเป๋งไปที่อาจารย์ใหญ่พลางพูดว่า “เหตุใดข้าต้องกลับด้วย ? ข้าไม่กลับ !”

จากนั้น เขาจึงหันไปทางเหล่าศิษย์แห่งฉางมู่ซึ่งยืนอยู่ในระยะไกล พลันร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “อาจารย์ใหญ่จี้ จริงอยู่สถานศึกษาฉางหลานของเรามีคนเพียงไม่กี่คน แล้วอย่างไร ? ถึงพวกเราจะน้อย แต่เรา ไม่ขี้ขลาดตาขาว วันนี้เรามาร่วมกันต่อสู้กับฉางหลาน ฆ่าหนึ่งคนเราได้เพียงเสมอตัว แต่ถ้าฆ่าได้อีกคนพวกเราชนะ !”

ผู้ที่อยู่ข้างเยี่ยฉวนคือโม่อวิ๋นฉี เขาพยักหน้าสนับสนุน หันไปพูดกับอาจารย์ใหญ่จี้ว่า “ท่านอาจารย์จี้ พวกฉางมู่ล้ำเส้นพวกเราก่อน พวกมันบุกขึ้นไปถึงสถานศึกษาของเราแล้วจับเยี่ยหลิง ข่มเหงรังแกพวกเรา ตอนนี้ท่านยังจะให้เรากลับไปอย่างนั้นหรือขอรับ ? ข้าไม่ต้องการเป็นคนอ่อนแอเช่นนั้น ! และจะไม่มีวันกลับ แต่จะ ขออยู่ต่อสู้กับพวกมัน ท่านรับมือกับพวกอาจารย์ ส่วนพวกเราสามคนจะจัดการเหล่าศิษย์พวกนี้เองขอรับ !”

ไป๋เจ๋อเข้ามายืนข้างโม่อวิ๋นฉี เขากำหมัดเกร็งแน่น “สู้ !”

อาจารย์ใหญ่จี้หันมาจ้องหน้าสามหนุ่ม “พวกเจ้าแน่ใจนะว่าจะสู้ ?”

โม่อวิ๋นฉีกำลังอ้าปากจะตอบ เยี่ยฉวนพลันพุ่งพรวดเข้าหากลุ่มศิษย์แห่งฉางมู่พร้อมด้วยกระบี่กระชับ ในมือ !

เขาตกตะลึงเมื่อเห็นเช่นนั้น “อะไรกัน ? ใครอนุญาตให้เจ้าจู่โจมก่อน ?!”

ดังนั้น ทั้งโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อจึงรุดเร่งติดตามหลังเยี่ยฉวนโดยไม่รีรอ !

นอกจากไป๋เจ๋อและโม่อวิ๋นฉี ยังมีอีกคนหนึ่งที่ตามมาสมทบ จี้อันซื่อ !

คนทั้งสี่ออกไปเผชิญหน้ากับศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ !

เมื่อเห็นว่าทั้งสี่คนมุ่งหน้าเข้าหากลุ่มศิษย์ฉ่างมู่ อาจารย์ใหญ่จี้นิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนจะหันไปทางหลีซิ่ว และคนอื่นซึ่งยืนไม่ห่างออกไป “พวกเจ้าคนไหนที่ขั้นพลังเหนือกว่าทะยานสวรรค์ ถ้ากล้าออกมาเมื่อไหร่เป็นได้ตายแน่ !”

ฉับพลันที่ได้ยินวาจาของอาจารย์ใหญ่จี้ หลีซิ่วพลันหน้าบูดบึ้งงอง้ำ เขาหันไปถามชายชราที่ยืนใกล้ว่า “ท่านแจ้งอาจารย์ใหญ่แล้วหรือไม่ ?”

ชายชราพยักหน้า “อาจารย์ใหญ่กำลังจะมาถึงภายในเวลาหนึ่งถ้วยชา !

หลีซิ่วพยักหน้ารับรู้ “บางทีคงมีเพียงท่านอาจารย์ใหญ่ จึงรับมืออาจารย์ใหญ่จี้ที่อยู่ตรงหน้านี้ได้ !”

“หากสิ้นอาจารย์ใหญ่จี้ เยี่ยฉวนและคนอื่นไม่รอดแน่ !”

รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมไร้ปรานีผุดขึ้นมุมปาก “พวกเจ้าออกไปสู้กับพวกมัน สู้ไปพร้อมกัน”

ทันทีที่ได้ยินคำสั่งจากหลีซิ่ว กลุ่มศิษย์ฉางมู่พากันดาหน้าเข้าหาเยี่ยฉวนและพวกทันที !

กลุ่มศิษย์หนึ่งร้อยคน !

แต่ละคนขั้นพลังไม่ต่ำกว่าหลอมรวมลมปราณ !

เมื่อเห็นศิษย์แห่งฉางมู่ราวหนึ่งร้อยกำลังดาหน้าตรงเข้าหา โม่อวิ๋นฉีนัยน์ตาเบิกกว้าง “พี่ชาย พวกมันมีมากเหลือเกิน !”

ไป๋เจ๋อที่ยืนเยื้องออกไปหันมาถาม “กลัวหรือ ?”

โม่อวิ๋นฉีถึงกับเลือดขึ้นหน้า “ข้าไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น ลุยเลยสิ…”

Related

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

บทที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

“เจ็บสิ”

“เจ็บจะตายอยู่แล้ว !”

เยี่ยฉวนเพิ่งเคยรู้สึกอยากตายเป็นครั้งแรก !

มันเคยเป็นเพียงความเจ็บปวดของเลือดเนื้อภายนอกร่างกาย แต่คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในและเส้นเลือดทั้งหลายสั่นสะท้านราวกับกำลังแตกเป็นริ้ว ๆ นี่เป็นความเจ็บปวดในระดับที่ชายหนุ่มไม่เคยสัมผัสมาก่อน !

“เจ้าต้องอดทนไว้ !”

เยี่ยฉวนกัดฟันอย่างอดกลั้น ทั้งร่างยังไม่หยุดสั่น

เขาปรารถนาอย่างยิ่งที่จะหลับตาพักผ่อนสักครู่ แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าเขาทำไม่ได้ เมื่อหมดสติไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็เป็นไปได้ว่าคงไม่อาจฟื้นขึ้นมาอีก !

ถ้าข้าไม่ฟื้น จะเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวข้ากัน ?

นางอายุเพียง 12 ปี คนในตระกูลเยี่ยจะเมตตานางหรือไม่ ?

เมื่อคิดถึงเยี่ยหลิง เยี่ยฉวนพลันเงยหน้าขึ้นและร้องคำรามออกมา มือทั้งสองกำแน่น ส่วนใบหน้าก็เต็มไปด้วยสีสันที่บ้าคลั่ง “มาเลย เจ็บมากกว่านี้อีกสิ ฮ่า ๆ ข้าทนได้… ข้า… เจ็บปวดเหลือเกิน ยังไงก็ช่วยเพลาลงหน่อยเถอะ…”

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละน้อยจนเยี่ยฉวนไม่รับรู้แล้วว่าทั้งหมดนี้ใช้เวลานานเท่าใด ร่างกายของเขาทรุดลงราวกับร่างเนื้อที่ไร้ซึ่งกระดูกพยุง ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะเริ่มกระตุกคล้ายกับคนเป็นโรคลมชัก

อาการชักกระตุกนี้ยังคงดำเนินอยู่ประมาณ 1 เค่อ และเมื่อหยุดลง ร่างของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ !

เยี่ยฉวนนอนแผ่ราบไปกับพื้น เขาไม่เหลือแรงจะขยับตัวแล้ว !

ในเวลาเดียวกันนั้น ข้างนอกหอคอยแห่งเรือนจำพลันมีเมฆจำนวนมหาศาลรวมตัวกันบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย ทำให้ในไม่ช้าสายฝนเริ่มตกลงมา แต่ทว่าพื้นอื่นที่รอบด้านข้างท้องฟ้ากลับแจ่มใสและมีแสงแดดจ้า พร้อมกันนั้นข้างบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย สายรุ้งอันบางเบาค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน และเมื่อรุ้งสายแรกโผล่ขึ้นมา รุ้งสายที่สองก็ปรากฏขึ้นตาม เช่นเดียวกับรุ้งสายที่สามที่กำลังค่อย ๆ ปรากฏขึ้นภายในหอคอยแห่งเรือนจำนั้น ก่อนที่จู่ ๆ เยี่ยฉวนจะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยและรุ้งสายที่สามจะพลันหายวับไป

นี่คือนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์ !

ทุกคนในเมืองชิงปั่นป่วน !

อัจฉริยะได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วระหว่างสองพิภพ เมื่อมีเหตุการณ์ผ่านด่านหรือทะลวงเลื่อนขั้นได้ พวกเขาจะดึงดูดนิมิตของทั้งสวรรค์และโลกมนุษย์ หากจะว่ากันตามจริงแล้ว เรื่องนี้เคยเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่าเท่านั้น แต่มาบัดนี้เหตุการณ์อัศจรรย์ได้เกิดขึ้นแล้วในเมืองชิง ดังนั้นทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังข้างบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย

ณ จวนตระกูลเยี่ย ผู้เฒ่าสูงสุด บรรดาผู้อาวุโสและทุกคนในตระกูลต่างมารวมตัวที่ลานกว้างกันพร้อมหน้า ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยคำนับฟ้าและกล่าวอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาครอบครัวตระกูลเยี่ยและเยี่ยหลาง !”

ทุกคนในตระกูลเยี่ยคุกเข่าและคำนับลงพร้อมกัน !

ในเวลานี้ ทุกคนในจวนตระกูลเยี่ยต่างยินดีปรีดาอย่างที่สุด !

ภายในคฤหาสน์ตระกูลเจียง

ชายชรามองไปที่นิมิตแห่งสวรรค์และโลกเหนือจวนตระกูลเยี่ยก่อนที่สีหน้าของเขาจะกลายเป็นน่าเกลียด “เจ้าเยี่ยหลางช่างยิ่งใหญ่อะไรปานนั้น ! เขาสามารถดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมาได้… ใครก็ได้ ไปตามผู้นำตระกูลจางและตระกูลหลีมาที่นี่ที บอกว่าข้ามีเรื่องต้องการหารือ”

ในเมืองชิง วิญญาณนกพิราบผู้พิทักษ์นับไม่ถ้วนโผขึ้นฟ้าแล้วบินไปทุกทิศทุกทาง ภาพนี้เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นนัก !

เรื่องที่ตระกูลเยี่ยมีผู้ถูกเลือกอยู่หนึ่งคนนั้นไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด และถึงแม้ว่าผู้ถูกเลือกนั้นจะหาได้ยากยิ่ง แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์ถึงขนาดดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมาได้นั้นกลับหายากยิ่งกว่า

เป็นที่รู้กันดีว่าต่อแต่นี้ไป ตระกูลเยี่ยได้ถูกยกระดับให้สูงขึ้นแล้ว !

ไม่ใช่เพียงแต่ในเมืองชิง แต่ยังหมายถึงทั่วในแคว้นเจียงทั้งหมดหรือแม้แต่ในทวีปชิงก็ตาม

ขณะนี้ทุกคนในจวนตระกูลเยี่ยเกือบจะพากันลุกฮือด้วยความตื่นเต้น นอกจากนี้เบี้ยเลี้ยงส่วนตัวของแต่ละคนยังถูกปรับขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งเดือนเพื่อเป็นสินน้ำใจ และไม่เพียงเท่านั้น ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยยังได้ตรงเข้าไปหาผู้นำตระกูลเพื่อให้ท่านได้มอบตำแหน่งผู้นำรุ่นเยาว์ให้แก่เยี่ยหลางอีกด้วย

ผู้นำรุ่นเยาว์นั้นเป็นตำแหน่งที่แตกต่างจากผู้สืบทอดของตระกูล ตำแหน่งผู้สืบทอดนั้นหมายถึงผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลในอนาคต แต่ตำแหน่งผู้นำรุ่นเยาว์นั้นมีศักดิ์และอำนาจมากเป็นอันดับสองรองจากประมุขสูงสุดแห่งตระกูลเยี่ยแต่เพียงผู้เดียว แม้ว่าผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยจะกระทำเกินกว่าอำนาจ แต่เขาก็ไม่สน นั่นเพราะในเร็ว ๆ นี้เยี่ยหลางกำลังจะกลายเป็นอัจฉริยะแห่งยุคที่นานปีจะมีให้พบได้สักหนึ่งหน กระนั้นแล้วท่านผู้นำตระกูลจะสามารถทำอะไรเขาได้ ?

ในวันข้างหน้า วาสนาทั้งหมดของตระกูลเยี่ยคงต้องพึ่งพาเยี่ยหลางแล้ว !

ที่ลานหน้าจวน เยี่ยหลางเงยหน้าขึ้นมองนิมิตบนท้องฟ้า คิ้วขมวดเป็นปมแน่น

เขาทะลวงเลื่อนขั้นได้แล้ว !

เขาได้เลื่อนจากขั้นที่หก ผสานลมปราณเข้าสู่ขั้นหลอมรวมลมปราณ !

แต่กระนั้นเยี่ยหลางก็ยังคลางแคลงใจอยู่ เมื่อ 2 ชั่วยามที่แล้วเขาสำเร็จพลังขั้นหลอมรวมลมปราณได้ แต่นิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์กลับเพิ่งมาปรากฏเอาตอนนี้ ! ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่อาจแน่ใจได้ว่า นิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์คราวนี้นั้นเกิดจากตนหรือไม่ !

ไม่นานนัก เยี่ยหลางพลันยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “หึ หากไม่ใช่ข้าแล้วใครกันเล่าที่จะมีความสามารถในการดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกนี้ ? ดูเหมือนว่าชีวิตนี้ โชคชะตาจะกำหนดให้ข้าเป็นผู้ครอบครองพรสวรรค์อันสุดยอด !”

หลังจากกล่าวได้ดังนั้น เยี่ยหลางก็พลันหมุนตัวและเดินจากไป

ณ หอคอยแห่งเรือนจำ

เยี่ยฉวนนอนอยู่บนพื้น เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ได้ ในตอนนั้นเองเสียงของสตรีลึกลับพลันดังขึ้นภายในห้อง “ลุกขึ้นเสีย แล้วจงดูที่ร่างกายของเจ้า !”

เยี่ยฉวนค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นและก้มลงมองร่างของตัวเอง เขาชะงักไปทันทีเพราะตอนนี้ผิวของเขามีประกายสีทองจาง ๆ แผ่ออกมา !

“นี่มันอะไรกัน ?” เยี่ยฉวนมองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน

สตรีลึกลับกล่าว “ขั้นกายาทองคำนั้นหมายถึงการปลูกฝังทองคำลงภายในกายหยาบของให้หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่างกายที่ถือเป็นรากฐาน เจ้าจึงจำเป็นจะต้องมีพื้นฐานเสียก่อน แต่การที่พื้นฐานของเจ้าจะดีหรือไม่นั้น ก็มิได้เป็นตัวตัดสินว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหน …คนธรรมดาทั่วไปมัวแต่เพียงฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายภายนอก แต่ละเลยความมั่นคงจากอวัยวะภายใน ทว่าในความเป็นจริงแล้วต้องเริ่มฝึกฝนจากภายในจึงจะดีที่สุด เมื่อกล้ามเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายในทั้งหมดของเจ้าแข็งแรงเท่านั้นจึงจะสามารถทนรับต่อแรงปะทะจากภายนอกได้ แม้ว่าเจ้าจะได้รับความเจ็บปวดเหนือมนุษย์ในตอนนี้ แต่มันก็จะเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้า หรือหากเจ้าลองมองให้ดี เจ้าก็จะเห็นประโยชน์ของมันตั้งแต่ตอนนี้”

เยี่ยฉวนสูดลมหายใจเข้าจนลึกแล้วประสานมืออย่างช้า ๆ ขณะนี้เขารู้สึกได้เลยว่าลมปราณภายในปั่นป่วนพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง !

เมื่อรู้สึกได้เช่นนี้ เยี่ยฉวนก็บังเกิดความยินดีเหลือประมาณ

จริงดังที่สตรีลึกลับกล่าว ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเมื่อก่อน !

ไม่เพียงเท่านั้น หากจะพูดถึงความแข็งแกร่งแล้ว เทียบกับเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย อาจกล่าวได้ว่าชายหนุ่มไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิดหากตอนนี้จะต้องประมือกับคู่ต่อสู้ตัวฉกาจแบบตัวต่อตัว ยกตัวอย่างเช่น ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยที่ถึงแม้จะมีลำดับพลังอยู่ในขั้นผสานลมปราณ แต่ก็ใช้ชีวิตแบบสุขสบายมาตลอด ไม่เคยต้องได้รับความยากลำบากอะไร

เยี่ยฉวนรีบร้อนถามเมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ “ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้น้องสาวข้าได้รับความเจ็บป่วยทุกข์ทรมาณจากพิษธาตุเย็น ท่านพอจะช่วยได้หรือไม่ ?”

สตรีลึกลับนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นน่ะหรือ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว

สตรีลึกลับพลันกล่าว “แน่นอน ข้ามีหนทางรักษานาง แต่น้องสาวของเจ้าไม่อาจเข้ามาในหอคอยแห่งนี้ได้”

“ทำไม ?” เยี่ยฉวนงงงวย

สตรีลึกลับตอบ “จิตวิญญาณของหอคอยนี้กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงลึกแห่งภวังค์ แม้ว่าตอนนี้มันจะยอมรับเจ้าเป็นเจ้านาย แต่เจ้าก็ยังไม่ได้ครอบครองกฎแห่งเต๋าเลยแม้แต่ข้อเดียว ดังนั้นเจ้าจึงไม่สามารถพาคนอื่นมาที่นี่ได้ หรือหากเจ้าดึงดันจะพาใครสักคนเข้ามา มันก็จะกำจัดคนแปลกหน้าผู้นั้นทันทีโดยสัญชาตญาณ”

เมื่อได้ยินดังนี้ใบหน้าของเยี่ยฉวนจึงสลดลง “ดูเหมือนคงมีแต่ข้าจะต้องพาน้องสาวเข้าไปหาหมอในเมืองหลวงเท่านั้น”

ขณะนี้เขาเองก็เปรียบเสมือนลูกนกที่ใกล้จะแตกรัง กล่าวคือหากเขาต้องการที่จะบรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณให้ได้ เขาก็ต้องตามหาวิญญาณกระบี่เพื่อจะดูดซับเข้าไป แต่วิญญาณกระบี่ขั้นสูงนั้นสูงค่ามากจนมิอาจประมาณค่าได้ ทั่วทั้งเมืองชิงอาจจะมีแค่เล่มเดียวเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตระกูลเยี่ยจะมีในครอบครองเลย ! แต่ในสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองในแคว้นเจียงอย่างเมืองหลวง ไม่แน่ว่าอาจจะมีวิญญาณกระบี่อยู่บ้างก็ได้ !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset