หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 155 หามีผู้กล้าสักคนไม่ ! (ต้น)

บทที่ 155 หามีผู้กล้าสักคนไม่ ! (ต้น)

มองเห็นตัวอักษรเรียงราย เหล่าศิษย์แห่งฉางมู่ต่างหน้าตาบิดเบี้ยวเหยเก !

เยี่ยฉวนทำให้คนฉางมู่ต้องอับอายจนไม่อาจปิดบัง ! ศิษย์ส่วนหนึ่งที่รับไม่ได้ ทำท่าจะพุ่งเข้าหาเยี่ยฉวนทว่าอาจารย์ใหญ่หลี่เสวียนชางและคนอื่นเข้ามาพอดี

หลี่เสวียนชางมองเยี่ยฉวนด้วยแววตาเย็นชา กำลังเอ่ยปากจะพูดแต่ไม่ทันเพราะเยี่ยฉวนหันหลังให้และกลับออกไปเสียเฉย ๆ เพราะการเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่าคนปกติ ดังนั้นชั่วพริบตาร่างของเขาจึงได้ลับสายตาไป เสียแล้ว !

คนออกไปแล้ว กลับทิ้งตัวอักษรไว้บนพื้นดิน มีใจความว่า ‘ศิษย์นับร้อย หามีผู้กล้าสักคนไม่ !’ ยามนี้ คงไม่ต้องบอกว่า ใบหน้าของหลี่เสวียนชางจะเหี้ยมเกรียมน่าหวาดกลัวมากเพียงใด

ซึ่งไม่ต่างกับศิษย์แห่งฉางมู่ ทุกคนเลือดขึ้นหน้าตาแดงก่ำ พวกเขาถูกดูหมิ่นอย่างร้ายแรง ! พลันศิษย์กลุ่มหนึ่งจะทะยานออกตามหลังเยี่ยฉวน แต่แล้วต้องหยุดชะงักด้วยบรรดาอาจารย์พากันยับยั้งไว้

อาจารย์ใหญ่หลี่เสวียนชางเหลือบมองศิษย์ฉางมู่ ก่อนออกเสียงเฉียบขาด “กลับขึ้นเขาให้หมดทุกคน !” เหล่าศิษย์ไหนเลยจะกล้าขัดคำสั่ง จำต้องหันหลังกลับแต่ไม่วายบางคนท่าทางลังเลพะวักพะวง

ณ มุมหนึ่ง ร่างสตรีมองตามหลังเยี่ยฉวนซึ่งเดินห่างออกไปในระยะไกล “เหตุใดจึงไม่อนุญาตให้ข้า จัดการมันเสีย ?”

ผู้พูดคือเป่ยเฉิน ! ส่วนบุคคลที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเป่ยเฉินคือกู่มู่ !

เขาส่ายหน้าช้า ๆ “ ฝีมือกล้าแกร่งน่ากลัว เวลานี้น่าจะมีแต่ผู้เยี่ยมยุทธ์อันหลานซิ่วซึ่งออกจากแคว้น เจียงไปแล้วเท่านั้น จึงสามารถสยบคนผู้นี้ได้ !”

ได้ยินคนพูดตอบมา เป่ยเฉินจึงได้แต่นิ่งเงียบ หากพูดถึงความกล้าแกร่งด้านพลังนางเองไม่แพ้เฟินเจี๋ย ฉะนั้นเมื่อเยี่ยฉวนสามารถสังหารเฟินเจี๋ยได้ เขาย่อมสังหารตนได้เฉกกัน !

กู่มู่มองตามเยี่ยฉวนที่เดินห่างออกไปจนสุดสายตา “วันนั้นมันยังไม่ตาย… น่าพิศวงยิ่งนัก !” จากนั้น คนพูดหันมาสั่งเป่ยเฉิน “เจ้าไม่ต้องสู้กับมันตัวต่อตัว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉางมู่” คนรับฟังหาได้เอ่ยคำโต้แย้งแต่อย่างใด

ภายหลังออกจากสถานศึกษาฉางมู่  เยี่ยฉวนไม่ได้คิดออกนอกเส้นทางแต่มุ่งหน้ากลับฉางหลานทันที การเยี่ยมเยือนฉางมู่ในวันนี้เขาไม่ได้เอ่ยบอกผู้ใด เหตุที่ไปเพราะความรู้สึกหงุดหวิดไม่สบายใจของตนเอง จึง ต้องการระบายความอัดอั้นนั้นให้กับศิษย์ฉางมู่บ้าง แต่ถ้าไปแล้วได้สังหารศัตรูสักคนสองคน ตนเองคงจะรู้สึก สบายใจขึ้น

นับตั้งแต่สถานศึกษาฉางมู่ข้ามเขตเข้ามาลักพาตัวน้องสาวตัวน้อยของเขาวันนั้น มันก็ยิ่งเพิ่มพูนความรู้สึกเกลียดชังสถานศึกษาแห่งนี้ในใจเยี่ยฉวน หากได้บังเอิญพบกันวันใด เขาคงต้องสู้กับพวกมันจนกว่าจะ แดดิ้นกันไปข้างอย่างไม่ต้องสงสัย !

ทันใดนั้นฝีเท้าที่กำลังจ้ำเดินพลันหยุดกึก ด้วยบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งทางด้านขวาไม่ไกลนัก ปรากฏเด็กหญิงแต่งกายชุดสีดำกำลังนั่งยองอยู่กับพื้น อายุอานามน่าจะสิบสองสิบสามขวบ ทว่าเสื้อผ้าที่นางสวมใส่ สะดุดตายิ่งนัก ด้วยความพิเศษตรงที่วาดลวดลายดอกไม้โครงกระดูกสีขาว

เด็กหญิงกำลังก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับการแกะสลักไม้ชิ้นเล็กในมือ ท่าทางเก้กังวุ่นวายราวกับกำลังทำในสิ่งที่เกินความสามารถของตน และเหมือนนางเพิ่งรู้ตัว จึงพลันเงยหน้าขึ้นมองมาสบตาที่เยี่ยฉวนพอดี !

ขณะเดียวกันนั้น เยี่ยฉวนที่มองเห็นใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเต็มตา เขาพลันประเมินในใจว่าหน้าตาเด็กน้อย ไม่ใช่คนสะสวย กลับออกจะเศร้าหมองเสียด้วย โดยเฉพาะดวงตาที่จ้องมองมาคู่นั้น ที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด อย่างบอกไม่ถูกนับตั้งแต่แว่บแรกที่เห็น !

ชายหนุ่มลังเลนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาและทรุดนั่งยองลงเบื้องหน้า จากนั้นจึงเอื้อมมือออกไปดึงเครื่องมือแกะสลักในมือของเด็กน้อยพลางพูดยิ้ม ๆ “จะแกะเป็นรูปอะไร ?”

เด็กหญิงจ้องหน้าทว่าไม่ตอบคำถาม กลับชี้มือออกไปที่ชายคาบ้านหลังหนึ่งห่างออกไป เยี่ยฉวนมอง ตามนิ้วมือเล็ก ๆ ชี้ไปที่นกสีดำตัวหนึ่ง ซึ่งดูประหลาดนักด้วยมีขาเพียงข้างเดียว !

เขามองนกตัวนั้นอยู่สักครู่ จากนั้นจึงหันมาเริ่มลงมือแกะสลักไม้อย่างคล่องแคล่ว เพียงครู่เดียว นกตัวเล็กที่ดูราวกับจะมีชีวิตได้ปรากฏเบื้องหน้าเด็กหญิง

งานไม้แกะสลัก !

อันที่จริงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขา เพราะเยี่ยฉวนชอบการแกะสลักเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว ตอนที่ตัว เองและน้องเติบโตในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะอะไร บางครั้งน้องสาวของเขาก็มีอารมณ์อยากได้ของเล่นแบบ เด็ก ๆ บ้าง แน่นอนว่าเขาคงไม่มีปัญญาซื้อหาให้นาง ดังนั้นจึงเริ่มแกะสลักไม้เป็นของเล่นให้น้อง และเมื่อเวลาผ่านไปฝีมือทางการแกะสลักเพิ่มพูน ไม่ว่าจะเป็นนก ปลา หรือคน เยี่ยฉวนสามารถแกะสลักให้ดูเสมือนมีชีวิต ได้หมด !

ความสามารถในข้อนี้อาจไม่มีค่ามีประโยชน์สำหรับคนอื่น… ทว่าทำให้น้องคนเดียวมีความสุขสมหวัง เพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว !

เยี่ยฉวนส่ง ‘นกไม้ตัวน้อย’ ที่สำเร็จแล้วให้เด็กหญิงชุดดำ “รับไปสิ !”

เด็กน้อยรับไม้แกะมาดู นางจ้องนกแกะสลักในมืออยู่ครู่หนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยฉวน หลังเห็นแววตาที่มองมา ชายหนุ่มก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ถ้าจะแกะสลักอะไร เจ้าต้องค่อยทำอย่างใจเย็น รีบร้อนไม่ได้ ยิ่ง ใจร้อน ยิ่งทำให้เกิดข้อผิดพลาด !”

กล่าวจบหันไปหยิบไม้ชิ้นเล็กอีกชิ้นจากเบื้องหน้าเด็กหญิง และเริ่มลงมือขุดแกะอย่างรวดเร็ว ไม่นาน ต่อมาจากที่เป็นแผ่นไม้ก็เริ่มปรากฏเป็นรูปเป็นร่าง !

คราวนี้เขาแกะสลักเป็นเด็กตัวเล็กซึ่งมีลักษณะเหมือนเด็กหญิงชุดดำไม่ผิดเพี้ยน !

เมื่อนางเห็นเช่นนั้น พลันแววตาแปรเปลี่ยนเป็นประกายสดใสขึ้นทันที เยี่ยฉวนส่งรูปแกะสลักไม้ของ เด็กหญิงชุดดำคืนให้นางพลางพูดยิ้ม ๆ

“ข้าให้ !” เด็กน้อยจ้องเยี่ยฉวนไม่วางตา ก่อนจะยื่นมือออกมารับแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีคำพูดหลุดจากปาก !

Related

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

บทที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

“เจ็บสิ”

“เจ็บจะตายอยู่แล้ว !”

เยี่ยฉวนเพิ่งเคยรู้สึกอยากตายเป็นครั้งแรก !

มันเคยเป็นเพียงความเจ็บปวดของเลือดเนื้อภายนอกร่างกาย แต่คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในและเส้นเลือดทั้งหลายสั่นสะท้านราวกับกำลังแตกเป็นริ้ว ๆ นี่เป็นความเจ็บปวดในระดับที่ชายหนุ่มไม่เคยสัมผัสมาก่อน !

“เจ้าต้องอดทนไว้ !”

เยี่ยฉวนกัดฟันอย่างอดกลั้น ทั้งร่างยังไม่หยุดสั่น

เขาปรารถนาอย่างยิ่งที่จะหลับตาพักผ่อนสักครู่ แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าเขาทำไม่ได้ เมื่อหมดสติไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็เป็นไปได้ว่าคงไม่อาจฟื้นขึ้นมาอีก !

ถ้าข้าไม่ฟื้น จะเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวข้ากัน ?

นางอายุเพียง 12 ปี คนในตระกูลเยี่ยจะเมตตานางหรือไม่ ?

เมื่อคิดถึงเยี่ยหลิง เยี่ยฉวนพลันเงยหน้าขึ้นและร้องคำรามออกมา มือทั้งสองกำแน่น ส่วนใบหน้าก็เต็มไปด้วยสีสันที่บ้าคลั่ง “มาเลย เจ็บมากกว่านี้อีกสิ ฮ่า ๆ ข้าทนได้… ข้า… เจ็บปวดเหลือเกิน ยังไงก็ช่วยเพลาลงหน่อยเถอะ…”

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละน้อยจนเยี่ยฉวนไม่รับรู้แล้วว่าทั้งหมดนี้ใช้เวลานานเท่าใด ร่างกายของเขาทรุดลงราวกับร่างเนื้อที่ไร้ซึ่งกระดูกพยุง ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะเริ่มกระตุกคล้ายกับคนเป็นโรคลมชัก

อาการชักกระตุกนี้ยังคงดำเนินอยู่ประมาณ 1 เค่อ และเมื่อหยุดลง ร่างของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ !

เยี่ยฉวนนอนแผ่ราบไปกับพื้น เขาไม่เหลือแรงจะขยับตัวแล้ว !

ในเวลาเดียวกันนั้น ข้างนอกหอคอยแห่งเรือนจำพลันมีเมฆจำนวนมหาศาลรวมตัวกันบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย ทำให้ในไม่ช้าสายฝนเริ่มตกลงมา แต่ทว่าพื้นอื่นที่รอบด้านข้างท้องฟ้ากลับแจ่มใสและมีแสงแดดจ้า พร้อมกันนั้นข้างบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย สายรุ้งอันบางเบาค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน และเมื่อรุ้งสายแรกโผล่ขึ้นมา รุ้งสายที่สองก็ปรากฏขึ้นตาม เช่นเดียวกับรุ้งสายที่สามที่กำลังค่อย ๆ ปรากฏขึ้นภายในหอคอยแห่งเรือนจำนั้น ก่อนที่จู่ ๆ เยี่ยฉวนจะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยและรุ้งสายที่สามจะพลันหายวับไป

นี่คือนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์ !

ทุกคนในเมืองชิงปั่นป่วน !

อัจฉริยะได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วระหว่างสองพิภพ เมื่อมีเหตุการณ์ผ่านด่านหรือทะลวงเลื่อนขั้นได้ พวกเขาจะดึงดูดนิมิตของทั้งสวรรค์และโลกมนุษย์ หากจะว่ากันตามจริงแล้ว เรื่องนี้เคยเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่าเท่านั้น แต่มาบัดนี้เหตุการณ์อัศจรรย์ได้เกิดขึ้นแล้วในเมืองชิง ดังนั้นทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังข้างบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย

ณ จวนตระกูลเยี่ย ผู้เฒ่าสูงสุด บรรดาผู้อาวุโสและทุกคนในตระกูลต่างมารวมตัวที่ลานกว้างกันพร้อมหน้า ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยคำนับฟ้าและกล่าวอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาครอบครัวตระกูลเยี่ยและเยี่ยหลาง !”

ทุกคนในตระกูลเยี่ยคุกเข่าและคำนับลงพร้อมกัน !

ในเวลานี้ ทุกคนในจวนตระกูลเยี่ยต่างยินดีปรีดาอย่างที่สุด !

ภายในคฤหาสน์ตระกูลเจียง

ชายชรามองไปที่นิมิตแห่งสวรรค์และโลกเหนือจวนตระกูลเยี่ยก่อนที่สีหน้าของเขาจะกลายเป็นน่าเกลียด “เจ้าเยี่ยหลางช่างยิ่งใหญ่อะไรปานนั้น ! เขาสามารถดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมาได้… ใครก็ได้ ไปตามผู้นำตระกูลจางและตระกูลหลีมาที่นี่ที บอกว่าข้ามีเรื่องต้องการหารือ”

ในเมืองชิง วิญญาณนกพิราบผู้พิทักษ์นับไม่ถ้วนโผขึ้นฟ้าแล้วบินไปทุกทิศทุกทาง ภาพนี้เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นนัก !

เรื่องที่ตระกูลเยี่ยมีผู้ถูกเลือกอยู่หนึ่งคนนั้นไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด และถึงแม้ว่าผู้ถูกเลือกนั้นจะหาได้ยากยิ่ง แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์ถึงขนาดดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมาได้นั้นกลับหายากยิ่งกว่า

เป็นที่รู้กันดีว่าต่อแต่นี้ไป ตระกูลเยี่ยได้ถูกยกระดับให้สูงขึ้นแล้ว !

ไม่ใช่เพียงแต่ในเมืองชิง แต่ยังหมายถึงทั่วในแคว้นเจียงทั้งหมดหรือแม้แต่ในทวีปชิงก็ตาม

ขณะนี้ทุกคนในจวนตระกูลเยี่ยเกือบจะพากันลุกฮือด้วยความตื่นเต้น นอกจากนี้เบี้ยเลี้ยงส่วนตัวของแต่ละคนยังถูกปรับขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งเดือนเพื่อเป็นสินน้ำใจ และไม่เพียงเท่านั้น ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยยังได้ตรงเข้าไปหาผู้นำตระกูลเพื่อให้ท่านได้มอบตำแหน่งผู้นำรุ่นเยาว์ให้แก่เยี่ยหลางอีกด้วย

ผู้นำรุ่นเยาว์นั้นเป็นตำแหน่งที่แตกต่างจากผู้สืบทอดของตระกูล ตำแหน่งผู้สืบทอดนั้นหมายถึงผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลในอนาคต แต่ตำแหน่งผู้นำรุ่นเยาว์นั้นมีศักดิ์และอำนาจมากเป็นอันดับสองรองจากประมุขสูงสุดแห่งตระกูลเยี่ยแต่เพียงผู้เดียว แม้ว่าผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยจะกระทำเกินกว่าอำนาจ แต่เขาก็ไม่สน นั่นเพราะในเร็ว ๆ นี้เยี่ยหลางกำลังจะกลายเป็นอัจฉริยะแห่งยุคที่นานปีจะมีให้พบได้สักหนึ่งหน กระนั้นแล้วท่านผู้นำตระกูลจะสามารถทำอะไรเขาได้ ?

ในวันข้างหน้า วาสนาทั้งหมดของตระกูลเยี่ยคงต้องพึ่งพาเยี่ยหลางแล้ว !

ที่ลานหน้าจวน เยี่ยหลางเงยหน้าขึ้นมองนิมิตบนท้องฟ้า คิ้วขมวดเป็นปมแน่น

เขาทะลวงเลื่อนขั้นได้แล้ว !

เขาได้เลื่อนจากขั้นที่หก ผสานลมปราณเข้าสู่ขั้นหลอมรวมลมปราณ !

แต่กระนั้นเยี่ยหลางก็ยังคลางแคลงใจอยู่ เมื่อ 2 ชั่วยามที่แล้วเขาสำเร็จพลังขั้นหลอมรวมลมปราณได้ แต่นิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์กลับเพิ่งมาปรากฏเอาตอนนี้ ! ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่อาจแน่ใจได้ว่า นิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์คราวนี้นั้นเกิดจากตนหรือไม่ !

ไม่นานนัก เยี่ยหลางพลันยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “หึ หากไม่ใช่ข้าแล้วใครกันเล่าที่จะมีความสามารถในการดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกนี้ ? ดูเหมือนว่าชีวิตนี้ โชคชะตาจะกำหนดให้ข้าเป็นผู้ครอบครองพรสวรรค์อันสุดยอด !”

หลังจากกล่าวได้ดังนั้น เยี่ยหลางก็พลันหมุนตัวและเดินจากไป

ณ หอคอยแห่งเรือนจำ

เยี่ยฉวนนอนอยู่บนพื้น เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ได้ ในตอนนั้นเองเสียงของสตรีลึกลับพลันดังขึ้นภายในห้อง “ลุกขึ้นเสีย แล้วจงดูที่ร่างกายของเจ้า !”

เยี่ยฉวนค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นและก้มลงมองร่างของตัวเอง เขาชะงักไปทันทีเพราะตอนนี้ผิวของเขามีประกายสีทองจาง ๆ แผ่ออกมา !

“นี่มันอะไรกัน ?” เยี่ยฉวนมองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน

สตรีลึกลับกล่าว “ขั้นกายาทองคำนั้นหมายถึงการปลูกฝังทองคำลงภายในกายหยาบของให้หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่างกายที่ถือเป็นรากฐาน เจ้าจึงจำเป็นจะต้องมีพื้นฐานเสียก่อน แต่การที่พื้นฐานของเจ้าจะดีหรือไม่นั้น ก็มิได้เป็นตัวตัดสินว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหน …คนธรรมดาทั่วไปมัวแต่เพียงฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายภายนอก แต่ละเลยความมั่นคงจากอวัยวะภายใน ทว่าในความเป็นจริงแล้วต้องเริ่มฝึกฝนจากภายในจึงจะดีที่สุด เมื่อกล้ามเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายในทั้งหมดของเจ้าแข็งแรงเท่านั้นจึงจะสามารถทนรับต่อแรงปะทะจากภายนอกได้ แม้ว่าเจ้าจะได้รับความเจ็บปวดเหนือมนุษย์ในตอนนี้ แต่มันก็จะเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้า หรือหากเจ้าลองมองให้ดี เจ้าก็จะเห็นประโยชน์ของมันตั้งแต่ตอนนี้”

เยี่ยฉวนสูดลมหายใจเข้าจนลึกแล้วประสานมืออย่างช้า ๆ ขณะนี้เขารู้สึกได้เลยว่าลมปราณภายในปั่นป่วนพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง !

เมื่อรู้สึกได้เช่นนี้ เยี่ยฉวนก็บังเกิดความยินดีเหลือประมาณ

จริงดังที่สตรีลึกลับกล่าว ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเมื่อก่อน !

ไม่เพียงเท่านั้น หากจะพูดถึงความแข็งแกร่งแล้ว เทียบกับเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย อาจกล่าวได้ว่าชายหนุ่มไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิดหากตอนนี้จะต้องประมือกับคู่ต่อสู้ตัวฉกาจแบบตัวต่อตัว ยกตัวอย่างเช่น ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยที่ถึงแม้จะมีลำดับพลังอยู่ในขั้นผสานลมปราณ แต่ก็ใช้ชีวิตแบบสุขสบายมาตลอด ไม่เคยต้องได้รับความยากลำบากอะไร

เยี่ยฉวนรีบร้อนถามเมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ “ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้น้องสาวข้าได้รับความเจ็บป่วยทุกข์ทรมาณจากพิษธาตุเย็น ท่านพอจะช่วยได้หรือไม่ ?”

สตรีลึกลับนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นน่ะหรือ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว

สตรีลึกลับพลันกล่าว “แน่นอน ข้ามีหนทางรักษานาง แต่น้องสาวของเจ้าไม่อาจเข้ามาในหอคอยแห่งนี้ได้”

“ทำไม ?” เยี่ยฉวนงงงวย

สตรีลึกลับตอบ “จิตวิญญาณของหอคอยนี้กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงลึกแห่งภวังค์ แม้ว่าตอนนี้มันจะยอมรับเจ้าเป็นเจ้านาย แต่เจ้าก็ยังไม่ได้ครอบครองกฎแห่งเต๋าเลยแม้แต่ข้อเดียว ดังนั้นเจ้าจึงไม่สามารถพาคนอื่นมาที่นี่ได้ หรือหากเจ้าดึงดันจะพาใครสักคนเข้ามา มันก็จะกำจัดคนแปลกหน้าผู้นั้นทันทีโดยสัญชาตญาณ”

เมื่อได้ยินดังนี้ใบหน้าของเยี่ยฉวนจึงสลดลง “ดูเหมือนคงมีแต่ข้าจะต้องพาน้องสาวเข้าไปหาหมอในเมืองหลวงเท่านั้น”

ขณะนี้เขาเองก็เปรียบเสมือนลูกนกที่ใกล้จะแตกรัง กล่าวคือหากเขาต้องการที่จะบรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณให้ได้ เขาก็ต้องตามหาวิญญาณกระบี่เพื่อจะดูดซับเข้าไป แต่วิญญาณกระบี่ขั้นสูงนั้นสูงค่ามากจนมิอาจประมาณค่าได้ ทั่วทั้งเมืองชิงอาจจะมีแค่เล่มเดียวเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตระกูลเยี่ยจะมีในครอบครองเลย ! แต่ในสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองในแคว้นเจียงอย่างเมืองหลวง ไม่แน่ว่าอาจจะมีวิญญาณกระบี่อยู่บ้างก็ได้ !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset