หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 176 เสียใจนะ…ข้าไม่เห็นด้วย ! (ปลาย)

บทที่ 176 เสียใจนะ…ข้าไม่เห็นด้วย ! (ปลาย)

ไม่แน่ชัดว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด พลันเยี่ยฉวนลืมตาขึ้นทันที ขณะนั้นจุดที่เขาอยู่เป็นทุ่งหญ้า ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน เหนือศีรษะเป็นท้องฟ้าใสกระจ่าง กลุ่มเมฆสีขาวลอยเกลื่อน

ที่นี่หรือ สถานที่แห่งความลับ ?

อันที่จริง แทบจะหาความแตกต่างกันมิได้เลยระหว่างสถานที่แห่งความลับกับโลกภายนอก ถึงอย่างไรเขาก็ยังอยู่บนโลกใบเดิม ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกของสถานที่แห่งความลับก็ตาม เพียงแต่สถานที่แห่งความลับเป็นที่ที่แยกออกจากโลกภายนอกโดยบางคนและด้วยวิธีการบางอย่าง !

ตอนนั้นเอง เยี่ยฉวนเพิ่งสังเกตว่าไม่มีพวกจี้อันซื่อและคนอื่น ๆ! “พวกเราถูกสุ่มสถานที่ไปอย่างนั้นหรือ ?” หัวคิ้วขมวดมุ่นจนปรากฏร่องลึก

อย่างไรก็ตาม เยี่ยฉวนไม่นิ่งคิดอยู่นาน เขาจึงออกเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเร่งตามหาน้องเยี่ยหลิง แต่ต้องการตามไปสมทบกับพวกจี้อันซื่อและคนอื่นด้วย

เขาออกเดินไปได้เพียงครู่เดียว ร่างบุรุษคนหนึ่งพลันปรากฏขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล  ชายผู้นั้นถือทวนยาวสีดำ เขาเหลือบมองเยี่ยฉวนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทำท่าเอ่ยวาจาทว่าในเสี้ยววินาทีนั้น เยี่ยฉวนพลันพรวดเข้ามาประชิดอยู่เบื้องหน้าในพริบตา

ชายหนุ่มเคลื่อนไหวรวดเร็วด้วยระยะห่างเพียงไม่ถึงจั้ง ชั่วพริบตาเดียวเขาก็เข้ามาประจันหน้าแทบประชิดตัวคนถือทวนยาวเสียแล้ว

เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ชายถือทวนจ้องเขม็งจอประสาทตาหดเกร็งเหลือเล็กเพียงปลายเข็ม ก่อนจะดันตัวโผนขึ้นสู่อากาศ พลางยกทวนฟาดจากบนลงล่างเต็มแรง !

สุดยอดผนึกยุทธ์ ! ไม่เพียงลำทวนที่ฟาดกระหน่ำสุดแรงเท่านั้น ที่ส่วนปลายทวนยังปรากฏเปลวเพลิงร้อนแรงดุจไฟกัลป์พวยพุ่งออกในคราเดียว พลังแห่งเปลวเพลิงพุ่งเข้าหาร่างเยี่ยฉวน !

อย่างไรก็ตามชั่วขณะหนึ่งเสียงทะยานของกระบี่ดังก้อง เมื่อบังเกิดเสียงกระบี่ เปลวเพลิงโชติช่วงพลันแตกระเบิดกระจายไป

ทันใดนั้น เยี่ยฉวนทะยานลงทางเบื้องหลังชายถือทวน ทิ้งระยะห่างออกไปนับได้หลายจั้ง !

คนทางเบื้องหลังของเยี่ยฉวน ชายถือทวนนัยน์ตาจ้องเขม็งไปที่ไกลทว่าไร้จุดหมาย ทั้งเป็นประกายวาววาม “ข้าน่าจะเป็นฝ่ายชิงลงมือ…”

หลังจากนั้น ศีรษะของเขาเอียงวูบก่อนที่จะร่วงหล่นลงในทิศตรงข้ามกับลำตัว โลหิตหลั่งทะลักออกจากบาดแผลไม่ขาดสาย !

ขณะเดียวกัน เยี่ยฉวนก้มลงมองแขนของตนเอง ที่ฝ่ามือปรากฏโลหิตแดงฉาน ไม่เพียงฝ่ามือทว่าแขนยังบิดเบี้ยวจนผิดรูปผิดร่าง

ความคิดผุดขึ้นภายจิตใจ ถ้าเขาไม่ตัดสินใจออกปะทะจู่โจมก่อน คนที่ตายคงจะเป็นตนเองเป็นแน่ ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงตาย ทั้งคู่ก็อาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัส !

เพราะเหตุว่าชายถือทวนใช้ เคล็ดวิชาเพลงทวนในการออกปะทะครั้งนี้  ไม่เพียงเท่านั้นเขายังได้ทุ่มเทพลังแห่งทักษะยุทธ์ขั้นปฐพีระดับกลาง เพื่อนำออกต้านทานอย่างสุดกำลังอีกด้วย !

เยี่ยฉวนซึ่งฉกฉวยความได้เปรียบโดยการชิงลงมือก่อน ดังนั้นจึงได้โอกาสสังหารคู่ต่อสู้ชายถือทวนยาวเสียก่อนที่อีกฝ่ายจะสามารถตั้งตัวต้านรับได้ทัน

หากชายถือทวนมีโอกาสใช้พลังอย่างเต็มที่แล้ว เขาก็คงเป็นฝ่ายถูกฆ่าหรือไม่ก็พิกลพิการไปแล้ว นอกเสียจากจะใช้พลังแห่งปฐพีเข้าป้องกัน !

“ต่อไปจะประมาทไม่ได้ !” เยี่ยฉวนดึงสติกลับมา พลางล้วงหยิบขวดหยกสีขาวและเทยาตันเถียนที่บรรจุในขวดลงบนฝ่ามือ

โอสถเทพประสาน !

ยาพวกนี้มีราคาสูงถึงเม็ดละหลายแสนเหรียญทอง… ถ้าไม่จำเป็น ตนเองก็ไม่อยากนำออกมาใช้ แต่ครั้งนี้จำเป็นต้องคืนสภาวะปกติให้แก่ร่างกายโดยเร็ว !

เพราะว่านี่… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น !

เยี่ยฉวนเดินตรงไปยังร่างไร้วิญญาณของคนถือทวน เขาก้มลงหยิบทวนสีดำ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่อาวุธธรรมดา

ทว่าเป็นถึงสุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณ !

จากนั้นจึงรีบเก็บศาสตราวุธชิ้นนั้นเข้าไว้ในชั้นที่หนึ่งของหอคอยแห่งเรือนจำ ก่อนจะเก็บถุงใส่เงินซึ่งเหน็บอยู่ที่เอวและโยนกลับไว้ในชั้นที่หนึ่งเช่นกัน แล้วจึงหันหลังเดินไปตามทางเบื้องหน้าต่อไป

ครานี้เขารีบเดินให้เร็วขึ้น ใช้ความเร็วเต็มพิกัด !

พักใหญ่ต่อมาเขาจึงเดินมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่ปรากฏมีแม่น้ำขวางกั้น ทว่าแม่น้ำนี้ไม่กว้างมาก ราวสามจั้งเศษเห็นจะได้ !

ชายหนุ่มเพ่งสายตามองลงไปในแม่น้ำ จากนั้นจึงเดินลงไปที่ตลิ่ง ทันใดนั้น เขาดึงกระบี่ออกจากฝักและฟาดฉับลงไปกลางน้ำเบื้องหน้าอย่างรุนแรง

เขาฟันกระบี่โดยไม่ต้องมีเสียงเตือนอย่างใด !

ขณะที่กระบี่ของเยี่ยฉวนฟาดลงมา พลันน้ำในแม่น้ำเบื้องหน้าพุ่งทะยานขึ้นเป็นสายจากผิวน้ำ ทันทีทันใด ร่างหนึ่งลอยละลิ่วตกลงมาจากห้วงน้ำ !

ฉับพลัน ร่างที่ตกลงมาที่ริมตลิ่ง กระถดถอยห่างออกอย่างรวดเร็วในทิศทางตรงกันข้ามกับเยี่ยฉวน !

ชายในชุดสีดำ มือทั้งสองข้างซุกไว้ในแขนเสื้อ เขามองเขม็งที่เยี่ยฉวน “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ในแม่น้ำ ?”

เยี่ยฉวนจ้องตอบตาไม่กระพริบ “รู้จักไหมเดาน่ะ ?” สมัยก่อน เขาเคยปะทะกับคู่ต่อสู้บนภูเขามานับครั้งไม่ถ้วน จนรู้ว่าที่ไหนดีที่สุดในการซุ่มโจมตี และที่ไหนเหมาะแก่การแฝงกายจู่โจม !

เมื่อย่างก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งความลับ เขารู้ดีว่าตนมาในฐานะเหยื่อ คนที่ปรารถนาจะเอาชีวิตของเขาย่อมรู้ดีว่าเขาอยู่ตรงไหน ฉะนั้นชายหนุ่มจึงต้องะมัดระวังตัวทุกฝีก้าว !

ด้วยว่าหากเผลอประมาทเพียงนิดเดียว ก็จะเป็นฝ่ายถูกสังหารเสียเอง !

เหตุการณ์ก่อนหน้าเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาทำถูกแล้วที่ระมัดระวังตัวไว้ก่อน

คนที่ยืนตรงข้ามเผยอปากเหมือนจะพูด ทันใดนั้นกระบี่ในมือของเยี่ยฉวนสะบัดออกจากอุ้งมือ !

อีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไร เขาเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน พร้อมกับผลักฝ่ามือทั้งสองออกไปข้างหน้าและตีเข้าหากันอย่างรุนแรง

ฉัวะ !

กรงเล็บทองคำฉวยตะปบกระบี่หลิงซิ่วของเยี่ยฉวนไว้แน่น !

อย่างไรก็ตาม ครู่ต่อมากรงเล็บคู่นั้นค่อยปริแยกแตกออกจากกัน ด้วยเหตุว่ากระบี่หลิงซิ่วเป็นหนึ่งในกระบี่ประกายแสงระดับกลาง แต่กรงเล็บทองคำเป็นเพียงสุดยอดศาสตราวุธ !

ขณะนั้นกระบี่หลิงซิ่วสั่นสะท้านรุนแรง และกรงเล็บในมือของชายผู้นั้นระเบิดออกจากการจับกุมกระบี่ไว้ทันที แรงระเบิดส่งให้สีหน้าของคนเผือดวูบ ขณะเดียวกันเท้าทั้งสองพลันกระถดถอยห่าง !

ยามนี้กระบี่หลิงซิ่วแทนที่จะออกไล่ตามคนที่กำลังถอยหนี กลับเหินย้อนไปทางแม่น้ำและฟาดคมกระบี่ตัดลงกลางแม่น้ำเบื้องหน้าเยี่ยฉวนอย่างแรง

เปรี้ยง !

แม่น้ำระเบิดดังสนั่น และต่อมาเสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องขึ้นมาจากก้นแม่น้ำนั้น เพียวครู่เดียวน้ำในแม่น้ำค่อยเปลี่ยนสีแดงฉานดั่งโลหิต !

ชายในชุดดำมองจากในระยะห่าง นัยน์ตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงต่อภาพที่ปรากฏ “จะ… เจ้ารู้ได้อย่างไร…”

เยี่ยฉวนแววตาเย็นชามองคนตรงหน้า “คนอ่อนด้อยเช่นเจ้า ถ้าไม่มีผู้ช่วย มีหรือจะกล้ามาสู้กับข้า ?”

“ยอดคนอะไรเช่นนี้ !” ชายในชุดดำจ้องเขม็งเยี่ยฉวนแน่วนิ่ง แววตาแฝงความหวาดกลัว ความเย็นวาบเข้าจับขั้วหัวใจ เพราะชายหนุ่มเยี่ยฉวนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขา ทั้งพลังกล้าแกร่งทั้งปัญญาเฉียบแหลมน่าอัศจรรย์ !

ริมฝีปากเผยอปล่อยเสียงพูดแหบแห้ง “ข้าขอยุติ !”

วินาทีนั้น ร่างของเยี่ยฉวนวูบเข้ามาตรงหน้าคนพูด พลันกระบี่ในมือตวัดปาด…

ฉัวะ !

ศีรษะชายในชุดดำหลุดกระเด็นในทันใด !

หลังจากนั้น เยี่ยฉวนใช้นิ้วมือปาดหยาดโลหิตออกจากคมกระบี่หลิงซิ่ว “เสียใจนะ แต่ข้าไม่เห็นด้วย !”

ทันใดนั้นเอง มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นทางด้านหลัง ขณะเดียวกันน้ำในแม่น้ำบังเกิดฟองเดือดปุดและทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ไม่แต่เพียงเท่านั้น ด้วยแม้แต่พื้นดินที่ใต้ฝ่าเท้ายังเกิดอาการสั่นไหวโยกคลอน !

พลังมโนศิลป์ !

พลังมหาศาลแห่งมโนศิลป์ที่เข้าครอบงำเยี่ยฉวนในฉับพลันนั้น !

เยี่ยฉวนแบมือออกตรงหน้า และกระบี่หลิงซิ่วทะยานลงสงบนิ่งอยู่บนฝ่ามือ สายตาของชายหนุ่มจ้องจับที่กระบี่ในมือก่อนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ไม่ว่าคนที่อยู่ด้านหลังของข้าจะเป็นใคร จงกำจัดมันด้วยหนึ่งกระบี่ เข้าใจหรือไม่ ?”

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ

ชิ้งงงงงงง !

เสียงแห่งกระบี่สะท้านสะเทือนผืนฟ้า…

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

บทที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

“เจ็บสิ”

“เจ็บจะตายอยู่แล้ว !”

เยี่ยฉวนเพิ่งเคยรู้สึกอยากตายเป็นครั้งแรก !

มันเคยเป็นเพียงความเจ็บปวดของเลือดเนื้อภายนอกร่างกาย แต่คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในและเส้นเลือดทั้งหลายสั่นสะท้านราวกับกำลังแตกเป็นริ้ว ๆ นี่เป็นความเจ็บปวดในระดับที่ชายหนุ่มไม่เคยสัมผัสมาก่อน !

“เจ้าต้องอดทนไว้ !”

เยี่ยฉวนกัดฟันอย่างอดกลั้น ทั้งร่างยังไม่หยุดสั่น

เขาปรารถนาอย่างยิ่งที่จะหลับตาพักผ่อนสักครู่ แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าเขาทำไม่ได้ เมื่อหมดสติไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็เป็นไปได้ว่าคงไม่อาจฟื้นขึ้นมาอีก !

ถ้าข้าไม่ฟื้น จะเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวข้ากัน ?

นางอายุเพียง 12 ปี คนในตระกูลเยี่ยจะเมตตานางหรือไม่ ?

เมื่อคิดถึงเยี่ยหลิง เยี่ยฉวนพลันเงยหน้าขึ้นและร้องคำรามออกมา มือทั้งสองกำแน่น ส่วนใบหน้าก็เต็มไปด้วยสีสันที่บ้าคลั่ง “มาเลย เจ็บมากกว่านี้อีกสิ ฮ่า ๆ ข้าทนได้… ข้า… เจ็บปวดเหลือเกิน ยังไงก็ช่วยเพลาลงหน่อยเถอะ…”

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละน้อยจนเยี่ยฉวนไม่รับรู้แล้วว่าทั้งหมดนี้ใช้เวลานานเท่าใด ร่างกายของเขาทรุดลงราวกับร่างเนื้อที่ไร้ซึ่งกระดูกพยุง ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะเริ่มกระตุกคล้ายกับคนเป็นโรคลมชัก

อาการชักกระตุกนี้ยังคงดำเนินอยู่ประมาณ 1 เค่อ และเมื่อหยุดลง ร่างของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ !

เยี่ยฉวนนอนแผ่ราบไปกับพื้น เขาไม่เหลือแรงจะขยับตัวแล้ว !

ในเวลาเดียวกันนั้น ข้างนอกหอคอยแห่งเรือนจำพลันมีเมฆจำนวนมหาศาลรวมตัวกันบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย ทำให้ในไม่ช้าสายฝนเริ่มตกลงมา แต่ทว่าพื้นอื่นที่รอบด้านข้างท้องฟ้ากลับแจ่มใสและมีแสงแดดจ้า พร้อมกันนั้นข้างบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย สายรุ้งอันบางเบาค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน และเมื่อรุ้งสายแรกโผล่ขึ้นมา รุ้งสายที่สองก็ปรากฏขึ้นตาม เช่นเดียวกับรุ้งสายที่สามที่กำลังค่อย ๆ ปรากฏขึ้นภายในหอคอยแห่งเรือนจำนั้น ก่อนที่จู่ ๆ เยี่ยฉวนจะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยและรุ้งสายที่สามจะพลันหายวับไป

นี่คือนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์ !

ทุกคนในเมืองชิงปั่นป่วน !

อัจฉริยะได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วระหว่างสองพิภพ เมื่อมีเหตุการณ์ผ่านด่านหรือทะลวงเลื่อนขั้นได้ พวกเขาจะดึงดูดนิมิตของทั้งสวรรค์และโลกมนุษย์ หากจะว่ากันตามจริงแล้ว เรื่องนี้เคยเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่าเท่านั้น แต่มาบัดนี้เหตุการณ์อัศจรรย์ได้เกิดขึ้นแล้วในเมืองชิง ดังนั้นทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังข้างบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย

ณ จวนตระกูลเยี่ย ผู้เฒ่าสูงสุด บรรดาผู้อาวุโสและทุกคนในตระกูลต่างมารวมตัวที่ลานกว้างกันพร้อมหน้า ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยคำนับฟ้าและกล่าวอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาครอบครัวตระกูลเยี่ยและเยี่ยหลาง !”

ทุกคนในตระกูลเยี่ยคุกเข่าและคำนับลงพร้อมกัน !

ในเวลานี้ ทุกคนในจวนตระกูลเยี่ยต่างยินดีปรีดาอย่างที่สุด !

ภายในคฤหาสน์ตระกูลเจียง

ชายชรามองไปที่นิมิตแห่งสวรรค์และโลกเหนือจวนตระกูลเยี่ยก่อนที่สีหน้าของเขาจะกลายเป็นน่าเกลียด “เจ้าเยี่ยหลางช่างยิ่งใหญ่อะไรปานนั้น ! เขาสามารถดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมาได้… ใครก็ได้ ไปตามผู้นำตระกูลจางและตระกูลหลีมาที่นี่ที บอกว่าข้ามีเรื่องต้องการหารือ”

ในเมืองชิง วิญญาณนกพิราบผู้พิทักษ์นับไม่ถ้วนโผขึ้นฟ้าแล้วบินไปทุกทิศทุกทาง ภาพนี้เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นนัก !

เรื่องที่ตระกูลเยี่ยมีผู้ถูกเลือกอยู่หนึ่งคนนั้นไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด และถึงแม้ว่าผู้ถูกเลือกนั้นจะหาได้ยากยิ่ง แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์ถึงขนาดดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมาได้นั้นกลับหายากยิ่งกว่า

เป็นที่รู้กันดีว่าต่อแต่นี้ไป ตระกูลเยี่ยได้ถูกยกระดับให้สูงขึ้นแล้ว !

ไม่ใช่เพียงแต่ในเมืองชิง แต่ยังหมายถึงทั่วในแคว้นเจียงทั้งหมดหรือแม้แต่ในทวีปชิงก็ตาม

ขณะนี้ทุกคนในจวนตระกูลเยี่ยเกือบจะพากันลุกฮือด้วยความตื่นเต้น นอกจากนี้เบี้ยเลี้ยงส่วนตัวของแต่ละคนยังถูกปรับขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งเดือนเพื่อเป็นสินน้ำใจ และไม่เพียงเท่านั้น ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยยังได้ตรงเข้าไปหาผู้นำตระกูลเพื่อให้ท่านได้มอบตำแหน่งผู้นำรุ่นเยาว์ให้แก่เยี่ยหลางอีกด้วย

ผู้นำรุ่นเยาว์นั้นเป็นตำแหน่งที่แตกต่างจากผู้สืบทอดของตระกูล ตำแหน่งผู้สืบทอดนั้นหมายถึงผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลในอนาคต แต่ตำแหน่งผู้นำรุ่นเยาว์นั้นมีศักดิ์และอำนาจมากเป็นอันดับสองรองจากประมุขสูงสุดแห่งตระกูลเยี่ยแต่เพียงผู้เดียว แม้ว่าผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยจะกระทำเกินกว่าอำนาจ แต่เขาก็ไม่สน นั่นเพราะในเร็ว ๆ นี้เยี่ยหลางกำลังจะกลายเป็นอัจฉริยะแห่งยุคที่นานปีจะมีให้พบได้สักหนึ่งหน กระนั้นแล้วท่านผู้นำตระกูลจะสามารถทำอะไรเขาได้ ?

ในวันข้างหน้า วาสนาทั้งหมดของตระกูลเยี่ยคงต้องพึ่งพาเยี่ยหลางแล้ว !

ที่ลานหน้าจวน เยี่ยหลางเงยหน้าขึ้นมองนิมิตบนท้องฟ้า คิ้วขมวดเป็นปมแน่น

เขาทะลวงเลื่อนขั้นได้แล้ว !

เขาได้เลื่อนจากขั้นที่หก ผสานลมปราณเข้าสู่ขั้นหลอมรวมลมปราณ !

แต่กระนั้นเยี่ยหลางก็ยังคลางแคลงใจอยู่ เมื่อ 2 ชั่วยามที่แล้วเขาสำเร็จพลังขั้นหลอมรวมลมปราณได้ แต่นิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์กลับเพิ่งมาปรากฏเอาตอนนี้ ! ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่อาจแน่ใจได้ว่า นิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์คราวนี้นั้นเกิดจากตนหรือไม่ !

ไม่นานนัก เยี่ยหลางพลันยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “หึ หากไม่ใช่ข้าแล้วใครกันเล่าที่จะมีความสามารถในการดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกนี้ ? ดูเหมือนว่าชีวิตนี้ โชคชะตาจะกำหนดให้ข้าเป็นผู้ครอบครองพรสวรรค์อันสุดยอด !”

หลังจากกล่าวได้ดังนั้น เยี่ยหลางก็พลันหมุนตัวและเดินจากไป

ณ หอคอยแห่งเรือนจำ

เยี่ยฉวนนอนอยู่บนพื้น เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ได้ ในตอนนั้นเองเสียงของสตรีลึกลับพลันดังขึ้นภายในห้อง “ลุกขึ้นเสีย แล้วจงดูที่ร่างกายของเจ้า !”

เยี่ยฉวนค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นและก้มลงมองร่างของตัวเอง เขาชะงักไปทันทีเพราะตอนนี้ผิวของเขามีประกายสีทองจาง ๆ แผ่ออกมา !

“นี่มันอะไรกัน ?” เยี่ยฉวนมองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน

สตรีลึกลับกล่าว “ขั้นกายาทองคำนั้นหมายถึงการปลูกฝังทองคำลงภายในกายหยาบของให้หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่างกายที่ถือเป็นรากฐาน เจ้าจึงจำเป็นจะต้องมีพื้นฐานเสียก่อน แต่การที่พื้นฐานของเจ้าจะดีหรือไม่นั้น ก็มิได้เป็นตัวตัดสินว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหน …คนธรรมดาทั่วไปมัวแต่เพียงฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายภายนอก แต่ละเลยความมั่นคงจากอวัยวะภายใน ทว่าในความเป็นจริงแล้วต้องเริ่มฝึกฝนจากภายในจึงจะดีที่สุด เมื่อกล้ามเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายในทั้งหมดของเจ้าแข็งแรงเท่านั้นจึงจะสามารถทนรับต่อแรงปะทะจากภายนอกได้ แม้ว่าเจ้าจะได้รับความเจ็บปวดเหนือมนุษย์ในตอนนี้ แต่มันก็จะเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้า หรือหากเจ้าลองมองให้ดี เจ้าก็จะเห็นประโยชน์ของมันตั้งแต่ตอนนี้”

เยี่ยฉวนสูดลมหายใจเข้าจนลึกแล้วประสานมืออย่างช้า ๆ ขณะนี้เขารู้สึกได้เลยว่าลมปราณภายในปั่นป่วนพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง !

เมื่อรู้สึกได้เช่นนี้ เยี่ยฉวนก็บังเกิดความยินดีเหลือประมาณ

จริงดังที่สตรีลึกลับกล่าว ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเมื่อก่อน !

ไม่เพียงเท่านั้น หากจะพูดถึงความแข็งแกร่งแล้ว เทียบกับเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย อาจกล่าวได้ว่าชายหนุ่มไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิดหากตอนนี้จะต้องประมือกับคู่ต่อสู้ตัวฉกาจแบบตัวต่อตัว ยกตัวอย่างเช่น ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยที่ถึงแม้จะมีลำดับพลังอยู่ในขั้นผสานลมปราณ แต่ก็ใช้ชีวิตแบบสุขสบายมาตลอด ไม่เคยต้องได้รับความยากลำบากอะไร

เยี่ยฉวนรีบร้อนถามเมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ “ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้น้องสาวข้าได้รับความเจ็บป่วยทุกข์ทรมาณจากพิษธาตุเย็น ท่านพอจะช่วยได้หรือไม่ ?”

สตรีลึกลับนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นน่ะหรือ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว

สตรีลึกลับพลันกล่าว “แน่นอน ข้ามีหนทางรักษานาง แต่น้องสาวของเจ้าไม่อาจเข้ามาในหอคอยแห่งนี้ได้”

“ทำไม ?” เยี่ยฉวนงงงวย

สตรีลึกลับตอบ “จิตวิญญาณของหอคอยนี้กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงลึกแห่งภวังค์ แม้ว่าตอนนี้มันจะยอมรับเจ้าเป็นเจ้านาย แต่เจ้าก็ยังไม่ได้ครอบครองกฎแห่งเต๋าเลยแม้แต่ข้อเดียว ดังนั้นเจ้าจึงไม่สามารถพาคนอื่นมาที่นี่ได้ หรือหากเจ้าดึงดันจะพาใครสักคนเข้ามา มันก็จะกำจัดคนแปลกหน้าผู้นั้นทันทีโดยสัญชาตญาณ”

เมื่อได้ยินดังนี้ใบหน้าของเยี่ยฉวนจึงสลดลง “ดูเหมือนคงมีแต่ข้าจะต้องพาน้องสาวเข้าไปหาหมอในเมืองหลวงเท่านั้น”

ขณะนี้เขาเองก็เปรียบเสมือนลูกนกที่ใกล้จะแตกรัง กล่าวคือหากเขาต้องการที่จะบรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณให้ได้ เขาก็ต้องตามหาวิญญาณกระบี่เพื่อจะดูดซับเข้าไป แต่วิญญาณกระบี่ขั้นสูงนั้นสูงค่ามากจนมิอาจประมาณค่าได้ ทั่วทั้งเมืองชิงอาจจะมีแค่เล่มเดียวเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตระกูลเยี่ยจะมีในครอบครองเลย ! แต่ในสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองในแคว้นเจียงอย่างเมืองหลวง ไม่แน่ว่าอาจจะมีวิญญาณกระบี่อยู่บ้างก็ได้ !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset