หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 187 ช่วยมาตีข้าให้ตายด้วย ! (ต้น)

บทที่ 187 ช่วยมาตีข้าให้ตายด้วย ! (ต้น)

เยี่ยฉวนเดินตรงไปที่ร่างของชายสวมเกราะเงิน เขาสะบัดมือครั้งหนึ่ง พลันเสื้อเกราะสีเงินซึ่งเคยสวมร่างไร้วิญญาณกลับออกมาปรากฏบนฝ่ามือของเยี่ยฉวน และแหวนที่สวมบนนิ้วมือของร่างสวมเกราะเงิน ก็ปรากฏบนฝ่ามือของเยี่ยฉวนในเวลาเดียวกันนั้น !

เยี่ยฉวนไม่เสียเวลาสำรวจสิ่งของเหล่านั้น เขาเก็บไว้ในหอคอยแห่งเรือนจำทันที ก่อนจะหันไปเห็นโม่อวิ๋นฉีและบรรดาพรรคพวกอีกสองคนกำลังถูกล้อมกรอบโจมตี

ในขณะที่เยี่ยฉวนตั้งท่าจะผละออกจากที่เพื่อเข้าช่วยเหลือ…

จังหวะนั้น บุรุษซึ่งเคยยืนนิ่งเงียบอยู่บนสะพานไม้แผ่นเดียวมาโดยตลอดพลันหายวับไปจากสถานที่ เยี่ยฉวนชะงักฝีเท้าและหันไปมองทางนั้น ทันใดนั้นคนที่เพิ่งหายไปกลับมาปรากฏออกเบื้องหน้า เขายกมือชี้พุ่งเป้าหมายตรงหว่างคิ้วของเยี่ยฉวน !

ด้วยความว่องเป็นเลิศ !

เยี่ยฉวนกระชับกระบี่ ยกขึ้นฟันตรงไปที่คนเบื้องหน้า !

ทันทีที่กระบี่ของเยี่ยฉวนปะทะกับนิ้วมือของเขา ชายคนนั้นแยกนิ้วออกสองนิ้วและกดกลับชิดสนิทแน่นดังเดิม ด้วยการณ์นั้นทำให้นิ้วมือหนีบตรึงกระบี่ของเยี่ยฉวนไว้อย่างแน่นหนา !

และโดยนิ้วมือของชายคนนั้น เขาผลักออกไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อย

เปรี้ยง !

พลังผลักออกรุนแรงกระทั่งเยี่ยฉวนถอยกรูดไปกว่าสี่จั้ง และยังมิทันยั้งหยุด ชายคนเดิมพลันกระโดดพรวดเข้ามาประจันหน้ากับเยี่ยฉวน ก่อนไม่รั้งรอแม้แต่น้อย ทำการปล่อยหมัดตรงพุ่งใส่เยี่ยฉวนซ้ำทันที !

เยี่ยฉวนสวนกลับด้วยการเตะขาข้างซ้ายออก จากนั้นจึงเงื้อกระบี่แทงออกไปตรงหน้า !

ตอนนั้นเองกระบี่ซึ่งแทงสวนออกไปนั้น พุ่งเสียบกลางฝ่ามือของอีกฝ่าย !

ทันทีที่ปลายกระบี่ของเยี่ยฉวนพุ่งทะลุเข้ากลางฝ่ามือ ชายผู้นั้นเบี่ยงฝ่ามือหลบจนทำให้เลื่อนหลุดออกจากปลายกระบี่หลิงซิ่ว และผลักออกฝ่ามือเข้าใส่บริเวณหน้าอกของเยี่ยฉวนอย่างแรง !

ปัง !

เยี่ยฉวนถูกแรงปะทะจนล่าถอยไปไกลราวห้าถึงหกจั้งในชั่วพริบตา !

ทันทีที่ชะงักหยุด ปรากฏหยาดโลหิตซึมออกทางมุมปาก !

ขณะที่เยี่ยฉวนชะงักนิ่งไปนั้น ก็ได้ปรากฏมีเงาสีดำวูบวาบขึ้นตรงมุมมืดทางด้านหลัง ทันใดนั้นลำแสงสว่างวาบพุ่งเข้ากลางหลังของเยี่ยฉวน !

ฉึก !

โลหิตกระเซ็นจากทางหลังของเขา !

เยี่ยฉวนพลิกกลับหลังหันทันควัน ขณะเดียวกันมือสะบัดกระบี่ฟันตัดลงอย่างรุนแรง

ฉั่วะ !

เงาดำถูกกระแทกจนลอยละลิ่วไปในอากาศ แต่ไม่นานก็หายลับไปอย่างเงียบเชียบ !

ชั่วขณะที่เงานั้นหายลับไป เยี่ยฉวนหรี่ตามองอย่างระแวดระวังด้วยประสาทรับรู้ตื่นตัวเต็มที่  ทันใดนั้นกระบี่หลิงซิ่วเหินออกจากอุ้งมือย้อนไปทางด้านหลังโดยเร็วและฟันลงอย่างรุนแรง !

ทางเบื้องหลังนั้นเอง ร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นภายใต้เงาของเยี่ยฉวน !

เปรี้ยง !

ฉึก !

เยี่ยฉวนถอยกรูดต่อเนื่อง โดยไม่รู้ว่าบริเวณท้องน้อยเกิดรอยแผลบาดลึกตั้งแต่เมื่อใด และตอนนี้ที่บาดแผลก็ได้มีโลหิตไหลทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก !

ที่ระยะห่างออกไปซึ่งกานสือซานอยู่ เงาดำทะมึนปรากฏกายขึ้นและหายแว่บทันที !

ช่วงนั้น กานสือซานถูกเงาดำเข้าจู่โจมครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่ล่าถอย !

“คนของดินแดนอันธกาล !”  ในเวลานั้นเสียงพึมพำของเจี้ยนเสี่ยวหวางผู้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ดังขึ้น “พวกมือสังหารทั้งนั้น ทุเรศสิ้นดี !”

เยี่ยฉวนใช้มือข้างที่ว่างปาดโลหิตจากบาดแผลจนฝ่ามือแดงฉานไปด้วยเมือกเหนียวลื่น !

ขณะที่เยี่ยฉวนจ้องดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใบหน้าหมองคล้ำ เห็นชัดเจนว่ามีร่างของคนสองคนอยู่ในระยะห่างออกไป และเสี้ยววินาทีต่อมาร่างทั้งสองพลันหายวับไปในเวลาเดียวกัน !

ที่แท้ทั้งสองต่างฝ่ายต่างเป็นคู่อริกัน พวกเขามาจากต่างที่ต่างกลุ่ม !

และต่างช่วงชิงในการเป็นผู้ลงมือ ด้วยต้องการเป็นคนที่ได้ศีรษะของเยี่ยฉวนก่อนนั่นเอง !

ชายหนุ่มฉวยจังหวะนั้น ใช้ปากคาบกระบี่ไว้ขณะฉีกเสื้อออกนำมาพันไว้รอบแผลที่บริเวณลำตัว ทว่ายังไม่ทันไรคนสองคนกลับปรากฏกายออกมาจู่โจมอย่างรวดเร็ว เยี่ยฉวนจึงตวัดกระบี่หลิงซิ่วออกต้านทานคนทั้งสอง ก่อนที่ทันใดนั้นลำแสงชนิดหนึ่งพุ่งวาบตรงมา !

ลำแสงหาได้พุ่งใส่เยี่ยฉวน ทว่ากลับเล็งเป้าหมายไปยังคนสองคนที่อยู่เบื้องหน้า !

บึ้ม !

ลำแสงที่พุ่งตรงมาทำให้เงาปีศาจชะงักการจู่โจมเยี่ยฉวนทันที และขณะเดียวกันกานสือซานก็ชะงักด้วยเช่นกัน

จากนั้นร่างอ่อนช้อยโผล่ขึ้นมายืนเคียงข้างเยี่ยฉวน !

เมื่อหันมาเห็นคนที่เพิ่งเข้ามา เยี่ยฉวนถึงกับตะลึงงัน ! “เจียงจิ่ว !”

สายตาเยี่ยฉวนมองด้วยความประหลาดใจ “องค์หญิงทรงมาทำอะไร ?” เจียงจิ่วเขม้นมองคนถาม ริมฝีปากเชิดอย่างถือดี

“ข้ามาไม่ได้หรือ ?” เยี่ยฉวนส่ายหน้า ทำท่าขยับจะพูดทว่าเจียงจิ่วกลับตัดบทเสียก่อน

“ยังมัวพล่ามอยู่อีก มาจัดการเจ้าพวกนี้ก่อน !”

จากนั้น ร่างของหญิงสาวพุ่งทะยานตรงเข้าหาเงาปีศาจทันที !

เงาปีศาจหายวับจากที่ และเมื่อมันปรากฏออกอีกครา ก็ได้ประชิดด้านหลังเจียงจิ่วแล้ว ด้วยปฏิกิริยาตอบโต้ชั้นเลิศ หญิงสาวพลันหมุนตัวกลับและฟาดดาบอกไปทันทีหลายต่อหลายหน !

เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง !

เสียงดังสนั่นรัวเป็นชุด เมื่อเจียงจิ่วปรากฏกายช่วยออกต้านทานเงาปีศาจ เยี่ยฉวนค่อยหายใจคล่องขึ้น ชายหนุ่มเหลือบมองไปทางกานสือซานซึ่งอยู่ห่างไม่ไกล โดยไม่รีรีอเยี่ยฉวนหายวาบจากสถานที่ในทันที

หึ่มมมม !

เสียงดังกระหึ่มแห่งกระบี่สะท้านสะเทือนทั่วลาน !

กานสือซานสีหน้าเรียบเฉย เขากดปลายเท้าลงกับพื้น ผลักร่างคนทะยานออกจากที่อยู่ เช่นนั้นจึงได้ก่อให้เกิดเสียงลมดังหวีดหวิว !!

บึ้ม !

เมื่อเสียงดังสนั่นคลายลง เยี่ยฉวนและกานสือซานกลับคืนสู่ตำแหน่งของการเผชิญหน้าจุดเดิม !

โดยเยี่ยฉวนยามนี้ในมือกำกระบี่ซึ่งสั่นสะท้านรุนแรง หยาดโลหิตซึมลงช้า ๆ ที่มุมปาก !

ขณะที่กานสือซานเหลือบตามองที่ฝ่ามือของตน ซึ่งชุ่มไปด้วยโลหิต !

ทันทีที่เห็นสีแดงฉานโชกชุ่มนั้น สายตาของกานสือซานฉายประกายโหดเหี้ยมวาววาบ เพราะพลังของชายหนุ่มเยี่ยฉวนเพียงทะยานสวรรค์ ซึ่งต่ำชั้นกว่าพลังของตน !

ที่ผ่านมาเขาเคยเป็นคนท้าทายผู้ที่พลังเหนือชั้นกว่าตน ทว่าเวลานี้ คนที่หาญกล้าท้าทายกลับเป็นคนที่มีขั้นพลังต่ำกว่าหลายชั้น !

อดไม่ได้จึงเหลือบมองเยี่ยฉวน ซึ่งยืนห่างออกไปไกลพอสมควร “ไม่แปลกใจเลย ว่าเหตุใดค่าหัวของเจ้าจึงมากมายปานนี้ !”

พูดจบ ร่างคนพูดหายวาบไปจากจุดที่เคยอยู่ เงาปีศาจทะยานฝ่าข้ามลานโล่งตรงมา !

ลูกนัยน์ตาของเยี่ยฉวนหรี่ลงด้วยประเมินต่อสถานการณ์ตรงหน้าที่เห็น มือกำด้ามกระบี่แน่นเข้าและฟันออกไปอย่างแรง !

กระบี่หลิงซิ่วระเบิดลำแสงเป็นเส้นสายอย่างน่าพิศวง !

ขณะนั้น กานสือซานพุ่งนิ้วมือปะทะส่วนปลายกระบี่หลิงซิ่ว ความเงียบเข้าครอบงำในบริเวณชั่วครู่ !

บึ้มมม !

เวลานี้กระบี่หลิงสะท้านสั่นอย่างรุนแรง ส่วนร่างของเยี่ยฉวนก็ได้กระเด็นถอยไปทางหลังต่อเนื่องไม่อาจยั้ง !

ขณะที่กานสือซานกลับปักหลักนิ่ง ไม่มีไหวติงแม้สักครึ่งก้าว !

ทันใดนั้น ฝ่ายตรงข้ามเยี่ยฉวนทะยานขึ้นสู่อากาศ เขาค่อยปิดเปลือกตาลงอย่างช้า ๆ และวินาทีต่อมา แขนข้างขวาสั่นสะเทือนรุนแรง ด้วยพลังเกือบทั้งหมดถูกผลักดันลงสู่แขนข้างนั้น ! กานสือซานเหยียดมือและชี้ลงไปที่พื้นดิน ฉับพลันนั้นแสงสว่างพุ่งวาบออกจากปลายนิ้ว !

“ระวัง เจ้านั่นใช้ทักษะยุทธ์ขั้นสวรรค์ !” เจียงจิ่วเมื่อเห็นเช่นนั้น นางรีบส่งเสียงเตือนเยี่ยฉวนจากในระยะไกล !

ทักษะยุทธ์ขั้นสวรรค์ !

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

บทที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

“เจ็บสิ”

“เจ็บจะตายอยู่แล้ว !”

เยี่ยฉวนเพิ่งเคยรู้สึกอยากตายเป็นครั้งแรก !

มันเคยเป็นเพียงความเจ็บปวดของเลือดเนื้อภายนอกร่างกาย แต่คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในและเส้นเลือดทั้งหลายสั่นสะท้านราวกับกำลังแตกเป็นริ้ว ๆ นี่เป็นความเจ็บปวดในระดับที่ชายหนุ่มไม่เคยสัมผัสมาก่อน !

“เจ้าต้องอดทนไว้ !”

เยี่ยฉวนกัดฟันอย่างอดกลั้น ทั้งร่างยังไม่หยุดสั่น

เขาปรารถนาอย่างยิ่งที่จะหลับตาพักผ่อนสักครู่ แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าเขาทำไม่ได้ เมื่อหมดสติไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็เป็นไปได้ว่าคงไม่อาจฟื้นขึ้นมาอีก !

ถ้าข้าไม่ฟื้น จะเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวข้ากัน ?

นางอายุเพียง 12 ปี คนในตระกูลเยี่ยจะเมตตานางหรือไม่ ?

เมื่อคิดถึงเยี่ยหลิง เยี่ยฉวนพลันเงยหน้าขึ้นและร้องคำรามออกมา มือทั้งสองกำแน่น ส่วนใบหน้าก็เต็มไปด้วยสีสันที่บ้าคลั่ง “มาเลย เจ็บมากกว่านี้อีกสิ ฮ่า ๆ ข้าทนได้… ข้า… เจ็บปวดเหลือเกิน ยังไงก็ช่วยเพลาลงหน่อยเถอะ…”

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละน้อยจนเยี่ยฉวนไม่รับรู้แล้วว่าทั้งหมดนี้ใช้เวลานานเท่าใด ร่างกายของเขาทรุดลงราวกับร่างเนื้อที่ไร้ซึ่งกระดูกพยุง ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะเริ่มกระตุกคล้ายกับคนเป็นโรคลมชัก

อาการชักกระตุกนี้ยังคงดำเนินอยู่ประมาณ 1 เค่อ และเมื่อหยุดลง ร่างของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ !

เยี่ยฉวนนอนแผ่ราบไปกับพื้น เขาไม่เหลือแรงจะขยับตัวแล้ว !

ในเวลาเดียวกันนั้น ข้างนอกหอคอยแห่งเรือนจำพลันมีเมฆจำนวนมหาศาลรวมตัวกันบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย ทำให้ในไม่ช้าสายฝนเริ่มตกลงมา แต่ทว่าพื้นอื่นที่รอบด้านข้างท้องฟ้ากลับแจ่มใสและมีแสงแดดจ้า พร้อมกันนั้นข้างบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย สายรุ้งอันบางเบาค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน และเมื่อรุ้งสายแรกโผล่ขึ้นมา รุ้งสายที่สองก็ปรากฏขึ้นตาม เช่นเดียวกับรุ้งสายที่สามที่กำลังค่อย ๆ ปรากฏขึ้นภายในหอคอยแห่งเรือนจำนั้น ก่อนที่จู่ ๆ เยี่ยฉวนจะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยและรุ้งสายที่สามจะพลันหายวับไป

นี่คือนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์ !

ทุกคนในเมืองชิงปั่นป่วน !

อัจฉริยะได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วระหว่างสองพิภพ เมื่อมีเหตุการณ์ผ่านด่านหรือทะลวงเลื่อนขั้นได้ พวกเขาจะดึงดูดนิมิตของทั้งสวรรค์และโลกมนุษย์ หากจะว่ากันตามจริงแล้ว เรื่องนี้เคยเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่าเท่านั้น แต่มาบัดนี้เหตุการณ์อัศจรรย์ได้เกิดขึ้นแล้วในเมืองชิง ดังนั้นทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังข้างบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย

ณ จวนตระกูลเยี่ย ผู้เฒ่าสูงสุด บรรดาผู้อาวุโสและทุกคนในตระกูลต่างมารวมตัวที่ลานกว้างกันพร้อมหน้า ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยคำนับฟ้าและกล่าวอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาครอบครัวตระกูลเยี่ยและเยี่ยหลาง !”

ทุกคนในตระกูลเยี่ยคุกเข่าและคำนับลงพร้อมกัน !

ในเวลานี้ ทุกคนในจวนตระกูลเยี่ยต่างยินดีปรีดาอย่างที่สุด !

ภายในคฤหาสน์ตระกูลเจียง

ชายชรามองไปที่นิมิตแห่งสวรรค์และโลกเหนือจวนตระกูลเยี่ยก่อนที่สีหน้าของเขาจะกลายเป็นน่าเกลียด “เจ้าเยี่ยหลางช่างยิ่งใหญ่อะไรปานนั้น ! เขาสามารถดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมาได้… ใครก็ได้ ไปตามผู้นำตระกูลจางและตระกูลหลีมาที่นี่ที บอกว่าข้ามีเรื่องต้องการหารือ”

ในเมืองชิง วิญญาณนกพิราบผู้พิทักษ์นับไม่ถ้วนโผขึ้นฟ้าแล้วบินไปทุกทิศทุกทาง ภาพนี้เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นนัก !

เรื่องที่ตระกูลเยี่ยมีผู้ถูกเลือกอยู่หนึ่งคนนั้นไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด และถึงแม้ว่าผู้ถูกเลือกนั้นจะหาได้ยากยิ่ง แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์ถึงขนาดดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมาได้นั้นกลับหายากยิ่งกว่า

เป็นที่รู้กันดีว่าต่อแต่นี้ไป ตระกูลเยี่ยได้ถูกยกระดับให้สูงขึ้นแล้ว !

ไม่ใช่เพียงแต่ในเมืองชิง แต่ยังหมายถึงทั่วในแคว้นเจียงทั้งหมดหรือแม้แต่ในทวีปชิงก็ตาม

ขณะนี้ทุกคนในจวนตระกูลเยี่ยเกือบจะพากันลุกฮือด้วยความตื่นเต้น นอกจากนี้เบี้ยเลี้ยงส่วนตัวของแต่ละคนยังถูกปรับขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งเดือนเพื่อเป็นสินน้ำใจ และไม่เพียงเท่านั้น ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยยังได้ตรงเข้าไปหาผู้นำตระกูลเพื่อให้ท่านได้มอบตำแหน่งผู้นำรุ่นเยาว์ให้แก่เยี่ยหลางอีกด้วย

ผู้นำรุ่นเยาว์นั้นเป็นตำแหน่งที่แตกต่างจากผู้สืบทอดของตระกูล ตำแหน่งผู้สืบทอดนั้นหมายถึงผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลในอนาคต แต่ตำแหน่งผู้นำรุ่นเยาว์นั้นมีศักดิ์และอำนาจมากเป็นอันดับสองรองจากประมุขสูงสุดแห่งตระกูลเยี่ยแต่เพียงผู้เดียว แม้ว่าผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยจะกระทำเกินกว่าอำนาจ แต่เขาก็ไม่สน นั่นเพราะในเร็ว ๆ นี้เยี่ยหลางกำลังจะกลายเป็นอัจฉริยะแห่งยุคที่นานปีจะมีให้พบได้สักหนึ่งหน กระนั้นแล้วท่านผู้นำตระกูลจะสามารถทำอะไรเขาได้ ?

ในวันข้างหน้า วาสนาทั้งหมดของตระกูลเยี่ยคงต้องพึ่งพาเยี่ยหลางแล้ว !

ที่ลานหน้าจวน เยี่ยหลางเงยหน้าขึ้นมองนิมิตบนท้องฟ้า คิ้วขมวดเป็นปมแน่น

เขาทะลวงเลื่อนขั้นได้แล้ว !

เขาได้เลื่อนจากขั้นที่หก ผสานลมปราณเข้าสู่ขั้นหลอมรวมลมปราณ !

แต่กระนั้นเยี่ยหลางก็ยังคลางแคลงใจอยู่ เมื่อ 2 ชั่วยามที่แล้วเขาสำเร็จพลังขั้นหลอมรวมลมปราณได้ แต่นิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์กลับเพิ่งมาปรากฏเอาตอนนี้ ! ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่อาจแน่ใจได้ว่า นิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์คราวนี้นั้นเกิดจากตนหรือไม่ !

ไม่นานนัก เยี่ยหลางพลันยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “หึ หากไม่ใช่ข้าแล้วใครกันเล่าที่จะมีความสามารถในการดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกนี้ ? ดูเหมือนว่าชีวิตนี้ โชคชะตาจะกำหนดให้ข้าเป็นผู้ครอบครองพรสวรรค์อันสุดยอด !”

หลังจากกล่าวได้ดังนั้น เยี่ยหลางก็พลันหมุนตัวและเดินจากไป

ณ หอคอยแห่งเรือนจำ

เยี่ยฉวนนอนอยู่บนพื้น เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ได้ ในตอนนั้นเองเสียงของสตรีลึกลับพลันดังขึ้นภายในห้อง “ลุกขึ้นเสีย แล้วจงดูที่ร่างกายของเจ้า !”

เยี่ยฉวนค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นและก้มลงมองร่างของตัวเอง เขาชะงักไปทันทีเพราะตอนนี้ผิวของเขามีประกายสีทองจาง ๆ แผ่ออกมา !

“นี่มันอะไรกัน ?” เยี่ยฉวนมองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน

สตรีลึกลับกล่าว “ขั้นกายาทองคำนั้นหมายถึงการปลูกฝังทองคำลงภายในกายหยาบของให้หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่างกายที่ถือเป็นรากฐาน เจ้าจึงจำเป็นจะต้องมีพื้นฐานเสียก่อน แต่การที่พื้นฐานของเจ้าจะดีหรือไม่นั้น ก็มิได้เป็นตัวตัดสินว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหน …คนธรรมดาทั่วไปมัวแต่เพียงฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายภายนอก แต่ละเลยความมั่นคงจากอวัยวะภายใน ทว่าในความเป็นจริงแล้วต้องเริ่มฝึกฝนจากภายในจึงจะดีที่สุด เมื่อกล้ามเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายในทั้งหมดของเจ้าแข็งแรงเท่านั้นจึงจะสามารถทนรับต่อแรงปะทะจากภายนอกได้ แม้ว่าเจ้าจะได้รับความเจ็บปวดเหนือมนุษย์ในตอนนี้ แต่มันก็จะเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้า หรือหากเจ้าลองมองให้ดี เจ้าก็จะเห็นประโยชน์ของมันตั้งแต่ตอนนี้”

เยี่ยฉวนสูดลมหายใจเข้าจนลึกแล้วประสานมืออย่างช้า ๆ ขณะนี้เขารู้สึกได้เลยว่าลมปราณภายในปั่นป่วนพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง !

เมื่อรู้สึกได้เช่นนี้ เยี่ยฉวนก็บังเกิดความยินดีเหลือประมาณ

จริงดังที่สตรีลึกลับกล่าว ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเมื่อก่อน !

ไม่เพียงเท่านั้น หากจะพูดถึงความแข็งแกร่งแล้ว เทียบกับเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย อาจกล่าวได้ว่าชายหนุ่มไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิดหากตอนนี้จะต้องประมือกับคู่ต่อสู้ตัวฉกาจแบบตัวต่อตัว ยกตัวอย่างเช่น ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยที่ถึงแม้จะมีลำดับพลังอยู่ในขั้นผสานลมปราณ แต่ก็ใช้ชีวิตแบบสุขสบายมาตลอด ไม่เคยต้องได้รับความยากลำบากอะไร

เยี่ยฉวนรีบร้อนถามเมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ “ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้น้องสาวข้าได้รับความเจ็บป่วยทุกข์ทรมาณจากพิษธาตุเย็น ท่านพอจะช่วยได้หรือไม่ ?”

สตรีลึกลับนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นน่ะหรือ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว

สตรีลึกลับพลันกล่าว “แน่นอน ข้ามีหนทางรักษานาง แต่น้องสาวของเจ้าไม่อาจเข้ามาในหอคอยแห่งนี้ได้”

“ทำไม ?” เยี่ยฉวนงงงวย

สตรีลึกลับตอบ “จิตวิญญาณของหอคอยนี้กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงลึกแห่งภวังค์ แม้ว่าตอนนี้มันจะยอมรับเจ้าเป็นเจ้านาย แต่เจ้าก็ยังไม่ได้ครอบครองกฎแห่งเต๋าเลยแม้แต่ข้อเดียว ดังนั้นเจ้าจึงไม่สามารถพาคนอื่นมาที่นี่ได้ หรือหากเจ้าดึงดันจะพาใครสักคนเข้ามา มันก็จะกำจัดคนแปลกหน้าผู้นั้นทันทีโดยสัญชาตญาณ”

เมื่อได้ยินดังนี้ใบหน้าของเยี่ยฉวนจึงสลดลง “ดูเหมือนคงมีแต่ข้าจะต้องพาน้องสาวเข้าไปหาหมอในเมืองหลวงเท่านั้น”

ขณะนี้เขาเองก็เปรียบเสมือนลูกนกที่ใกล้จะแตกรัง กล่าวคือหากเขาต้องการที่จะบรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณให้ได้ เขาก็ต้องตามหาวิญญาณกระบี่เพื่อจะดูดซับเข้าไป แต่วิญญาณกระบี่ขั้นสูงนั้นสูงค่ามากจนมิอาจประมาณค่าได้ ทั่วทั้งเมืองชิงอาจจะมีแค่เล่มเดียวเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตระกูลเยี่ยจะมีในครอบครองเลย ! แต่ในสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองในแคว้นเจียงอย่างเมืองหลวง ไม่แน่ว่าอาจจะมีวิญญาณกระบี่อยู่บ้างก็ได้ !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset