บทที่ 35 มารดาของเยี่ยฉวน ! (ปลาย)
ตรงประตูทางเข้าเมืองพันภูผา เยี่ยหลิงที่อยู่ในรถม้ากำลังหันมองเมืองพันภูผาตรงหน้าพลางกะพริบ ตา “ว้าว ! ท่านพี่ เมืองแห่งนี้ใหญ่มากเลยเจ้าค่ะ ใหญ่มากกว่าเมืองชิงเสียอีก !”
เยี่ยฉวนพยักหน้าพลางยิ้มแย้ม “มันใหญ่จริง ๆ นั่นล่ะ !”
เยี่ยหลิงเขย่าเเขนเยี่ยฉวนเบา ๆ และร้องขอบางอย่างราวกับเด็กเอาแต่ใจ “ท่านพี่ เราไปซื้อของหลัง จากนี้ได้ไหมเจ้าคะ ?”
เยี่ยฉวนครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าเอ่ย “ตกลง !”
พวกเขารีบเร่งเดินทางมาตลอดเวลา อย่าว่าแต่เยี่ยหลิงเลย แม้แต่ชายหนุ่มเองก็รู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนกัน !
เป็นเรื่องดีที่จะออกไปหาซื้อของ !
คิดดังนี้แล้ว เยี่ยฉวนจึงเข้าไปในเมืองพร้อมกับเยี่ยหลิง
ถนนในเมืองค่อนข้างกว้างขวาง ความกว้างของมันนับได้เป็นหลายจั้งนัก ทั้งเมืองหนาแน่นไปด้วย ผู้คน และมีรถม้ามากมายวิ่งขวักไขว่อยู่บนถนน ทำให้ดูคึกคักมีชีวิตชีวายิ่งกว่าเมืองชิงมากนัก !
เยี่ยฉวนจองห้องหนึ่งของโรงเตี๊ยมกับเยี่ยหลิงก่อนเป็นอันดับแรก และที่เขาจองไว้เพียงห้องเดียว มันก็ เนื่องจากสภาพร่างกายของเยี่ยหลิงในตอนนี้ที่ยังไม่คงตัว ดังนั้นเขาจึงย่อมไม่วางใจโดยง่ายหากปล่อยนางไว้ เพียงลำพังในอีกห้องหนึ่ง
หลังทำการจัดข้าวของเข้าห้องเสร็จ ชายหนุ่มจึงพาเยี่ยหลิงออกไปซื้อของ !
บนถนน เยี่ยหลิงมองไปทางนั้นทีทางนี้ทีอย่างร่าเริงราวกับภูตตัวน้อย
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เยี่ยหลิงก็ได้ของเล่นมากมายเต็มสองมือ
เห็นเยี่ยหลิงมีความสุขนัก ส่วนเยี่ยฉวนก็คลี่ยิ้มสดใสมากกว่าเดิม
เมื่อพวกเขาเดินผ่านแผงลอยเล็ก ๆ เสียงสตรีลึกลับพลันดังขึ้นในหัวของเยี่ยฉวน “หยุดก่อน !”
ได้ยินคำพูดของนาง เยี่ยฉวนพลันชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็รั้งตัวเยี่ยหลิงไว้
“ผู้อาวุโส ?” เยี่ยฉวนถามในใจ
สตรีลึกลับเอ่ย “มีแหวนสีม่วงวงหนึ่งอยู่บนแผงข้างเจ้า จงซื้อมันเสีย!”
เยี่ยฉวนหันไปเหลือบมองแผงวางของวูบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเข้ากับแหวนสีม่วงที่ดูธรรมดาไม่สะดุดตา วงหนึ่งอยู่บนมุมแผง
เจ้าของร้านเป็นชายกลางคน เขามองเยี่ยฉวนและยิ้ม “น้องชาย ต้องการซื้ออะไรหรือ ?”
เยี่ยฉวนหยิบแหวนสีม่วงขึ้นมา “แหวนนี่ราคาเท่าใด ?”
ชายหนุ่มไม่ถามสตรีลึกลับว่าทำไมนางถึงอยากให้เขาซื้อแหวนที่ดูไม่สลักสำคัญอะไร เพราะเขารู้ว่า มันจะต้องมีเหตุผลอยู่ ! เยี่ยฉวนรู้ดีว่าปกติแล้วสตรีลึกลับจะไม่ค่อยพูดนัก นี่จึงเป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะเห็นนางเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน !
ชายกลางคนเหลือบมองเเหวนสีม่วงในมือของเยี่ยฉวนและยิ้ม “สิบเหรียญทอง !”
ได้ยินดังนี้ เยี่ยฉวนพลันย่นคิ้วเล็กน้อย “สิบเหรียญทอง แพงไปหน่อย !” แต่เขาก็ให้เงินเจ้าของร้านไปสิบเหรียญทองโดยไม่ลังเล
เห็นเยี่ยฉวนไม่ต่อราคา เจ้าของร้านพลันผุดยิ้มและรีบหยิบเหรียญทองทันที ในใจของเขารู้สึกปิติเบิก บานอยู่ลึก ๆ! เพราะแท้จริงแล้วเขาเต็มใจที่จะขายมันต่อให้ได้ราคา 3 เหรียญทองก็ตามที !
เยี่ยฉวนกำลังจะหันหลังจากไป ถึงตอนนี้ก็พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง “เดี๋ยวก่อน !”
เมื่อมองที่มาของเสียงแล้ว เยี่ยฉวนก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กรุ่นราวคราวเดียวกับเยี่ยหลิงเดินเข้ามาหาเขา
เด็กหญิงตัวน้อยสวมเสื้อคลุมนวมตัวเล็ก นางมีริมฝีปากสีกุหลาบและฟันขาวน่ารัก และยิ่งรวบผมเป็นหางม้าด้วยแล้ว มันก็ยิ่งทำให้นางดูน่ารักน่าชังขึ้นไปอีก
หลังเหลือบมองเเหวนในมือของเยี่ยฉวนวูบหนึ่ง เด็กหญิงตัวน้อยก็จึงหันไปหาเจ้าของร้าน “เเหวนวงนี้ข้าจ่ายให้ท่านได้ยี่สิบเหรียญทองเชียวนะ !”
เจ้าของร้านสะดุ้ง เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อยเพราะเขาขายมันให้เยี่ยฉวนไปแล้ว
เยี่ยฉวนเหลือบมองเด็กหญิงตัวน้อยและยิ้มออกมา “น้องสาว แหวนนี่…”
“ใครเป็นน้องสาวเจ้ากัน ?” เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยขัดเยี่ยฉวนในทันทีด้วยเสียงเย็นชา
เมื่อได้ยินคำโต้ตอบเช่นนั้น สีหน้าของเยี่ยฉวนพลันแข็งค้างและเขาก็ไร้คำพูดไปครู่หนึ่ง “แม่นางน้อยนี่มีนิสัยแบบไหนกันนะ ?”
ข้างกายเยี่ยฉวน เยี่ยหลิงพลันส่งสายตาไม่พอใจไปยังเด็กสาวตรงหน้า “เจ้าพูดแบบนี้ได้อย่างไร ? ท่านพี่ข้าไปทำอะไรให้เจ้ากัน !”
เด็กสาวมองเยี่ยหลิง และเมื่อเห็นอีกฝ่ายแล้ว นางก็ถึงกับตะลึงค้างไปเล็กน้อย ไม่นานนักดวงตาของ นางก็พลันฉายแววประหลาดใจ เด็กสาวจ้องมองนางจนกระทั่งความประหลาดใจนี้เปลี่ยนเป็นความตกตะลึง ก่อนที่ไม่นานมันจะกลายเป็นความปิติยินดี !!
ในเวลาสั้น ๆ สายตาของเด็กสาวตัวน้อยดูจะเปลี่ยนไปหลายครั้ง ทำให้ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นตะลึงไป
เยี่ยหลิงที่ถูกนางจ้องมองรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างเช่นกัน นางจึงถามออกไปว่า “เจ้า เจ้ามองข้าทำไม ?”
เด็กสาวมีสายตากลับคืนสู่ปกติ นางอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างแต่ก็เหมือนจะตะขิดตะขวงเล็กน้อย หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งนางจึงถามขึ้น “เจ้ามีนามว่าอะไร ?”
เห็นว่าเด็กสาวคนนั้นไม่มีท่าทางก้าวร้าวแล้ว เยี่ยหลิงจึงตอบไปว่า “เยี่ยหลิง”
เอ่ยดังนี้แล้วนางก็พลันคว้าจับแขนเยี่ยฉวนไว้และกล่าวแนะนำ “นี่ท่านพี่ข้า เยี่ยฉวน !”
เด็กสาวเหลือบมองเยี่ยฉวนอย่างเย็นชา จากนั้นดวงตาของนางก็กลับมาจับจ้องเยี่ยหลิงอีกครั้ง ซึ่งมันก็เป็นการง่ายนักที่จะเห็นว่านางเหมือนจะลังเลอะไรบางอย่างอยู่
เยี่ยฉวนดึงตัวเยี่ยหลิงและกำลังจะหันหลังกลับ จึงเป็นในตอนนี้เองที่เด็กสาวคนนั้นหยิบก้อนหินสีแดงขนาดเท่ากำปั้นส่งให้กับเยี่ยหลิง “นี่ให้เจ้า !”
เยี่ยฉวนกับน้องสาวถึงกับอึ้งไป !
เด็กสาวยัดก้อนหินใส่มือของเยี่ยหลิง “นี่เป็นหยกเพลิงสวรรค์ หากเจ้าพกมันไปด้วยมันจะช่วยสยบ ไอเย็นในร่างเจ้าได้ชั่วคราว”
เมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้ สีหน้าของเยี่ยฉวนก็ถึงกับเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน “เจ้า…”
เด็กสาวเมินเยี่ยฉวนและเอ่ยอีกครั้ง “ข้ามีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ ข้าไม่อาจพาเจ้าไปได้ในตอนนี้ ข้าจะมาหาเจ้าในอีก 3 เดือนเป็นอย่างช้านะ”
เอ่ยเช่นนี้แล้ว นางก็พลันเหลือบมองเยี่ยฉวนอย่างเย็นชาและเอ่ยขึ้น “เห็นแก่น้องสาวของเจ้า ข้าจะให้แหวนวงนั้นกับเจ้าแล้วกัน !”
หลังจากนั้นนางก็เหลือบมองเยี่ยหลิงอีกครั้งและหันจากไป
เยี่ยฉวนตะลึง เมื่อได้สติ ชายหนุ่มก็พลันไล่ตามหลังนางไปในทันที แต่ทว่าเพียงครู่เดียวเด็กสาวก็ได้ ห่างจากเขาไปหลายจั้งเสียแล้ว ก่อนที่ชั่วพริบตาเดียวนางจะหายไปจากสายตาของเยี่ยฉวน !
เยี่ยฉวนรู้สึกหวาดผวาและหยุดฝีเท้าลง
ตรงมุมตึก
เด็กสาวเดินมาที่มุมตึก เมื่อนางหยุดเดิน คนในชุดดำพลันปรากฏกายเบื้องหลังนางอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่คนผู้นั้นจะคุกเข่าข้างหนึ่งลงและพูดว่า “คุณหนู !”
เด็กสาวออกคำสั่งเสียงเย็น “จับตาดูคู่พี่ชายน้องสาวนั้นไว้ใกล้ ๆ ไม่สิ เจ้าไม่สามารถตามพวกเขาไปได้ เจ้าดูน่าสงสัยเกินไป เจ้าจงไปหาใครสักคนที่อ่อนแออย่างเห็นชัดให้ตามพวกเขาไป จำไว้ว่าเจ้าห้ามปล่อยให้ เกิดเรื่องอะไรกับแม่นางน้อยคนนั้นเด็ดขาด”
คนชุดดำเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มลึก “คุณหนูต้องการตัวแม่นางน้อยผู้นั้นหรือขอรับ ?”
เด็กสาวหลับตาลงช้า ๆ ทว่าน้ำเสียงของนางกลับดูตื่นเต้นไม่น้อย “ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีใครบางคนที่มี ของเช่นนั้นในแคว้นเจียงอยู่ หากไม่ใช่เพราะเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับสำนักที่เซียนกระบี่ทิ้งเอาไว้ในพิภพชางแล้ว ข้าคงจะพาตัวนางไปเสียเดี๋ยวนี้ !”
คนชุดดำเอ่ยด้วยเสียงทุ้มห้าว “แม้สำนักของเซียนกระบี่แห่งพิภพชางจะถูกเปิดเผย แต่ค่ายกลกระบี่ที่ เขาทิ้งไว้ยังไม่สลาย กล่าวกันว่ากระบี่ของเขาเป็นสิ่งจำเป็นที่จะสลายค่ายกลกระบี่ของเขา แต่เซียนกระบี่แห่ง พิภพชางหายตัวไปมากกว่าพันปีที่แล้ว เราจะไปตามหากระบี่ของเขาได้ที่ไหนหรือขอรับ ?”
เด็กสาวเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่เป็นไรหรอก จงสั่งให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ในคราวนี้เพื่อแก้ปัญหานี้เสีย !”
ชายชุดดำพยักหน้า ทว่าเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นอีกครั้ง “แล้วพี่ชายของ แม่นางน้อยผู้นั้น คุณหนูจะตั้งใจรับเขาไว้ไหมขอรับ ?”
เด็กสาวส่ายหน้า “พื้นฐานวรยุทธ์ของเขาดี แต่ตันเถียนของเขาถูกทำลายแล้ว โครงสร้างวรยุทธ์ของ เขาอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น ส่วนรากฐานจิตก็แค่พอใช้ เจ้าต้องการให้เขาทำอะไร ? เลี้ยงไว้ให้เสีย ข้าวสุกหรือไง ?”
หลังจากนั้นนางก็หันหลังจากไป !