หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 36 ขอโทษนะ แต่ข้าคือยอดผู้ฝึกกระบี่ ! (ต้น)

บทที่ 36 ขอโทษนะ แต่ข้าคือยอดผู้ฝึกกระบี่ ! (ต้น)

หลังจากเด็กสาวจากไปแล้ว เยี่ยฉวนก็จึงได้สติกลับคืนมาในอีกครู่ใหญ่ !

ชายหนุ่มกลับไปที่โรงเตี๊ยมพร้อมกับเยี่ยหลิง ภายในห้อง เยี่ยหลิงมองหยกเพลิงสวรรค์ในมือและเอ่ย อย่างประหลาดใจ “ท่านพี่ หินนี้อุ่นมากเลย ข้าลองถือดูแล้วร่างกายของข้ารู้สึกอุ่นขึ้นมาเลยเจ้าค่ะ !”

เยี่ยฉวนยิ้มพลางเอ่ย “ดีแล้วที่เจ้าอุ่นขึ้น !”

เยี่ยหลิงยิ้มพลางพยักหน้า นางกำชิ้นหยกเพลิงสวรรค์นั้นไว้แน่น !

เยี่ยฉวนนั่งลงตรงมุมหนึ่งและค่อย ๆ หลับตาลง

“ผู้อาวุโส ? คนที่ข้าเพิ่งเจอเป็นใครหรือ ?” เยี่ยฉวนถาม

สตรีลึกลับเอ่ย “เจ้าไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับนาง มันจึงไร้ประโยชน์ที่จะถาม !”

เยี่ยฉวน “…”

สตรีลึกลับเอ่ยอีกครั้ง “หยิบแหวนที่ข้าบอกให้เจ้าซื้อออกมาเสีย !”

เยี่ยฉวนหยิบแหวนสีม่วงออกมา แหวนนั้นดูเก่าเล็กน้อย บางส่วนของมันได้กะเทาะหายไปแล้ว ทำให้มันดูไม่มีอะไรพิเศษนัก

“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร ?” สตรีลึกลับถาม

เยี่ยฉวนส่ายหน้า

สตรีลึกลับเอ่ย “นี่คือแหวนค่ายกล ภายในนั้นซ่อนค่ายกลขนาดเล็กไว้ แม้ค่ายกลของมันจะอยู่ในระดับต่ำ แต่มันก็ถูกออกแบบมาอย่างประณีตและมีคุณค่าเชิงวิจัยอยู่บ้าง นั่นต้องเป็นเหตุผลที่ทำไมแม่นางน้อย คนนั้นถึงต้องการมัน และสำหรับเจ้าแล้ว เจ้าก็สามารถใช้ค่ายกลนี้เพื่อป้องกันตัวได้”

เยี่ยฉวนประหลาดใจเล็กน้อย “แหวนเล็ก ๆ นี่ซ่อนค่ายกลขนาดเล็กไว้ได้หรือ ?”

สตรีลึกลับกระซิบ “เจ้าควรออกท่องโลกกว้างในภายภาคหน้าเสียบ้าง โลกนี้กว้างใหญ่และมหัศจรรย์ ยิ่งกว่าที่เจ้าคิดเสียอีก”

เยี่ยฉวนพยักหน้า “หลังจากที่ข้าควบคุมกระบี่ได้แล้ว วันนั้นจะเป็นวันที่ข้าออกท่องยุทธภพ !”

กล่าวดังนี้แล้วสายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่แหวนในมือ “ผู้อาวุโส ข้าควรจะใช้ค่ายกลนี้อย่างไรดี ?”

สตรีลึกลับเอ่ย “หยดเลือดของเจ้าหยดหนึ่งลง แล้วควบคุมแหวนตามวิธีที่ข้าเคยสอนเจ้าไปแล้ว”

ได้ยินดังนี้ เยี่ยฉวนพลันรีบทำตามอย่างที่นางบอก จากนั้นไม่นานเลือดของเขาก็หยดลงบนแหวน ก่อนที่ชายหนุ่มจะพลันได้รับปฏิกิริยาตอบสนองแปลกประหลาดจากแหวนวงนี้ และในใจของเขา ค่ายกลค่ายหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นในห้วงว่างเปล่า !

ค่ายกลห้ารัศมี !

ค่ายกลในแหวนนี้มีชื่อว่าค่ายกลห้ารัศมี เมื่อใดที่ค่ายกลถูกใช้งาน คนคนผู้นั้นจะสามารถสร้างทัณฑ์ สายฟ้าโจมตีศัตรูได้ !

ทัณฑ์สายฟ้า !

เยี่ยฉวนรู้สึกตกใจไม่น้อย “ผู้อาวุโส ค่ายกลนี้สามารถเรียกทัณฑ์สายฟ้าได้ด้วยหรือ ?”

สตรีลึกลับเอ่ย “แน่นอนว่ามันเรียกไม่ได้ ทัณฑ์สายฟ้าเป็นพลังของฟ้าดิน ไม่อาจถูกดึงดูดได้ด้วยค่ายกลขนาดเล็กจ้อยเช่นนี้ สิ่งที่เรียกว่าทัณฑ์สายฟ้าในแหวนนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีการบางอย่างจากคนที่สร้างค่ายกลนี้ขึ้นมา แม้พลังของมันจะห่างไกลจากทัณฑ์สายฟ้าของจริงอยู่หลายขุม แต่มันก็เป็นประโยชน์ใหญ่หลวงสำหรับเจ้าในตอนนี้ เมื่อใดที่เจ้าเรียกใช้ค่ายกลนี้ แม้แต่จอมยุทธ์พลังฝีมือแข็งแกร่งในขั้นทะยานสวรรค์ก็ยังไม่อาจ ต้านทานพลังของมันได้ แต่แหวนนี้ได้รับความเสียหายมาก่อน เจ้าจะสามารถเรียกใช้มันได้เพียง 5 ครั้งเท่านั้น”

ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ เยี่ยฉวนก็พลันปิติลิงโลด ด้วยพลังของชายหนุ่มในตอนนี้นั้น เขาย่อมสามารถสู้ กับศัตรูที่มีพลังขั้นทะยานสวรรค์ได้หากเขาใช้กระบวนท่า ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ แต่ราคาที่ต้องชดใช้ของมันสูงเกินไป ! เพราะมันจะนำความเสียหายใหญ่หลวงมาให้ไม่เพียงแค่ศัตรูของเขาเท่านั้นแต่ยังรวมถึงตัวเขาด้วย !

การมีแหวนนี้ มันก็เท่ากับว่าเขามีไพ่ลับในมือเพิ่มอีกใบหนึ่ง !

แต่หลังจากนั้นสายตาของเยี่ยฉวนก็พลันดูขมขื่น เพราะเขารู้ว่าการจะเรียกใช้ค่ายกลห้ารัศมีได้นั้นจะ ต้องใช้หินเสริมปราณที่ไม่ใช่ระดับธรรมดาแต่เป็นระดับสูง และมันต้องใช้หินเสริมปราณระดับสูงอย่างน้อย 5 ก้อนในการเรียกใช้ค่ายกลแต่ละครั้ง !

และตอนนี้ทั้งเนื้อตัวของเขามีหินเสริมปราณระดับสูงเพียง 16 ก้อนเท่านั้น !

ชั่วพริบตาชายหนุ่มก็รู้สึกว่าตัวเองยากจนข้นแค้นขึ้นมา !

เหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ ดวงตาของเยี่ยฉวนพลันเป็นประกาย “ผู้อาวุโส ท่านช่างมีสายตากว้างไกลยิ่งนัก เรามุ่งมั่นออกล่าสมบัติหลังจากนี้ดีไหม ? ด้วยการตัดสินของท่านแล้ว เราจะทำเงินได้มหาศาล อย่างแน่นอน ข้าจะ…”

“เจ้ากำลังฝันอะไรอยู่ตอนกลางวันแสก ๆ กัน ?”

สตรีลึกลับพลันเอ่ยขัดคำพูดของเยี่ยฉวน “ร่วมออกล่าสมบัติกับเจ้างั้นหรือ ? เจ้าช่างมีสมองน้อยนิด เสียจริง !”

หลังได้ยินดังนี้ เยี่ยฉวนกลับยิ้มแหยและไม่เอ่ยอะไรออกมา

ก่อนที่เสียงของสตรีลึกลับจะเย็นลง “เจ้าอย่าได้เอาแต่เชื่อโชคลางหากคิดจะทำอะไรสักอย่าง โชคดี ของเจ้าทำให้เจ้าได้ประโยชน์ใหญ่หลวงในวันนี้ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ แต่ถ้าเจ้าคิดจะโกยกำไรตลอด เวลา ตัวตนของเจ้าอาจถูกทำลายลงได้ อย่าคิดว่าข้าพูดเกินจริงเพื่อขู่เจ้าเลย เจ้าควรจำใส่ใจไว้ว่าสำหรับผู้ที่ ฝึกกระบี่แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือนิสัยของพวกเขา”

เยี่ยฉวนพยักหน้าและเอ่ยเสียงขรึม “ผู้อาวุโส อย่าถือโทษโกรธเคืองข้าเลย ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว”

สตรีลึกลับหยุดเอ่ยไปไม่ตอบคำใด

เห็นดังนี้แล้ว เยี่ยฉวนพลันระบายลมหายใจอย่างโล่งอก อันที่จริงเขาไม่ได้กลัวนางหรอก แต่เขาแค่ เคารพนาง !

หนึ่งชั่วยามต่อมา หลังจากเยี่ยหลิงหลับไปแล้ว ชายหนุ่มจึงกลับเข้าสู่หอคอยโลกเรือนจำ

ฝึกฝนวิชา !

แม้เขาจะยังไม่บรรลุถึงขั้นหลอมรวมลมปราณในตอนนี้ แต่ชายหนุ่มก็สามารถฝึกกระบวนท่าของตน เพิ่มเติมได้ …ความจริงแล้วเขาไม่มีทักษะวิชาอื่นใดอีก และที่ประลองกับเงาก็เพื่อฝึกปฏิกิริยาตอบสนอง ชั่วคราวนั่นเอง !

กระบวนท่าของชายหนุ่มช่างแข็งแกร่งยิ่ง !

ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องฝึกกับเงาคือความแข็งแกร่ง ความเร็ว และความสามารถในการตอบสนอง !

แม้ตอนนี้เขาจะยังไม่บรรลุถึงระดับหลอมรวมลมปราณ หากทว่าชายหนุ่มก็สามารถฝึกปรือจนกระทั่งถึงจุดสูงสุดของขั้นผสานลมปราณได้แล้ว !!

แท้ที่จริงแล้วผู้ที่อยู่ในขุมพลังระดับเดียวกันนั้นยังสามารถแบ่งออกได้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งและผู้ที่อ่อนแอ ได้อีก และแน่นอน เยี่ยฉวนย่อมอยู่ในระดับผู้เข้มแข็ง !

บนชั้นแรกของหอคอยโลกเรือนจำ เสียงโลหะกระทบกันดังก้องในสนาม และยังคงมีเพียงเสียงโลหะ กระทบกันเท่านั้นที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง…

เมื่อเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยามจะถึงรุ่งสาง เยี่ยฉวนจึงได้นอนหลับ

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม เยี่ยฉวนจึงตื่นขึ้นตรงตามเวลา

หลังออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว เขาก็ขายรถม้าให้กับโรงเตี๊ยมในราคาต่ำ จากนั้นจึงจากโรงเตี๊ยมไปพร้อม กับน้องสาวเพื่อไปยังแม่น้ำนาวาของเมืองพันภูผา

เมื่อสองพี่น้องมาถึงแม่น้ำนาวา พวกเขาก็ต้องตกใจไปกับภาพตรงหน้า แม่น้ำตรงหน้าพวกเขากว้าง เกือบ 900 จั้ง และบนแม่น้ำก็มีเรือใหญ่มหึมาหลายลำที่มีความกว้างลำเรืออย่างน้อย 10 จั้งลอยอยู่ !

พี่น้องคู่นี้ไม่เคยเห็นเรือลำใหญ่ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต !

เยี่ยหลิงที่อยู่ข้างกายเยี่ยฉวนเอ่ยด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ เรือลำนี้ลำใหญ่มากเลย ! เราจะ ได้ขึ้นเรือหลังจากนี้ใช่ไหมเจ้าคะ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “หลังจากนี้เราจะไปที่เมืองหลวงด้วยเรือพวกนี้นี่แหละ !”

เยี่ยหลิงเอียงคอมองเยี่ยฉวน นางเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ “ท่านพี่ เมืองหลวงใหญ่กว่าเมืองพันภูผาอีกหรือ เจ้าคะ ?”

เยี่ยฉวนลูบศีรษะเล็กของเยี่ยหลิงเบา ๆ “มันต้องใหญ่กว่าเมืองพันภูผาสิ ! เมื่อเราไปถึงเมืองหลวง ข้าจะพาเจ้าไปดูความยิ่งใหญ่รุ่งเรืองของเมืองหลวงและพาเจ้าชมไปรอบ ๆ ดีไหม ?”

เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ดวงตาของเยี่ยหลิงก็พลันเป็นประกายเจิดจ้า “ท่านพี่ใจดีที่สุดเลย !”

กล่าวดังนี้แล้วนางก็ยืนเขย่งปลายเท้าหอมแก้มเยี่ยฉวนเบา ๆ!

เยี่ยฉวนหัวเราะเสียงดัง จากนั้นจึงพาเยี่ยหลิงเดินออกไปไกล

เยี่ยฉวนถามเกี่ยวกับขั้นตอนการโดยสารเรือเหาะมาตั้งแต่เมื่อคืนที่แล้ว ดังนั้นหลังใช้เวลาไม่นานนัก สองพี่น้องจึงได้ซื้อตั๋วและขึ้นไปบนเรือเหาะ !

เยี่ยฉวนรู้สึกปวดใจไม่น้อยเพราะมันใช้เงินถึง 40 เหรียญทองในการซื้อตั๋วเรือเหาะ 2 ใบไปเมืองหลวง !

เขาได้กลายเป็นชายยากจนอีกครั้งแล้ว ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของชายหนุ่มเหลือเงินน้อยกว่าสิบเหรียญ ทองเสียอีก !

ในตอนนี้เขาชักจะเริ่มมีความคิดหนึ่งที่อยากปล้นสะดมขึ้นมาบ้างแล้ว !

บนเรือเหาะมีห้องใหญ่น้อยนับร้อยถูกแบ่งออกเป็นระดับหลากหลาย เยี่ยฉวนถามคนรอบด้านจึงได้รู้ ว่าห้องชั้นหนึ่งมีค่าเท่ากับ 150 เหรียญทองต่อคืน ส่วนห้องชั้นสองมีค่า 100 เหรียญทอง แต่พวกมันหาใช่ห้องที่แพงที่สุดไม่ เพราะห้องที่แพงจนน่ากลัวมากที่สุดคือห้องระดับหรูที่มีราคา 300 เหรียญทองต่อคืน !

เงิน 300 เหรียญทองนี้ บางตระกูลธรรมดาในเมืองชิงยังไม่อาจมีรายได้มากถึงขนาดนั้นในชั่วชีวิตของพวกเขาเลย !

แต่ ณ ที่แห่งนี้ เงิน 300 เหรียญทองกลับทำได้เพียงซื้อตั๋วใบเดียวเท่านั้น !!!

ซึ่งก็เป็นในตอนนี้เอง ที่เยี่ยฉวนพลันพบว่าความยากจนได้ขัดขวางจินตนาการของเขาไว้อย่างแท้จริง !

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

เยี่ยฉวนเติบโตขึ้นมาในฐานะนายน้อยตระกูลเยี่ย เขาทำทุกอย่างเพื่อตระกูล และน้องสาวที่กำลังป่วยหนัก เยี่ยหลิง ทั้งต่อสู้ แย่งชิง ฆ่าฟัน ทว่าสิ่งที่ชายหนุ่มได้กลับมาคือการทรยศหักหลัง !! แต่มีหรือที่เขาจะต้องยอมแพ้ !! ในเมื่อตระกูลเยี่ยไม่ต้องการข้า งั้นแล้วเราก็ถือว่าจบกัน ข้าเยี่ยฉวนผู้นี้จะพาน้องสาวจากไป และจะกลายเป็นเซียนกระบี่ผู้เหาะเหินตัดผ่านท้องนถาให้จงได้ !!! ชีวิตและความตายเป็นเพียงภาพลวง หากไม่ยอมรับแล้วไซร์ เช่นนั้นต่อให้เป็นเทพ เป็นมาร หรือเป็นเซียน ข้าก็จักประหารมันด้วยกระบี่ในมือ !!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset