บทที่ 41 ผลแห่งการลงกระบี่ครั้งนี้ ! (ปลาย)
“กรี๊ด !”
มือขวาของเยี่ยหลิงถูกกระชากออก ก่อนที่ทันใดนั้นเหงื่อเย็น ๆ จะเริ่มผุดซึมขึ้นเต็มใบหน้าเล็ก ๆ นั้น
แต่กระนั้นนางก็ยังพยายามอย่างยิ่งที่จะปีนกลับไปหาเยี่ยฉวน !
ทหารยามคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยและเตะเข้าที่ท้องของเยี่ยหลิง
“ปัง !”
เมื่อถูกเตะ ร่างของนางก็พลันลอยละลิ่วไปกระแทกเข้ากับกำแพงเรือและหมดสติในทันที !
เมื่อได้เห็นภาพนี้ เด็กชายตัวอ้วนซึ่งมองอยู่ไกล ๆ ก็พลันวิ่งเข้ามาหานาง แต่ทว่าชายวัยกลางคนกลับคว้าตัวเขาได้และจับแขนเอาไว้แน่น
เด็กชายตัวน้อยจ้องมองชายวัยกลางคนผู้นั้น “ท่านพ่อ เจ้าพวกนั้นมันเป็นพวกอันธพาล !”
ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะ “จงรอดูท่าทีอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ !”
ในจังหวะนั้นเองที่เยี่ยฉวนซึ่งอยู่ไม่ไกลได้ลืมตาขึ้น
เยี่ยฉวนมองไปข้างหน้า “โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วถือว่าข้าตัวเล็กนัก แต่หัวใจ ของข้านั้นไม่มีที่สิ้นสุด สวรรค์และโลกอาจกักขังร่างกายของข้าได้ แต่ไม่อาจขังหัวใจไว้ และเมื่อหัวใจของข้าไม่มีจุดสุดสิ้น กระบี่ของข้าก็ไร้จุดสิ้นสุดเช่นกัน !”
กระจ่างแล้ว !
เยี่ยฉวนมีความสุขขึ้นมาทันที เขารู้สึกผ่อนคลายไปทั่วร่าง ในเสี้ยววินาทีนั้น กระบี่หลิงเซี่ยวพลันพุ่ง ออกมาจากร่างกายของเขา
ฟิ้ววว !
เสียงกระบี่โหยหวนดังก้องไปทั่วฟ้า !
กระบี่หลิงเซี่ยวกำลังลอยอยู่เหนือเรือเหาะ !
ขณะนี้ทุกสายตาต่างหันกลับไปจับจ้องอยู่ที่เยี่ยฉวน !
ในระยะใกล้นั้น ถัดจากเด็กน้อยที่คุยกับเยี่ยหลิง ชายวัยกลางคนก็พลันพูดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ สายตา “เป็นไปได้ยังไง… กระบี่ใจกระจ่าง…”
กระบี่ใจกระจ่างคืออะไรน่ะหรือ ?
การที่หัวใจแห่งกระบี่ส่องสว่างเจิดจ้านั้นหมายความว่า ใจแห่งกระบี่สะอาดใส ไร้สิ่งขุ่นมัว การมีจิตใจที่กระจ่างย่อมหมายความว่าคนผู้นั้นได้เริ่มสร้างรากฐานที่ชัดเจนสำหรับเต๋าของตนเองแล้ว และจะไม่สับสน หลงใหลไปกับสิ่งยั่วยุภายนอกใด ๆ อีก… หัวใจกระบี่ที่ส่องสว่างนั้นเป็นดั่งขุมพลังที่ลึกลับอย่างยิ่งของผู้ฝึกฝนกระบี่ !
นอกจากนี้ มันยังเป็นขั้นพลังที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ในเต๋าแห่งกระบี่อีกด้วย !
ในประวัติศาสตร์ ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่มีกระบี่ใจกระจ่างล้วนแต่เป็นปรมาจารย์เต๋าแห่งกระบี่ในเวลาต่อ มา และมีเพียงปรมาจารย์เต๋าแห่งกระบี่คนเดียวในแคว้นเจียงเท่านั้นที่ครั้งหนึ่งเคยขัดเกลากระบี่ใจกระจ่างจนส่องประกายออกมาได้ !
ฮั่นเซียงเหมิงกำลังตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้น ดวงตาแห้งโหยคู่นั้นเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ !
เมื่อเยี่ยฉวนรู้สึกตัว เขาก็จึงหันไปมองด้านหลังและคลี่ยิ้ม “หลิงเอ๋อร์ ข้า…”
จังหวะนั้นชายหนุ่มพลันนิ่งงันไป
เขามองเห็นเยี่ยหลิงอยู่ไม่ไกล แต่ท่าทางของนางเหมือนกับกำลังเจ็บปวด เยี่ยฉวนจึงวิ่งไปหาน้องสาวด้วยท่าทางรีบร้อนอย่างกับคนบ้า เขาประคองร่างของนางขึ้นมาด้วยมือสั่นเทา “อะไร… เกิดอะไรขึ้น ?”
ด้วยเหตุนี้เยี่ยฉวนจึงส่งเสียงคำรามรุนแรงออกมาราวกับสัตว์ร้าย “ใครมันเป็นคนทำ ?!”
ในตอนนี้เด็กชายตัวอ้วนพลันรีบชี้ไปที่ผู้อาวุโสกู้และทหารยามสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ “เป็นพวกเขา พวกเขาตีนาง เป็นทหารยามคนนั้นที่ลงมือทำร้ายพี่สาว”
เยี่ยฉวนมองไปที่ทหารยามคนนั้นด้วยสายตาดุดัน ทันใดนั้นเขาก็พลันพุ่งตัวออกไปท่ามกลางสายตา ของผู้คนนับไม่ถ้วน !
เมื่อเห็นเยี่ยฉวนตั้งท่าว่าจะต่อสู้ ผู้อาวุโสกู้พลันร้องออกมาด้วยความโกรธ “กล้าดียังไง ? เจ้าไม่ได้ รับอนุญาตให้แสดงท่าทางสามหาวในที่แห่งนี้ !”
ว่าแล้วชายชราก็ทำท่าจะขยับตัวเพื่อเคลื่อนหลบไป ทว่ากระบี่ของเยี่ยฉวนกลับเปลี่ยนทิศทางในฉับ พลันและชี้ตรงไปที่ผู้อาวุโสกู้ !
ทุกคนรอบข้างล้วนตกใจ !
ผู้อาวุโสกู้อยู่ในขั้นทะยานสวรรค์ !
ผู้อาวุโสกู้หรี่ตา “กล้าดียังไง !”
เมื่อสิ้นเสียง มือทั้งสองข้างก็พลันกำแน่น ก่อนที่ในพริบตานั้นเหมือนมีพลังที่มองไม่เห็นแผ่กระจาย ออกมาจากร่างของเขา !
นาทีนี้เองที่กระบี่ใกล้เข้ามาถึง !
ทันใดนั้นลำแสงยาวจากกระบี่พลันสว่างวาบออกมา !
มันเป็นการฟาดฟันกระบี่เพียงครั้งเดียวที่สามารถตัดสินเป็นตายได้ในชั่วพริบตา !
รังสีกระบี่ !
ยอดผู้ฝึกกระบี่ !
ช่างเป็นยอดผู้ฝึกกระบี่ที่ยังหนุ่มแน่นอะไรเช่นนี้ !
ทุกคนรอบข้างได้แต่ตะลึงงันกันอีกคำรบ !
ในหนนี้แม้แต่ผู้อาวุโสกู้ก็ยังต้องแปลกใจ
“เขาคือยอดผู้ฝึกกระบี่จริง ๆ!”
ความหวาดกลัวบังเกิดขึ้นมาในใจผู้อาวุโสกู้ ทว่าตอนนี้เขาจะมามัวสนใจเรื่องนั้นไม่ได้ ! ชายชรากำมือแน่น ก่อนจะปล่อยหมัดทั้งคู่ไปข้างหน้า กำปั้นของผู้ที่อยู่ขั้นทะยานสวรรค์นั้นช่างทรงพลังยิ่งนัก มันระเบิดพลังออกมาราวกับคลื่นลมโหมกระหน่ำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสองหมัดกระทบเข้ากับกระบี่ มันก็ถูกฉีกทึ้งออกจากกันทันที ในสายตาของทุกคน คล้ายกับว่าแขนทั้งสองข้างของผู้อาวุโสกู้จะเป็นฝ่ายปราชัยในครานี้ !
ผู้อาวุโสกู้ร้องออกมาเสมือนคนใจเสียก่อนจะรีบถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นทหารยามทั้งสองก็ พลันบุกเข้าไปเพื่อที่จะทำการโจมตีต่อ แต่เยี่ยฉวนไม่ออมมือ เพียงพริบตาเดียวเขาก็หายตัวมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆทั้งสองคนเหมือนกับภูตผีแล้ว
ขวับ !
ฉ่า !
ฉับพลันสองหัวขาดกระเด็น โลหิตพุ่งไหลออกมาเป็นทาง !
นับเป็นเสี้ยววินาทีแห่งการควบคุมของพลังขั้นหลอมรวมลมปราณ !
เมื่อเหตุการณ์เป็นดังนี้ ทุกคนล้วนหวาดกลัวจนต้องก้าวถอยหลัง !
อีกด้านหนึ่ง เด็กชายน้อยตัวอ้วนเองก็กำลังตกตะลึงไม่แพ้กัน “ท่านพี่ของเจ้าน่าอัศจรรย์จริงๆ…”
หลังจากที่ลงมือสังหารทหารยามสองคนจนดับดิ้นภายในเสี้ยววินาที เยี่ยฉวนจึงหันมองไปที่ผู้อาวุโสกู้ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล การกระทำดังกล่าวทำเอาผู้อาวุโสกู้รู้สึกหวาดผวาขึ้นมา “ข้าคนนี้เป็นถึงผู้อาวุโสของสำนัก อัปสรเมรัยเชียวนะ ถ้าเจ้าบังอาจทำร้ายข้า พวกนั้นต้องไม่ปล่อยเอาไว้แน่ เจ้า…”
เยี่ยฉวนควงกระบี่และเดินตรงเข้าไปหาผู้อาวุโสกู้ เมื่อเห็นดังนั้นคนขี้ขลาดก็หนีกรูถอยหลังซ้ำสองแทบไม่ทัน
ในตอนนี้เอง ฮั่นเซียงเหมิงก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าเยี่ยฉวนและพูดด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “คุณชายเยี่ย พอ ได้แล้ว หากคุณชายยังทำเช่นนี้ต่อไปข้าเกรงว่าอาจเกิดเรื่องใหญ่จนยากจะระงับ ! ท่าน…”
ฮั่นเซียงเหมิงเงียบเสียงลงทันทีเพราะถูกเยี่ยฉวนคว้าหมับเข้าที่ลำคอและยกร่างของนางขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว
เมื่อมองไปที่เยี่ยฉวนที่มีสภาพเช่นนั้น ฮั่นเซียงเหมิงก็อยู่ในอาการสงบและไม่พูดอะไรต่อ
เยี่ยฉวนดูกราดเกรี้ยวนัก “เป็นเจ้าเองที่อนุญาตให้เราสองคนขึ้นมาอยู่ห้องชั้นบนได้ แต่ตาเฒ่านี่กลับ จงใจทำให้ข้าและน้องสาวต้องลำบาก เรื่องนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วยหรือไม่ ?”
สตรีลึกลับได้บอกเขาแล้วเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงตระหนักได้ถึงผลลัพธ์ของมัน
ฮั่นเซียงเหมิงสบตากับเยี่ยฉวน “หากท่านยังไม่หยุดมือ เรื่องราวมันอาจจะบานปลายได้นะ !”
เยี่ยฉวนยิ้มเหี้ยม “เป็นเพราะเรื่องภายในของพวกเจ้า น้องสาวของข้าถึงต้องเจอปัญหา ถ้าหากเจ้าเป็นคนเริ่มโดยไม่มีความคิดที่จะหยุดยั้งพวกมันแล้วละก็ เจ้าเองก็สมควรตายเช่นกัน !”
หลังจากนั้นเยี่ยฉวนก็พลันเพิ่มแรงบีบเข้าไปอีก
เขาตั้งใจที่จะฆ่า !
แต่กระนั้นก่อนที่มือซ้ายจะบีบเข้าหากัน ฮั่นเซียงเหมิงกลับรีบถอยห่างไปไกลหลายจั้ง และเป็นในเวลานั้นเองที่ชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นขวางต่อหน้านาง
ชายชราผู้นั้นมองไปที่เยี่ยฉวนด้วยสายตาเยียบเย็น “คุณชายเยี่ย ท่านอย่าก่อปัญหามากไปกว่านี้จะดีกว่า !”
เยี่ยฉวนมองเยี่ยหลิงที่นอนหมดสติไปแล้วอยู่ไม่ไกล ในเวลานี้เขารู้สึกเหมือนถูกมีดแทงทะลุขั้วหัวใจ
จู่ ๆ เยี่ยฉวนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขาหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ก่อปัญหาอย่างนั้นหรือ ? แต่เดิมทีเราสองคนพี่น้องก็ไม่ได้ทำสิ่งใดผิด แล้วทำไมน้องสาวของข้าถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ ?”
เมื่อสิ้นเสียง เยี่ยฉวนก็พลันลดมือลงและกางนิ้วทั้งห้าออก ก่อนที่จะปรากฏกระบี่หลิงเซี่ยวขึ้นกลาง ฝ่ามืออีกครา
ในฝ่ามือหนานั้น กระบี่หลิงเซี่ยวกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่เพียงเท่านั้น แต่กระบี่หลิงเซี่ยวยังสัมผัส ได้ถึงจิตสังหารและความโกรธเกรี้ยวของเยี่ยฉวนจนทำให้เกิดเป็นคลื่นพลัง !
เขาต้องการใช้ท่า ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ อีกครั้ง !
เมื่อเห็นว่าเยี่ยฉวนยังต้องการจะสู้ต่อ ชายชราพลันหรี่ตาลง ในขณะที่อีกด้านหนึ่งฮั่นเซียงเหมิงก็กำลังหน้าตาดูน่าเกลียดมากเช่นกัน เป็นเพราะว่าเยี่ยฉวนมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นแม้ว่ามันหมายถึงว่าเขาจะต้องมอดม้วยตามศัตรูไปก็ตาม !
…ในตอนนี้นางรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง พลางคิดว่าตนเองควรจะรีบยุติเรื่องนี้เสียที !
ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่วางรากฐานเต๋าแห่งกระบี่และเพิ่งสำเร็จกระบี่ใจกระจ่างได้ตั้งแต่วัยหนุ่มแน่น… ถึงแม้ว่าทางสำนักอัปสรเมรัยจะไม่เกรงกลัวเขา แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่านางอาจจะเลื่อนขั้นไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้ และนั่นก็เป็นเพราะนางทำให้ความสัมพันธ์ของสำนักกับอัจฉริยะแห่งยุคต้องย่ำแย่ !
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือนี่อาจกลายเป็นเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ ! เพราะท้ายที่สุดแล้วพรสวรรค์และความสามารถในการต่อสู้ของเยี่ยฉวนที่แสดงออกมาก็ถือว่าน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากทีเดียว ดังนั้นแล้วกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังเขาจะต้องล้มล้างไม่ได้ง่าย ๆ แน่นอน !
หากเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่ว่านาง ผู้อาวุโสกู้ ทหารยาม หรือแม้แต่ผู้ตรวจการทั้งหมดบนเรือเหอะลำนี้คง ไม่แคล้วต้องถูกลงโทษสถานหนัก !
เมื่อเยี่ยฉวนตั้งท่าจะสู้ต่อ ทันใดนั้นเสียงของสตรีลึกลับก็พลันดังขึ้นในหัว “หากได้ฟาดฟันกระบี่ลงไป แล้ว เจ้าเคยคิดถึงผลลัพธ์ของมันบ้างหรือไม่ ?”
“ฮะฮะฮ่า…”
เยี่ยฉวนหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง “น้องสาวของข้าเจ็บหนักเช่นนี้ ข้าจะยังมีแก่ใจคิดถึงอะไรอีกได้เล่า ?”
ดังนั้นแล้ว เยี่ยฉวนจึงตวัดกระบี่ลงไป !