บทที่ 508 ธุรกิจรุ่งเรือง
โดย
Ink Stone_Fantasy
เครือข่ายวิญญาณประจำพื้นที่ตั้งขึ้นเพื่อให้คนกลุ่มใหญ่สามารถส่งข้อความหากันได้ทันที มีลักษณะการใช้งานเหมือนห้องสนทนากลุ่ม พันธุ์กล้าสหพันธรัฐสามารถส่งข้อความธรรมดาและข้อความเสียงติดต่อกันได้
ตอนนี้ พันธุ์กล้าคนอื่นๆ ที่กระจายตัวอยู่ตามเกาะต่างๆ กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานในห้องสนทนากลุ่ม พวกเขาต้องจากบ้านมาอยู่ต่างถิ่น รายล้อมไปด้วยคนแปลกหน้า หลายคนสัมผัสได้ว่าผู้ฝึกตนของสำนักวังเต๋าไพศาลไม่ต้อนรับพวกตน ทำให้เหล่าพันธุ์กล้าสมานสามัคคีกันมากยิ่งขึ้น
นอกจากจะถูกสถานการณ์บีบบังคับให้คอยร่วมมือกันแล้ว แม้กระบี่สำริดเขียวโบราณจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกตน ทว่าที่แห่งนี้ก็ยังมีอันตรายมากมายซุกซ่อนอยู่ในจุดที่ไม่อาจทราบได้ หนึ่งเดือนที่ผ่านมา พันธุ์กล้าหลายคนได้เผชิญกับอันตรายหลากหลายระดับ บางส่วนมาจากภารกิจ บางส่วนก็มาจากผู้ฝึกตนของสำนักวังเต๋าไพศาล
ห้องสนทนากลุ่มนี้จึงเป็นช่องทางสำคัญให้ทุกคนได้ติดต่อสื่อสารกัน พวกเขาสามารถร้องขอความช่วยเหลือเมื่อเจอภัยอันตรายได้ แต่ในตอนนี้ เหล่าพันธุ์กล้ากำลังสนทนาเรื่องแต้มการรบกันอยู่
ข้อความของหลี่อี้ทำให้หลายคนประหลาดใจ แต้มการรบที่นางได้มาถือว่ามากโข นางหามาได้ถึงหกร้อยแต้ม หลายคนมองว่าเป็นเรื่องเกินจริง เพราะภารกิจของสำนักวังเต๋าไพศาลนั้นยากและท้าทายมากแต่แต้มที่ได้กลับน้อยจนน่าเศร้า
พันธุ์กล้าหลายคนเริ่มเอ่ยถามอย่างสุภาพ หวังเป่าเล่อแอบแค่นเสียงทางจมูก รู้สึกขมขื่นกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ยังฟังบทสนทนาต่อ เขาอยากรู้ว่าหลี่อี้หาแต้มการรบมาได้อย่างไร
หลี่อี้ต้องการให้เป็นเช่นนี้อยู่แล้วจึงรู้สึกพึงพอใจในตนเองเป็นอย่างมาก นางเอ่ยขึ้นในห้องสนทนากลุ่มอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เหล่าสหายเต๋า ข้าอยากให้พวกเจ้าจำไว้หนึ่งอย่าง…ระดับการฝึกตนจำเป็นอย่างมากในการหาแต้มการรบ แต่การใช้สมองนั้นสำคัญยิ่งกว่า ข้าสงสัยจริงว่าสหายเต๋าหวังเป่าเล่อที่มีระดับการฝึกตนสูงสุดในหมู่พวกเรารวบรวมแต้มการรบไปได้เท่าใดแล้ว”
ทุกคนเงียบไปเมื่อได้ยินหลี่อี้เอ่ยถึงหวังเป่าเล่อ ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่ง คนที่รู้เรื่องบนดาวอังคารจะรู้ดีว่าทั้งสองนั้นไม่ถูกกัน ความบาดหมางนี้เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่การแย่งชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรี จากนั้นก็ลุกลามไปจนกระทั่งหลี่อี้ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงและโดนขับไล่ออกจากดาวอังคาร ความเกลียดชังฝังรากลึกในใจคนทั้งสอง ไร้วี่แววจะยุติได้ในเร็วๆ นี้
นอกจากนั้น สถานะของหลี่อี้ไม่คืบหน้าไปไหนหลังจากโดนเตะออกจากดาวอังคาร ส่วนหวังเป่าเล่อได้รับแต่งตั้งเลื่อนขั้นขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วจนตอนนี้เป็นขุนนางระดับสองชั้นรองแล้ว หากตอนนี้ทั้งสองอยู่ในสหพันธรัฐ หลี่อี้คงไม่กล้าพูดขึ้นมาเช่นนี้ต่อให้ในใจจะก่นด่าสาปแช่งอีกฝ่ายหนักหนาเพียงใดก็ตาม เนื่องจากระดับการฝึกตนและยศถาบรรดาศักดิ์ของทั้งคู่นั้นแตกต่างกันมากโข
แต่ตำแหน่งต่างๆ ในสหพันธรัฐไม่มีผลในสำนักวังเต๋าไพศาล ระดับการฝึกตนของหวังเป่าเล่อจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่สำคัญ หลี่อี้ได้รวบรวมกลุ่มคนที่ต้องการยืนหยัดต่อต้านหวังเป่าเล่อขึ้น ทำให้นางกล้าเย้ยหวังเป่าเล่อซึ่งๆ หน้าในห้องสนทนากลุ่ม
หวังเป่าเล่อเหลือบตามอง ใจหนึ่งก็อยากจะตอบโต้ไป แต่พอเห็นแต้มการรบที่ตนหามาได้ ประกอบกับนึกขึ้นได้ถึงหนี้สินที่ยังติดค้างอยู่ ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร ก่อนจะถอนหายใจและปิดห้องสนทนากลุ่มไป
ไม่ จะยอมให้หลี่อี้ที่หน้าอกใหญ่แต่สมองน้อยมาเย้ยหยันข้าไม่ได้! หวังเป่าเล่อทุกข์ใจ เริ่มครุ่นคิด ผ่านไปสักพัก เขาก็เดินไปยังแผ่นหินรับภารกิจและจ้องมองอย่างละเอียด เขาเริ่มจำภารกิจส่วนใหญ่บนแผ่นหินด้วยความจำอันยอดเยี่ยมที่ได้มาจากการจำตัวอักขระ จากนั้นก็เริ่มวิเคราะห์
การกระทำเช่นนี้ใช้ความพยายามอย่างมาก ทว่าคำพูดของหลี่อี้ทำให้เขาเดือดขึ้นมาจึงลงมือทำไปโดยไม่ได้คิดอะไรมาก สองวันผ่านไป เส้นเลือดสีแดงผุดขึ้นเต็มดวงตาของชายหนุ่ม หวังเป่าเล่อลูบหน้าผาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมลมหายใจที่ถี่เร็วขึ้นเล็กน้อย
ภารกิจส่วนใหญ่ที่ให้แต้มการรบสูงมีเพียงผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในที่สามารถรับได้ ซึ่งมีจำนวนมากที่ทำคนเดียวไม่ได้…ต้องตั้งกลุ่มออกไปปฏิบัติภารกิจ
ทว่าถึงภารกิจเหล่านี้จะได้แต้มการรบมาก แต่จำนวนภารกิจก็มีน้อยมากเมื่อเทียบกับภารกิจของผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่น… หวังเป่าเล่อหรี่ตาเล็ก จากการวิเคราะห์จัดหมวดหมู่ทำให้เขาทราบว่ามีภารกิจถึงร้อยละเจ็ดสิบที่เหมาะสำหรับผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่น แต่แต้มการรบที่ได้นั้นก็ถือว่าน้อยมาก
ข้าควรจะเล็งกลุ่มผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่น…ในเมื่อตอนนี้ข้ามีทรัพยากรจำกัด คงต้องหาช่องทางอื่นในการหาแต้มการรบ…ไม่ได้มีกฎว่าต้องหาแต้มการรบจากภารกิจเพียงอย่างเดียวสักหน่อย… นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงผิดแปลกออกไป แผนการเริ่มเด่นชัดขึ้นในหัว เขาวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่นานดวงตาก็ฉายแววมุ่งมั่น ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้น พลันเรือวิญญาณที่สามารถลุยทะเลเพลิงได้ก็มาปรากฏตรงหน้า
หวังเป่าเล่อหรี่ตามองศึกษาเรือวิญญาณอย่างละเอียด เขาหลอมเรือวิญญาณขึ้นมาเองกับมือ จึงรู้ว่าผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นสามารถขึ้นขับได้ หมายความว่านอกจากตนจะใช้เรือลำนี้ลุยทะเลเพลิงได้แล้ว ยังสามารถให้คนอื่นยืมไปใช้ได้ด้วย!
ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในสามารถดำทะเลเพลิงได้อยู่แล้ว สมบัติเวทชิ้นนี้จึงไม่มีประโยชน์กับพวกเขานัก ไม่เหมือนผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่น ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นไม่สามารถลงไปในทะเลเพลิงได้ ทำให้รับได้แค่ภารกิจบนพื้นดินเท่านั้น อีกทั้งยังต้องแข่งกับผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ด้วย แต่รางวัลที่ได้รับมานั้นกลับน้อยเสียจนน่าใจหาย
ทว่า…ถ้าพวกเขาสามารถลงทะเลเพลิงได้ ก็จะสามารถทำภารกิจได้มากขึ้น อย่างภารกิจล่าหนูเพลิงวิญญาณ…ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในก็สามารถทำได้เช่นกัน ที่พวกเขาไม่ทำกันเป็นเพราะไม่สามารถลงไปในทะเลเพลิงได้นั่นเอง
จวบจนปัจจุบัน มีเพียงผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในที่สามารถลงทะเลเพลิงได้ ทำให้ภารกิจในทะเลเพลิงทั้งหมดอยู่ในกำมือของผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน หวังเป่าเล่อคิดเรื่องนี้อย่างหนัก รู้สึกว่าตนควรจะยุติธรรมกับคนอื่นให้มากกว่านี้ เขาควรจะสร้างเรือวิญญาณเพิ่ม จากนั้นก็…ให้ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นในสำนักวังเต๋าไพศาลเช่า!
หวังเป่าเล่อคิดว่าไม่ควรตั้งราคาแพงเกินไป สักสองชั่วโมงต่อหนึ่งแต้มก็น่าจะพอ จากประสบการณ์ในทะเลเพลิงและความสามารถของผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นที่ตนประเมินนั้น ชายหนุ่มคิดว่าผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นน่าจะอยู่ในทะเลเพลิงได้สูงสุดสองชั่วโมงด้วยเรือวิญญาณ
หากใช้ศิลาวิญญาณ ก็อาจช่วยเพิ่มระยะเวลาให้อยู่ใต้ทะเลได้มากขึ้น หวังเป่าเล่อคำนวณแล้วว่าธุรกิจนี้จะสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำให้ตนเอง
พวกเขาต้องเซ็นสัญญา หากทำเรือวิญญาณเสียหายต้องชดเชยตามนั้น! ชายหนุ่มตื่นเต้นเมื่อคิดดังนั้น ตอนนี้เขาถังแตก มีเรือวิญญาณแค่ลำเดียว ถ้าอยากได้ค่าเช่าเพิ่ม ยิ่งมีเรือหลายลำยิ่งดี
สงสัยต้องเอาอาวุธเวทไปจำนำเพิ่มอีก หวังเป่าเล่อสูดหายใจลึก ตัดสินใจแน่วแน่แล้วจึงติดต่อไปหาผู้ฝึกตนอ้วนจากสำนักวังเต๋าไพศาลในทันที ชายอ้วนดีใจใหญ่เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายอยากนำอาวุธเวทมาจำนำเพิ่ม เขาใช้อาวุธเวทของหวังเป่าเล่อมาสักพักและพบว่าคุณภาพค่อนข้างดีเลยทีเดียวจึงตอบตกลงทันทีที่อีกฝ่ายเสนอ แต่ชายอ้วนก็รับอาวุธเวทจำนวนมากไม่ได้ จึงติดต่อไปหาคนอื่นๆ หวังเป่าเล่อจำนำอาวุธเวทสองชิ้น ได้แต้มการรบเพียงพอที่จะสร้างเรือวิญญาณสองลำ
ความพยายามของเขาส่งผล ไม่นานก็หลอมเรือวิญญาณได้เพิ่ม หลังจากนั้นก็ใช้สถานะผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในลงประกาศไว้บนแผ่นหินรับภารกิจ
“เรือศักดิ์สิทธิ์ลงทะเลเพลิงได้ให้เช่า!”
“จะระดับการฝึกตนใดก็ท่องลึกลงไปในทะเลเพลิงได้ด้วยเรือลำนี้ ไม่ได้ขาย แต่ให้เช่า ใช้แต้มการรบไม่กี่แต้มก็เช่าลงทะเลได้สองชั่วโมง มีจำนวนจำกัด รีบติดต่อทันทีถ้าอยากใช้บริการ!”
หลังจากลงประกาศไป ชายหนุ่มก็รู้สึกว่ายังโฆษณาไม่พอ จึงรีบติดต่อโจวเปี่ยวและผู้ฝึกตนบนเกาะเพลิงเขียวคนอื่นๆ พวกเขาต่างเคารพยำเกรงหวังเป่าเล่อ พอได้ฟังคำสั่ง เหล่าผู้ฝึกตนก็ออกจากเกาะ มุ่งหน้าไปยังเกาะหลักสำนักวังเต๋าไพศาลอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็เป่าวประกาศโฆษณาธุรกิจเรือลุยทะเลเพลิงของหวังเป่าเล่อ
เตรียมการพร้อมทุกอย่างแล้ว ตอนนี้ก็แค่รอว่าจะได้เสียงตอบรับมาว่าอย่างไร วันหนึ่งมียี่สิบสี่ชั่วโมง เรือวิญญาณมีสามลำ ข้าได้แต้มการรบเต็มที่สามแต้มทุกๆ สองชั่วโมง ในวันหนึ่งข้าจะหาแต้มการรบได้สูงสุดสามสิบหกแต้ม เดือนหนึ่งได้มากกว่าพันแต้ม ข้าจะได้เงินทุนคืนมาในสามเดือน!
เสียดายที่มีทุนไม่พอ ไม่อย่างนั้นคงจะหาแต้มได้เยอะกว่านี้! หวังเป่าเล่อสุขใจกับตัวเลขที่คำนวณได้ เขาเริ่มตั้งหน้าตั้งตาคอยอย่างตื่นเต้นปนกังวล
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าสำนักวังเต๋าไพศาลไม่ค่อยได้เห็นประกาศเหมือนที่เขาเพิ่งลงไป ทำให้ทันทีที่ลงประกาศให้เช่าเรือ ก็มีคนมากมายให้ความสนใจ…