หลังจากวางสายไป หวังเป่าเล่อก็ยิ่งสงสัยหนัก เซี่ยไห่หยางส่งแต้มการรบมาให้โดยไม่มีเหตุผล อีกทั้งยังพูดอะไรกำกวม บอกว่าเดี๋ยวตนก็จะได้รู้เอง…
เหมือนว่าจะไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ นะ หวังเป่าเล่อตกอยู่ในภวังค์ความคิดขณะตรวจดูรอบๆ ด้วยสัญชาตญาณ รับรู้ได้ว่าทะเลเพลิงใต้เท้าและแสงเพลิงบนฟ้าต่างไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ชายหนุ่มก็ยังคอยระแวดระวังตัวอยู่ตลอดขณะมุ่งหน้าไปอย่างไม่ลังเลใจหลังจากตรวจดูทิศทางจากแผ่นหยกภารกิจ
ระดับการฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในชั้นต้นเผยให้เห็นผ่านความเร็วของชายหนุ่มที่ว่องไวราวสายฟ้า ประกอบกับผลลัพธ์จากการฝึกวิชาอัสนีนิรันดร์จำแลงด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูเหมือนย่างเหยียบอยู่บนเส้นอัสนี พุ่งทะยานไปไกลได้ในชั่วพริบตา
จากตำแหน่งที่ระบุในแผ่นหยกภารกิจ หวังเป่าเล่อคิดว่าน่าจะต้องใช้เวลาประมาณสามปีเพื่อที่จะเดินทางจากเกาะเพลิงเขียวไปยังตัวกระบี่ที่ปักอยู่ในดวงอาทิตย์ อย่างไรเสีย กระบี่สำริดเขียวโบราณนั้นมโหฬารถึงขนาดที่ว่าแค่ตรงด้ามจับเพียงอย่างเดียวก็ใหญ่โตกว่าโลกอยู่มากโข
ดังนั้นเขาจะพึ่งแค่การเหาะเหินเดินอากาศเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้การเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาเพื่อย่นระยะเวลาเพิ่ม จุดเคลื่อนย้ายนั้นตั้งอยู่ตามเกาะต่างๆ ทำให้แม้จะยังมุ่งหน้าไปทางตัวกระบี่ แต่หวังเป่าเล่อก็เลือกตรงไปยังจุดเคลื่อนย้ายแห่งหนึ่งจากจุดเคลื่อนย้ายกว่าสิบจุด ซึ่งเป็นเกาะที่มีชื่อว่าเกาะเนตรละอองฝุ่น
“เคลื่อนย้ายหนึ่งครั้งใช้แต้มการรบร้อยแต้ม…จากที่ภารกิจระบุไว้ ข้าต้องเคลื่อนย้ายห้าครั้ง…หมายความว่าต้องใช้ห้าร้อยแต้ม ขากลับก็ต้องใช้อีกห้าร้อยแต้ม…หน้าเลือดจริงๆ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ หลังจากตรวจสอบตำแหน่งตามที่ระบุในภารกิจแล้ว เขาก็พุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นเส้นอัสนี
เวลาล่วงเลยผ่านไป ไม่นานก็ผ่านไปครึ่งเดือน ต้องใช้เวลาอีกประมาณสามวันจึงจะถึงเกาะเนตรละอองฝุ่นที่เป็นจุดเคลื่อนย้ายแรก หวังเป่าเล่อเบื่อการเดินทางอยู่กลางอากาศเลยหยิบขนมออกมาอมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เขาถอนหายใจ แม้กระบี่สำริดเขียวโบราณจะเป็นสรวงสวรรค์สำหรับการฝึกตนเพราะมีปราณวิญญาณหนาแน่น แต่บนนี้กลับไม่มีขนมขายเลย
ชายหนุ่มแสนเศร้าใจ เขาทำใจกินอาหารทั้งหมดที่ตุนไว้ไม่ได้ ทุกครั้งที่หิว ก็จะหยิบขนมชิ้นหนึ่งมาอมไว้ในปาก ดื่มด่ำกับรสชาติขณะรำลึกถึงบ้านเกิด
ข้าไม่ได้ตะกละ ก็แค่คิดถึงบ้านต่างหาก หลังจากรู้ใจจริงของตนเอง หวังเป่าเล่อก็ส่ายหัวพร้อมกับลูบท้อง ชายหนุ่มสูดหายใจลึก รู้สึกสงสารตัวเองขึ้นมา เขาผุดคิดถึงประโยคหนึ่งที่เคยเห็น หลังจากปรับแต่งประโยคไปนิดหน่อยก็พึมพำออกมา
“ข้าไม่ได้กำลังกัดกินขนม หากแต่กำลังกัดกินความเดียวดาย..” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหยิบขนมอีกชิ้นเข้าปาก ค่อยๆ ดื่มด่ำกับรสชาติ ตอนนั้นเอง เกาะขนาดเล็กเกาะหนึ่งก็เริ่มปรากฏเด่นชัดในสายตา
ไม่มีสัญญาณของผู้ฝึกตนอยู่บนเกาะแห่งนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเกาะทิ้งร้าง ความหนาแน่นของปราณวิญญาณบนเกาะนี้เหมือนกันกับที่อื่นๆ หวังเป่าเล่อเห็นเกาะมามากมายตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขารู้ว่าเกาะส่วนใหญ่ที่สำนักวังเต๋าไพศาลเลือกมานั้นส่งผลดีต่อการฝึกตน ส่วนเกาะที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการฝึกตนจะถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง
ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็ยังคงระแวดระวังตัว เขาตั้งใจจะไม่ทะยานไปสู่เกาะตรงๆ แต่เลือกที่จะอ้อมเอาแทน ทว่าพอเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้และกำลังจะเลี้ยวไปทางขวา พลังแข็งแกร่งจากวงแหวนปราณก็พลันพวยพุ่งออกมาจากเกาะร้างแห่งนี้
พลังจากวงแหวนปราณถูกปล่อยออกมาอย่างปุบปับ ทั้งยังมีแสงจ้าปรากฏขึ้นพร้อมๆ กัน แสงและพลังผสานเข้าหากันกลายเป็นมือแสงยักษ์เข้าคว้าตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้
ขณะที่มือเอื้อมเข้ามาจับ ร่างหนึ่งก็ทะยานออกมาจากเกาะร้างพร้อมส่งเสียงหัวเราะชั่วร้าย
“หวังเป่าเล่อ ตกใจไหม เหลียงผู้นี้รอเจ้าอยู่ตั้งนาน!” เสียงนั่นเป็นของเหลียงหลง เจ้าเกาะเพลิงเขียวเช่นเดียวกับหวังเป่าเล่อ!
ในฐานะศิษย์คนหนึ่งของเมี่ยเลี่ยจื่อ เหลียงหลงมีหลายอย่างให้ภาคภูมิใจในตัวเอง แต่เขากลับถูกหวังเป่าเล่อเหยียดหยามถึงสามครั้ง นับรวมเหตุการณ์เมื่อครั้งอยู่ที่ตำหนักปรัศนีสวรรค์ ด้วยนิสัยของชายหนุ่มจึงปล่อยวางเรื่องนี้ไปไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าหวังเป่าเล่อนั้นเกินจะคาดเดาได้ จึงยอมอดทนรอจนกระทั่งติดตั้งวงแหวนปราณเสร็จ
เหลียงหลงในตอนนี้เต็มไปด้วยความดุดันและคาดดหวัง เขาเชื่อว่าไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำเช่นไรก็คงไม่สามารถหลุดออกจากวงแหวนปราณที่อุตส่าห์จ่ายไปตั้งแพงได้!
“คุกเข่าลงเสีย!” ชายหนุ่มตะโกนดังลั่นพร้อมตั้งผนึกฝ่ามือ ทันใดนั้นความเร็วของหัตถ์วงแหวนปราณก็เพิ่มพูนขึ้น ส่องแสงสว่างไสว ดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อน
พายุก่อตัวขึ้นปลดปล่อยพลังกดดันเข้าใส่หวังเป่าเล่อในพริบตา หัตถ์ยักษ์กำลังจะเอื้อมเข้ามาจับ พลันดวงตาของชายหนุ่มก็ฉายแสงเย็นยะเยือก หากไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน คงจะพลาดท่าให้กับการดักซุ่มครั้งนี้ แต่เขาคอยระวังตัวมาตลอดทาง หวังเป่าเล่อแค่นเสียงออกทางจมูก ยกมือขวาขึ้น พลันแสงสามสีก็ฉายออกมาจากกระเป๋าคลังเวท!
แดง เขียว และม่วง!
แสงทั้งสามปล่อยพลังสั่นคลอนทั่วพื้นที่ทันทีที่ปรากฏ พลังกดดันแกร่งกล้าพวยพุ่งออกมาจากลำแสง สัมผัสได้ถึงรังสีสังหารเลือนรางราวกับว่าทวยเทพได้ลงมาจุติ ส่งอัสนีลงทัณฑ์พุ่งเข้าใส่หัตถ์วงแหวนปราณ
การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วเสียจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ได้ยินเพียงเสียงดังสนั่นที่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทันทีที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน
เสียงนั้นดังสนั่นหวั่นไหวจนก่อตัวเป็นพายุปั่นป่วนสั่นคลอนทั่วทั้งพื้นที่ แม้แต่ทะเลลาวาก็สั่นสะเทือนจนก่อตัวเป็นคลื่นสูง หัตถ์วงแหวนปราณไม่สามารถทานทนได้ พลันแตกกระจายเป็นชิ้นๆ
แสงทั้งสามที่มีพลังราวกับจะทลายจักรวาลได้พุ่งทะลุหัตถ์วงแหวนปราณตรงไปยังเกาะร้างตรงจุดที่เหลียงหลงอยู่ ชายหนุ่มตกใจจนเสียงหาย ไม่สามารถกรีดร้องออกมาได้ ลำแสงพิฆาตที่ดูเหมือนจะทลายเกราะได้ทุกรูปแบบพุ่งตรงเข้ามาใกล้ชายหนุ่มขึ้นทุกที
สมบัติเวทอะไรกัน
เหลียงหลงตื่นตกใจกับเหตุวิกฤติเบื้องหน้าจนหัวตื้อไป ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าภายในใจ เขาไม่มีเวลาให้คิดหรือหลบ ชายหนุ่มร้องคำรามตาห้อเลือด หยิบสร้อยหยกตรงคอมาถือไว้และบิดออก ทันใดนั้นม่านแสงรูปร่างเหมือนกระดองเต่าก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
“อีกแล้วหรือ เจ้าคิดว่าข้าล้มสิ่งนั้นไม่ได้หรือ ตอนนั้นมีคนอยู่เยอะ ข้าเลยขังเจ้าเอาไว้แทนต่างหาก” หวังเป่าเล่อหรี่ตา เขาไม่ได้โกหก ชายหนุ่มอาจทำลายกระดองเต่าไม่ได้ แต่ก็สามารถโจมตีสุดกำลังจนทำลายการเชื่อมต่อระหว่างเหลียงหลงกับกระดองเต่าได้ แต่จะทำเช่นนั้นตอนอยู่ที่เกาะเพลิงเขียวก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา หากเขาฆ่าเหลียงหลงลงตรงนั้น เมี่ยเลี่ยจื่อคงจะโกรธจัด
ทว่าสถานการณ์ที่นี่ต่างออกไป ชายหนุ่มหรี่ตา ตั้งผนึกชี้ไปด้านหน้า แสงทั้งสามเผยตัวตนที่แท้จริงให้เห็น เป็นกระบี่บินสามสี!
กระบี่บินสามเล่มนี้เป็นของที่หวังเป่าเล่อได้มาจากหัวหน้าผู้ฝึกตนต่างดาวขั้นกำเนิดแก่นในนั่นเอง!
เมื่อชายหนุ่มตั้งผนึกฝ่ามือ พลังที่แท้จริงของกระบี่บินสามสีก็ปลดปล่อยออกมา เป็นพลังที่น่าเกรงขามกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก กระบี่ทั้งสามพุ่งตรงไปทางกระดองเต่า รวดเร็วเสียจนเข้าไปปะทะได้ในทันที รอยแตกพลันปรากฏบนกระดองเต่าสุดแข็งแกร่งก่อนที่เหลียงหลงจะทันได้ร้องสักแอะ แต่วัตถุชิ้นนี้เป็นของล้ำค่า เพียงครู่เดียวก็เริ่มฟื้นฟูตัวเอง
หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว พุ่งเข้าไปใกล้ในทันใด เขายกมือขวาขึ้น ดอกบัวสีเขียวในกายสั่นไหว แก่นในอัสนี แก่นในหัวใจ และแก่นในแห่งความมืดพลันตื่นพลัง และไหลเวียนเข้าไปรวมอยู่ที่มือขวา ดวงจิตเกินต้านปรากฏขึ้นจากในกายชายหนุ่ม ทันทีที่เข้าประชิดได้ เขาก็ปลดปล่อยระเบิดกำเนิดดวงดาราออกไปพร้อมหมัด!
หมัดที่ชายหนุ่มปล่อยออกไปสั่นสะเทือนทั้งฟ้าดิน ก่อเกิดเป็นหลุมดำที่พร้อมกลืนกินทุกสรรพสิ่งขณะที่หมัดทะยานเข้าใส่กระดองเต่าของเหลียงหลง อีกทั้งยังสอดประสานกับพลังของกระบี่บินสามสี เกิดเป็นพลังต้านปะทะเข้ากับกระดองเต่า หากเหลียงหลงมีระดับการฝึกตนสูงพอคงจะรับมือได้ไหว แต่เหมือนว่าเขาจะควบคุมกระดองเต่าไว้ไม่อยู่และไม่สามารถทานแรงต้านได้ เมื่อไร้ซึ่งปราณวิญญาณหล่อเลี้ยง กระดองเต่าก็ถูกผลักถอยหลัง พุ่งเข้าใส่เหลียงหลงอย่างจัง!
พลังเทียบเท่าพายุแผ่พุ่งไปทั่วทุกทิศทาง เหลียงหลงกระอักเลือดออกจากปาก ร่างกายของเขาบาดเจ็บหนัก ล่าถอยไปเหมือนดังว่าวที่ถูกตัดสาย ความหวาดกลัวฉายชัดบนใบหน้า ชายหนุ่มไม่คิดว่าหวังเป่าเล่อจะมีพลังมากถึงเพียงนี้
“หวังเป่าเล่อ เจ้ากล้าฆ่าข้าหรือ ข้ามีพลังดึงดูดสิ่งมีชีวิตติดตัว ถ้าฆ่าข้าไปอาจจะดึงดูดสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มา และอาจารย์ของข้าก็จะสัมผัสได้ในทันที จากนั้นเขาก็จะตามล่าหาตัวคนร้ายเมื่อได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!” เหลียงหลงกล่าวเสียงสั่นขณะถอยหลังหนี
“ฆ่าหรือ ทำไมข้าต้องฆ่าเจ้าด้วย” หวังเป่าเล่อหยิบเชือกออกมาพร้อมผุดรอยยิ้มชั่วร้าย เหลียงหลงเห็นการกระทำและรอยยิ้มเข้าก็หวาดกลัวขึ้นมาจับจิต รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี
“เจ้า…คิดจะทำอะไร”