“ข้าจะทำอะไร เดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้” หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอ ใบหน้าดูชั่วร้ายขึ้นทุกๆ ย่างก้าวที่เข้าไปหาเหลียงหลง
“เจ้า…อย่าเข้ามานะ!” เหลียงหลงตัวสั่นเทิ้ม เสียวสันหลังวาบ อยากจะถอยหนีไป ชายหนุ่มรู้สึกว่าหวังเป่าเล่อทำตัวเหมือนโรคจิต ขณะเดียวกันก็เสียใจที่ไปแหย่อีกฝ่ายเข้า ตอนนี้หวังเป่าเล่อหยิบเชือกออกมาพร้อมรอยยิ้มน่าขนลุก ทำตัวไม่ต่างกับโรคจิตแม้แต่น้อย
แต่เหลียงหลงก็ช้าเกินไป ขณะที่เขากำลังจะหนี นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อก็พลันฉายแสงเยือกเย็นพร้อมใช้มือขวาเหวี่ยงเชือก
“มัดเจ้านั่นไว้!”
ทันทีที่หวังเป่าเล่อพูดจบ เชือกก็พุ่งไปในอากาศพลางเรืองแสงสีแดง มันบิดงอไปมาราวกับงู ดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
แต่หากมองดูดีๆ แล้ว เชือกไม่ได้พุ่งเข้าหาเหลียงหลงทันทีที่หลุดจากมือหวังเป่าเล่อ มันดูจะลังเลใจ อยากลอยหนีขึ้นไปในอากาศเพื่อซ่อนตัว
เหลียงหลงไม่รู้ว่าเชือกเส้นนี้มีความพิเศษอย่างไร แต่หวังเป่าเล่อรู้ดีอยู่แก่ใจ ชายหนุ่มตีสีหน้าแข็งกร้าว กำลังจะด่าทอเจ้าเชือก ตอนนั้นเอง เหลียงหลงซึ่งตื่นกลัวเชือกที่ขยับเคลื่อนย้ายราวกับงู ก็กรีดร้องออกมา พร้อมหนีออกไปจากเกาะอย่างรวดเร็ว
หากเหลียงหลงไม่พยายามหนีคงจะไม่เป็นไร…ทว่าทันทีที่เขาถอยหนี เชือกที่ลังเลใจอยู่ก็สั่นไหวไปมา หากเปรียบเป็นคน ก็คงพูดได้ว่ามันได้ลืมตาตื่นขึ้น เชือกเปลี่ยนทิศทาง พุ่งทะยานไปหยุดอยู่หน้าเหลียงหลงในทันใด ความรวดเร็วของมันทำเอาหวังเป่าเล่อตื่นตกใจ
“อย่าเข้ามา!” เหลียงหลงกรีดร้องลั่น หัวใจสั่นรัว พยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่เป็นผล เชือกว่องไวมาก ในพริบตาเดียวก็เข้าพันรอบตัวหลายรอบ รัดชายหนุ่มเอาไว้แน่น…
ทันทีที่มันเข้ารัดเหลียงหลง พลังผนึกก็แผ่ออกมาตัดปราณวิญญาณและผนึกพลังปราณของเหลียงหลงไว้ ชายหนุ่มกลายเป็นคนธรรมดาในชั่วพริบตา ร่างของเขาร่วงลงพื้นดังตุบ
เหลียงหลงหายใจถี่รัว เขากลัวมากจนอยากจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือ แต่ทันใดที่อ้าปาก ปลายเชือกด้านหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอุดปากไว้…
“อื้อ…!” ชายหนุ่มเบิกตากว้าง หน้าผากชุ่มไปด้วยเหงื่อ ร่างกายที่ไร้ซึ่งพลังถูกเชือกอุดปาก ส่งเสียงออกมาไม่ได้แม้แต่น้อย เขาแทบไม่เคยตกอยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เช่นนี้ เหลียงหลงมองหวังเป่าเล่อที่กำลังตรงเข้ามาพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายด้วยความหวาดกลัว เขาตัวสั่นเทา พยายามดิ้นรนถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณ
แต่ก็ทำได้แค่หวัง ไม่ช้าหวังเป่าเล่อก็เข้ามาขยุ้มผมดึงอีกฝ่ายเข้าไปหา ชายหนุ่มโน้มตัวลงมามองเหลียงหลงที่กำลังสั่นกลัวพร้อมเหยียดยิ้มออกมา
“เหลียงหลง บอกบิดาของเจ้ามาว่าเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมาที่นี่ถึงมาคอยดักซุ่มได้” หวังเป่าเล่อตบหัวอีกฝ่ายพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
ทันทีที่พูดจบ เหลียงหลงก็เบิกตากว้าง ทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เคยรู้ว่าหวังเป่าเล่อมีนิสัยชอบยกตนเป็นบิดาคนไปทั่ว ทว่าปฏิกิริยาของเหลียงหลงฉับไว ชายหนุ่มจ้องอีกฝ่ายตาแข็งเมื่อความรู้สึกถูกเหยียดหยามเข้ามาบดบังความกลัว
“ไม่พูดอย่างนั้นหรือ ดื้อเสียจริง” หวังเป่าเล่อส่ายหัว จากนั้นจึงตั้งผนึกฝ่ามือชี้ไปทางเชือก ทันใดนั้น เชือกก็ส่องแสง เลื้อยรัดไปทั่วร่างเหลียงหลง ชายหนุ่มเบิกตากว้าง ไม่เชื่อสายตาตนเอง ก่อนจะพยายามดิ้นรนขัดขืน
ไม่เพียงเท่านั้น ปลายเชือกอีกด้านเลื้อยเข้าไปใต้ชุดคลุมมุ่งหน้าไปตรงกางเกง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้เหลียงหลงเสียสติ เขาแหกปากร้องลั่นด้วยความกลัว
“อื้อ!”
“ยังไม่ยอมพูดอีกหรือ” หวังเป่าเล่อถอนหายใจ เตรียมตั้งผนึกฝ่ามืออีกครั้ง เหลียงหลงน้ำตาปริ่มใกล้เสียสติเต็มที ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพูด แต่พูดไม่ได้เพราะเชือกอุดปากอยู่ต่างหาก
“ยอมพูดแล้วอย่างนั้นหรือ ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้พูดแค่ครั้งเดียว เจ้าต้องบอกทุกสิ่งอย่างให้กระจ่างภายในสิบพยางค์!” ชายหนุ่มตบหน้าอีกฝ่ายก่อนจะเอาเชือกออกจากปาก ทันทีที่เชือกหลุดจากปาก เหลียงหลงก็พูดขึ้นโดยไม่ลังเล
“เซี่ยไห่หยางบอกมา จ่ายไปหนึ่งพันแต้ม”
สิบพยางค์ ไม่ขาดไม่เกิน เห็นได้ชัดว่าเหลียงหลงกลัวหวังเป่าเล่อจับจิต
เมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด หวังเป่าเล่อก็หรี่ตาลง หยุดคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะโบกมือขวาส่งเชือกเลื้อยกลับไปอุดปากเหลียงหลงอีกครั้ง แม้อีกฝ่ายจะดิ้นรนรีบหุบปากลงก็ไม่เป็นผล…
“ใจเย็น ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก ที่นี่ช่างสวยงามราวสรวงสวรรค์ ข้าจะปล่อยให้เจ้าฝึกวิชาอยู่นี่แล้วกัน” ชายหนุ่มยิ้มบาง ก่อนจะลุกขึ้นเตะเข้าตรงหว่างขาของเหลียงหลง!
เหลียงหลงสั่นเทิ้ม ตัวขดเป็นกุ้ง ดวงตาห้อเลือด เขากรีดร้องอย่างเจ็บปวดราวกับว่าจะตายลงตรงนั้น
“จำไว้ อย่ามายั่วโมโหข้า” หวังเป่าเล่อยิ้มและพูดขึ้น ทว่าในสายตาของเหลียงหลง รอยยิ้มนั้นดูน่ากลัวราวกับเป็นรอยยิ้มของปีศาจ ชายหนุ่มเข้าใจดีแล้วว่าหวังเป่าเล่อเป็นพวกวิกลจริต!
ชายหนุ่มเลิกสนใจเหลียงหลง ไม่ได้ปล้นสิ่งของในกระเป๋าคลังเก็บหรือขโมยแต้มการรบแต่อย่างใด เขารู้ดีว่าแค่ไม่ไปฆ่าใครเข้า ก็จะอยู่บนกระบี่สำริดเขียวโบราณได้อย่างสงบสุข การจะฆ่าใครสักคนนั้นง่ายมาก แต่ปัญหาที่ตามมาทีหลังนั้นแสนจะยุ่งยากวุ่นวาย
ยังไม่ถึงเวลา… คิดดังนั้น สายตาของชายหนุ่มก็ฉายแววเย็นยะเยือกขณะก้าวเหยียบพื้นทะยานขึ้นฟ้า เชือกยังคงรัดเหลียงหลงอยู่แน่น เพราะการลงโทษของเขายังไม่จบลงแค่นั้น
หวังเป่าเล่อมีจิตประสานกับเชือก แค่คิดก็สามารถเรียกมันกลับมาได้ จึงไม่กลัวว่าจะเสียเชือกไป นอกจากนี้ยังพบว่าเชือกนี้เหมาะกับการใช้งานระยะไกลอีกด้วย
พอเห็นหวังเป่าเล่อจากไป เหลียงหลงก็หมดสติไปด้วยความเจ็บปวด กระนั้นตัวก็ยังสั่นเทิ้มแม้จะไร้สติ
สำหรับหวังเป่าเล่อแล้ว การปรากฏตัวของเหลียงหลงเป็นแค่เรื่องไม่คาดคิดเล็กน้อยจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก เขาเปิดดูแต้มการรบของตัวเองขณะทะยานไปยังเกาะเนตรละอองฝุ่น จากนั้นก็ส่งข้อความเสียงไปหาเซี่ยไห่หยางผ่านแผ่นหยกสื่อสาร
“น้องไห่หยางมีธุรกิจกว้างขวางเสียจริง”
เซี่ยไห่หยางเขินอายเล็กน้อย พยายามจะอธิบายเรื่องราวให้เข้าใจ
“พี่เป่าเล่อ เซี่ยไห่หยางผู้นี้เป็นนักธุรกิจ เรื่องนี้…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว น้องไห่หยาง จำไว้แค่ว่า…เรื่องไม่อันตรายเช่นนี้จะสร้างรายได้ให้ข้าได้มาก จงส่งมาให้เพิ่มอีก! ตอนนี้ข้าจนมาก!” น้ำเสียงของหวังเป่าเล่อเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เซี่ยไห่หยางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะขึ้นเสียงดัง เขาจบบทสนทนาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เป่าเล่อ ยินดีที่ได้ร่วมงานกับเจ้า!”
“เช่นกัน!” หวังเป่าเล่อยิ้มก่อนจะตัดสายไป รอยยิ้มค่อยๆ เลือนหายไปขณะเงยหน้ามองไปทางเกาะเนตรละอองฝุ่น เขาเปลี่ยนทิศทางและทะยานตรงไปที่เป้าหมาย
หลายวันต่อมา หวังเป่าเล่อก็มาถึงเกาะเนตรละอองฝุ่น เขาเป็นผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในและมีแต้มการรบเพียงพอจึงสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองมาได้ ครึ่งเดือนผ่านไป หลังจากผ่านจุดเคลื่อนย้ายมาห้าจุด ในที่สุดชายหนุ่มก็ข้ามทะเลเพลิงมาถึงตัวกระบี่!
ทะเลเพลิงตรงหน้าดูสงบนิ่ง แต่อุณหภูมิกลับสูงกว่าบริเวณด้ามจับหลายเท่า พื้นที่โล่งกว้างปกคลุมไปด้วยอุณหภูมิสูง ด้านหน้าปรากฏชั้นป้องกันที่สร้างขึ้นจากเปลวไฟ!
ด้านหลังชั้นป้องกันมีเพียงความสงบเงียบ ภายในนั้นสวรรค์และพื้นพิภพได้มาบรรจบกัน ทะเลเพลิงปั่นป่วน ลาวาไหลหลาก ภูผาและสิ่งปลูกสร้างพังทลายย่อยยับ ทั่วพื้นที่เต็มไปด้วยความโกลาหล!
หากก้าวผ่านชั้นป้องกันไปจะถือว่าได้เข้าไปในตัวกระบี่ หรืออีกนัยหนึ่งคือได้เข้าไปในดวงอาทิตย์!
หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบอยู่หน้าชั้นป้องกันครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพร้อมแววตามุ่งมั่นก่อนจะก้าวผ่านชั้นป้องกันเข้าไป!