หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 563 โชคช่วย!

บทที่ 563 โชคช่วย!
ขณะที่กำลังเกิดเหตุไม่คาดคิดที่บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือนั้น ที่ลานสาธารณะบนยอดเขาของสำนักวังเต๋าไพศาล ผู้ชนที่กำลังดูลมหมุนทั้งสามอยู่นั้นกำลังตกใจกับภาพที่เห็น หลายคนผุดลุกขึ้นยืน ขณะมองไปที่ใจกระแสวนอย่างไม่กระพริบตา ที่ศิษย์ผู้หนึ่งจากฝ่ายของเมี่ยเลี่ยจื่อ!

หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในกระแสวน แต่มีภาพหนึ่งที่สะกดความสนใจของทุกคนเอาไว้ได้อยู่หมัด ภาพนั้นน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอันมาก!

จอนั้นแสดงศิษย์เอกของเมี่ยเลี่ยจื่อ ตู้กูหลิน ผู้ที่มีสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ เขาพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง ณ ขีดจำกัดที่ผู้ฝึกตนกำเนิดแก่นในคนหนึ่งจะทำได้ ภายในพริบตาเดียว ตู้กูหลินเข้าใกล้ผู้ฝึกตนจากฝ่ายของเฟิ่งชิวหรัน ที่ไม่มีโอกาสได้พูดอันใดเนื่องจากโดนกำจัดในทันที ตู้กูหลินใช้นิ้วเดียวส่งผู้ฝึกตนคนนั้นปลิวไปด้านหลัง กระอักเลือดออกจากปาก และบาดเจ็บสาหัสจนสลบไปในทันที

กุญแจหลุดไปเข้ามือตู้กูหลินที่จากไปเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มยังต้องการเก็บกุญแจ แต่ก็ดูไม่ได้ตั้งใจมากขนาดนั้น!

ฝูงชนมองเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกภาพมีตู้กูหลินอยู่ในนั้นทั้งสิ้น จำนวนกุญแจที่ชายหนุ่มถือครองอยู่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีมากเกินสี่สิบดอก!

นั่นเป็นจำนวนกุญแจมากที่สุดที่ผู้เข้าแข่งขันหนึ่งคนถือครอง!

ผู้ชมในลานสาธารณะต่างพูดคุยกันเสียงดังระเบิด ต่างคนต่างหายใจสะดุด ศิษย์จากฝ่ายของเมี่ยเลี่ยจื่อตื่นเต้นออกนอกหน้า และพากันส่งเสียงสนับสนุนศิษย์พี่ของตน

“ศิษย์พี่สูงสุดตู้กูหลิน ผู้ไร้เทียมทานที่สุดในหมู่ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นใน!”

“ฮ่าๆ ข้าพนันห้าร้อยแต้มการรบเลย ว่าศิษย์พี่สูงสุดตู้กูหลินจะต้องชนะแน่นอน!”

“ข้าเคยบอกแล้วอย่างไร ว่าการแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันระหว่างศิษย์เอกด้วยกันเอง ป่านนี้ศิษย์เอกคนอื่นๆ ไม่กระวนกระวายกันแย่แล้วหรือนี่”

เมื่อเทียบกับเสียงกู่ร้องจากฝั่งเมี่ยเลี่ยจื่อ ฝั่งเฟิ่งชิวหรันนั้นมีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง พวกเขาจ้องจอที่เป็นของสวีหมิงและลู่หยุน โดยหวังว่าจะเห็นผลงานที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

ขณะที่ศิษย์น้อยใหญ่จากสำนักวังเต๋าไพศาลกำลังตื่นเต้นกันอยู่นั้น ผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณดูสงบนิ่ง พวกเขาประหลาดใจนิดหน่อยกับภาพที่เห็น เนื่องจากความสามารถในการต่อสู้ของตู้กูหลินนั้นยอดเยี่ยมมาก

แม้แต่เฟิ่งชิวหรันเองยังขมวดคิ้ว โยวหรันข้างกายนางหรี่ตาลง ดูท่าทางเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด เขาหันไปมองและเห็นรอยยิ้มบางบนใบหน้าของเมี่ยเลี่ยจื่อ

ผู้อาวุโสทั้งสามท่านไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แต่สีหน้าของเฟิ่งชิวหรันและโยวหรัน แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขณะชมการแข่งขันตรงหน้า โดยพวกเขาเพ่งความสนใจไปที่ตู้กูหลิน

ผู้เข้าแข่งขันเองก็ตกใจกับการเปลี่ยนแปลงบนแผนที่ เช่นเดียวกันกับผู้ชมภายนอก ลู่หยุน ศิษย์เอกของเฟิ่งชิวหรันเป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยาตอบรับ หลังจากที่เงียบอยู่สักพัก ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย ชายหนุ่มปล่อยพลังปราณของตนเอง และล้มเลิกแผนการที่จะเดินหน้าอย่างมั่นคงในทันที พลังกระหายเลือดเย็นเยียบแผ่ออกจากกายเขา ก่อนที่เจ้าของร่างจะเพิ่มความเร็วขึ้น เพื่อกวาดเอากุญแจทั้งหมดจากบริเวณโดยรอบมาไว้ที่ตัวเองในทันที!

เขาทำตามตู้กูหลิน โดยการใช้พลังของตนเองจัดการกับผู้เข้าแข่งขันที่ตนเองเจอ และแย่งเอากุญแจมาเก็บไว้!

คนที่ตามมาคนต่อไปคือสวีหมิง ชายหนุ่มรู้ดีว่ากฎของการแข่งขันนี้เปลี่ยนไปแล้วด้วยการกระทำของตู้กูหลิน

หมอนั่นพยายามเร่งการแข่งขันให้จบเร็วขึ้น โดยกำจัดผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ออกไปก่อนตั้งแต่การเคลื่อนย้ายครั้งแรก น่าสนใจดี! สวีหมิงหัวเราะ รอยเย็นวาบเข้ามาในแววตา ชายหนุ่มก็เลือกโจมตีเช่นกัน

โจวชู่เต๋าและเนื้อคู่แห่งเต๋าของเขาเลือกเปลี่ยนกลยุทธ์ ทีแรกทั้งสองอยู่ด้วยกัน แต่บัดนี้ได้ตัดสินใจแยกกันโจมตีคู่ต่อสู้แล้ว ทั้งสองมุ่งหน้าไปคนละทางด้วยพลังเต็มเปี่ยม เพื่อตามล่าสะสมกุญแจ!

ทั้งห้าคนที่ตัดสินใจโจมตีแทนหลบซ่อนนี้ ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ การล่ากุญแจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ฝึกตนหลายคนเสียกุญแจของตนเองไป แต่ยังไม่มีใครตาย มีบางคนที่ถึงกับพิการ และก็มีอยู่มากที่บาดเจ็บสาหัสจนสู้ต่อไม่ไหว

แต่ก็ยังมีบ้างที่แม้จะเสียกุญแจไปแล้ว แต่ก็ยังมีกำลังพอสู้ต่อได้ ส่วนมากจะเป็นผู้ที่เจอศิษย์เอกจากฝ่ายเดียวกัน และตัดสินใจยกกุญแจให้โดยสมัครใจ

พวกเขาเหล่านั้นหายตัวไปจากแผนที่โดยสิ้นเชิง จึงเป็นคนที่เป็นอันตรายกับผู้อื่นที่ยังมีกุญแจอยู่ และมักเข้าโจมตีผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา!

การตัดสินใจโจมตีของศิษย์เอกทั้งห้าทำให้โลกการแข่งขันได้รับผลกระทบไปทุกหย่อมหญ้า กุญแจหายไปจากแผนที่และปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ส่องแสงสว่างไปทั่วบริเวณ กุญแจเหล่านั้นเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ เหมือนที่เจ้าเยี่ยเหมิงคาดการณ์เอาไว้ วันแรกเต็มไปด้วยการต่อสู้นองเลือดมากมาย ที่มาพร้อมผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนนับไม่ถ้วนเช่นกัน!

กลุ่มของหวังเป่าเล่อเองก็กำลังพุ่งไปในอากาศเช่นกัน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋ารู้สิ่งที่หวังเป่าเล่อเลือก และเข้าใจมุมมองของเขามากขึ้น ทั้งสองตามหวังเป่าเล่อเพื่อมุ่งไปข้างหน้าเหมือนองครักษ์ที่อยู่ข้างกาย

เป้าหมายของพวกเขาก็คือ… กลุ่มกุญแจเจ็ดดอกที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปหา!

จากแผนที่ ดูเหมือนว่ากุญแจทั้งเจ็ดนั้นจะไม่ได้เป็นของคนๆ เดียว แต่เป็นการรวมตัวของคนหลายคน หวังเป่าเล่ออาจเจอเข้ากับเหตุการณ์แบบใดก็ได้ แต่เขาไม่สนใจ ไม่ว่าจะมีอยู่กี่คน ชายหนุ่มก็เพียงแต่ต้องทำลายทุกคนให้สิ้นซากเท่านั้น!

พลังจากกายของชายหนุ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ขณะมุ่งไปข้างหน้า เขากลายเป็นดาวตกที่ห้อมล้อมด้วยสายฟ้า พุ่งแหวกอากาศเข้าหากุญแจเจ็ดดอกนั้น ด้วยความเร็วสูงและเสียงกึกก้อง!

จิตสัมผัสวิญญาณของหวังเป่าเล่อ ที่ก้าวข้ามระดับกำเนิดแก่นในไปมาก ทำให้เขาเห็นศัตรูที่อยู่เบื้องหน้ามาแต่ไกล ก่อนที่คู่ต่อสู้จะรู้สึกได้ถึงตัวเขาด้วยซ้ำ!

หลี่ปินเองหรือ ชายหนุ่มยิ้มแต่ดวงตาเย็นเฉียบ เขาเพิ่มความเร็วขึ้นอีกเพื่อไปถึงให้เร็วขึ้น!

ที่จุดที่มีกุญแจอยู่เจ็ดดอกนั้น ไม่ได้มีคนอยู่แค่คนเดียว แต่มีถึงสิบสามคน!

ทั้งหมดมาจากฝ่ายของเมี่ยเลี่ยจื่อ ผู้นำของกลุ่มนั้นคือคนที่เข้าปะทะหวังเป่าเล่อในถ้ำใต้ทะเลเพลิง ที่ถูกชี่หลินห้ามเอาไว้ ชายผู้นั้นอาฆาตแค้นหวังเป่าเล่อและต้องการสังหารเขาตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ชายผู้นั้นคือหลี่ปินนั่นเอง!

ชายหนุ่มยังเชื่อว่าหวังเป่าเล่อเพียงแต่โชคช่วยเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาคงฆ่าหวังเป่าเล่อได้ไปตั้งนานแล้ว และถือโอกาสเข้าค้นถ้ำที่เปิดออกเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี โอกาสที่หลุดลอยไปนั้นยังคงตามหลอกหลอนหลี่ปิน ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนั้น ความต้องการสังหารหวังเป่าเล่อก็จะผุดขึ้นมาในใจ

ไอ้หวังเป่าเล่อ สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจากสหพันธรัฐก็เข้าแข่งขันด้วยนี่ หวังว่ามันจะไม่โชคดีรอดไปได้อีกนะคราวนี้ หากเจอกันละก็… หลี่ปินยิ้มเยาะ เขามองสหายรอบกายอย่างภาคภูมิใจ

หลี่ปินที่มีปราณระดับกำเนิดแก่นในขั้นปลาย ถือว่าเป็นผู้เข้าแข่งขันที่แข็งแกร่งในงานนี้เลยทีเดียว ตราบใดที่เขาไม่เจอเข้ากับศิษย์เอกทั้งห้า ที่เป็นพวกผ่าเหล่าผิดมนุษย์มนา เขาเชื่อว่าตนเองคงขึ้นไปอยู่ในสิบอันดับแรกได้ไม่ยาก

นอกจากนี้เขายังรวบรวมผู้คนได้มากมาย แต่หลี่ปินเองก็รู้ว่าโอกาสที่ตนเองจะได้อยู่ในสามอันดับแรกนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะแลกเปลี่ยนกุญแจกับศิษย์เอก เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีเอาไว้!

ด้วยความคิดนี้ บวกกับความทะนงตนถึงขีดสุด หลี่ปินจึงไม่ได้สนใจกุญแจหกดอกที่กำลังมุ่งหน้ามาหาตน เขารู้แล้วว่าผู้นั้นไม่ใช่ศิษย์เอกทั้งห้าแน่นอน เนื่องจากแผนที่แสดงให้เห็นว่าทั้งห้าคนมีกุญแจมากกว่าสิบดอกแล้วในตอนนี้

คนที่กำลังมาหาเขา อย่างมากก็มีปราณขั้นปลายเหมือนกันกับเขา และจากจำนวนคนในกลุ่มที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยแล้ว คงเป็นอ้อยเข้าปากช้างเสียมากกว่า

แต่ก็ยังต้องระวังตัวอยู่ หมอนั่นมันอาจจะรวบรวมคนที่เสียกุญแจไปเหมือนข้าก็ได้ หลี่ปินเห็นแล้วว่าผู้มาเยือนเข้าใกล้เข้ามากแล้ว จึงโบกมือสั่งให้ผู้ฝึกตนรอบกายกระจายตัวออกในทันที ชายหนุ่มชูมือขึ้น ปลดปล่อยพลังปราณกำเนิดแก่นในขั้นปลายของตน เขากำลังจะเอ่ยปากพูด แต่หวังเป่าเล่อที่กำลังเดินทางด้วยความเร็วสูง ก็ปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าไกลเสียก่อน หลี่ปินจำหน้าของชายที่กำลังเข้ามาใกล้ได้ในทันที

หวังเป่าเล่อเช่นนั้นหรือ ชายหนุ่มดีใจเป็นอันมากเมื่อเห็นว่าเป็นหวังเป่าเล่อที่กำลังเข้ามาหาตน เขาเงยหน้าขึ้นระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนก้าวออกไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล พร้อมประกาศออกมาด้วยน้ำเสียงอัดแน่นด้วงแรงสังหารในทันที

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าข้าจะมาเจอเข้ากับหวังเป่าเล่อ ไอ้สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจากสหพันธรัฐเข้าได้ วันนี้ลองมาดูกันดีกว่า ว่าเจ้ามากับดวงจริงหรือไม่ และจะมีผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณเข้าสนามประลองมาช่วยไว้อีกหรือเปล่า” หลี่ปินระเบิดเสียงหัวเราะ โบกมือก่อนชีนิ้วไปที่หวังเป่าเล่อ

“ฆ่ามัน!” สิ้นคำสั่ง ผู้ฝึกตนรอบกายเขาก็ยิ้มเย้ยหยัน ในความคิดของพวกเขา ผู้ฝึกตนชั้นต่ำจากสหพันธรัฐไม่มีวันเทียบเคียงศิษย์จากสำนักวังเต๋าไพศาลได้เลย ต่อให้ฆ่ามันทิ้งก็ไม่ได้รับโทษอย่างแน่นอน เนื่องจากการแข่งขันนี้ไม่ได้ห้ามสังหารกัน ที่ยังไม่มีใครตายก็เพราะทุกคนเป็นศิษย์ร่วมสำนักและเป็นเพื่อนกันทั้งสิ้น คงไม่มีใครฆ่าแกงกันนอกเสียจากไม่มีทางเลือกจริงๆ แต่หากเป็นผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐแล้วละก็… ย่อมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง!

ผู้ฝึกตนสิบสองคนกระโจนเข้าใส่หวังเป่าเล่อ พร้อมรอยยิ้มกระหยิ่มโหดเหี้ยม

หวังเป่าเล่อฉีกยิ้มเช่นกัน เมื่อเห็นว่ามีเหยื่อพุ่งเข้ามาหาเขาเอง

เห็นทีจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไปไม่ได้… แสงสีเลือดวาบเข้ามาในแววตา ผนึกเกราะจักรพรรดิรูปเพชรบนหัวใจเขาระเบิดพวยพุ่งออกจากร่าง ทะลุผ่านผิวหนังออกสู่โลกภายนอก สิ่งนั้นไม่ใช่เกราะจักรพรรดิที่สมบูรณ์ หากแต่เป็นเส้นปราณที่เต้นเร่าอย่างบ้าคลั่ง แสงสีแดงเรืองรองอาบไล้ทั่วผืนฟ้า!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset