บทที่ 564 ลักอัคคีกลืนกิน
พวกนี้ตั้งใจจะฆ่าข้า เช่นนั้น… ข้าก็จะฆ่าเจ้าด้วยก็แล้วกัน! หวังเป่าเล่อหรี่ตา เขารู้ว่าการแข่งขันไม่ได้ห้ามการสังหาร แต่ด้วยความที่ทุกคนเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน แม้จะมาจากคนละฝ่าย การฆ่ากันก็แทบไม่เคยเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าสำหรับเขาที่มาจากสหพันธรัฐจะไม่ได้ใช้ตรรกะเดียวกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้น… ริมฝีปากของหวังเป่าเล่อก็ยกขึ้นเย้ยหยัน ดวงตาวาวโรจน์เย็นเยียบ เขาไม่ลังเลแต่ทะยานออกไปทันที หมายเข้าปะทะกับผู้ฝึกตนสิบกว่าคนที่พุ่งเข้าหาเขา
“ไอ้สวะกากเดนจากสหพันธรัฐ หายไปจากโลกนี้เสีย!”
“ฆ่ามัน!”
ศิษย์จากสำนักวังเต๋าไพศาลต่างกู่ร้องและเข้าโจมตี กระบวนเวทและวัตถุเวทมากมายลอยขึ้นในอากาศ ระเบิดพลังออกทันทีที่หวังเป่าเล่อเข้ามาใกล้
ทันทีที่พวกเขาโจมตี ร่างของหวังเป่าเล่อก็เปลี่ยนแปลงไป ร่างอัสนีอวตารที่ดูเหมือนเขาอย่างไม่มีผิดเพี้ยนแยกออกจากร่างจริง ราวกับแบ่งตัวออกมาอย่างไรอย่างนั้น!
ร่างอวตารนั้นไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่พุ่งเข้าใส่ฝูงชนเบื้องหน้า ดูดเวทและวัตถุเวททั้งหมดเขาหาตนเอง หวังเป่าเล่อตัวจริงก้าวออกมาอีกหนึ่งก้าว เกราะจักรพรรดิพลันปรากฏขึ้นนอกกายเขา เส้นปราณสีแดงสดหลายสิบเส้น ปลายแหลมเหมือนคมมีด พุ่งเข้าใส่ฝูงชนด้วยความเร็วสูง!
ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก พลังที่ฝูงศิษย์ปล่อยออกมาปะทะเข้ากับร่างอวตารของหวังเป่าเล่อ พวกเขากำลังจะเปลี่ยนการโจมตีใหม่ แต่ภายในพริบตา เส้นปราณนอกกายหวังเป่าเล่อก็พุ่งเข้าเสียบวัตถุเวทจนสลาย ทำลายกระบวนเวทเสียหมดสิ้น และพุ่งเจาะทะลุหน้าผากของผู้ฝึกตนห้าคน!
ผู้ฝึกตนทั้งห้าคนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายสั่นเทิ้ม ก่อนเหี่ยวย่นลงต่อหน้าต่อตา ร่างทั้งห้าถูกเส้นปราณสีแดงลากไปทั่วโดยควบคุมสิ่งใดไม่ได้ เกราะจักรพรรดิของหวังเป่าเล่อสะบัดร่างเหล่านั้นเร่าๆ หมุนวนไปทั่วบริเวณ
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน ตั้งแต่การโจมตีแรกจนถึงผู้ฝึกตนห้าคนถูกเสียบทะลุศีรษะนั้น กินเวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น ผู้ฝึกตนที่เหลือนิ่งอึ้งอยู่กับที่ แต่ก่อนที่จะได้ทำไร พวกเขาก็เห็นร่างของผู้ฝึกทั้งห้า ที่ถูกเส้นปราณสีแดงของหวังเป่าเล่อโบกสะบัดไปมาในอากาศนั้น เหือดแห้งไปหมดสิ้นทั้งเลือด เนื้อ และชีวิต ห้าร่างกลายสภาพเป็นศพผีดิบแห้งกรัง ที่ถูกโยนลงพื้นเสียงดังปุอย่างไร้ค่า
ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือเส้นปราณสีแดงดีดดิ้นไปมาเหมือนไส้เดือน ราวกับกำลังส่งทุกสิ่งที่ดูดกลืนมาเข้าไปในกายหวังเป่าเล่อ ภาพนี้ทำให้ทุกคนมีสีหน้าท่วมด้วยความตกใจ พวกเขาหายใจสะดุดด้วยความขนหัวลุก ก่อนรีบล่าถอยในทันที
ดวงตาของหลี่ปินแทบหลุดออกจากเบ้า ชายหนุ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ รู้สึกได้ถึกหนังหัวที่ชาไร้ความรู้สึก แต่ปราณของเขาก็อยู่ที่ระดับกำเนิดแก่นในขั้นปลาย จึงทำให้เขาจิตใจเข้มแข็งกว่าคนอื่นๆ หลี่ปินสูดหายใจเข้าลึก และกำลังจะพูดปลอบใจเพื่อนร่วมคณะ เพื่อที่จะได้ไม่เสียกำลังใจในการต่อสู้ไปกับความหวาดกลัว
แต่ก่อนที่จะได้พูดสิ่งใด หวังเป่าเล่อก็ระเบิดความเร็วขึ้นอีกครั้ง ก้าวออกมาข้างหน้า และปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในขั้นต้นคนหนึ่ง ชายหนุ่มว่องไวเสียคนคู่ต่อสู้ไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะมัวแต่ตกใจกับเหตุการณ์สยดสยองเมื่อก่อนหน้า ช้าไปเสียแล้วกว่าที่เขาจะรู้สึกตัว ยังไม่ทันได้หนี หวังเป่าเล่อก็ยกมือขวาขึ้น กระบวนเวทและวัตถุเวทกันภัยทั้งหมดรอบกายผู้ฝึกตนผู้นั้นหมดฤทธิ์ไปในทันที แรงกระแทกพุ่งเข้าปะทะหน้าผากของผู้ฝึกตนผู้นั้น!
เสียงระเบิดดังโพละเหมือนลูกแตงโมระเบิด มาพร้อมภาพศีรษะของผู้ฝึกตนคนนั้นที่ระเบิดออกเป็นเศษเนื้อและมันสมอง ร่างไร้ชีวิตตกลงกระแทกพื้น เส้นปราณสีแดงพลันพุ่งออกจากร่าง หวังเป่าเล่อไม่แม้แต่จะหันไปมองศพที่พื้นนั้น เขาก้าวอีกครั้งด้วยความเร็วพริบตา และปรากฏกายขึ้นข้างผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในขั้นกลางในทันที!
ชายหนุ่มรู้สึกว่าผู้ฝึกตนคนนี้หน้าคุ้นๆ เนื่องจากเขาอยู่ที่หน้าถ้ำด้วยในวันนั้น และแสดงความต้องการสังหารเขาออกมา ชายผู้นี้เป็นหนึ่งในสหายของหลี่ปินนั่นเอง ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในขั้นกลางไวกว่าขั้นต้นมาก ชายผู้ที่กำลังตกใจนี้ไม่ลังเลเลยขณะตะโกนออกมา
“หวัง…”
แต่ก็พูดได้เพียงคำแรกเท่านั้น แล้วสรรพเสียงก็เงียบลง เขากัดริมฝีปากตนเองก่อนกระอักเลือดออกมา เลือดนั้นไม่ใช่เลือดธรรมดา แต่เป็นอาวุธลับของเขา เลือดสีแดงฉานกลายสภาพเป็นหมอกโลหิตที่อัดแน่นด้วยพลังเวททรงพลัง และกำลังพุ่งตรงมาหาหวังเป่าเล่อ!
ทว่า… เบื้องหน้าหวังเป่าเล่อ ทุกสิ่งไร้ผล ชายหนุ่มปล่อยหมัดออกไปใส่หมอกโลหิต หมัดนั้นพุ่งทะลุหมอก กระแทกเข้ากลางหน้าอกของผู้ฝึกตนผู้นั้นเข้าอย่างจัง เสียงกระดูกแตกดังก้อง หน้าอกของเขายุบเข้าไปข้างใน ชายผู้นั้นกระอักเลือดออกมายกใหญ่ เส้นปราณสีแดงเจาะทะลุศีรษะเขา ก่อนรอยของชีวิตจะเหือดหายไปจากแววตา
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในฉับพลับ ภายในพริบตาเดียว คู่ต่อสู้สิบสามคนเมื่อก่อนหน้า… เสียชีวิตไปแล้วเจ็ดคน ในตอนนี้เหลืออยู่หกคนเท่านั้น รวมถึงหลี่ปินด้วย!
“เจ้า… เหตุใดเจ้าจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!” เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อสังหารผู้ฝึกตนตายไปเจ็ดศพด้วยวิชาประหลาด หลี่ปินก็ควบคุมอาการตัวสั่นไม่ได้อีกต่อไป เขาหายใจไม่เป็นจังหวะ หนังหัวชาหมดซึ่งสิ้นความรู้สึก ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตนเองเห็นแม้แต่น้อย
แม้ว่าตัวเขาจะมีปราณที่ขั้นปลาย แต่หลี่ปินรู้ได้ในทันทีว่าตนเองเทียบชั้นไม่ได้เลยกับหวังเป่าเล่อ กระบวนเวทของหวังเป่าเล่อทั้งประหลาดและน่ากลัว อบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งเลือดและความป่าเถื่อน หลี่ปินตัวสั่นเมื่อนึกถึงตอนที่ชี่หลินปรากฏขึ้นนอกถ้ำใต้ทะเลเพลิง ความจริงแล้วเป็นตัวเขาต่างหากที่ชี่หลินช่วยเอาไว้ในตอนนั้น ไม่ใช่หวังเป่าเล่อ!
เขารู้ในทันทีว่า หากชี่หลินไม่ปรากฏตัวขึ้นในตอนนั้นเขาคงตายไปนานแล้ว หลี่ปินรู้สึกว่าตัวเองช่างแสนโง่เขลา ที่คิดว่าคนที่โชคดีในวันนั้นคือหวังเป่าเล่อ
ช่างน่าสมเพชอะไรเช่นนี้ ในเมื่อคนที่โชคดีในวันนั้นคือเขาต่างหาก แต่แม้ชายหนุ่มจะเห็นพลังของหวังเป่าเล่อกับตาตนเองแล้ว ก็ยังยากที่จะเชื่ออยู่ดี
หมอนี่ซ่อนพลังที่แท้จริงไว้ได้แนบเนียนมาก! เขาตัวสั่นอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ลังเลที่จะหนีในทันที หลี่ปินไปได้ไม่ไกล ก่อนได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัวและความเจ็บปวด สะท้อนก้องอยู่เบื้องหลัง เสียงกรีดร้องนั้นทำชายหนุ่มอกสั่นขวัญแขวน แต่เขาก็ยังมีปราณระดับกำเนิดแก่นในขั้นปลาย ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนี้ ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงไออันตรายที่กวดเข้ามาใกล้ เขากัดฟัน กู่ร้อง ก่อนหันหลังกลับมาสร้างผนึกมือชุด!
ผนึกมายาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา กันระหว่างตัวเขากันเส้นปราณสีแดงหนึ่งเส้น เสียงระเบิดดังกึกก้องในอากาศเมื่อเส้นปราณปะทะเข้ากับผนึกมายา เส้นปราณสีแดงนั้นสั่นไหวก่อนโยกหนีไป เลือดกระจายออกจากปากหลี่ปิน ขณะที่ตัวเขาถลาไปข้างหลัง
แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนตนเองหนีรอดจากความตายไปได้ แต่กลับสิ้นหวังมากขึ้นไปอีก!
นี่ก็เพราะว่า… เส้นปราณเพียงเส้นเดียวนั้น ทรงพลังมากเสียจนตัวเขาเองต้องใช้พลังทั้งหมดในการตอบโต้กลับ แถมตัวเขาเองยังบาดเจ็บจากการปะทะนั้นด้วย หวังเป่าเล่อกำลังเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ เส้นปราณสีแดงพลิ้วไหวอยู่รอบตัวชายหนุ่ม และมีอยู่หลายสิบเส้นด้วยกัน!
ความแตกต่างระหว่างพลังของทั้งสองกว้างใหญ่เกินไป จิตใจของหลี่ปินแหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ เขากรีดร้องเสียงแหลมด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจ
“ข้าจะให้กุญแจกับเจ้า อย่าฆ่าข้าเลย หวังเป่าเล่อ นี่เป็นแค่การแข่งขันเท่านั้น ทั้งสำนักรวมถึงท่านผู้อาวุโสกำลังดูอยู่นะ”
เส้นปราณหลายสิบเส้นเคลื่อนตัวออกจากร่างหวังเป่าเล่อแทนคำตอบ มันพุ่งเข้าหาเหยื่ออย่างรวดเร็ว และเสียบทะลุทั่วร่างกายเขา หลี่ปินกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดวงตาอัดแน่นด้วยความเกลียดชังเข้ากระดูกดำ ร่างกายสั่นสะท้านก่อนแห้งเหี่ยวเหลือแต่ซาก ไร้ซึ่งลมหายใจ!
“ข้าบอกแล้วมิใช่หรือ ว่าคราวที่แล้วโชคช่วยเจ้า!” หวังเป่าเล่อพูดอย่างไร้อารมณ์ เขาโบกมือเพื่อเก็บเกราะจักรพรรดิที่ไม่สมบูรณ์กลับไปดังเดิม ร่างกายของชายหนุ่มคืนสภาพปกติ แม้จะดูเหมือนถูกสะกดอยู่ชั่วครู่ แต่ไม่นานนักสติสัมปชัญญะก็กลับมาครบ
กระบวนเวทเกราะจักรพรรดิลักอัคคีนี้ มีผลต่อจิตใจของผู้ใช้จริงเสียด้วย แต่เมื่อถอดเกราะออกแล้วก็จะหายได้เอง หวังเป่าเล่อครุ่นคิด ก่อนหันไปมองร่างไร้ลมหายใจรอบตัว
เขาสะดวกใจที่จะฆ่าคนอื่น นี่ก็เพราะอย่างแรกไม่ได้มีกฎห้ามสังหารคู่ต่อสู้ อย่างที่สอง… หวังเป่าเล่อรู้ดีว่า ตราบใดที่เขาได้ที่หนึ่ง เฟิ่งชิวหรันจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้อย่างแน่นอน หากนางไม่ทำก็ไม่ควรมาตั้งตนเป็นผู้อาวุโสของสำนัก
เมื่อคิดได้ดังนั้น หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้นมองแผนที่มุมสูง เขาหรี่ตา หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก เจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าก็ตามมาทัน ทั้งสองมองซากศพรอบกายและหันมามองหน้ากัน พวกเขาเดินเข้าไปหยิบกุญแจจากร่างไร้ชีวิตเหล่านั้นอย่างเงียบๆ มีกุญแจทั้งหมดเจ็ดดอกด้วยกัน เมื่อรวมเข้ากับหกดอกที่มีอยู่แล้ว ในตอนนี้พวกเขามีกุญแจทั้งหมดสิบสามดอก!
เมื่อกุญแจสิบสามดอกมารวมอยู่ด้วยกัน แม้จำนวนจะไม่มากเท่าศิษย์เอกทั้งห้า แต่ก็ยังเป็นการรวมตัวที่โดดเด่นออกมาบนแผนที่
เวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่ หวังเป่าเล่อเลิกมองท้องฟ้ายามราตรี เขาหันหน้ามาหาสหายทั้งสอง พยักหน้าให้ ก่อนมุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง เจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าหายใจเข้าลึก ก่อนตัดสินใจตามชายหนุ่มไป
ที่โลกภายนอกในตอนนี้ เริ่มมีคนสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากในจอแล้ว… เหตุการณ์ทุ่งสังหารของหวังเป่าเล่อ!