หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 565 นั่นมัน…กระบวนเวทสืบทอดเกราะจักรพรรดิใน

บทที่ 565 นั่นมัน…กระบวนเวทสืบทอดเกราะจักรพรรดิในตำนาน!
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ ทุกคนในลานสาธารณะแห่งสำนักวังเต๋าไพศาลไม่ได้สนใจหน้าจอของหวังเป่าเล่อและสหายแม้แต่น้อย ทำอย่างมากก็แค่กวาดสายตาผ่านไปเพื่อมองหน้าจออื่นเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ แม้ผู้ชมจะเห็นเหตุการณ์บนแผนที่ แต่หลายคนก็ไม่ได้สังเกตตอนที่กุญแจเปลี่ยนจากสามดอกกลายเป็นหก มีเพียงกลุ่มพันธุ์กล้าจากสหพันธรัฐที่สังเกตการณ์อยู่รอบนอกเท่านั้น ที่จ้องหน้าจอของหวังเป่าเล่อและพรรคพวกอย่างไม่ละสายตา

เหล่าพันธุ์กล้าเห็นกับตา เมื่อหวังเป่าเล่อพุ่งทะยานออกไปข้างหน้า โจมตีผู้ฝึกตนสามคนจากสำนักวังเต๋าไพศาล หักขาพวกเขา และชิงกุญแจสามดอกมาเป็นของตน ทุกคนตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากแต่ก็ไม่ได้กระโตกกระตาก แม้กระทั่งหลี่อี้ยังเงียบ พวกเขารู้แล้วว่ากลุ่มของหวังเป่าเล่อคือกุญแจหลักของสหพันธรัฐในการประลองนี้

หลังจากนั้น การต่อสู้ระหว่างหวังเป่าเล่อและกลุ่มของหลี่ปินก็อุบัติขึ้น พวกเขาเห็นเส้นปราณสีเลือดน่าสยดสยองและทุ่งสังหารของหวังเป่าเล่อ ภาพนั้นทำให้เหล่าพันธุ์กล้าพากันหายใจสะดุด ลุกลี้ลุกลนกันไปหมด ปฏิกิริยานั้นทำให้ศิษย์จากสำนักวังเต๋าไพศาลที่อยู่รายรอบจับสังเกตได้

กว่าศิษย์คนอื่นๆ จะเริ่มรู้สึกตัวว่าเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นและหันไปดูจอ การสังหารเลือดสาดของหวังเป่าเล่อจบแล้ว บนแผนที่ปรากฏให้เห็นจำนวนกุญแจที่กลุ่มของหวังเป่าเล่อถือครอง ที่เพิ่มจากหกเป็นสิบสาม การค้นพบนี้… ทำให้หลายคนหันมาให้ความสนใจมากขึ้น ทุกคนต่างอุทานด้วยความตกใจ!

“กุญแจของกลุ่มจากสหพันธรัฐ… เพิ่มขึ้น!”

“อะไรนะ สิบสามดอกเชียวหรือ! ตาข้าฝาดไปหรือเปล่านี่ ข้าไม่ได้สนใจเมื่อก่อนหน้านี้ พวกนี้มีกุญแจมากขนาดนี้โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้อย่างไรกัน!”

“ข้าว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแล้ว!”

เสียงอุทานแซงแซ่ด้วยความตกใจนั้น ยิ่งดึงผู้คนให้หันมาร่วมสังเกตการณ์มากขึ้นอีก ไม่นานนัก ศิษย์มากมายจากสำนักวังเต๋าไพศาลก็จับจ้องอยู่ที่หน้าจอของหวังเป่าเล่อ ทุกคนต่างตกใจกับจำนวนกุญแจสิบสามดอกนี้ ในตอนนี้… ผู้เข้าแข่งขันที่มีกุญแจมากที่สุดคือตู้กูหลิน โดยมีจำนวนเกินสี่สิบดอก!

ลำดับถัดมาคือโจวชู่เต๋าและศิษย์เอกคนอื่นๆ ที่มีกุญแจมากกว่าใครพวก โดยมีคนละประมาณยี่สิบดอก พิกัดของพวกเขาบนแผนที่ทอแสงจ้า ส่วนคณะของหวังเป่าเล่อนั้น… อยู่ในอันดับที่หก เมื่อนับตามจำนวนกุญแจ!

การสะสมกุญแจจำนวนมาในสถานการณ์วุ่นวายเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่หลายคนมองว่าฉลาด เนื่องจากจะทำให้กลายเป็นจุดสนใจมากเกินไป แม้พวกเขาจะตกใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ส่ายหน้าอยู่ลับๆ ในใจ หลายคนที่ดูถูกสหพันธรัฐแสดงอาการดูถูกเหยียดหยามอย่างเปิดเผย

ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครใส่ใจการสังหารหมู่ของหวังเป่าเล่อ เมี่ยเลี่ยจื่อเองก็เช่นกัน นี่ก็เพราะว่า… มีหน้าจอให้ดูถึงหกร้อยจอ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตั้งใจดูทุกจอได้พร้อมๆ กัน ผู้ที่สูญเสียกุญแจไปก็หายตัวไปจากแผนที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาหาที่กำบังเพื่อซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบเชียบไร้ความเคลื่อนไหว

แต่เรื่องนี้ก็เงียบอยู่ได้ไม่นานนัก โดยเฉพาะเมื่อคนเริ่มหันมาสนใจหวังเป่าเล่อมากขึ้น พวกเขาต่างต้องการทราบว่าสำนักของตนเองเสียกุญแจไปได้อย่างไร ในตอนนั้นเองที่ความสามารถในการต่อสู้ของหวังเป่าเล่อเปิดเผยสู่สาธารณชน เขาเห็นหวังเป่าเล่อพุ่งเข้าโจมตีผู้เข้าแข่งขันสี่คนอย่างรุนแรง และชิงกุญแจมาได้อีกสี่ดอก รวมทั้งหมดสิบเจ็ดดอก หลายคนดูเหตุการณ์นั้นอยู่ ไม่นานนักเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็อื้ออึ้งขึ้นกว่าเดิมในหมู่ผู้ชม

“เจ้าหวังเป่าเล่อนี่ซ่อนความสามารถที่แท้จริงของตนเองไว้!”

“หมอนี่ใช้เวลาแค่สามวินาทีในการทำลายผู้ฝึกตนสี่คน ที่มีปราณระดับกำเนิดแก่นในขั้นกลางเหมือนกัน สวรรค์โปรด!”

เมื่อฝูงชนเริ่มพูดคุยกันอื้ออึง เฟิ่งชิวหรัน เมี่ยเลี่ยจื่อ และผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณหลายคน ก็เริ่มสังเกตเห็นเหตุการณ์เหนือความคาดหมายในหน้าจอหวังเป่าเล่อเช่นกัน พวกเขาต่างตกใจถ้วนหน้า โดยเฉพาะเฟิ่งชิวหรันที่มองหน้าจอด้วยดวงตาเบิกกว้าง หน้าจอนั้นแสดงหวังเป่าเล่อและสหายที่กำลังทะยานไปข้างหน้าหาเป้าหมายต่อไป

“หวังเป่าเล่อเช่นนั้นหรือ น่าสนใจดี…” เมี่ยเลี่ยจื่อพูดออกมาโดยพลัน เขายกมือขวาขึ้นชี้ไปที่หน้าจอ ท่ามกลางจอที่แสดงภาพศิษย์จากฝ่ายเฟิ่งชิวหรัน จอของหวังเป่าเล่อขยายใหญ่ขึ้น จนกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของกระแสวน เมี่ยเลี่ยจื่อโบกมือขวาเพื่อย้อนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาพของหวังเป่าเล่อและพรรคพวกตั้งแต่เริ่มการแข่งขัน ปรากฏให้เห็นต่อหน้าทุกคนในสำนัก!

ดวงตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่จอใหญ่นั้น พวกเขาเห็นหวังเป่าเล่อโจมตีและหักขาศิษย์สามคน และการต่อสู้ระหว่างหวังเป่าเล่อกับกลุ่มของหลี่ปิน!

ทุกคนเห็นเส้นปราณสีแดงเลือดที่ระโยงรยางค์ออกมาจากกายของหวังเป่าเล่อ และการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ความรู้สึกตกใจและโกรธเกรี้ยวระเบิดในหมู่ฝูงชนในทันที หลายคนลุกขึ้นยืนและตะโกนกู่ร้อง

“นั่นมันกระบวนเวทอะไรกัน”

“มันฆ่าหมอนั่นตายเลย!”

“ผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐบังอาจมาสังหารพี่น้องจากสำนักวังเต๋าไพศาลของเรา!”

ขณะที่ฝูงชนกำลังเดือดพล่านด้วยความโกรธนั้น เหล่าพันธุ์กล้าจากสหพันธรัฐกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเช่นกัน แต่ก็ทำได้เพียงเก็บโทสะนั้นไว้ในใจ พวกเขาทำอะไรเพื่อช่วยเหลือเพื่อนพ้องของตนเองไม่ได้เลย แม้กระทั่งผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณยังมองจอนั้นด้วยสายตาเย็นเยียบ ความต้องการสังหารวาวโรจน์ในแววตา บางคนหันไปมองเมี่ยเลี่ยจื่อและผู้อาวุโสอีกสองคนด้วยความต้องการที่จะพูดบางสิ่ง แต่เมื่อเห็นความรู้สึกมากมายบนในหน้าของผู้อาวุโสทั้งสาม พวกเขาก็หยุดตนเองไว้ เฟิ่งชิวหรันผุดลุกขึ้นยืน ลมหายใจหอบด้วยความตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายวาววับ

ภาพนี้ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณที่ตั้งใจว่าจะพูดบางสิ่งในทีแรก กลับมาหยุดคิดในทันที พวกเขาไม่ได้เอ่ยอะไร แต่จับจ้องปฏิกิริยาของทั้งสามต่อไป เหล่าสานุศิษย์เองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของผู้อาวุโสทั้งสามเช่นกัน ลานทั้งลานตกอยู่ในความเงียบสงัด เมี่ยเลี่ยจื่อหายใจเร็วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนมากมาย เขาพูดเสียงต่ำ “นั่นมัน… กระบวนเวทสืบทอด… เกราะจักรพรรดิในตำนานมิใช่หรือ”

“กระบวนเวทนี้ดูแตกต่างจากที่บันทึกเอาไว้ในจารึกของเรา แต่เป็นกระบวนเวทสืบทอดสูงสุด ที่สำนักวังเต๋าไพศาลของเราบันทึกไว้ในดวงเนตรแห่งวิชาไม่รู้สิ้นไม่ผิดแน่ กระบวนเวทสืบทอดเกราะจักรพรรดิ!” ดวงตาของเฟิ่งชิวหรันวาวโรจน์ จิตใจถาโถมด้วยความรู้สึกมากมาย

“เจ้าเด็กคงได้ไปเยือนดวงเนตรแห่งวิชาไม่รู้สิ้น และได้รับโอกาสทองนี้มา ไม่เลว ไม่เลวเลยทีเดียว การที่เขาได้รับการยอมรับจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเรา แปลว่าหวังเป่าเล่อคือศิษย์แห่งสำนักวังเต๋าไพศาลที่แท้จริง!” เฟิ่งชิวหรันระเบิดหัวเราะออกมา นางสูดหายใจเข้าลึก ก่อนนั่งลงอีกครั้ง ดวงตาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพอใจในตัวของหวังเป่าเล่อที่ฉายให้เห็นบนจอใหญ่!

นางเชื่อว่านี่คือเหตุผลที่ทำให้หวังเป่าเล่อแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด!

ส่วนเรื่องการสังหารหมู่นั้น… หลังจากเงียบอยู่สักพัก เมี่ยเลี่ยจื่อก็ตัดสินใจไม่พูดอะไร เขารู้ว่าผู้ที่ได้รับการยอมรับจากดินแดนแห่งการสืบทอดและได้รับวิชามานั้น ก็เปรียบเสมือนเป็นศิษย์สืบทอดของสำนัก สำนักวังเต๋าไพศาลที่แท้จริงล่มสลายไปแล้ว มิเช่นนั้นพวกเขาจะต้องปฏิบัติตามจารีตดั้งเดิม ผู้ที่ได้รับการจารึกนามไว้บนแท่นสลักเต๋า จะได้รับตำแหน่งศิษย์สืบทอดของสำนัก หลังจากที่เดินออกจากดินแดนแห่งการสืบทอดเรียบร้อย

สถานะนี้สูงส่งกว่าพวกเขาทั้งสามเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากพวกเขาเป็นเพียงศิษย์สำนักในเท่านั้น!

แม้เมี่ยเลี่ยจื่อจะคิดร้ายกับสหพันธรัฐ แต่ความจงรักภักดีที่เขามีต่อสำนักวังเต๋าไพศาลนั้น แน่วแน่มั่นคงตราบชั่วกัลปาวสาน! แม้ตัวเขาเองจะไม่ได้มีไมตรีจิตกับหวังเป่าเล่อ แต่เมี่ยเลี่ยจื่อก็อดไม่ได้ที่จะมองชายหนุ่มอยู่เงียบๆ เขาอยากรู้… ว่าสิ่งใดในตัวชายผู้นี้ ที่ทำให้เขาได้รับวิชาสืบทอดจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น!

โยวหรันเองก็เงียบเช่นกัน เขาหรี่ตา แววเย็นเยียบวาบผ่านเบื้องลึกของนัยน์ตาชายชรา ถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิดจนมิมีผู้ใดสังเกตเห็น รอยเย็นนั้นหายไปในทันที ใบหน้าของโยวหรันยังคงเปื้อนยิ้ม ดูราวกับว่าเขาได้ถอยออกจากเรื่องทางโลกเรียบร้อยแล้ว

ผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณและศิษย์คนอื่นๆ มองผู้อาวุโสทั้งสาม และตัดสินใจได้เองว่าจะมองข้ามเรื่องการสังหารหมู่ไป พวกเขามองหน้ากันโดยไร้ซึ่งสรรพเสียง พันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐนิ่งอึ้งในความเงียบงันสักพัก ก่อนที่จะเริ่มรู้สึกมีความหวัง ปนความสับสนงุนงง

ลานสาธารณะตกอยู่ในความเงียบ ทุกสายตามองไปที่หน้าจอของศิษย์เอกทั้งห้าและหวังเป่าเล่อ

เวลาเดินหน้าผ่านไปอย่างรวดเร็วจนหนึ่งวันเวียนมาบรรจบ การเคลื่อนย้ายครั้งแรกกำลังจะเกิดขึ้น… ในเวลาสองชั่วโมงต่อจากนี้ แผนที่จากมุมสูงแสดงให้เห็นภาพของศิษย์เอกทั้งห้า ที่ปักหลักอยู่ในอาณาเขตของตน ณ มุมหนึ่งของแผนที่ กุญแจมากมายทอแสงสว่างอยู่บนแผนที่นั้น ดูเหมือนดวงดาวสุกสกาวชวนหลงใหลในท้องฟ้าสีหมึก!

ตอนนี้หวังเป่าเล่อมีกุญแจอยู่ทั้งหมดยี่สิบดอก พิกัดของเขาสว่างไสวอยู่บนแผนที่เช่นกัน เขาปรากฏเป็นดวงดาวดวงที่หกบนแผนที่ ในสายตาของผู้ที่เฝ้ามองอยู่!

โลกที่การแข่งขันกำลังดำเนินไปนั้นเงียบสงัด ยังคงมีกุญแจมากมายกระจายอยู่ทั่วแผนที่ แต่การแลกเปลี่ยนก็เริ่มชะลอช้าลงเรื่อยๆ ราวกับความสงบก่อนพายุร้ายจะมาเยือน ความเงียบงันนั้นอบอวลด้วยไอแห่งความรุนแรงบ้าคลั่ง ที่พลิกได้แม้กระทั้งแผ่นฟ้าและผืนดิน!

ผู้ชมทุกคนรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดก่อนพายุพิโรจน์ ความตึงเครียดนั้นปกคลุมกดทับความเงียบงันเอาไว้ พวกเขาทำได้เพียงจ้องไปที่หน้าจอเท่านั้น เฝ้ารอ… ให้พายุอุบัติขึ้นกวาดล้างโลกา!

ในสนามประลอง หวังเป่าเล่อกำลังยืนอยู่บนยอดเขา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองแผนที่ลอยฟ้า ดวงตาล้ำลึกด้วยความคิด เบื้องหลังของเขามีเจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าที่บาดเจ็บเล็กน้อย กงเต๋าดูปกติเหมือนที่เคยเป็น แต่ดวงตาเจ้าเยี่ยเหมิงดูดุร้ายรุนแรงขึ้นภายในครึ่งวัน

ทั้งสองจะทำหน้าที่เป็นผู้โจมตีหลักในหลายวันต่อจากนี้ เป้าหมายก็คือผู้เข้าแข่งขันที่เร้นกายอยู่ในเงามืด รอซุ่มจะโจมตีพวกเขา หวังเป่าเล่อจะยื่นมือเข้ามาช่วยก็ต่อเมื่อทั้งสองเจอคนที่ต่อกรด้วยไม่ไหวเท่านั้น นอกจากนั้น ทั้งสองจะต้องต่อกรกับศัตรูด้วยตนเอง นี่ทำให้ความกระหายการต่อสู้ของทั้งกงเต๋าและเจ้าเยี่ยเหมิงทวีความรุนแรงขึ้นรวดเร็ว!

เวลาผ่านไปสักพักโดยที่ทั้งสองไม่เอ่ยสิ่งใด ก่อนที่เจ้าเยี่ยเหมิงจะมองแผ่นหลังของหวังเป่าเล่อ พลางย้อนคิดไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดตั้งแต่เริ่มการแข่งขัน แววประหลาดฉายขึ้นในดวงตาของแม่นาง เจ้าเยี่ยเหมิงกำลังจะเอ่ยปากพูดความคิดของตนออกมา แต่หวังเป่าเล่อที่มองท้องฟ้ายามราตรีโดยหันหลังให้พวกเขาอยู่นั้น พูดขึ้นมาโดยฉับพลันเสียก่อน “เยี่ยเหมิง กงเต๋า พวกเราไป… จับปลาใหญ่กันไหม”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset