หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 567 ล้มเจ้าด้วยห้าหมัด!

บทที่ 567 ล้มเจ้าด้วยห้าหมัด!

โจวชู่เต๋านึกสงสัยดาวดวงที่หกที่ปรากฏบนแผนที่ไม่ต่างกับตู้กูหลิน แม้จะไม่สามารถส่งข้อความเสียงในสนามทดสอบได้ แต่เนื่องจากตนเป็นศิษย์เอกของโยวหรันที่เป็นกลางระหว่างการสู้กันของเมี่ยเลี่ยจื่อและเฟิ่งชิวหรัน อีกทั้งยังนิสัยดี จึงทำให้มีเพื่อนฝูงมากมาย

ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงรู้ตัวตนของดาวดวงที่หกจากคนที่เสียกุญแจไป ถึงจะทราบมาเช่นนั้นก็ยังทำใจเชื่อไม่ได้ลง พอได้มาเห็นกับตาจึงเริ่มจะเชื่อตามนั้นขึ้นมาได้ ความเคร่งขรึมฉายชัดขึ้นในแววตา

โจวชู่เต๋ามองไปทางผู้ที่เพิ่งมาถึง หวังเป่าเล่อหยุดกลางอากาศพร้อมกับกุมกำปั้นขึ้นทักทายอีกฝ่าย

“สหายแห่งเต๋าโจว!”

“สหายแห่งเต๋าหวัง จำเป็นต้องสู้กันจริงๆ หรือ ฝีมือของเจ้า…อาจจะเทียบไม่เท่าข้า” ชายหนุ่มอยากจะโน้มน้าวให้หวังเป่าเล่อเลิกล้มความตั้งใจไปด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

หลังจากหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง หวังเป่าเล่อก็พยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้น

“การต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพื่อตัวของข้า โปรดเข้าใจข้าด้วย สหายแห่งเต๋าโจว เชิญ….ลงมือได้”

“ทำไมเราต้องทำแบบนี้ด้วย…” โจวชู่เต๋าส่ายหัวพร้อมกับลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสาย สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน พลังรัศมีรุนแรงขนาดสั่นสะท้านฟ้าดินแผ่ออกมาจากร่าง!

เกิดเสียงดังสนั่น พายุพลันปรากฏขึ้นรอบตัวโจวชู่เต๋า พายุหมุนกระจายวงกว้างออกไป สร้างลมปั่นป่วนทั่วบริเวณ มองดูไกลๆ เห็นเหมือนพายุหมุนจะก่อตัวกลายเป็นกระแสลมวนที่มีชายหนุ่มเป็นจุดศูนย์กลาง

พลังที่แผ่พุ่งออกจากร่างกายโจวชู่เต๋าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ขณะกระแสลมวนพัดกระหน่ำ ในชั่วพริบตาพลังนั่นก็แผ่พุ่งไปทั่วทิศทาง ผู้ฝึกตนหลายคนที่ยืนอยู่ใกล้รีบถอยหนีไปด้วยความตื่นตกใจ ทันใดนั้นเสียงของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ ณ จุดศูนย์กลางกระแสลมวงบนยอดเขาก็ดังขึ้น

“ศิษย์น้อง อย่าเข้ามาใกล้เกินกว่าสามเมตร ถ้าอยากดู ก็จงดูอยู่ไกลๆ!”

ขณะเดียวกัน เจ้าเยี่ยเหมิงกับกงเต๋าก็มาถึง พวกเขาได้ยินเสียงแข็งกร้าวของหวังเป่าเล่อ

“เยี่ยเหมิง ตั้งวงแหวนปราณ กงเต๋า กันบริเวณนี้ไว้ อย่าให้ใครเข้ามาขัดขวางการต่อสู้ของข้ากับโจวชู่เต๋า!”

เจ้าเยี่ยเหมิงพยักหน้าพร้อมกับหยิบเอาเข็มทิศขึ้นมากางวงแหวนปราณรอบยอดเขา วงแหวนปราณที่สร้างขึ้นมีกลไกใช้ป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาใกล้เพียงอย่างเดียว หวังเป่าเล่อรู้ว่ายังมีหลายคนแอบอยู่ภายในวงแหวนปราณแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เจ้าเยี่ยเหมิงเพียงแค่เหลือบตามอง ไม่ได้ยุ่งอะไรอีก

หลังจากกางวงแหวนปราณเสร็จและให้กงเต๋าคอยคุ้มกันรอบๆ หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้รีบรุดโจมตีในทันที แต่รอให้พลังรัศมีรอบตัวโจวชู่เต๋าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระแสลมวนกลายเป็นไต้ฝุ่นพร้อมจะฉีกกระชากทุกอย่าง เห็นดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงพูดขึ้น

“สหายแห่งเต๋าโจว จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว มา…เริ่มกันเถอะ!” หวังเป่าเล่อมองโจวชู่เต๋า สายตาของทั้งคู่กลายเป็นกระบี่คมประกาศจิตวิญญาณพร้อมรบ!

พริบตาต่อมา โจวชู่เต๋าก็พาสายลมที่พัดกระจายไปรอบทิศทางพุ่งทะยานออกจากยอดเขา ชายหนุ่มเป็นดั่งเทพศักดิ์สิทธิ์ หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงรังสีรุนแรงตั้งแต่อีกฝ่ายยังไม่ทันจะเข้าใกล้ รัศมีแผ่พุ่งออกจากร่างเสียงดังส่งพลังรุนแรงทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า!

“หวังเป่าเล่อ เจ้าไม่คู่ควรเป็นศัตรูข้า!” เสียงกัมปนาทของโจวชู่เต๋าดังก้องกังวาน เป็นดังมือที่มองไม่เห็นและคลื่นปะทะเข้ากดดันหวังเป่าเล่อ

ภาพที่เห็นทำให้เจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าตื่นตกใจไป คนที่แอบดูอยู่ภายในวงแหวนปราณหายใจถี่รัว แม้แต่เหล่าผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลที่กำลังจับตามองการต่อสู้ของหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินอยู่ในลานกว้างก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กันเมื่อได้เห็นพลังกล้าแกร่งที่แผ่ออกจากโจวชู่เต๋า

ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตกใจกัน หวังเป่าเล่อก็หัวเราะขึ้นพร้อมกับก้าวออกมาประจันหน้า เขาเป็นผู้ท้ารบ มิใช่ผู้ถูกท้า จึงไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับพลังรัศมีของอีกฝ่ายเป็นได้ ทันใดที่เท้าลงเหยียบพื้น ความกระหายอยากสู้รบอันแรงกล้าก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของชายหนุ่ม!

หวังเป่าเล่อกำมือขวาแน่น พลังกายตื่นขึ้นพร้อมๆ กับแก่นในสายฟ้าและแก่นในแห่งความมืด ผสานรวมกับความกระหายอยากสู้รบส่งพลังปราณและดวงจิตอันมุ่งมั่นสะท้อนก้องกังวาน!

ปราณกังวานที่ก้องออกมาบ่งบอกว่าหวังเป่าเล่อสามารถปลดปล่อยพลังเหนือความสามารถของตนได้ตามระดับของปราณกังวาน!

หากพลังที่แผ่พุ่งออกมาจากโจวชู่เต๋าเป็นดั่งคลื่นมรสุม หวังเป่าเล่อในตอนนี้ก็เป็นเหมือนกับหน้าผาไร้เทียมทานที่คลื่นแกร่งกล้าไม่สามารถทำอะไรได้!

จะเปรียบเปรยชายหนุ่มเป็นหน้าผาก็คงจะไม่เหมาะ เพราะว่าตอนนี้หวังเป่าเล่อได้แผ่พลังรัศมีทันทีที่เท้าลงเหยียบ ก่อนจะยกมือขวาต่อยโจวชู่เต๋าที่กำลังพุ่งเข้ามาหาในอากาศ!

ระเบิดกำเนิดดวงดารา!

เสริมพลังจากปราณกังวานอีกร้อยละสิบ!

ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกัน เป็นการสู้กันระหว่างพลังรัศมีและจิตอันแกร่งกล้า คลื่นปะทะพลันระเบิดออกส่งพลังพัดกระจายและเสียงกึกก้องดังไปทั่วบริเวณ หวังเป่าเล่อหัวเราะขึ้นเมื่อเห็นดังนั้น

“โจวชู่เต๋า ข้าจะล้มเจ้าด้วยห้าหมัด เมื่อครู่เป็นหมัดแรก ต่อไป…เป็นหมัดที่สอง!” ความกระหายการต่อสู้ในดวงตาชายหนุ่มลุกโชนขึ้นกว่าเดิม ผมยาวปลิวไสวกับความดุดันในแววตา ประกอบกับพลังรัศมีแกร่งอำนาจและความกล้าในการท้าสู้กับโจวชู่เต๋าอย่างเท่าเทียมทำให้ผู้อื่นต้องหวาดกลัว!

พูดจบ เขาก็ทะยานออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนดังดาวตกเปล่งแสงรัศมีแกร่งกล้าพุ่งเข้าใส่โจวชู่เต๋า ความเร็วของชายหนุ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แหวกอากาศว่างเปล่าส่งคลื่นเสียงดังก้อง เมื่อเข้าประชิด หมัดขวาก็พุ่งทะยานไปด้านหน้าเกิดแรงปะทะขนาดเขย่าฟ้าดิน!

เสริมพลังจากปราณกังวานอีกร้อยละสามสิบ!

“ประกาศออกมาเองหรือว่าจะสู้อย่างไร น่าสนใจดี! ถ้าเจ้าทำได้ตามที่พูดก็จะเป็นการแสดงให้ทุกเห็นถึงความยอดเยี่ยมของเจ้าโดยใช้ข้าเป็นตัวอย่าง มาดูกันว่าเจ้าจะใช้ข้าประกาศศักดาได้จริง หรือว่า…จะล้มเหลวไม่เป็นท่าไป!”

ดวงตาของโจวชู่เต๋าฉายแสงวาบ ปราศจากความดูหมิ่นในแววตา พลังรัศมีปะทุออกจากกาย สัมผัสได้ถึงความเฉียบคม ตู้กูหลินยกย่องชายหนุ่มในเรื่องนี้

โจวชู่เต๋ายกมือขวาขึ้นตั้งผนึกมือและชี้นิ้วขึ้นขณะพูด ทันใดนั้นลูกไฟสีม่วงก็ปรากฏขึ้นบนนิ้วก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงและกลายเป็นทะเลเพลิงล้อมรอบกายในทันใด ทันทีที่หมัดของหวังเป่าเล่อพุ่งตรงเข้ามา ทะเลเพลิงที่ห้อมล้อมชายหนุ่มอยู่ก็กลายสภาพเป็นกะโหลกอสูรเพลิงขนาดใหญ่!

อสูรเพลิงมีลักษณะเหมือนกิเลนที่บรรยายไว้ในตำนานของสหพันธรัฐ หัวกิเลนพุ่งไปปะทะกับหมัดที่สองของหวังเป่าเล่อจนเกิดเสียงดังสนั่น

เสียงปะทะดังไปทั่วบริเวณ หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้ม ปราณโลหิตในกายปั่นป่วน หัวกิเลนที่สร้างขึ้นจากทะเลเพลิงแตกออก เผยให้เห็นโจวชู่เต๋าที่แววตาเต็มไปด้วยความกระหายการต่อสู้แบบเดียวกัน เขาตั้งผนึกมือ ปราณโลหิตในกายปั่นป่วน

“เหล็กหมาดสุญ!” โจวชู่เต๋ายกมือขวาขึ้นโบก ดวงตาฉายแสงวาบ รอบตัวหวังเป่าเล่อพลันปรากฏรอยแตกเก้าแห่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเหล็กหมาดสีม่วงเก้าเล่มพุ่งตรงเข้าใส่!

เหล็กหมาดแต่ละเล่มปล่อยพลังระดับเดียวกันกับผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในชั้นปลาย พลังรวมกันของทั้งเก้าเล่มแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในชั้นปลาย แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์ยังต้องตื่นตกใจ!

โจวชู่เต๋าไม่ได้หยุดนิ่งหลังจากปล่อยเหล็กหมาดสุญ เขาพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับชี้นิ้วเปล่งแสงเปลวเพลิงไปที่หน้าผากของหวังเป่าเล่อ!

หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงพลังที่แผ่พุ่งออกมาแต่ก็ไม่ได้ถอยหนี ไม่ได้ใช้กระบวนเวทเกราะจักรพรรดิมาป้องกันตนเสียด้วยซ้ำ ก็เหมือนกับที่โจวชู่เต๋าพูด ชายหนุ่มจะแค่ล้มอีกฝ่ายลงไม่ได้ แต่ต้องใช้ศึกครั้งนี้ในการประกาศศักดาของตนเอง!

เขาโบกมือขวาส่งแถบผ้าจากกระเป๋าคลังเวทออกมาพันล้อมรอบตัวเพื่อกันเหล็กหมาดทั้งเก้าเล่ม เสียงกัมปนาทของชายหนุ่มดังขึ้นขณะกำหมัดขวาพุ่งทะยานไปด้านหน้า!

“สหายแห่งเต๋าโจว นี่…คือหมัดที่สาม!”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset