บทที่ 581 ชักกระบี่ออกมา!
หวังเป่าเล่อผู้ที่อยู่ในขั้นกำเนิดแก่นนขั้นกลางขณะนี้เป็นผู้ที่สามารถจะบังคับให้ตู้กูหลินใช้ผนึกขั้นแรกและยังรับมือได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่ทว่า ชายหนุ่มก็ยังไม่อาจจะบีบให้ตู้กูหลินปลดปล่อยผนึกขั้นที่สองได้
ถึงกระนั้น มาบัดนี้ ทุกอย่างก็แปรเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อเมล็ดดูดกลืนได้กลืนกินและปล่อนเอาพลังออกมา หวังเป่าเล่อก็บรรลุขั้นไปสู่ขั้นกำเนิดแก่นในขั้นปลาย อีกเพียงก้าวเดียงก็จะเข้าสู่ขั้นกำเนิดแก่นในขั้นสูงสุด!
การบรรลุขั้นเช่นนี้ส่งผลอย่างมากต่อระดับกำลังกายอีกด้วย ขณะนี้หวังเป่าเล่อไม่เพียงแต่หายจากอาการบาดเจ็บเป็นปลิดทิ้งเท่านั้น แต่ยังปล่อยคลื่นกระแทกจากพลังปราณในร่างออกไปทั่วทุกสารทิศอีกด้วย
แก่นในอัสนีและแก่นในแห่งความมืดไม่อยู่ในกายเขาอีกต่อไป เพราะตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่าง รวมไปถึงดอกบัวสีเขียวเอง ก็เข้าไปอยู่ภายในเมล็ดดูดกลืน หวังเป่าเล่อยังรู้สึกถึงการมีอยู่ของแก่นในทั้งสองและสัมผัสได้ว่าพวกมันกำลังผ่านกระบวนการแปรสภาพซึ่งแม้แต่ตัวชายหนุ่มเองก็ไม่อาจจะอธิบายได้ เขารู้เพียงว่าการแปรสภาพนี้จะไม่ทำให้เขาเสียเปรียบเป็นเด็ดขาด!
กลับกัน ชายหนุ่มกลับจะได้พลังมหาศาลมาเมื่อการแปรสภาพนั้นเสร็จสมบูรณ์!
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่หวังเป่าเล่อจะต้องใส่ใจในขณะนี้ ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้น มีแววตากระหายการต่อสู้ฉาบเคลือบอยู่ในดวงตา และร่างอวตารอัสนีก็ปรากฏขึ้นมาอีกครา ไหลเลื่อนซ้อนทับอยู่บนร่างของเขาและส่งเสริมให้พลังการต่อสู้ของชายหนุ่มนั้นเพิ่มพูนยิ่งขึ้นไปอีก!
ต่อจากนั้น เกราะจักรพรรดิลักอัคคีที่ตู้กูหลินถล่มไปเมื่อครู่ก็กลับมาในชั่วพริบตา จุดตันเถียนสีโลหิตก็ปรากฏขึ้น แพร่กระจายไปทั่วและขยายให้แสงรัศมีจากกายของหวังเป่าเล่อรุนแรงขึ้นถึงสามเท่า!
ความมุ่งมั่นของเขาหลอมรวมเข้ากับพลังปราณ ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอีกเท่าทวีคูณ!
การเพิ่มพลังทั้งหมดนั้น ก่อให้เกิดรัศมีอันรุนแรงราวกับจะทำลายสรวงสวรรค์และพื้นพิภพขึ้น พลังงานอันรุนแรงนั้นเข้าไปรวมตัวกันในกำปั้นขวาของหวังเป่าเล่อ ก่อนจะพุ่งเข้าปะทะกับกำปั้นสี่อสูรของตู้กูหลินทันที!
“สลายไปเสีย!”
แผ่นดินสนั่นผืนฟ้าสะเทือน สายลมหมุนวน แรงสั่นสะเทือนสะท้อนกระจายไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางความตื่นตะลึงของผู้ฝึกตนที่รายล้อมอยู่และที่อยู่ด้านนอก กำปั้นสี่อสูรที่ดูเหมือนจะไร้เทียมทานนั้นเริ่มแหลกสลาย ส่วนแรกที่ถูกทำลายก็คืออสูรทั้งสี่ที่อยู่ภายใน วานรยักษ์ วิหคเพลิง มังกรทั้งเก้า และปลานกคุนเผิงส่งเสียงคำรามอย่างน่าเวทนา พวกมันไม่อาจจะต้านทานแรงกระแทกจากสายลมที่รุนแรงได้อีกต่อจนถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เมื่อนั้นเอง ตู้กูหลินหน้าซีดเผือดลงด้วยความตื่นตกใจ ก่อนจะถลาล่าถอยขยะที่กระอักเอาโลหิตออกมาจากปาก
ชายหนุ่มทั้งตกตะลึงทั้งคับแค้นใจ แต่ความรู้สึกเหล่านี้กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอ่อนแอแต่อย่างใด กลับทำให้ความต้องการต่อสู้ลุกโชน แม้ว่าตู้กูหลินปลดปล่อยผนึกขั้นสองได้ไม่นานนัก มิเช่นนั้นเขาอาจจะบาดเจ็บหนัก แต่ขณะนี้ ชายหนุ่มก็เลือกที่จะยอมเจ็บ!
“ผนึกขั้นที่สองจะถูกเปิดขึ้นเป็นเวลาสิบลมหายใจ!”
ขณะที่ตู้กูหลินใช้ผนึกมือและพึมพำอยู่นั่นเอง รัศมีจากกายเขาก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง เกิดเป็นพายุหมุนขนาดมหึหาที่ชายหนุ่มควบคุมได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกันก่อนหน้า พายุนั้นปลดปล่อยพลังอันรุนแรงทันทีที่ปรากฏขึ้นมาจากกายของตู้กูหลิน มีประกายเยือกเย็นสะท้อนอยู่ในดวงตา ก่อนที่เขาจะหันขวับมาอย่างรวดเร็วก่อนพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อทันที!
รัศมีอันรุนแรงราวกับจะบดบังท้องฟ้าทะลักออกมาอีกระลอก ทำให้ท้องฟ้าหมุนวนจนดูคล้ายกับลมหมุนขนาดมโหฬารที่มีตู้กูหลินที่กำลังพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อด้วยความเร็วสูงอยู่ตรงกลาง!
เมื่อเห็นว่าตู้กูหลินโจมตีอีกครั้ง ผู้ชมภายนอกสนามทดสอบต่างพากันจ้องมองนิ่งด้วยนัยน์ตาเบิกโพลง หวังเป่าเล่อยังคงสงบนิ่งอยู่เช่นเคย ชายหนุ่มจ้องมองไปยังตู้กูหลินที่กำลังพุ่งเข้ามา ก่อนจะพึมพำออกมากับตนเอง
“ข้าอยากจะรู้จริงว่า ข้าจะสามารถชักเอา…กระบี่ที่ข้าสัมผัสได้อยู่ในฝักกระบี่ตอนนี้ออกมาได้หรือไม่!” หวังเป่าเล่อยิ้มและชูฝักกระบี่ในมือซ้ายขึ้นโดนไม่มองตู้กูหลินที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึก เขาก็หลับตาลงก่อนจะวางมือขวาบนฝักกระบี่ แม้จะดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะวางมือลงบนอากาศธาตุ แต่หากว่ามีกระบี่วางอยู่ตรงนั้นจริง บริเวณที่มือขวาของหวังเป่าเล่อวางอยู่ก็คือด้ามกระบี่นั่นเอง!
วินาทีที่หวังเป่าเล่อวางมือลงไปนั้น ทุกๆ สิ่งรอบกายเขาราวกับจะมลายหายไปจนสิ้น ไม่ว่าจะเป็นตู้กูหลิน สนามทดสอบ ไม่มีสำนักวังเต๋าไพศาล ไม่มีกระทั่งดอกบัวเขียว มีเพียงกระบี่ล่องหนที่ชายหนุ่มสัมผัสได้ลางๆ จากในฝักกระบี่เท่านั้น!
กระบี่เอย จงตื่นขึ้น! ในมโนทัศน์ของหวังเป่าเล่อผู้หลับตาอยู่นั้นมีกระบี่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ชายหนุ่มจิตนาการว่าตนเองชักมันออกมา ความคิดเหล่านั้นประกอบรวมกับเป็นสัมผัสในมือขวา ก่อนที่เขาจะหมุนและดึงมือออกมา บัดนั้นเองก็มีความเปลี่ยนแปลงขึ้น!
สนามทดสอบสั่นสะเทือน กระทั่งสำนักวังเต๋าไพศาลเบื้องนอกก็ยังสั่นอย่างรุนแรง เมี่ยเลี่ยจื่อ เฟิ่งชิวหรัน และศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันผุดลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความตกตะลึง เพราะบัดนี้ กระทั่งกระบี่สำริดเขียวโบราณก็ยังสั่นไปด้วยแม้จะเพียงเล็กน้อย!
ราวกับมีแรงที่มองไม่เห็นกำลังดึงเอาตัวกระบี่สำริดเขียวโบราณออกจากดวงอาทิตย์ก็ไม่ปาน!
น่าเสียดายที่แรงนั้นไม่มีพลังมากพอที่จะดึงเอากระบี่ออกมาได้ ทำได้เพียงขยับมันเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถึงแม้ว่าหวังเป่าเล่อจะยังไม่อาจดึงกระบี่ล่องหนในฝักออกมาได้ กายเขาก็ยังอยู่ในท่าเดิมแถมยังทำให้ฝักกระบี่สั่นไหวอย่างแรง ก่อนจะปลดปล่อยเอาพลังที่แข็งแกร่งออกมา!
พลังนั้นไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาหรือสัมผัสได้ แต่ทันทีที่ปรากฏออกมา มันก็ก่อตัวเป็นเจตนารมย์แห่งกระบี่อันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทุกคนตื่นตะลึง เจตนารมย์แห่งกระบี่นั้นพุ่งตรงเข้าใส่ตู้กูหลินทันที!
แม้ว่าผนึกขั้นที่สองจะถูกปลดปล่อยออกมาแล้วและตู้กูหลินจะทรงพลังเพียงใดในตอนนี้ ตัวเขาก็ยังสั่นสะท้านอย่างเกินควบคุม ความรู้สึกเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกมานานไหลบ่าท่วมจิตใจ ท่ามกลางความตื่นตะลึง ตู้กูหลินรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าหากมุ่งหน้าต่อไป เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!
ด้วยความรักตัวกลัวตาย ตู้กูหลินจึงเลือกที่จะถอย แต่ก็สายเกินไป เมื่อหวังเป่าเล่อลืมตาขึ้นมา ก็มีประกายของกระบี่ปรากฏอยู่ในแววตา!
ประกายของกระบี่ล่องหนนั้นเบี่ยงทิศไปหาตู้กูหลินอย่างดุร้ายเหลือประมาณ ตู้กูหลินจำต้องปลดปล่อยผนึกระดับที่สามอย่างขมขื่นใจ เขาตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะไม่ใช่ผนึกนี้โดยเด็ดขาด!
เมื่อผนึกนั้นถูกปลดออก ผมของตู้กูหลินก็งอกยาว ประกายสีทองในดวงตาเขาถูกแทนที่ด้วยประการสีดำสนิท ราวกับว่าชายหนุ่มได้แปรสภาพกลายเป็นหลุมดำที่ปลดปล่อยรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวออกมา เขาใช้ผนึกมือและรวบรวมสมาธิไปที่การหยุดประกายกระบี่ที่พุ่งเข้ามาใส่!
ภาพของอสูรเทพปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา ก่อนจะส่งเสียงคำรามกึกก้องและพุ่งเข้าใส่ประกายกระบี่อย่างไม่กลัวเกรง!
ตู้กูหลินปลดผนึกขั้นที่หนึ่งแบบไม่หนักใจนัก แต่สำหรับผนึกขั้นที่สอง ชายหนุ่มปลดปล่อยได้เพียงสิบลมหายใจเท่านั้น หากนานกว่านั้น อาจจะเกิดผลร้ายใหญ่หลวงรุนแรงกับกายของเขาได้ แต่ทว่า ผนึกระดับที่สามนั้น…จะปลดปล่อยได้ก็ต่อเมื่อเคล็ดวิชาการฝึกปราณของเขาถูกผลักดันจนถึงขีดสุดเท่านั้น เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำลายเอาพลังงานที่เขาสั่งสมมา จนอาจจะทำให้เขาไม่อาจฝึกปราณต่อไปได้ ตู้กูหลินทำได้เพียงบรรลุขั้นไปก่อนเมื่อถือสันโดษอยู่เท่านั้น!
ชายหนุ่มไม่อยากจะเปิดผนึกระดับที่สามออกเลยในตอนแรก เป้าหมายของเขาคือการก้าวข้ามระดับจุติวิญญาณเข้าสู่ขั้นเชื่อมวิญญาณ แต่ทว่า ขณะนี้เมื่อความเป็นความตายเท่ากัน ตู้กูหลินจึงต้องยอมปลดผนึกขั้นที่สามออกด้วยความขมขื่นใจ!
แต่แม้ว่าผนึกขั้นที่สามจะถูกปลดออกมาแล้ว ตู้กูหลินก็ทำได้เพียงดิ้นรนชีวิตรอดจากประกายกระบี่เท่านั้น!
ประกายกระบี่พุ่งเข้าประชิดตัวตู้กูหลินอย่างฉับพลัน ก่อนจะทำลายภาพมายาของอสูรเทพราวกับสายลมฤดูใบไม้ร่วงที่พัดพาเอาใบไม้แห้งกรอบให้หลุดร่วงปลิดปลิวจากต้น แล้วปะทะเข้ากับกายของตู้กูหลินอย่างรุนแรง ชายหนุ่มกระอักโลหิตออกมากองใหญ่ ก่อนจะซวนเซและล้มหงายหลังไป ก่อนจะกลับไปยังผนึกขั้นที่สอง ประกายสีดำในดวงตากลับไปเป็นสีทอง ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เขากระอักเอาโลหิตออกมาอีกครั้งก่อนที่ผนึกระดับสองสูญสลายไป ดวงตาของเขากลายเป็นสีทองเจือจาง!
ผนึกขั้นที่หนึ่งก็สลายไปเช่นกัน รัศมีจากกายตู้กูหลินแผ่วจางไป ก่อนที่กายเนื้อของชายหนุ่มจะหล่นลงไปกระแทกกับยอดเขาโลหิต สัญลักษณ์ของตัวเขาเอง จนมันพังทลายลงไป ตู้กูหลินกระอักเอาโลหิตออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ขณะนี้อยู่ในสภาวะปางตาย เมื่อนั้นเองประกายกระบี่จึงได้อันตรธานหายไป!
ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณทั้งในและนอกสนามทดสอบ ทุกคนยืนนิ่งอึ้งปากอ้าค้าง หวังเป่าเล่อถอนหายใจเบาๆ อยู่ในอก ในที่สุดแล้วเขาก็ยังชักกระบี่ออกมาไม่ได้ นอกจากตัวเขาเองแล้วไม่มีใครรู้ว่าประกายกระบี่เมื่อครู่นั้นเป็นผลผลิตครั้งแรกของฝักกระบี่ที่สั่งสมมาเนิ่นนาน!
หากชายหนุ่มต้องการจะใช้มันอีกครั้ง เขาคงต้องให้เวลามันอีกสักพักใหญ่
เมื่อทอดถอนใจเสร็จ หวังเป่าเล่อก็เชิดหน้าขึ้นแล้วก้าวออกไปปรากฏตัวอยู่ข้างกายตู้กูหลินที่นอนแผ่หราอยู่บนพื้น พลางก้มหน้ามองอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน
ตู้กูหลินหัวเราะออกมาอย่างระทมใจพลางยกมือขวาขึ้นมาอย่างยากเย็น ก่อนจะคว้าไปทางกุญแจและหินภูเขาที่อยู่ห่างออกไป กุญแจของเขาบินไปเข้ามือหวังเป่าเล่อทันที
“เจ้าชนะแล้ว!”