บทที่ 587 การนำเครือข่ายวิญญาณไปใช้ในชีวิตประจำวัน!
ทันทีที่ข่าวนี้แพร่ออกไป ผู้ฝึกตนทั้งหมดในสำนักวังเต๋าไพศาลก็ตกตะลึงไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง สิ่งที่ตามมาก็คือการถกเถียงพูดคุยและความโกลาหลราวกับพายุเข้า
กระทั่งผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐทั้งสองรุ่นก็ยังแทบไม่อยากจะเชื่อ เมื่อได้ยินข่าว หวังเป่าเล่อเองก็อึ้งไปเช่นกัน เขาจินตนาการถึงหลี่ซิงเหวินและเฟิ่งชิวหรันยืนเคียงข้างกันอยู่ในใจ แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่าทั้งคู่ดูจะเข้ากันดีไม่ใช่น้อย
ผู้อาวุโสเฟิ่งสนับสนุนสหพันธรัฐเป็นอย่างดีตลอดมา…หรือจะเป็นเพราะหลี่ซิงเหวินกันนะ ชายหนุ่มกะพริบตา เขากลายมาเป็นคนชอบเรื่องซุบซิบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดไปถึงหลี่อู๋เฉิน…
หวังเป่าเล่อรู้ความลับมามากมายก่อนที่เขาจะขึ้นมายังกระบี่สำริดเขียวโบราณในฐานะขุนนางระดับสองชั้นรอง ในบรรดาความลับเหล่านั้น มีเรื่องของหลี่อู๋เฉินอยู่ด้วย หวังเป่าเล่อรู้ว่าหลี่อู๋เฉินเป็นเด็กที่ผู้อาวุโสสูงสุดพาลงมาจากสำนักวังเต๋าไพศาลเมื่อหลายปีก่อน
เป็นไปได้ไหมว่า…หลี่อู๋เฉินไม่ได้เป็นแต่ศิษย์ของหลี่ซิงเหวินแต่เป็น…ลูกชาย เมื่อหวังเป่าเล่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ นัยน์ตาเขาก็เบิกกว้าง ชายหนุ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้มีมูลอยู่บ้าง
แต่ทว่า ตอนนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดและกลุ่มไม่ได้อยู่ที่นี่นานพอจะให้เด็กเกิดมานี่… หวังเป่าเล่อเกาศีรษะพลางคิดไปว่าอาจจะมีกระบวนเวทบางอย่างที่ช่วยร่นระยะเวลาการตั้งท้องได้ แต่ไม่ได้ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ หวังเป่าเล่อก็มั่นใจว่าหลี่อู๋เฉินเป็นลูกชายของหลี่ซิงเหวินแน่นอน
“ใครจะไปคิดว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น…อยู่ในขั้นลมหายใจเที่ยงแท้หรือขั้นรากฐานตั้งมั่นเท่านั้นเอง แต่กลับมีลูกกับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณได้…” หวังเป่าเล่อพึมพำ ความเคารพเกิดขึ้นในใจเขา ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็เปิดห้องพูดคุยรวมของสหพันธรัฐขึ้นดู มีการส่งข้อความกันไปมายุ่งเหยิง ทุกข้อความนั้นเกี่ยวข้องกับการแต่งงานนี้
หลังจากที่อ่านไปส่วนใหญ่ หวังเป่าเล่อก็พิมพ์ข้อความส่งไปในกลุ่มด้วยอารมณ์
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุดยอดเยี่ยมไปเลย!”
คำพูดนั้นได้รับความสนับสนุนอย่างมาก ในไม่ช้า ทุกคนต่างก็เริ่มพูดเป็นทำนองเดียวกัน ต่างกันเพียงแค่ชื่อที่ใช้เรียกเท่านั้น เมื่อหวังเป่าเล่อวางแผ่นหยกเครือข่ายวิญญาณลง ชายหนุ่มก็กลับไปนั่งในถ้ำที่พักและคิดเรื่องนี้ต่อ ก่อนจะสรุปว่าอาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่ตาเห็น
ประมุขสำนักสวีกล่าวก่อนหน้านี้ว่าภารกิจที่สองของเขาคือการควบรวมเข้ากับสำนักวังเต๋าไพศาลโดยสมบูรณ์…หรือว่านี่จะเป็นขั้นแรก ยิ่งหวังเป่าเล่อคิดเรื่องนี้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจขึ้นเท่านั้น หากหลี่ซิงเหวินและเฟิ่งชิวหรันแต่งงานกัน เป้าหมายของประมุขสำนักสวีก็จะเสร็จสิ้นไปเปลาะหนึ่ง
โลกของผู้ใหญ่ช่างซับซ้อนเสียเหลือเกิน ชายหนุ่มรูปงามเช่นข้าเข้าใจได้ไม่หมด… หวังเป่าเล่อทอดถอนใจก่อนจะส่ายศีรษะ เขายกน้ำเย็นหล่อวิญญาณขึ้นจิบก่อนจะตบท้องเบาๆ
ในช่วงระยะเวลานี้ หวังเป่าเล่อก็เริ่มฝึกปราณต่อไป ประกอบกับการที่เขามีขนมกินอย่างเต็มที่ ไขมันวิญญาณก็เริ่มมาเกาะกุมที่หน้าท้องอีกครั้ง…
หวังเป่าเล่อไม่ใคร่จะกังวลกับไขมันวิญญาณเล็กน้อยเท่าใดนัก ชายหนุ่มรู้สึกว่าหากเขาสามารถจะลดน้ำหนักได้รวดเร็วเช่นก่อนหน้านี้ ไขมันวิญญาณเล็กน้อยก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เขาเพียงแต่ต้องออกแรงเล็กน้อยเพื่อเอามันออก
บางทีถ้าข้าลดน้ำหนักได้อีกครั้งหนึ่ง ข้าอาจจะบรรลุขั้นจุติวิญญาณเลยก็ได้ เมื่อคิดเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็จึงปล่อยตัวให้อ้วนกว่าเก่า เขาหยิบขนมออกมาเปิดอีกถุงและกินเข้าไปหลายคำโตๆ ยิ่งเขากินมากเท่าใด เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
น่าเสียดายที่ไม่มีน่องไก่ ไม่มีไข่ต้ม และไม่มีตีนหมู…เฮ้อ ทุกสิ่งทุกอย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ในสำนักวังเต๋าไพศาล ขาดแต่เพียงของอร่อยก็เท่านั้น…หวังเป่าเล่อส่ายศีรษะก่อนจะทำสมาธิและศึกษากระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลงขั้นที่สามและวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิลักอัคคีขั้นที่สองต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มยังเริ่มเบนความสนใจมากยังวิธีการหลอมฝักกระบี่ภายในกายให้กลายเป็นอาวุธเวท เขาใช้เวลาครุ่นคิดและค้นคว้าทุกๆ วัน
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเช่นนี้ ตามปรกติแล้ว การซุบซิบนินทาของผู้คนจะหายไปเองตามกาลเวลา แต่ทว่าไม่ใช่เรื่องการขอแต่งงานของหลี่ซิงเหวินกับเฟิ่งชิวหรัน ไม่เพียงแต่จะไม่จางไปเท่านั้น ยังมีผู้คนพูดคุยเรื่องนี้กันหนาหูขึ้นเสียอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวละครหลักคือ เฟิ่งชิวหรัน ไม่ได้ออกมาอธิบายเรื่องนี้ด้วยตนเองหลังจากความแตกตื่นครั้งแรก แม้ว่านางจะไม่ได้ตอบตกลง แต่นางก็ไม่ได้ปฏิเสธ ทำให้ทุกคนที่ตั้งตารอคำตอบนั้นยิ่งซุบซิบกันไปมากขึ้นอีก!
ในเวลาเดียวกัน ขณะที่การพูดคุยซุบซิบอย่างเร่าร้อนเรื่องของหลี่ซิงเหวินและเฟิ่งชิวหรันกำลังแพร่กระจายไปทั่วสำนักวังเต๋าไพศาล จินตั้วหมิงและประมุขสำนักสวีแห่งสำนักรุ่งสางจักรพิภพก็เริ่มมาสนิทสนทกัน ชายวัยกลางคนพาชายหนุ่มไปพบปะทำความรู้จักกับผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณแทบทุกคน รวมถึงเมี่ยเลี่ยจื่อด้วย
ประมุขสำนักสวีไม่ลืมไปทักทายโยวหรันเช่นกัน ด้วยวิธีการใดก็ตามแต่ ดูเหมือนว่าประมุขสำนักสวีจะมีความสัมพันธ์อันดีเยี่ยมกับฝ่ายบริหารระดับสูงแทบทุกคนในสำนักวังเต๋าไพศาล มีผู้ฝึกตนสตรีขั้นจุติวิญญาณหลายคนที่ดูเหมือนว่าจะมีความสัมพันธ์อันดีกับเขาด้วย
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่าใจที่สุด หลังจากที่ความสัมพันธ์นั้นดำเนินไปเช่นนี้ราวครึ่งเดือน ข่าวที่ทำเอาสำนักวังเต๋าไพศาลสั่นคลอนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผู้ที่เริ่มปล่อยข่าวคราวนี้ไม่ใช่ประมุขสำนักสวีแต่เป็น…จินตั้วหมิง!
จินตั้วเปิดเครือข่ายวิญญาณบนสำนักวังเต๋าไพศาลขึ้น!
ร้อยละสามสิบของผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐรุ่นที่สองเชี่ยวชาญด้านนี้เป็นอย่างยิ่ง ด้วยความช่วยเหลือและความร่วมมือจากพวกเขา วิทยาการของสหพันธรัฐก็ถูกนำมาเผยแพร่ยังสำนักวังเต๋าไพศาลได้สำเร็จ และเครือข่ายวิญญาณก็ถือกำเนิดขึ้น!
จำเป็นต้องกล่าวก่อนว่า ในสหพันธรัฐนั้น เครือข่ายวิญญาณเป็นผลงานที่เกิดขึ้นและถูกทำให้แพร่หลายโดยกลุ่มไตรจันทรา และต่อมาจึงได้รับการยอมรับจากสหพันธรัฐ เพราะฉะนั้น สำหรับจินตั้วหมิงแล้ว เครือข่ายวิญญาณเป็นผลงานเฉพาะของตระกูลจิน
อุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการก่อตั้งเครือข่ายวิญญาณก็คือการขัดขวางของผู้บริหารระดับสูงในสำนักวังเต๋าไพศาล แต่ด้วยเหตุผลบางประกอบ ด้วยการหว่านอ้อมของประมุขสำนักสวี สำนักวังเต๋าไพศาลกลับให้การยอมรับ!
ดูราวกับว่า การไปเยี่ยมเยียนและความสัมพันธ์ที่เขาสร้างขึ้นระหว่างเดือนที่ผ่านมาก็เพื่อเป็นการกรุยทางให้การเปิดตัวเครือข่ายวิญญาณ ในเวลาเดียวกัน ก็ดูคล้ายกับว่าจะมีการแลกเปลี่ยนบางอย่างเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามแต่ เครือข่ายวิญญาณของจินตั้วหมิงก็เปิดตัวได้สำเร็จ และแม้ว่าจะครอบคลุมระยะไม่ไกลนัก แต่ก็คลุมทั้งเกาะหลักของสำนักวังเต๋าไพศาลและเกาะข้างเคียงอื่นๆ
อุปกรณ์การใช้เพื่อเข้าถึงเครือข่ายวิญญาณนั้น จินตั้วหมิงก็นำมาแจกให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ต้นทุนนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเท่าใดนัก เขาจึงแจกอุปกรณ์ให้กับศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลแทบทุกคน ตอนแรกเริ่ม พวกเขาส่วนใหญ่ก็ดูจะไม่เห็นค่ามันนัก ขณะที่บางคนก็ไม่ชอบเอาเสียเลย มีบางคนที่ได้รับมาแล้วก็ไม่ใช้ มีศิษย์จำนวนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่สงสัยและเข้าร่วมลงสมัครเพื่อเข้าไปดูเครือข่ายวิญญาณ
ศิษย์เหล่านั้นติดเครือข่ายวิญญาณในทันทีที่เข้าไป พวกเขารู้สึกว่ามันช่างเป็นสิ่งน่าทึ่ง หน้าหลักของเครือข่ายวิญญาณนั้นเข้าใจง่ายและถูกแบ่งตามกระทู้ต่างๆ โดยจินตั้วหมิง
แม้ว่าจะมีเพียงกระทู้เดียวที่เปิดอยู่ แต่กระทู้นั้นก็ถูกใช้เพื่อกระจายข่าวและเรื่องซุบซิบ ในนั้นมีทั้งเรื่องใหญ่เรื่องเล็กที่นำมารวบรวมโดยผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐ แม้จะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังถือว่าเป็นช่องการรู้เรื่องที่เกิดขึ้นนอกสำนักโดยไม่ต้องออกจากบ้านไป
ในขณะเดียวกัน จินตั้วหมิงผู้ที่กำลังคร่ำเคร่งกับการเก็บข้อมูลก็ไม่มีเวลาเก็บแต้มการรบ แต่เขามีวัตถุดิบการหลอมจำนวนมาก สิ่งนั้นเตะตาผู้คนจำนวนมาก ทำให้มีคนมาขอแลกข้อมูลกับวัตถุดิบการหลอม ทำให้ข้อมูลบนหน้าเครือข่ายวิญญาณนั้นยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นไปอีก
จินตั้วหมิงไม่ได้ทิ้งเรื่องซุบซิบเช่นกัน เขาตั้งมั่นอยู่กับสองสิ่งเท่านั้น สิ่งแรกคือความสัมพันธ์อันคลุมเครือระหว่างหลี่ซิงเหวินและเฟิ่งชิวหรัน และอีกสิ่งก็คือการกระจายข่าวเรื่องชีวิตของหวังเป่าเล่อเพื่อใช้ความโด่งดังของชายหนุ่มในการดึงความสนใจของบรรดาศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาล
หากเพียงเท่านั้น ผู้คนก็คงเลิกสนใจเครือข่ายวิญญาณไปในไม่ช้า แต่ทว่า ในฐานะผู้สืบทอดของกลุ่มไตรจันทรา จินตั้วหมิงรู้ดีว่าจะต้องดึงความสนใจของตลาดเอาไว้อย่างไร หลังจากที่เห็นจำนวนผู้ใช้เริ่มร่อยหรอลงทุกวัน ชายหนุ่มจึงเปิดกระทู้สนทนาใหม่ขึ้นมาทันที!
กระทู้นั้นมีชื่อว่า… ‘ช่องทางการหาคู่ หาเพื่อน และความบันเทิง’!
ทันทีที่กระทู้นั้นเปิดขึ้นมา ก็ทำให้บรรดาศิษย์จากสำนักวังเต๋าไพศาลตาลุก พวกเขาเข้าไปสำรวจกระทู้นั้นอย่างสนใจใคร่รู้และจากการใช้เงินก้อนใหญ่ทุ่มลงไป จินตั้วหมิงก็ชวนหวงหยุนซาน หนึ่งในศิษย์เอกแห่งสำนักวังเต๋าไพศาลและเนื้อคู่แห่งเต๋าของโจวชู่เต๋ามาเข้าร่วมได้!
เขาเชิญนางมาในฐานะฑูตและนักโฆษณาของกระทู้สำหรับการหาคู่ หาเพื่อน หรือความบันเทิง ศิษย์ทุกคนที่เข้ามาในเครือข่ายวิญญาณก็จะได้เห็นรูปร่างอันเย้ายวนใจของหวงหยุนซาน
สิ่งนั้นดึงเอาความสนใจของผู้คนได้ในทันที เมื่อข่าวกระจายออกไป ผู้คนจำนวนมากก็เข้าร่วมทันที และจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผู้ใช้ใหม่ทั้งสิ้น!
สิ่งนี้ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกถูกคุกคามเป็นอย่างยิ่ง!