บทที่ 598 สังหารผู้ฝึกตนจุติวิญญาณ
เมื่อได้ยินประกาศของหวังเป่าเล่อ จักรพรรดิวายุทมิฬก็จิตใจสั่นสะท้านด้วยความตกใจ ชื่อของ ‘สำนักวังเต๋าไพศาล’ และตำแหน่งศิษย์สำนัก ทำให้กายและใจของมันเอ่อล้นด้วยความกลัวโดยอัตโนมัติ
ขณะที่กำลังตกใจอยู่นั้น หมัดของหวังเป่าเล่อพุ่งเข้าใส่ในทันที!
หลังจากที่จบการแข่งขันเพื่อช่วงชิงใบต้นไฮยาซิน หวังเป่าเล่อก็มีโอกาสได้ถามเฟิ่งชิวหรันอย่างลับๆ ว่าพลังการต่อสู้ของตนเองนั้น เทียบกับผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณได้หรือไม่ หากผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในคนอื่นถามนางเรื่องนี้ เฟิ่งชิวหรันคงคิดว่าช่างแสนประหลาด แต่เมื่อเป็นหวังเป่าเล่อ นางจึงไม่รู้สึกว่าแปลกแต่อย่างใด
ประมุขสำนักวังเต๋าไพศาลคนปัจจุบันตอบหวังเป่าเล่อไปตามจริง ชายหนุ่มจึงได้รู้ว่าความสามารถของตนนั้นเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณขั้นต้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าบรรลุขั้นที่สามของกระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลง ทั้งยังควบคุมปราณของตนให้เสถียรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หวังเป่าเล่อก็มั่นใจในความสามารถในการต่อสู้ของตนเองยิ่งขึ้น
หากทุ่มสุดตัวข้าก็สู้ผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณขั้นต้นได้! หวังเป่าเล่อปล่อยหมัดใส่คู่ต่อสู้ พร้อมหลับตาลง แม้ก่อนหน้านี้จะดูเหมือนเขาประกาศอะไรออกไปแบบไม่คิดหน้าคิดหลังก่อน แต่ความจริงแล้วตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ได้เดินหน้าปล้นรูปปั้นและศึกษาดู รวมถึงยังสังหารวิญญาณไปมากมาย หวังเป่าเล่ออนุมานได้เรียบร้อยแล้วว่าพลังของจักรพรรดิวายุทมิฬนั้น เกี่ยวข้องกับวิญญาณแน่นอน!
แม้ชายหนุ่มจะยังไม่แน่ใจว่าวายุทมิฬสร้างสิ่งมีชีวิตครึ่งนกนี้ขึ้นมาได้อย่างไร แต่จิตสัมผัสวิญญาณของเขา ก็รู้สึกได้ทันทีที่สิ่งมีชีวิตจากต่างดาวปรากฏตัวขึ้น ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับวิญญาณแน่นอน ยิ่งเห็นจะๆ ต่อหน้า หวังเป่าเล่อยิ่งมั่นใจมากขึ้นไปอีก
ชายหนุ่มสู้จักรพรรดิวายุทมิฬเรื่องความเร็วไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจหันกลับมาใช้กำลังต่อสู้แทน ความเหี้ยมและพลังที่สอดประสานของเขากำลังอยู่ในจุดสูงสุด ทำให้หมัดที่เกิดจากเกราะจักรพรรดินั้นรุนแรงกว่าปกติถึงสามเท่า เมล็ดแห่งการดูดกลืนในกายของชายหนุ่มระเบิดออก พลังปราณระดับกำเนิดแก่นในขั้นปลายสำแดงอำนาจพร้อมๆ กัน แก่นในแห่งความมืดสั่นอย่างรุนแรงอยู่ภายในเมล็ดแห่งการดูดกลืน ทำให้เปลวไฟสีดำก่อตัวขึ้นในร่าง เพิ่มพลังให้กับหมัดของเขาอีก หมัดนั้นทรงพลังมากเสียงจนทำให้เกิดพายุร้าย มองจากระยะไกลดูราวกับทะเลเพลิงได้อุบัติขึ้นกลางเวหา!
พายุของหวังเป่าเล่อปะทะเข้ากับพายุหมุนดำของจักรพรรดิวายุทมิฬ เสียงระเบิดกึกก้องจากแรงปะทะสะท้อนไปทั่วบริเวณ พายุสีดำเสียกระบวนท่าพัดล่าถอยไปด้านหลัง คืนสภาพกลับเป็นเจ้าของพลังอีกครั้ง คนครึ่งปักษาต่างดาวตกใจเป็นอันมาก ดวงตาอาบเคลือบด้วยความไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
พลังหมัดของหวังเป่าเล่อทำให้จักรพรรดิวายุทมิฬสั่นสะท้านด้วยความกลัวไปทั้งกายใจ พลังนั้นเลยหน้าขีดจำกัดของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในไปไกล และเทียบได้กับระดับจุติวิญญาณทีเดียว แต่สิ่งที่ทำให้นางตกใจมากที่สุด คือเปลวไฟประหลาดสีดำที่สะกดพลังอำนาจของนางเอาไว้ได้อยู่หมัด!
หากจะพูดว่าสะกดพลังคงไม่ถูกต้องนัก ในความเป็นจริงแล้ว ลูกไฟเย็นสีดำนั้นทำให้จักรพรรดิวายุทมิฬกลัวจนแทบสิ้นสติ สัญชาตญาณเบื้องลึกบอกกับมันว่าไม่ควรเข้าใกล้เปลวไฟสีดำนี้เด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!
นี่ทำให้สิ่งที่หวังเป่าเล่อประกาศเมื่อก่อนหน้า ว่าตนเองเป็นศิษย์จากสำนักวังเต๋าไพศาลนั้น ดูมีมูลความจริงขึ้นมาอย่างเสียมิได้ กระนั้นก็ยังเป็นการยากที่จะปักใจเชื่อ
“สำนักวังเต๋าไพศาลล่มสลายไปแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะเป็นศิษย์แห่งสำนักนั้น!” จักรพรรดิวายุทมิฬเอ่ยด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง ในตอนนั้นเองที่นางฉุกคิดถึงปัญหาหนึ่งที่มองข้ามไปเมื่อก่อนหน้า แล้ว… หวังเป่าเล่อมาถึงที่นี่ได้อย่างไรกัน
แต่นางก็ไม่มีเวลาคิดมากนัก หวังเป่าเล่อระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ชายหนุ่มถอยไปข้างหลัง หายใจอย่างรวดเร็ว ก่อนระเบิดพลังหมัดอีกครั้ง
นี่นะหรือคือพลังของระดับจุติวิญญาณ ดวงตาของชายหนุ่มวาววับ เขาไม่ได้รู้สึกว่าผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณนี้อ่อนแอแต่อย่างใด แต่กลับเป็นตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ สิ่งมีชีวิตต่างดาวนี้ต้านพลังหมัดของเขาได้ แม้จะมีแรงกดดันของเปลวไฟสีดำแฝงอยู่ด้วย แปลว่าหากเขาจะกำจัดผู้ฝึกตนวายุดำนี้โดยตรง ตัวเขาเองอาจตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงพลังที่แฝงอยู่ภายในกายเบื้องลึกของคู่ต่อสู้ตรงหน้า ที่ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นอยู่ภายใน
หากมันตัดสินใจโจมตีกลับ เขาไม่มั่นใจว่าตนเองจะหลบการโจนตีของมันได้พ้น ดังนั้นเพื่อให้ได้ชัยชนะมาครอบ หวังเป่าเล่อจึงต้องล่อมนุษย์ต่างดาวตนนี้ให้ปล่อยท่าไม้ตายของมันออกมาเสียก่อน… ประกายวาบเข้ามาในแววตาของชายหนุ่มอีกครั้ง เขาหยิบเอาแท่งทรงกระบอกออกมาจากกระเป๋า เสียงดังปังระเบิดพร้อมฝาของแท่งทรงกระบอกที่เปิดออก ดอกไม้ไฟพวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า!
กล่องดอกไม้ไฟนี้เป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ของหวังเป่าเล่อ สมัยที่เขายังเป็นศิษย์ในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เมื่อหลายปีก่อน เขาปรับปรุงมันเป็นครั้งคราว จนทำให้มีดอกไม้ไฟมากมายอัดแน่นอยู่ภายใน อย่างที่เห็นแสดงเด่นอยู่บนท้องฟ้าในตอนนี้ ดอกไม้ไฟนี้ทำหน้าที่เสมือนพลุสัญญาณเตะตาที่มองเห็นได้จากระยะไกล
พลุนี้ทำให้จักรพรรดิวายุทมิฬประหลาดใจเป็นอันมาก ก่อนที่จะทันได้ทำอะไร หวังเป่าเล่อก็ระเบิดหัวเราะออกมาอีกครั้ง ร่างอวตารสายฟ้าแยกออกจากร่างจริง ฝ่ามือที่โบกสะบัดเรียกเอากระบี่เหาะเหินสามสีออกมาจากกำไลคลังเวท กระบี่นั้นอยู่ในความควบคุมของร่างอวตารของชายหนุ่ม ที่พุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้เบื้องหน้าด้วยความเร็วเต็มสูบ
ร่างจริงของเขาปล่อยเอาพลังของเกราะจักรพรรดิออกมา เส้นปราณสีเลือดพุ่งกระจายด้วยความเร็วสูง กระดูกจากวิชาขั้นที่สองก็กระจายออกด้วยเช่นกัน พลังของหวังเป่าเล่อเพิ่มขึ้นอย่างมาก พร้อมด้วยความต้องการปะทะที่ชัดเจนในแววตา ชายหนุ่มกระโจนออกไปข้างหน้า เข้าประชิดตัวจักรพรรดิวายุทมิฬในทันที เขาไม่ได้เข้าโจมตีตัวคู่ต่อสู้โดยตรง หากแต่กักขังนางไว้!
เสียงระเบิดดังต่อกันเหมือนปะทัด หวังเป่าเล่อและจักรพรรดิวายุทมิฬปล่อยพลังใส่กันกลางอากาศ ร่างจำแลงของชายหนุ่มที่กำลังกวัดแกว่งกระบี่เหาะเหินสามสีนั้น ก็แข็งแกร่งไม่แพ้เจ้าของร่างตัวจริง ด้วยความที่คู่ต่อสู้ของเขามีปราณถึงขั้นจุติวิญญาณ พลังของชายหนุ่มก็ยังดูเทียบไม่ได้นัก แต่หวังเป่าเล่อก็ยังไม่ได้ใช้เปลวไฟสีดำ หรือพลังการต่อสู้ทั้งหมดที่เขามี
ทั้งสองต่อสู้กันพัลวัน จักรพรรดิวายุทมิฬเริ่มตกที่นั่งลำบากขึ้นเรื่อยๆ คู่ต่อสู้คนนี้ทำให้นางรู้ได้ถึงภัยอันตรายใหญ่หลวง โดยเฉพาะหลังจากที่คำถามว่าหวังเป่าเล่อมาถึงที่นี่ได้อย่างไร ได้รับคำตอบเป็นพลุสัญญาณที่ส่งขึ้นไปในอากาศ
ในตอนแรกนางก็ไม่เชื่อเท่าใดนัก แต่เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อพยายามดึงเวลาออกไปให้ได้มากที่สุด นางก็เริ่มเชื่อสนิทใจ!
หมอนี่ไม่ได้มาคนเดียว! จักรพรรดิวายุทมิฬเริ่มกระวนกระวาย ความกลัวปรากฏขึ้นในดวงตา นางรู้ดีว่าจะปล่อยให้หวังเป่าเล่อซื้อเวลาไม่ได้อีกต่อไป และควรรีบจบเรื่องนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด นางตัดสินใจอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล ดวงตาเบิกกว้าง เสียงกรีดร้องแหลมสูงน่าขนลุกที่ส่งออกมา รุนแรงเสียจนเหมือนจะทะลุได้ถึงวิญญาณ
เสียงแสบแก้วหูนั้นพุ่งตัดความว่างเปล่าลงเบื้องล่าง ทำให้พื้นแยกออก หวังเป่าเล่อรู้สึกเหมือนศีรษะตนกำลังจะระเบิด ร่างกายสั่นเทิ้มรุนแรง พายุหมุนอุบัติขึ้นกลางหน้าผากจักรพรรดิวายุทมิฬ ก่อนที่นกตัวเล็กจะบินออกจากพายุนั้น
นกตัวนั้นคือวิญญาณจุติของนางนั่นเอง นกน้อยถือกระบี่สีดำเล่มเล็กขนาดเท่านิ้วมือเอาไว้ กระบี่นั้นปล่อยกลิ่นอายของความโบราณออกมา ทันทีที่ปรากฏขึ้นท้องฟ้าและพื้นดินก็แปรเปลี่ยนไป ลมพายุกรรโชกแรง เมฆสั่นสะท้านปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่ง!
ภายในพริบตา นกน้อยพร้อมกระบี่ดำที่กำแน่นก็พุ่งเข้าใส่กลางหน้าผากของหวังเป่าเล่อ นี่คือท่าไม้ตายของจักรพรรดิวายุทมิฬ พลังนั้นทั้งยิ่งใหญ่ รุนแรง และยากจะคาดเดา ทรงพลังมากเสียจนสังหารผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณด้วยกันได้!
แต่แม้จะแข็งแกร่ง พลังนี้ก็ยังมีจุดอ่อน เนื่องจากพลังนี้ขับเคลื่อนได้โดยเชื่อมต่อวิญญาณจุติกับร่างของเจ้าของพลังเท่านั้น
เมื่อนกน้อยพร้อมกระบี่เล่มเล็กเข้าใกล้หวังเป่าเล่อ เปลวไฟสีดำในกายของชายหนุ่มก็ระเบิดออก พัดไปทั่วบริเวณ ก่อนโอบล้อมร่างของจักรพรรดิวายุทมิฬเอาไว้ เจ้าของร่างตกใจเป็นล้นพ้น ภายในพริบตา ร่างจริงของหวังเป่าเล่อก็พร่าเลือนสลับที่กับร่างอวตารในทันที!
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน จนคู่ต่อสู้ทำตัวไม่ถูก ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อที่มีพลังการต่อสู้เทียบเท่าตัวจริง ถูกกระบี่สีดำเล่มเล็กเสียบทะลุ ในตอนเดียวกับที่นกน้อยตัวนั้นพุ่งผ่านเปลวไฟสีดำ
แรงระเบิดดังก้องพร้อมร่างอวตารของหวังเป่าเล่อที่ดับสูญลง ร่างจริงของชายหนุ่มกลับเข้ามาแทนที่ร่างจำลองในทันที ความต้องการสังหารวาบเข้าดวงตา นี่คือเสี้ยววินาทีที่เขารอคอย ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นหยิบเอาหอกอาวุธเวทสีดำระดับเก้ามาพุ่งหลาวไปในอากาศ!
เสียงดังลั่นเหมือนความว่างเปล่าที่ถูกฉีกขาด ดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วบริเวณ หอกสีดำเร็วเหมือนสายฟ้าแลบ พุ่งเข้าใส่ร่างของจักรพรรดิวายุทมิฬในทันที!
เป้าหมายตกใจจนแทบสิ้นสติ การปล่อยวิญญาณจุติออกทำให้นางควบคุมกายหยาบได้ยาก แม้จะต้องการหลบการโจมตีนั้น แต่เปลวไฟสีดำที่ล้อมนางเอาไว้ ก็ปล่อยพลังกดดันออกมามากเสียจนหลบหนีไปไหนไม่พ้น จักรพรรดิวายุทมิฬชะงัดค้างกลางอากาศ ส่งให้หอกสีดำเสียบทะลุกลางหน้าอกนางด้วยความเร็วสูง!
เสียงกรีดร้องน่าอดสูด้วยความเจ็บปวดตามมาในทันที นกสีดำตัวน้อยบินถลาไปด้านหลัง หมายกลับคืนสู่ร่างที่จากมา นกตัวนั้นได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี ทันใดนั้น มือใหญ่ก็พุ่งออกจากร่างของหวังเป่าเล่อ พร้อมด้วยไอเย็นในดวงตาชายหนุ่ม!
หัตถ์สื่อวิญญาณ!
แม้มือนั้นจะได้รับบาดเจ็บจากกระบี่ดำประจำกายนก ที่เข้าฟาดฟันทันทีที่มันโผล่ออกมา แต่ก็ยังช่วยให้ความเร็วที่นกกลับเข้าร่างจักรพรรดิวายุทมิฬชะลอลงไปได้ ความเร็วที่ลดลงนี้ทำให้เปลวไฟสีดำกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เปลวไฟเผาไหม้ร่างของสิ่งมีชีวิตครึ่งนกจากต่างดาวทันที ส่งให้ร่างนั้นกลายเป็นเพียงเถ้าถ่านในพริบตา!
ร่างกายที่สลายหายไปต่อหน้าต่อตา ทำให้นกน้อยที่เป็นวิญญาณจุติประจำร่างหมดทางหนี ร่างกายของมันบอบช้ำจากอาการบาดเจ็บจนใกล้ดับสลาย ร่างสะบักสะบอมนั้นค่อยๆ พร่ามัวลง ดวงตาล้นด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจ มันหันหลังเพื่อหนี
จะหนีเช่นนั้นหรือ หวังเป่าเล่อพุ่งเข้าไล่ล่านกสีดำด้วยความอำมหิตเย็นเยียบในดวงตา!