หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 619 ความทรงจำของต้นไฮยาซิน

บทที่ 619 ความทรงจำของต้นไฮยาซิน
ข่าวเรื่องผู้อาวุโสสูงสุดคนที่สี่ทำเอาสำนักวังเต๋าไพศาลวุ่นวายเป็นอันมาก และความโกลาหลยังคงแพร่กระจายต่อไป เฟิ่งชิวหรันประกาศว่าพิธีแต่งตั้งจะถูกจัดขึ้นในอีกสามวันให้หลัง บริเวณภายใต้ต้นไฮยาซินนั่นเอง!

ข่าวนี้ทำให้ศิษย์จากสหพันธรัฐในสำนักวังเต๋าไพศาลทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง หลี่อี้เงียบงันผิดปกติ นางถอนหายใจพลางพยายามควบคุมอารมณ์ แม้ว่านางจะเกลียดหวังเป่าเล่อเพียงใจ แต่นางก็ไม่อาจจะปฏิเสธช่องว่างระหว่างความสามารถที่ขวางกั้นทั้งสองอยู่ได้ เรียกได้ว่าสถานการณ์มาถึงจุดที่นางไม่อาจจะเกลียดเขาได้อีกต่อไป

นางเข้าใจสิ่งหนึ่งอย่างถ่องแท้ หลังจากพิธีการแต่งตั้ง หวังเป่าเล่อก็จะกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดคนที่สี่ ชายหนุ่มจะกลายมาเป็นผู้นำของบรรดาศิษย์จากสหพันธรัฐไปโดยปริยาย!

บรรดาผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐทุกคน รวมไปถึงผู้ที่จะเข้ามาร่วมกับพวกเขาในอนาคต ก็จะล้วนตกอยู่ภายใต้การนำของหวังเป่าเล่อทั้งสิ้น พวกเขาจะกลายเป็นฝ่ายที่สี่ในสำนักวังเต๋าไพศาล ฝ่ายสหพันธรัฐ!

ในช่วงระยะเวลาสามวันต่อมา ประมุขสำนักสวีใช้เวลาส่วนใหญ่ไปที่เกาะเพลิงเขียวของหวังเป่าเล่อ เขาได้รับตำแหน่งผู้ดูแลหลักบนเกาะของหวังเป่าเล่อไปเรียบร้อย

ประมุขสวีทั้งยอมรับและรับรู้ว่าหวังเป่าเล่อมีตำแหน่งเหนือกว่า เมื่อเป็นทั้งศิษย์อุปถัมภ์แห่งสำนักวังเต๋าไพศาลและผู้อาวุโสสูงสุดที่กระทั่งผู้นำแห่งสหพันธรัฐหรือผู้นำฝ่ายการเมืองใดๆ ต่างก็ต้องให้ความเคารพเป็นอย่างมาก

“หากต้วนมู่ฉีล่วงรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน…” ประมุขสำนักสวีพึมพำกับตนเอง ชายวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพึงใจกับเรื่องนี้อยู่อย่างลับๆ แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะเคยทำลายแผนของเขาเมื่อครั้งอยู่บนดวงจันทร์โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แท้จริงแล้ว การแทรกแซงของต้วนมู่ฉีต่างหากที่เป็นต้นเหตุที่แผนของเขาต้องล้มเหลวไป

เพราะเหตุนี้ ประมุขสำนักสวีจึงแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นต้วนมู่ฉีต้องประสบเคราะห์กรรม เขายังปรับท่าทีเมื่ออยู่ต่อหน้าหวังเป่าเล่ออีกด้วย โดยการพยายามที่จะไม่ยกตำแหน่งหรืออาวุโสเข้าข่ม ประมุขสวีตอนนี้นั้นช่วยรับแขกเหรื่อที่เข้ามาเยี่ยมหวังเป่าเล่อกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งในช่วงสามวันนี้

หวังเป่าเล่อทั้งซาบซึ้งและสำนึกในความช่วยเหลือของประมุขสวีในครั้งนี้ การจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดทำให้ชายหนุ่มตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาสงสัยว่าสหพันธรัฐจะมีท่าทีเช่นไรหากเขาเดินทางกลับไปในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักวังเต๋าไพศาล

ชายหนุ่มรู้สึกมีกำลังใจขึ้นเป็นอันมาก เขายังคงรับแขกต่อไปตลอดระยะเวลาสามวัน สามวันให้หลัง พิธีการแต่งตั้งก็มาถึง!

ประชากรทั้งหมดในสำนักวังเต๋าไพศาล ประกอบด้วยผู้ฝึกตนหนึ่งล้านคน มารวมตัวกัน เป็นไปไม่ได้เลยที่เกาะหลักจะสามารถรองรับแขกเหรื่อทั้งหมดได้พอ เพราะฉะนั้น ผู้ฝึกตนจำนวนไม่น้อยจึงต้องลอยตัวอยู่กลางอากาศรอบๆ เกาะแทน สายตาทุกคู่จับต้องไปยังต้นไฮยาซินยักษ์เป็นตาเดียว!

ขณะนี้ ใต้ต้นไฮยาซินนั้นมีคนอยู่เพียงสามเท่านั้นคือเฟิ่งชิวหรัน ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน และเมี่ยเลี่ยจื่อ ทั้งสามยืนอยู่ใต้ต้นไม้ภายใต้สายตาประชาชนด้วยท่าทีขึงขัง เฟิ่งชิวหรันสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดออกมาช้า ด้วยน้ำเสียงดังสนั่นเปี่ยมด้วยอำนาจ

“ผู้อาวุโสสูงสุดหวัง โปรดก้าวออกมาข้างหน้า!”

เสียงของเฟิ่งชิวหรันดังกังวาลไปในอากาศ ไม่ว่าจะมีความรู้เช่นใดต่อเรื่องนี้ บรรดาผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณที่รายล้อมอยู่ก็พากันพูดตามนางเป็นเสียงเดียว

“ผู้อาวุโสสูงสุดหวัง โปรดก้าวออกมาข้างหน้า!”

สรรพสำเนียงจำนวนมหาศาลดังกึกก้องขึ้นและเงียบสงัดลง กำแพงเสียงน่าตื่นตะลึงสะท้อนก้องไปถึงสรวงสวรรค์ สายตาของทุกๆ คนหันไปยังยอดเขาหลักที่ปรากฏเงาร่างหนึ่งเดียวยืนอยู่

หวังเป่าเล่อสวมใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์ รูปของกระบี่สำริดเขียวโบราณที่เย็บติดอยู่กับอกส่องแสงสะท้อนไปมา ชุดคลุมของเขาดูคล้ายกับจะมีพลังประหลาดบางอย่างฉาบเคลือบอยู่ เมื่อหวังเป่าเล่อสวมใส่ชุดนี้ก็ดูราวกับว่ากายของเขาส่องแสงสว่างอันเจิดจ้าออกมาทำให้ไม่มีใครอาจจะมองไปทางเขาตรงๆ ได้

ชุดคลุมนี้เป็นสิ่งของที่สงวนเอาไว้เฉพาะผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้น ชุดคลุมเต๋าของผู้อาวุโสสูงสุด!

พิธีจะแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือหวังเป่าเล่อต้องเดินขึ้นภูเขาโดยมีทั้งสำนักเป็นสักขีพยาน เขาจะต้องไปถึงจุดในสุดของสำนักซึ่งก็คือบริเวณใต้ต้นไฮยาซิน ซึ่งเป็นจุดที่สงวนเอาไว้สำหรับผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้น!

จากนั้น ชายหนุ่มจะต้องเข้าคารวะต้นไฮยาซิน!

สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่หวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกและอารมณ์หลากหลายที่ส่งมากับสายตาเหล่านั้น ความอิจฉา ริษยา สับสน และอื่นๆ แล้วก้าวขึ้นไป ชายพุ่งตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า ไปถึงยอดเขาภายใต้สายตานับพันที่จ้องมอง และมาถึงหน้าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสาม เขายืดตัวตรงและมองไปยังทั้งสาม

ผู้อาวุโสทั้งสามจ้องตอบ เมี่ยเลี่ยจื่อรู้สึกกระอักกระอ่วนและไร้พลัง เฟิ่งชิวหรันมียินดีอย่างจริงใจ ขณะที่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันนั้นนิ่งสงบอย่างยิ่ง เขามีรอยยิ้มอ่อนโยนฉาบเคลือบอยู่บนใบหน้า และสายตาที่จ้องมองหวังเป่าเล่อนั้นก็เปี่ยมไปด้วยกำลังใจ

หวังเป่าเล่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตะหงิดๆ กับศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ชายหนุ่มไม่อาจจะบอกได้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน

“ผู้อาวุโสหวัง โปรดทำความเคารพต้นไฮยาซินเสีย ให้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นพยาน ว่าท่านจะกลายมาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดคนที่สี่แห่งสำนักวังเต๋าไพศาลโดยสมบูรณ์!” เฟิ่งชิวหรันพูดอย่างเนิบช้าด้วยสีหน้าจริงจัง

หวังเป่าเล่อผงกศีรษะ ชายหนุ่มหันกลับไปมองบรรดาศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนของสำนักวังเต๋าไพศาลที่รายล้อมตัวเขาอยู่ เขามองเห็นดวงตาทุกคู่ที่จับจ้องมองมา จากนั้น จึงหันกลับมาจ้องมองต้นไฮยาซินขนาดยักษ์ที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า

ต้นไม้นี้นับเป็นต้นไม้ดึกดำบรรพ์ กาลเวลาได้ฝากร่องรอยแตกหักเอาไว้มากมายบนเปลือกไม้ที่ทั้งหนาและขรุขระ ราวกับว่าต้นไม้นี้เองก็เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักที่ดำรงอยู่มานานแสนนาน ที่เป็นทั้งผู้ปกปักรักษาและสักขีพยานแห่งความรุ่งโรจน์ของสำนักวังเต๋าไพศาลไปพร้อมๆ กัน

หวังเป่าเล่อจ้องมองต้นไฮยาซินก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ชายหนุ่มก้าวขาเข้าไปหาต้นไม้ยักษ์และยกมือขึ้นคารวะก่อนจะโค้งคำนับลงต่ำ ท่ามกลางสายตาของศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลที่รายล้อมอยู่

ทันทีที่ชายหนุ่มทำการคารวะนั้น ต้นไม้ก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง ท้องฟ้าและพื้นพิภพสั่นสะเทือน อากาศกลับหยุดนิ่งรวมถึงหมู่เมฆที่หยุดการเคลื่อนไหวไปจนสิ้น วงแหวนปราณแห่งสำนักวังเต๋าไพศาลปรากฏขึ้นและทะเลเพลิงที่รายล้อมอยู่โดยรอบก็โหมคลั่ง ราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง

ทุกๆ คนมีสีหน้าตื่นตะลึง ผู้ที่ชั่งใจว่าจะยอมรับหวังเป่าเล่อในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดคนใหม่ก็พากันนิ่งงันไปสิ้น ต่างพากันจับจ้องมองดูหวังเป่าเล่อด้วยความตื่นตะลึงราวกับไม่เชื่อสายตาตนเอง

“ปราณกังวานของเขาเข้าไปเชื่อมต่อกับต้นไฮยาซินได้!”

“เขาถึงกับควบคุมวงแหวนปราณของสำนักได้เชียวหรือ!”

“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นเป็นของจริง!”

สถานการณ์คล้ายคลึงกันนี้เกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้วเมื่อหวังเป่าเล่อนำตราประจำตัวของเขาออกมาแสดงเป็นครั้งแรก แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ได้เห็นฉากนั้น ทำให้ไม่มีการตื่นตกใจเกิดขึ้นมากนัก มาบัดนี้ เมื่อทุกคนได้เห็นเองกับตา พวกเขาก็เต็มตื้นขึ้นมาจนเหลือจะกล่าว

ปราณกังวาลที่หวังเป่าเล่อเข้าถึงร่วมกันกับต้นไฮยาซินนั้นยิ่งใหญ่กว่าครั้งที่ผ่านมา ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามยืนอยู่ใกล้ต้นไม้ที่สุดและมีระดับพลังปราณสูงที่สุด พวกเขาทั้งสามสัมผัสถึงการเชื่อมต่อระหว่างทั้งคู่ได้ชัดเจน

ทั้งสามมีสีหน้าตกใจ หวังเป่าเล่อตัวสั่นอย่างรุนแรง ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงดวงจิตประหลาดที่แยกตัวออกมาจากต้นไม้ มันลื่นไหลเข้าไปยังกระเป๋าคลังเก็บของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะเข้าไปในตราประจำตัวศิษย์อุปถัมภ์ที่อยู่ภายใน!

ราวกับว่าดวงจิตนั้นกำลังตรวจสอบอะไรบางอย่าง ไม่นานนัก มันก็จากมา ต้นไฮยาซินดูเหมือนว่าจะรู้ถึงสถานะของหวังเป่าเล่ออย่างแน่ชัด มันจึงเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นไปอีก ก่อนที่ดวงจิตดวงเดิมนั้นจะพุ่งเข้าไปในใจของหวังเป่าเล่อ ก่อนจะฉายภาพมากมายขึ้นในศีรษะของเขา

หวังเป่าเล่อมีสีหน้าตกใจ ชายหนุ่มมองเห็นภาพมากมาย…หรืออาจจะเรียกได้ว่าเขาได้เข้าไปอยู่ในความทรงจำของต้นไม้ยักษ์ หวังเป่าเล่อมองเห็นเฟิ่งชิวหรันยืนอยู่หน้าต้นไม้เช่นเดียวกับเขานี้ แต่ในอดีต!

นางดูสาวกว่าตอนนี้ แถมยังอุ้มทารกคนหนึ่งเอาไว้ในอ้อมแขน!

เฟิ่งชิวหรันทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าต้นไฮยาซิน ด้วยสีหน้าสับสน นางพึมพำอยู่เงียบๆ ต่อหน้าต้นไม้ใหญ่!

ลมหายใจของหวังเป่าเล่อเริ่มรัวเร็ว มีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล ชายหนุ่มเริ่มจับใจความของเสียงพึมพำจากเฟิ่งชิวหรันได้…

“ข้าแต่ต้นไฮยาซินโบราณ ตระกูลไม่รู้สิ้นลอบจู่โจมพวกเราระหว่างการเดินทาง บรรดาผู้อาวุโสเจ็บหนักและเร้นกายไปจำศีล กระบี่สำริดเขียวโบราณเองก็หลุดออกจากเส้นทาง เข้าสู่ดินแดนหนึ่งที่รู้จักกันในนามระบบสุริยะ ในระบบจักรวาลนี้มีอารยธรรมอยู่ชื่อว่าสหพันธรัฐ พวกเขาค้นพบเศษด้ามกระบี่และได้เข้าสู่ยุคแห่งการฝึกปราณ…ข้าอยากจะนำทางพวกเขาสู่เส้นทางแห่งการฝึกตน และเมื่อพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาก็จะมาช่วยเหลือตอบแทนวังเต๋าไพศาล…สำนักวังเต๋าไพศาลก็จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลนี้ได้อย่างสมบูรณ์และลงหลักปักฐานเสียใหม่ พวกเราจะได้อยู่รอดและเติบโต และเริ่มปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งอารยธรรมของเราขึ้นใหม่ ณ ที่แห่งนี้!

“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าสงสัยว่าอาจจะยังมีเศษซากของตระกูลไม่รู้สิ้นแอบแฝงอยู่ ณ วังเต๋าไพศาลแห่งนี้ ข้าจะหาพวกมันให้พบทั้งหมดเอง!

“เป็นเหตุว่าทำไม…ข้าจึงไม่กล้าเก็บเด็กคนนี้ไว้กับตัว ข้าอยากจะส่งเขาไปกับบรรดาผู้มาเยือนจากสหพันธรัฐ ข้าหวังจะให้เขาเติบโตขึ้นที่นั่น

“เด็กคนนี้สำคัญกับข้านัก ข้าเป็นคนเดียวในสำนักวังเต๋าไพศาลนี้ที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา เขาก็คือ…ผู้ที่กลับชาติมาเกิดจากศิษย์แห่งสำนักเต๋าคนก่อน อู๋เฉิน เขาจะได้ความทรงจำทั้งหมดของเขากลับมาเมื่อเขาบรรลุขั้นเชื่อมวิญญาณ ข้าไม่กล้าให้เขาใช้ชีวิตอยู่ต่อไป ณ สำนักวังเต๋าไพศาล โปรดอนุญาตให้ข้าส่งเขาไปจากที่นี่ด้วยเถิด!

“ได้โปรดออกผลหนึ่งลูกหากท่านอนุญาต…”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset