สามวันต่อมา หวังเป่าเล่อก็เตรียมการเสร็จเรียบร้อย ด้วยกองกำลังหุ่นเชิดและทรัพยากรพรั่งพร้อม ชายหนุ่มได้หลอมวัตถุเวทแผ่นกลมขึ้นมากว่าหมื่นชิ้น!
วัตถุเวทพิเศษเหล่านี้เชื่อมต่อกับวงแหวนปราณเป่าเล่อผู้ยิ่งใหญ่ขนาดย่อม หน้าที่ของพวกมันมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือการตอบโต้ปราณมืดและดูดซับปราณมืดออกจากผู้ฝึกเคล็ดเวทอายุวัฒนะทุกคน!
วัตถุเวทเหล่านี้ยังมีคุณสมบัติการเสาะหา ที่ช่วยให้พบผู้ฝึกตนซึ่งมีปราณมืดอยู่ในร่างได้ง่ายขึ้น สำหรับผู้ฝึกตนที่ฝึกเคล็ดเวทนี้มาเป็นเวลานานอาจจะรู้สึกเหนื่อยอ่อนหรือกระทั่งบาดเจ็บเมื่อปราณมืดถูกดึงออกจากร่าง ถึงกระนั้น ความเสี่ยงนี้ก็จำกัดอยู่เฉพาะกับผู้ที่ฝึกเคล็ดเวทอายุวัฒนะไปจนถึงระดับสูงแล้วเท่านั้น หาไม่แล้วก็จะไม่ได้รับผลกระทบเท่าใดนัก อาจเพียงรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาชั่วคราวเท่านั้น
หวังเป่าเล่อวางแผนจะใช้วัตถุเวททั้งหมื่นชิ้นนี้ในการสำรวจทั้งนครและสลายปราณมืดออกไปให้สิ้น ชายหนุ่มเลือกใช้วัตถุเวทเหล่านี้มากกว่าจะใช้วงแหวนปราณเป่าเล่อผู้ยิ่งใหญ่ เขาชั่งน้ำหนักแล้วว่าไม่ควรใช้วงแหวนปราณพร่ำเพรื่อ หากปล่อยเอาไว้ ปราณมืดในวงแหวนปราณจะกระจายตัวกันอยู่ แต่หากหวังเป่าเล่อเริ่มใช้งานมันเมื่อใด…อาจเป็นการเพิ่มความเร็วให้วงแหวนปราณถูกปราณมืดครอบงำและเกิดความเสียหายได้
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาชนิดถอนรากถอนโคน หวังเป่าเล่อเลือกที่จะใช้งานวงแหวนปราณหลังจากกำจัดปราณมืดทั้งหมดออกไปจากประชากรแล้วเท่านั้น เมื่อแน่ใจว่าแหล่งพลังที่ส่งปราณมืดเข้าไปยังวงแหวนปราณได้รับการจัดการแล้ว เมื่อนั้นเขาจึมั่นใจที่จะลงมือกำจัดปัญหาโดยสมบูรณ์
หลังจากที่เตรียมการเสร็จเรียบร้อย หวังเป่าเล่อก็ออกคำสั่งแรกในฐานะเจ้าเมืองหลังจากกลับมา เขาไม่ได้ปรึกษาหลี่หว่านเอ๋อร์หรือนายกเทศมนตรีคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ ชายหนุ่มมีสิทธิขาดในการตัดสินใจยามฉุกเฉิน!
“เคล็ดเวทอายุวัฒนะเป็นวิชามาร การฝึกเคล็ดเวทดังกล่าวจะมีผลทางลบต่อร่างกายของผู้ฝึก พลังชั่วร้ายนั้นจะดูดกลืนพลังชีวิตไปราวกับเป็นยาพิษ หากไม่ได้รับการรักษา มันจะทำให้ป่วยไข้และเป็นอันตรายต่อร่างกาย!”
“ทุกๆ เขตจะได้รับวัตถุเวทชุดแรกที่จะช่วยดึงพลังลบจากเคล็ดเวทอายุวัฒนะออกมาจากกาย ผู้ฝึกตนจงเข้ามารับการรักษาโดยทั่วกัน!”
“โปรดฟังอีกครั้ง เคล็ดเวทนี้เป็นวิชามาร ผู้ที่ยังดึงดันจะฝึกฝนต่อไปจะตกอยู่ในอันตรายและถือเป็นการทำผิดกฎหมาย ผู้ที่สอนเคล็ดเวทนี้จะมีโทษหนักขึ้นไปอีก!”
หลังจากที่คำสั่งนั้นแพร่ออกไป ก็มีหมายจับผู้ฝึกตนสามคนแรกที่ริเริ่มการฝึกเคล็ดเวทนี้ออกไปพร้อมๆ กัน หลี่หว่านเอ๋อร์และคนอื่นๆ ต่างก็พากันตกตะลึง หวังเป่าเล่อส่งคำสั่งที่สองออกไปแทบจะในคราวเดียวกัน
“กงเต๋า หลินเทียนหาว จินตั้วหมิง เวินไหว ฟางจิ้ง เฉินมู่!
“พวกเจ้าทั้งหกจงมารับวัตถุเวทไปในทันที พวกเจ้าทุกคนรับผิดชอบเขตของตนเอง ตามตัวผู้ฝึกเคล็ดเวทอายุวัฒนะและกำจัดสัญญาณของวิชามารจากร่างพวกเขาเสีย ให้เวลาหนึ่งวันในการจัดการสะสางเรื่องนี้ นี่เป็นคำสั่ง! วิชานี้เป็นวิชามารชั่วช้า มันทำลายอภิมหาวงแหวนปราณดาวอังคาร พวกเจ้ารู้ดีว่าหากเราหยุดมันไม่ได้ผลจะเป็นเช่นไร!
“หลี่หว่านเอ๋อร์ เจ้ามีหน้าที่ควบคุมดูแลภารกิจนี้รวมไปถึงการสอบสวน ข้าต้องการให้กำจัดเคล็ดเวทนี้ออกจากนครให้ได้ภายในวันพรุ่งนี้! หากว่าเกิดเหตุไม่คาดฝัน พวกเจ้าไม่มีสิทธิมากล่าวโทษข้าหากข้าจะทำการใดๆ ต่อไป ปัญหานี้เกิดขึ้นในขณะที่ข้าไม่อยู่!”
หลินเทียนหาวและคนอื่นๆ ต่างพากันตกใจเมื่อได้รับข้อความเสียงอย่างต่อเนื่อง มีเพียงจินตั้วหมิงเท่านั้นที่รับมือด้วยความเยือกเย็น ทุกคนที่เหลือมีท่าทีเคร่งเครียด โดยเฉพาะหลี่หว่านเอ๋อร์ นัยน์ตาของนางหรี่ลง นางไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อย รีบรุดนำคนของตัวเองออกตรวจงานทันที
เขตต่างๆ รีบมารับวัตถุเวทที่หวังเป่าเล่อหลอมขึ้นอย่างว่องไว ปฏิบัติการนี้เป็นการกวาดล้างปราณมืดขนานใหญ่ ในขณะเดียวกัน หวังเป่าเล่อก็นั่งทำสมาธิอยู่ในที่พัก เขาหลับตาก่อนจะจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิด ชายหนุ่มส่งข้อความขอร้องอย่างสุภาพไปยังผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าที่ถูกส่งมาคุ้มกันเขา ท่ามกลางความโกลาหลนี้ ภารกิจของพวกเขาคือตามหาผู้เริ่มฝึกเคล็ดเวททั้งสามโดยใช้หมายจับ… และพยายามหาตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไปด้วย!
กิจกรรมค้นหาและทำลายเกิดขึ้นทั่วทั้งนคร รวดเร็วราวกับฟ้าผ่า การตอบโต้ของหวังเป่าเล่อครั้งนี้รุนแรงอย่างยิ่ง เริ่มแรกเขาประกาศว่าเคล็ดเวทอายุวัฒนะเป็นวิชามาร ข้อนี้ทำให้ผู้ฝึกตนแทบทั้งหมดตกใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าการฝึกวิชามารในสหพันธรัฐนั้นมีโทษร้ายแรง!
หวังเป่าเล่อยังบอกอีกว่าการฝึกวิชานี้ส่งผลร้ายรุนแรงต่อร่างกายผู้ฝึก วิชามารจะดูดกลืนเอาชีวิตไป ราวกับพิษร้ายที่แพร่กระจายไปทั่วร่าง ยากยิ่งที่จะขจัด ข้อนี้จะช่วยเพิ่มความตื่นกลัวให้ผู้ฝึก พวกเขาไม่เพียงหยุดฝึกเท่านั้น แต่ยังจะรู้สึกกลัวและกระวนกระวายใจด้วย
ตอนที่พวกเขากำลังรู้สึกกังวลอยู่นั่นเอง หวังเป่าเล่อก็จะมอบแสงแห่งความหวัง ได้แก่วัตถุเวทที่แจกจ่ายไปให้แต่ละเขตเพื่อรักษาอาการ ความหวังในช่วงเวลาอับจนนี้ เพียงพอที่จะผลักดันให้ผู้ฝึกตนที่เฉยเมยอออกมารับช่วยเหลือ ทำให้ง่ายต่อการตามตัวเหล่าผู้ฝึกตนมากยิ่งขึ้น
ด้วยคำสั่งที่แยบยลเหล่านี้ หากยังมีผู้ฝึกตนที่ไม่ยอมปฏิบัติตาม หวังเป่าเล่อก็ยังได้ส่งคำเตือนอันหนักแน่นไปในคำสั่งอีกด้วย ซึ่งได้แก่หมายจับผู้ฝึกตนทั้งสามนั่นเอง!
การปฏิบัติการสายฟ้าแลบเกิดขึ้นทั่วทั้งนคร การห้ามฝึกเคล็ดวิชาและการค้นหาผู้ฝึกตนดำเนินไปในทุกเขต มีผู้ฝึกตนมากมายเลือกเข้ามาหาเจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง
การค้นหาดำเนินต่อไป เหล่าผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าก็จดบันทึกเบาะแสต่างๆ ที่พบเจอเอาไว้ พวกเขาเริ่มตามรอยและไล่ล่าผู้อยู่เบื้องหลังเหตุครั้งนี้
ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหมดนี้ หวังเป่าเล่อไม่ได้ปรากฏกายออกมามีส่วนร่วมแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ในที่พัก เขารวมกายเข้ากับวงแหวนปราณและกำลังเฝ้ารอเวลาที่ต้นตอของปัญหาจะถูกกำจัด แล้วจึงค่อยแก้ไขปัญหาที่ฝังตัวอยู่ในวงแหวนปราณ
หวังเป่าเล่อได้เตรียมการเรื่องอื่นเอาไว้ด้วย ชายหนุ่มมอบหมายให้กงเต๋าและจินตั้วหมิงส่งผู้คุ้มกันและผู้ติดตามของทั้งสองมายืนรักษาความปลอดภัยรอบที่พัก เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้บงการลอบโจมตีเขา ผู้ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการดำเนินการในครั้งนี้
เวลาผ่านไป คำสั่งของหวังเป่าเล่อแพร่กระจายไปจนทั่ว หลี่หว่านเอ๋อร์เองก็เข้าใจสถานการณ์ดี นางจึงสั่งให้มีการค้นหาและสืบสวนต่อไป ในที่สุดกลางดึกคืนนั้นเอง การค้นหาทั่วนครก็เป็นอันเสร็จสิ้น ผู้ฝึกเคล็ดเวทอายุวัฒนะแทบทุกคนได้รับการขจัดปราณมืดออกจากร่างจนหมด
หลี่หว่านเอ๋อร์ยังนำกลุ่มผู้ฝึกตนเข้าไปยังเขตปกครองตนเองและออกค้นหาเหล่าผู้ฝึกตนด้วยตัวเอง เฉินมู่ ผู้ซึ่งไม่ได้พากเพียรทำตามคำสั่งนัก ก็ค้นหาภายในเขตปกครองตนเองเสร็จเรียบร้อยในที่สุด
กงเต๋ากับหลินเทียนหาวเป็นคู่ที่ทำงานได้อย่างประณีตที่สุด การค้นหาในเขตของพวกเขานั้นละเอียดยิ่งกว่าละเอียด กระทั่งจินตั้วหมิงก็ยังเทียบไม่ติด โดยเฉพาะกงเต๋านั้นถึงกับส่งข้อความเสียงไปหาหวังเป่าเล่อตอนกลางดึก เพื่อรายงานว่าไม่มีผู้ฝึกเคล็ดเวทอายุวัฒนะหลงเหลืออยู่ในเขตของตนแล้ว ผู้ฝึกตนทุกคนปราศจากปราณมืดในกายโดยสมบูรณ์!
หวังเป่าเล่อได้รับรายงานจากกงเต๋าก่อนใคร รายงานจากหลินเทียนหาวและคนอื่นๆ ตามมาติดๆ และพอหลี่หว่านเอ๋อร์รายงานสถานะของสามเขตปกครองตนเอง หวังเป่าเล่อจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ เขาต้องรอคอยต่อไป
สองชั่วโมงผ่านไป เขาได้รับข้อความเสียงจากเหล่าผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า
“พวกเราจับกุมคนร้ายทั้งสามไว้ได้แล้วขอรับ แต่ยังหาตัวคนต้นคิดไม่พบ หลังจากการสอบสวน เราพบว่าทั้งสามคนนั้น…เป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น!”
หวังเป่าเล่อได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้ากลัดกลุ้ม ทั้งที่เขาทำการใหญ่แถมยังทำลายแผนของอีกฝ่ายลงได้ภายในวันเดียว คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ควรจะต้องตอบโต้แท้ๆ ไม่ว่าจะด้วยการลอบโจมตีเขาหรือด้วยวิธีการอื่นๆ ฝ่ายนั้นควรจะทิ้งร่องรอยเอาไว้บ้าง และด้วยจำนวนผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในที่ตามหาอยู่ในขณะนี้ การตามรอยนั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก พวกเขาควรตามรอยและจับคนผู้นั้นได้แล้วแท้ๆ
ใครจะไปคาดคิดว่าเรื่องจะลงเอยเช่นนี้…
หากไม่ใช่เพราะคนวางแผนนั้นซ่อนตัวตั้งแต่เริ่มเกิดความวุ่นวาย ก็แปลว่าเขาไม่ได้สนใจหากแผนนี้จะถูกทำลาย…หรือว่าเขาบรรลุจุดประสงค์ไปแล้วกันแน่ หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่งแต่ก็ยังไม่มีคำตอบ เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะครุ่นคิด หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจเข้าลึกและเปิดวงแหวนปราณที่ห่อหุ้มนครทั้งหมดเอาไว้ วงแหวนปราณตื่นขึ้นและเริ่มชะล้างปราณมืดที่ซ่อนอยู่ในตัวให้หมดไป!
นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าคนวางแผนแล้ว มาลองดูกันซิว่าเขาจะยังควบคุมตัวเองได้อีกไหม! หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าเมื่อวงแหวนปราณชำระตนเองเสร็จ มันก็จะกลับไปอยู่ในสภาพปลอดภัยเช่นเดิม แม้จะเกิดความเสียหายอยู่บ้าง แต่รากฐานของวงแหวนนี้ก็แข็งแกร่งนัก หมายความว่าความพยายามของอีกฝ่ายที่จะทำลายมันจะสูญเปล่าไปโดยปริยาย
นี่เป็นเหตุผลที่หวังเป่าเล่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องเคลื่อนไหวในเวลานี้แน่ และได้เตรียมการรับมือเอาไว้แล้ว และเป็นเช่นที่ชายหนุ่มได้ทำนายไว้จริงๆ แต่ผิดแผกไปเล็กน้อย..ชายชุดดำไม่ได้ขัดขวางความพยายามของหวังเป่าเล่อที่จะชำระวงแหวนปราณ แต่ตอนนั้นเอง อีกฝ่ายก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเหนือที่พักของหวังเป่าเล่อ!
บุรุษผู้นั้นยืนอยู่กลางอากาศ สวมชุดคลุมสีดำ ร่างของเขามองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแต่กลับไม่มีใครรับรู้ได้ ราวกับว่าชายผู้นี้ไม่มีตัวตนกระนั้น
ดวงตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าสีดำนั้นส่องประกายอย่างน่าสะพรึงกลัว ราวกับว่าสามารถมองทะลุผ่านกำแพง เข้าไปถึงห้องลับภายในที่พักของหวังเป่าเล่อ และจ้องเขม็งไปยังชายหนุ่มที่นั่งสมาธิอยู่ได้!
“คนผู้นี้คือบุตรแห่งความมืดจริงๆ หรือ” ชายในชุดคลุมสีดำพึมพำ ดูลังเลใจ แต่ผ่านไปพักหนึ่งก็ดูเหมือนตัดสินใจได้ เขายกมือขวาขึ้นและชี้นิ้วตรงไปยังหวังเป่าเล่อ
“คงต้องลองดูจึงจะรู้!”