หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 647 ด้านใน!

บทที่ 647 ด้านใน!
หวังเป่าเล่อยังคงใจเต้นไม่หยุดเมื่อหุ่นเชิดที่ส่งออกไปก่อนหน้าแหลกละเอียดไปโดยปราศจากสัญญาณเตือนใดๆ เหมือนว่ามีพลังเข้าบีบขยี้จนแหลกเป็นผุยผง!

ตามมาด้วยพลังประหลาดที่ตามรอยจิตเชื่อมโยงระหว่างเขาและหุ่นเชิดไปจนพบชายหนุ่มที่ซ่อนอยู่ในรอยแตก หวังเป่าเล่อรีบหนีทันที ความอบอุ่นพลันหายไป อิทธิฤทธิ์วิชาพันชีวิตคลายลง ชายหนุ่มหายวับไปไกล หลบหนีจากพลังทำลายล้างที่ตามล่ามาได้สำเร็จ

พอมั่นใจว่าหนีจากพลังทำลายล้างมาได้พ้นแล้ว เขาก็หยุดพิงผนัง หอบหายใจแรง หัวใจเต้นถี่รัว ภัยอันตรายในที่แห่งนี้ช่างเกินกว่าจะคาดคิด ตั้งแต่ละอองดอกไม้มิติมายา ทุกสิ่งที่พบเจอมา จวบจนการโจมตีครั้งล่าสุด หวังเป่าเล่อต้องพบกับภัยร้ายไม่หยุดหย่อน!

นี่ยังแค่เพียงชั้นแรก…เรือบินรบนี่ช่างยิ่งใหญ่ ให้ทำลายวังเต๋าไพศาลในปัจจุบันทิ้งคงเป็นเรื่องกล้วยๆ แต่ก็แปลก…ถ้าทรงพลังขนาดนี้ ทำไมถึงได้ส่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือออกมานะ หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว เฟิ่งชิวหรันและพวกสำนักวังเต๋าไพศาลอาจจะโดนหลอกเอาก็เป็นได้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าใครกันที่เป็นคนส่งเสียงขอความช่วยเหลือ หลังจากนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกตนเอง ชายหนุ่มก็อดหรี่ตาอย่างสงสัยไม่ได้

เสียงร้องขอความช่วยเหลือนั่นต้องการดึงทุกคนให้เข้าไปหา เช่นนั้น อาจเป็นไปได้ว่า…ถึงแม้เรือบินรบจะทรงอำนาจสามารถคุมอสูรร้ายกาจมากมายได้ แต่แท้จริงแล้วมีข้อจำกัดอยู่มากเช่นกัน เป็นไปได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ขึ้นมาบนเรือบินรบจะถูกกักขังอยู่ในโลกใบนี้ ไม่สามารถออกไปได้ หรือไม่ก็เรือบินรบลำนี้ต้องการเชื้อเพลิงพิเศษในการทำงาน! ชายหนุ่มมีข้อมูลไม่เพียงพอจึงเดาอะไรไม่ได้มาก ถึงจะเป็นแค่การเดาลอยๆ แต่เขาก็รู้สึกว่าตนกำลังมาถูกทางแล้ว

ถ้าเป็นอย่างแรก แสดงว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้น่าจะทำไปเพราะต้องการจัดการกับเหล่าผู้ฝึกตนทรงอำนาจของสำนักวังเต๋าไพศาล แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง ก็หมายความว่าเขาจะใช้พวกเราเป็นเครื่องสังเวย ถ้าไม่ฆ่าก็คงทำให้เราตกอยู่ในการควบคุม! หวังเป่าเล่อหน้าเคร่งเครียดขึ้น เขาเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะออกสำรวจรอบๆ

ชายหนุ่มปัดความกังวลเรื่องเจ้าเยี่ยเหมิงกับกงเต๋าทิ้งไปและเริ่มตรวจสอบเส้นทางเบื้องหน้า เขาสูดหายใจลึก จากนั้นก็ค่อยๆ เดินหน้าไปทีละนิดท่ามกลางเสียงบดที่ดังก้องอยู่รอบตัว ชายหนุ่มตั้งใจจะตรวจสอบดูว่าทางอีกเส้นจะมีทางออกอยู่หรือเปล่า

เวลาผ่านไป หวังเป่าเล่อเดินไปตามทาง พบกับทางตันอยู่หลายครั้ง ต้องเดินกลับไปหาทางใหม่ เขาระวังตัวอยู่ตลอดเวลาจึงปล่อยหุ่นเชิดตัวหนึ่งออกไปสำรวจทางตรงหน้าว่ามีภัยอันตรายหรือไม่ จากนั้นก็ปล่อยกองทัพหุ่นเชิดออกมาแยกตรวจทางหลายๆ เส้นพร้อมกันเพื่อเลือกหาทางที่ดีที่สุด

เกือบหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป เป็นเวลาเที่ยงวันพอดีตอนที่หวังเป่าเล่อหยุดเท้า ดวงตาพลันหรี่เล็กลง ใบหน้าเริ่มซีดเผือดเมื่อเห็นบางสิ่งผ่านแวบไปจากวิสัยทัศน์ของหุ่นเชิดตัวหนึ่ง

หุ่นเชิดตัวนั้นอยู่บนทางที่ห่างจากเขาไปไม่ไกล ปลายทางเส้นนั้นมีทะเลสาบกว้างใหญ่ เหนือทะเลสาบมีดอกไม้ขนาดใหญ่หนึ่งดอก!

ดอกไม้สีม่วงห้อยมาจากด้านบน บานสะพรั่งกินพื้นที่เกือบสามสิบเมตรและเปล่งแสงดูชั่วร้าย ของเหลวสีม่วงไหลหยดจากดอกไม้ลงสู่ทะเลสาบเบื้องล่าง!

ใต้ทะเลสาบมีตัวตนหลายสิบนั่งขัดสมาธิอยู่ พวกเขามีสามหัว หกมือ เปล่งพลังรัศมีทรงพลัง ไร้ซึ่งสัมผัสพลังชีวิต แต่ก็ไม่มีสัญญาณบ่งบอกความตาย ราวกับว่าถูกผนึกให้หลับใหลอยู่ในห้วงความว่างเปล่า

ทั่วร่างมีบาดแผลเหวอะหวะเต็มไปหมด ของเหลวในทะเลสาบเหมือนจะมีพลังช่วยรักษา บาดแผลบนร่างกายที่จมอยู่ใต้ทะเลสาบค่อยๆ ได้รับการฟื้นฟู!

แม้จะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ก็แน่ชัดว่าพวกเขากำลังฟื้นฟูตนเองอยู่!

หวังเป่าเล่อเป็นกังวลขึ้นมาเมื่อได้เห็นเช่นนั้น เริ่มระแวดระวังมากขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณที่แผ่ออกมาจากเหล่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้น คนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มมีพลังเทียบเท่ากับเมี่ยเลี่ยจื่อ

ชายหนุ่มไม่ได้กระทำอะไรหุนหันพลันแล่น เขาเรียกหุ่นเชิดกลับด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็ตรวจรอยแยกอื่นๆ ต่อ ผ่านไปพักใหญ่ หวังเป่าเล่อก็ต้องตื่นตะลึงเมื่อได้พบกับทะเลสาบกว่ายี่สิบแห่งในโม่หินนี้!

ไม่รู้ว่ายังมีทะเลสาบที่ยังไม่พบอีกมากเท่าใด เขาพบว่าทะเลสาบแต่ละแห่งมีดอกไม้สีม่วงขนาดใหญ่ห้อยลงมาทุกที่ ของเหลวที่หยดลงมาในทะเลสาบช่วยฟื้นฟูร่างกายเหล่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้น!

หัวใจหวังเป่าเล่อเต้นถี่รัวด้วยความตื่นกลัว โชคดีที่มีกองทัพหุ่นเชิดอยู่ เขาเลือกเส้นทางด้วยความระมัดระวังมากขึ้นเมื่อได้พบกับดอกไม้พวกนี้ การค้นหาอย่างต่อเนื่องนำชายหนุ่มไปพบกับลำต้นและท่อลำเลียงของดอกไม้!

ลำต้นของดอกสีม่วงแต่ละดอกฝังลึกอยู่ในผนังหิน นอกจากนี้ยังนำไปสู่ท่อลำเลียงขนาดใหญ่!

ชายหนุ่มปล่อยหุ่นเชิดออกไปตรวจสอบให้กว้างขึ้น ผ่านไปสองสามวัน เขาก็พบท่อลำเลียงขนาดใหญ่ที่ปลายเส้นทางสายหนึ่ง ท่อลำเลียงตรงหน้ามีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวประมาณสามสิบเมตร ชั้นโปร่งใสด้านนอกนุ่มมือเมื่อสัมผัส หากเข้าไปดูใกล้ๆ จะพบกับกองเลือดเนื้อแหลกละเอียดกำลังเคลื่อนตัวผ่านท่อลำเลียงไป!

ภาพเบื้องหน้าทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตะลึงไป ในหัวเริ่มนึกภาพโม่หินขนาดใหญ่บดโครงกระดูกจนแหลกละเอียดและส่งผ่านเข้าไปในท่อลำเลียง ก่อนจะแตกย่อยไปตามลำต้นที่เชื่อมต่อกับโถงแต่ละแห่ง ดอกไม้สีม่วงในโถงก็จะบานออกสร้างของเหลวมีฤทธิ์ช่วยฟื้นฟู

ดูจากขนาดของโม่หินแล้ว น่าจะมีท่อลำเลียงแบบนี้อยู่มากมายเลยทีเดียว หากมีแค่สายเดียวยังพอจะหาต้นทางแล้วยัดพิษใส่ ฆ่าล้างบางทีเดียวให้หมดได้… หวังเป่าเล่อถอนใจขณะจ้องมองท่อลำเลียงเบื้องหน้า จริงๆ ก็ไม่ได้มีสารพิษแบบที่ว่าอยู่หรอก ถึงจะมีแค่สายเดียวก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะตามหาต้นทางได้อยู่ดี หากทำอะไรพลาดไปแม้แต่นิดอาจทำให้พวกตระกูลไม่รู้สิ้นตื่นขึ้นมาได้ กลายเป็นขุดหลุมฝังตัวเองแทน

เขาถอนหายใจพร้อมกับโยนความคิดนั้นทิ้งไป พยายามเก็บความอึดอัดใจไว้และเริ่มตรวจสอบท่อลำเลียงเบื้องหน้า ผ่านไปพักใหญ่ หวังเป่าเล่อก็กัดฟันแน่น คิดว่าท่อลำเลียงตรงหน้าน่าจะเป็นโอกาสเดียวที่จะหาทางออกได้

หากเดินทางผ่านท่อลำเลียงก็จะช่วยให้ไปถึงส่วนลึกสุดของโม่หินได้ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะสามารถหาทางหลบหนีออกไปจากเรือบินรบลำนี้ได้ นี่เป็นทางออกเดียวที่ชายหนุ่มพบหลังจากใช้เวลาสองอาทิตย์อยู่ในที่เฮงซวยนี่

ดวงตาของชายหนุ่มฉายแววมุ่งมั่นขณะเดินเข้าไปใกล้และเอาตัวแนบติดกับท่อลำเลียงนุ่มนิ่ม จากนั้นก็กดตัวหนักขึ้นจนจมหายเข้าไปในท่อลำเลียง แต่ก็ติดอยู่แค่เพียงตรงชั้นนอก ยังไม่สามารถเข้าไปในท่อลำเลียงได้ เขาสัมผัสได้ถึงเศษเลือดเนื้อที่เคลื่อนตัวผ่านและได้กลิ่นคาวเลือดรุนแรง

หวังเป่าเล่อไม่ใช่คนขี้ขลาด เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเริ่มมุดตัวเข้าไปในท่อลำเลียงอย่างไม่ลังเลใจ จมหายเข้าไปเจอกับหินยื่นขวางทาง ชายหนุ่มมุ่งหน้าต่อไปอย่างระมัดระวังบนทางที่ยังไม่พบอันตรายใดๆ

ไม่รู้ว่าเดินมาได้ไกลเท่าไหร่แล้ว แต่กว่าจะเดินมาถึงปลายทางก็ผ่านไปสามวัน เหมือนว่าท่อลำเลียงจะนำทางมาสู่โลกใหม่ที่มีแสงส่อง

ชายหนุ่มตื่นเต้นเมื่อได้เห็นแสงสว่าง รีบเร่งฝีเท้าพร้อมกับหายใจถี่รัว เมื่อใกล้ถึงปลายทาง เขาก็ชะลอฝีเท้าลงและปล่อยหุ่นเชิดออกมาตรวจบริเวณด้านนอกก่อน โลกส่องสว่างพลันปรากฏแจ่มชัดผ่านสายตาหุ่นเชิด!

หวังเป่าเล่อตาเบิกกว้างเมื่อได้เห็นภาพเบื้องหน้า

ที่แห่งนี้คืออะไรกันแน่

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset