บทที่ 659 หัตถ์สื่อวิญญาณและนิมิตหมุนวน!
พลังของหมื่นภัยพิบัติและพันชีวิต ทำให้โยวหรันรู้สึกได้ถึงอันตรายจากสภาพแวดล้อมรอบกายภายในถ้ำแห่งนี้!
ความเป็นปฏิปักษ์แผ่ออกจากบรรดาเศษนิ้วที่ไหลบ่าออกจากเสาค้ำ และจากก้อนหินมากมายที่พร้อมจะพุ่งเข้าอัดเขา รวมถึงจากพลังของชุดคลุมที่แยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าใครคือมิตรใครคือศัตรู
ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันนิ่งอึ้งอยู่กับที่ รู้สึกได้ว่าปรากฏการณ์ตรงกันข้ามกับตนกำลังเกิดขึ้นกับหวังเป่าเล่อ ทุกสิ่งในถ้ำหมุนวนรอบความต้องการของหวังเป่าเล่อทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเสาค้ำ ทะเลสาบทองคำ แม้กระทั่งชุดคลุมออกศึกเองก็เลิกต่อต้านการดูดพลังของชายหนุ่ม และส่งพลังทั้งหมดที่มันมีไปให้ชุดเกราะของเขาได้ดูดซึมอย่างอิ่มเอมเสียแทน เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เหลือเชื่อและแปลกประหลาดมากเหลือเกิน
สิ่งที่แย่ที่สุดคือ หวังเป่าเล่อกล้าเรียกเขาด้วยชื่อที่หมายเหยียดหยามเขาให้จมดิน ทำให้เขารู้สึกขมคอ หมอนั่นทำแม้กระทั่งยกตนเป็นบิดาเขาเสียด้วยซ้ำ ดวงตาของโยวหรันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ดูเหมือนกำลังจะสติหลุดใกล้บ้า เขากู่ร้องเสียงหลง ปล่อยพลังปราณเชื่อมวิญญาณของตนเองออกและทะยานไปข้างหน้าหมายเข้าชน ท่ามกลางบรรยากาศรอบกายที่อาฆาตมาดร้ายตน เขาตั้งใจต่อสู้กับทุกสิ่งในถ้ำแห่งนี้ ตั้งใจจะทำลายหวังเป่าเล่อให้สิ้นซากเสีย
โยวหรันมาจากตระกูลไม่รู้สิ้นและมีพลังปราณที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเคยแข็งแกร่งกว่านี้ในอดีต แต่พลังปราณที่ตัวเขาส่งออกมาในตอนนี้ ท่ามกลางบรรยากาศโหดร้ายจากอำนาจของกระบวนเวทหมื่นภัยพิบัติ ก็ยังอาบไปด้วยแรงสังหารอย่างเต็มเปี่ยม
ม่านตาของหวังเป่าเล่อหดแคบลง เขาสร้างผนึกมือชุดและชี้ไปที่โยวหรันอีกครั้งหนึ่ง
“หัตถ์สื่อวิญญาณ!”
โยวหรันกรุยทางเอาไว้ให้หวังเป่าเล่อเรียบร้อยแล้ว โดยการกำจัดสิ่งกีดขวางจำนวนมากและต่อสู้กับแรงต้านจากชุดคลุมออกศึก จนมาหยุดอยู่ห่างจากหวังเป่าเล่อไปสามร้อยเมตรได้ในที่สุด จิตใจของเขาเดือดปุดด้วยความโกรธเกรี้ยว มือขวายกขึ้นหมายเปลี่ยนหวังเป่าเล่อให้กลายเป็นเศษเนื้อ ในตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มพูดสองคำนั้นออกมา…
เสียงของหวังเป่าเล่อสะท้อนไปทั่วถ้ำ ประคำสื่อวิญญาณบนข้อมือของเขาเรืองแสงจ้า ควันสีดำพวยพุ่งออกจากลูกประคำ ก่อนเปลี่ยนสภาพไปเป็นมือขนาดยักษ์กว้างหลายร้อยเมตร!
ปีศาจหน้าตาน่ากลัวห้าตนผูกติดอยู่กับนิ้วทั้งห้า ต่างพากันคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวขณะที่มือนั้นพุ่งเข้าใส่โยวหรัน มือนั้นทะลุผ่านร่างของเขาไป แต่หวังเป่าเล่อก็เห็นได้ชัดเจนว่ามีเงาดำหนึ่งซ้อนทับกับร่างของโยวหรันอยู่ เงาดำนั้นก็คือวิญญาณของเขาซึ่งหลอมรวมกับวิญญาณจุติเองนั่นเอง!
วิญญาณนั้นหลอมรวมเข้ากับวิญญาณจุติของโยวหรันมาหลายปีจนนับไม่ถ้วน จนแทบจะกลายเป็นหนึ่ง มือยักษ์คว้าเอาวิญญาณดวงนั้นออกจากร่าง และดึงออกมาได้ถึงครึ่งร่างในที่สุด!
ดวงวิญญาณของโยวหรันพร่ามัว แต่ใบหน้าของเจ้าของวิญญาณกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง โยวหรันตกใจเป็นอันมาก เขาไม่ได้คาดคิดว่าหวังเป่าเล่อจะมีกระบวนเวทที่ยอดเยี่ยมและทรงพลังเช่นนี้เอาไว้ในครอบครอง!
หากหวังเป่าเล่อทรงพลังมากกว่านี้ เขาจะไม่ต้องใช้ลูกประคำในการปลุกกระบวนเวทนี้แม้แต่น้อย แต่สามารถควบคุมอำนาจของมันได้ดังใจนึก ในตอนนั้น ชายหนุ่มจะกลายมาเป็นก้างชิ้นใหญ่แน่นอน ต่อให้หวังเป่าเล่อไม่ได้มีพลังปราณสูงเท่าโยวหรัน ก็ยังจะอันตรายมากอยู่ดี
แต่ตอนนี้…ชายหนุ่มยังต้องพัฒนาตนเองอีกมาก เมื่ออันตรายมาจ่ออยู่ตรงหน้า โยวหรันก็ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเอง แต่ต่อสู้เพื่อขยับร่างกายให้เป็นอิสระด้วยการกัดลิ้นเรียกสติ ดวงตาของเขากลายเป็นสีเลือด ความเจ็บปวดและเลือดในปากทำให้เขาปล่อยกระบวนเวทบางอย่างออกมาได้
ร่างทั้งร่างกลายเป็นสีแดง พร้อมด้วยคลื่นพลังปราณน่ากลัวที่สาดออกมา ตามด้วยลมหมุนขนาดยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นภายใน ลมหมุนนั้นพุ่งเข้าใส่วิญญาณของเขา และค่อยๆ ลากมันกลับเข้าไปยังร่างดังเดิม
ในตอนที่วิญญาณของโยวหรันกำลังจะกลับเข้าร่าง และกำลังจะหลอมรวมกับวิญญาณจุติและกายเนื้อของเขาได้อย่างไม่ค่อยเสถียรนั้นเอง ประกายอำมหิตก็วาบเข้ามาในดวงตาหวังเป่าเล่อ เขาตะโกนก้องพร้อมสร้างผนึกมือชุด!
“นิมิตหมุนวน!”
หัตถ์สื่อวิญญาณนั้นมีไว้เพื่อทำให้วิญญาณตกใจ ส่วนนิมิตหมุนวนมีไว้เพื่อล่อวิญญาณให้ออกจากร่าง!
ลูกประคำรูปดาวลูกสุดท้ายบนข้อมือเขาเริ่มทอแสงจ้าทันทีที่หวังเป่าเล่อประกาศสองคำนั้นออกไป พลังยิ่งใหญ่ที่อยู่รายรอบตัวทั้งสองเริ่มไหลวนเป็นกระแส!
ราวกับว่าพลังนี้เกิดขึ้นจากแก่นของชีวิต และมาจากสถานที่ลึกลับที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ หวังเป่าเล่อไม่ได้เข้าใจมากว่ากำลังเกิดสิ่งใดขึ้น ตั้งแต่ก่อนเกิดยุคกำเนิดวิญญาณ สหพันธรัฐได้พิสูจน์เรียบร้อยแล้วว่าความฝันของคนเรานั้นมีอำนาจลึกลับเพียงใด แต่ครั้งโบราณกาลมนุษย์พบเจอกับเรื่องประหลาดอย่างปรากฏการณ์เดจาวู ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้น เคยเกิดขึ้นมาก่อนในฝันของเรา
แต่สหพันธรัฐก็ยังสรุปได้เพียงคร่าวๆ เท่านั้นว่าปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไรหลังจากโลกเข้าสู่ยุคกำเนิดวิญญาณ ต้นกำเนิดของมันมาจากพลังลึกลับที่อยู่รอบกายเรา พลังนั้นสะท้อนกับส่วนลึกภายในวิญญาณสิ่งมีชีวิตทุกชนิด จนเกิดเป็นภาพสะท้อนประหลาดที่ฉายออกจากภายในจิตใจ
หากมีใครนำพลังนี้มาใช้งานได้ ก็เปรียบเสมือนคนผู้นั้นได้บรรลุวิชาแห่งเต๋าผ่านทางความฝัน ผู้นั้นจะสามารถควบคุมแก่นของความฝันได้ และจะสามารถใช้อำนาจที่คล้ายคลึงกับนิมิตมืดได้!
นิมิตหมุนวนนี้ก็มีพลังที่คล้ายคลึงกัน แม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่จนแผ่อำนาจได้เป็นวงกว้าง แต่ก็แข็งแกร่งพอควบคุมอาณาเขตเล็กๆ ได้ หลักการของมันคือการดึงเอาพลังลึกลับจากโลกแห่งความฝัน มาหมุนเป็นวงแหวนรอบกายคู่ต่อสู้ที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันนั่นเอง!
วงแหวนหนึ่งวงคือความฝันหนึ่งเรื่อง ส่วนวงแหวนสองวงคือฝันซ้อนฝัน พลังขีดจำกัดของมันคือการสร้างฝันซ้อนฝันเก้าครั้ง ทำได้แม้กระทั่งควบคุมทุกสิ่งในโลกแห่งความฝัน และสังหารคนในฝันได้ด้วยเช่นกัน!
แต่พลังปราณที่ไม่มากพอของหวังเป่าเล่อ ก็ทำให้นิมิตหมุนวนปล่อยพลังถึงขีดสุดไม่ได้ แม้จะส่งพลังปราณจำนวนมากเข้าไปในลูกประคำแล้วก็ตามที ชายหนุ่มก็ทำได้เพียงสร้างวงแหวนแห่งความฝันขึ้นมาหนึ่งวงเท่านั้น!
กระบวนเวทที่หวังเป่าเล่อปล่อยออกมานี้ สร้างผลึกมากมายที่เข้ารายล้อมโยวหรันอย่างไร้สุ้มเสียง ผลึกเหล่านั้นดูเหมือนเป็นภาพลงตา แต่เมื่อดูใกล้ๆ ก็จะพบว่ามีตัวตนอยู่จริง ผลึกค่อยๆ สร้างวงแหวนขึ้นรอบกายเป้าหมาย!
ดูเหมือนว่าโยวหรันจะไม่รู้ตัวว่าวงแหวนผลึกกำลังก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างอยู่รอบตัวเขา เนื่องจากกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะดึงวิญญาณของตนเองกลับเข้าที่ รวมถึงความทรงพลังของตัวกระบวนเวทนิมิตหมุนวนเองด้วย!
ภายในพริบตา วงแหวนผลึกแก้วก็ล้อมเข้าไว้เป็นที่เรียบร้อย โยวหรันสะดุ้งสุดตัวก่อนหมดสติไป เขาลอยเท้งเต้งอยู่กลางอากาศ นิ่งสนิทไม่ไหวติง พลังที่เขาใช้เพื่อทำให้วิญญาณตนเองกลับมาเสถียรมลายหายไปในอากาศ ราวกับร่างทั้งร่างถูกดึงเข้าไปในความฝันโดยไม่ทันตั้งตัว
หวังเป่าเล่อไม่รู้ว่าโยวหรันกำลังฝันถึงสิ่งใดอยู่ เนื่องจากเขาเข้าไปดูด้วยตาตนเองไม่ได้ แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสงามที่เขารอคอยมานานแสนนาน!
ดวงตาของหวังเป่าเล่อสว่างวาบขณะมองชุดคลุมออกศึก แขนของหนึ่งของชุดคลุมถูกเขาดูดพลังไปจนแห้งเหี่ยว ส่วนอีกข้างกำลังกำลังเริ่มยวบยาบตามกำลังการดูดกลืนของชุดเกราะจักรพรรดิ
เขาอาจจะใช้โอกาสนี้ในการเดินหน้าดูดพลังจากชุดคลุมออกศึกต่อไปก็ได้ แต่ตนเองก็ไม่แน่ใจว่านิมิตหมุนวนจะคงอำนาจต่อไปได้นานเพียงใด ชายหนุ่มไม่อยากเดินหมากอย่างประมาทในสถานการณ์ล่อแหลมเช่นนี้
หากมีทางเลือก เขาย่อมต้องการอนาคตที่เขาเลือกเอง!
ดวงตาของชายหนุ่มเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น เขาหยุดดูดพลังจากชุดคลุมออกศึกเต๋ามรณะและกระโจนขึ้นไปในอากาศ ชุดเกราะจักรพรรดิสว่างวาบในมือขวา รวมตัวควบแน่นกลายเป็นหมัด พลังปราณของเขาหมุนวน พลังที่อธิบายไม่ถูกพวยพุ่งออกจากอาวุธเทพอัฐิและซัดไปข้างหน้า ร่างของชายหนุ่มพร่าเลือนตามความเร็วที่เพิ่มขึ้นประทันหัน ก่อนปรากฏตัวขึ้นข้างๆ โยวหรัน หมัดของเขาพุ่งตรงไปที่ศีรษะของคู่ต่อสู้ ที่นิ่งสนิทไม่ไหวติงอยู่กลางอากาศ!
กระบี่เหาะเหินทอประกายวาบด้วยไอมรณะ พร้อมพุ่งออกจากเสาค้ำยันหนึ่งด้วยความเร็วเท่าหวังเป่าเล่อ หมายตัดจุดตันเถียนของโยวหรันให้ขาดสะบั้น!
สายสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มและกระบี่ได้ขาดลงตั้งแต่ที่เขาเข้ามาที่ชั้นสามและตกลงตรงเสาค้ำ เขาเสียใจเป็นอย่างมากที่สูญเสียกระบี่แสนรักไป แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะนำมันกลับมาครอบครองดังเดิม
อำนาจของหมื่นภัยพิบัติและพันชีวิตทำให้การเชื่อมโยงระหว่างเขาและกระบี่กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ปลุกเอานิ้วซากศพจำนวนมากให้ออกมาจากเสาค้ำนั้น หวังเป่าเล่อไม่ได้ปลุกมันขึ้นมาเมื่อก่อนหน้า แต่กลับรอให้พลังของมันกลับมาแก่กล้าเต็มที่ก่อน!
“ตายเสียเถิด!”
ชายหนุ่มกัดฟันปลุกพลังทั้งหมดของเกราะจักรพรรดิไปยังอาวุธเทพของเขา พลังของอาวุธเทพนี้มากพ่อที่จะสังหารผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณระดับต้นและกลางได้สบายๆ แม้โยวหรันจะมีปราณอยู่ในขึ้นเชื่อมวิญญาณ แต่หวังเป่าเล่อก็มั่นใจว่าพลังนี้แข็งแกร่งพอทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้ หากโจมตีพร้อมกับกระบี่เหาะเหิน!
หวังเป่าเล่อพุ่งตรงไปข้างหน้า แต่ในตอนนั้นเอง ดวงตาของโยวหรันก็เริ่มเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้เปลือกตา เขากำลังจะตื่นขึ้นจากนิทราแล้ว!
…………………………………….