หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 664 ล่าชีวิต!

หวังเป่าเล่อเซถลาด้วยความอ่อนล้าจากการพยายามวิ่งเพื่อหนีออกจากบริเวณตัวกระบี่ ชายหนุ่มไม่สนใจแม้กระทั่งร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของตนเอง เขาวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดพักด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเขามี

แต่ก่อนที่จะออกวิ่งนั้น หวังเป่าเล่อหยิบหุ่นเชิดมาวางไว้ตรงที่ที่เขาเคลื่อนย้ายมา และรีบหันหลังจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง

โชคดีที่หลังจากวิ่งไปได้สักครู่ หวังเป่าเล่อก็พบบริเวณที่เขาคุ้นเคย จนทำให้รู้ในที่สุดว่าตนเองอยู่ส่วนใดของบริเวณตัวกระบี่

ข้าไม่ได้ใกล้ด้ามกระบี่เลยแม้แต่น้อย… ชายหนุ่มหน้าซีด ใจหล่นวูบ จิตของชายหนุ่มหนักอึ้งเมื่อรู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด

เขามีสองทางเลือกเท่านั้น ทางแรกคือทำตามแผนการที่วางไว้ตอนแรก เดินหน้าต่อไปเพื่อกลับไปยังด้ามกระบี่ และมุ่งหน้าไปยังสำนักวังเต๋าไพศาลที่ที่เขาจะสามารถเคลื่อนย้ายออกจากกระบี่สำริดโบราณ กลับไปยังสหพันธรัฐบ้านเกิดได้ หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือเดินทางลึกเข้าไปในบริเวณตัวกระบี่เสียเลย!

ทางแรกนั้นดูดีกว่าและเป็นสิ่งที่เขาต้องการทำมากกว่า ทว่า…แม้จะดูง่ายและปลอดภัยกว่า หวังเป่าเล่อกลับรู้สึกว่าทางเลือกนี้อาจเต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

หากโยวหรันรอดตายและมาตามล่าข้า ถึงอย่างไรข้าก็หนีไม่พ้นแน่ต่อให้กลับไปที่ด้ามกระบี่ก็เถอะ…

ข้าทำได้เพียงหวังให้มันตายไปแล้วเท่านั้น มันจะได้มาตามล่าข้าไม่ได้ ชายหนุ่มเงียบ สองจิตสองใจกับทางเลือกที่ตนเองมี แต่ความลังเลนี้ก็ไม่ได้อยู่กับเขานาน ดวงตาของหวังเป่าเล่อเป็นประกายวาบ เขาหันหลังกลับไปอีกทางในทันที มุ่งหน้าไปยังทิศที่ไม่ใช่ด้ามกระบี่ แต่ลึกเข้าไปในตัวกระบี่!

เลือดในกายไหลเวียนปั่นป่วน แต่ยังดีที่ร่างกายของหวังเป่าเล่อแข็งแรงมาก และความเร็วในการเยียวยาตนเองก็สูงเหลือเกินจากอำนาจของดอกบัวสีเขียว ชายหนุ่มจึงยังคงวิ่งด้วยความเร็วดังเดิมได้อยู่

แต่เขาก็ยังหยุดเลือดที่ไหลออกมาจากปากไม่ได้ หลังจากที่วิ่งอยู่สักพัก หวังเป่าเล่อก็ยังกระอักเลือดออกมาไม่หยุด

ในเลือดที่กระอักออกมานั้นมีเศษเนื้อปนอยู่ด้วย เขาไม่รู้ว่าเศษเนื้อนั้นมาจากไหน แต่ความรู้สึกปั่นป่วนในกายกลับทุเลาลงทันทีที่กระอักเลือดกองนั้นออกมา ทว่าทันทีที่รู้สึกทุเลา ร่างกายของเขาก็กลับถูกครอบงำด้วยความมึนงง ความเจ็บปวดพุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ

ดูเหมือนภายในข้าจะเสียหาย… สีหน้าของหวังเป่าเล่อมืดมน เขาส่งจิตสัมผัสวิญญาณเข้าไปในกายของตนเอง และสรุปได้ว่าก้อนเนื้อนั้นน่าจะเป็นหนึ่งในอวัยวะภายในของเขา

เมื่ออ้วกเครื่องในของตนเองออกมา หวังเป่าเล่อก็รู้สึกเหมือนภายในกายขาดอะไรไป ความเหนื่อยอ่อนทวีขึ้นในจิตใจและแพร่กระจายไปทั่วร่าง ดวงตาของชายหนุ่มพร่ามัว

ความรู้สึกอยากนอนพักเข้าครอบงำจิตใจ ความอ่อนล้าถาโถมเข้าหาเหมือนคลื่นยักษ์ แต่ก่อนที่จะพ่ายแพ้ให้กับร่างกายที่ไม่เป็นใจ หวังเป่าเล่อก็กัดลิ้นตนเองเพื่อเรียกสติ ความเจ็บปวดทำให้เขากลับมาตื่นเต็มตาอีกครั้ง ลมหายใจหอบหนักปราศจากซึ่งม่านหมอกบัดบังจิตใจ

ข้าจะหยุดไม่ได้ ข้าจะมาหวังพึ่งดวงไม่ได้! หวังเป่าเล่อสูดหายเข้าลึก กัดฟันแน่น ก่อนวิ่งต่อไป เขาเลือกเข้าไปในบริเวณตัวกระบี่เพื่อหลีกหนีการโดนไล่ล่า ไม่ใช่เพราะเขาไม่อาจเดิมพันผลลัพธ์หากเลือกกลับไปที่ด้ามกระบี่ แต่เป็นเพราเขาไม่กล้าเดิมพันต่างหาก!

เพราะเขาจะไม่เหลือทางเลือกอีกเลยแม้แต่ทางเดียวหากแพ้เดิมพัน แต่หากเขาเลือกเข้าไปยังตัวกระบี่ ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาอาจมีมากกว่า แต่โอกาสที่เขาจะรอดชีวิตก็มีมากกว่าเช่นกัน

นั่นเพราะคำสาปมากมายในตัวกระบี่ใช้ไม่ได้ผลกับเขา แต่ยังทรงพลังเต็มเปี่ยมกับผู้ที่ไล่ตามเขา!

แต่หวังเป่าเล่อก็รู้ดีว่าโยวหรันแข็งแกร่งเพียงใด และมีลูกเล่นมากมายแอบซ่อนเอาไว้ หากโยวหรันไล่ล่าเขาจริงๆ หวังเป่าเล่อก็จะหวังพึ่งคำสาปเพื่อช่วยให้เขารอดตายไม่ได้อยู่ดี

ข้าต้องเพิ่มระยะทางระหว่างตัวเองกับโยวหรันให้มากขึ้นอีก จะได้มีเวลาเข้าไปยังตัวกระบี่ให้ลึกยิ่งขึ้น หากทำเช่นนั้น เป็นไปได้ว่าโยวหรันอาจจะติดตามข้าได้อย่างยากลำบาก แต่การจะเข้าไปลึกๆ ได้คงยากพอตัวเลยทีเดียว… หวังเป่าเล่อตาเป็นประกายวาบ ฟันเฟืองในหัวทำงานอย่างหนัก ชายหนุ่มยังคงมุ่งหน้าไปในทิศเดิม พุ่งตรงไปยังสถานที่ที่เขาจำได้อย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าข้าจะเลือกทางไหน จะหนีหรือจะทำให้โยวหรันกลัวจนไม่กล้าไล่ตามมา ข้าก็ยังต้องเคลื่อนย้ายระยะไกลอีกครั้งอยู่ดี!

ข้าจะใช้การเคลื่อนย้ายที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในตัวกระบี่ หรือว่าจะใช้…แท่นคงกระพันก็ได้! ดวงตาของหวังเป่าเล่อสว่างด้วยความมุ่งมั่น เขาจำได้ว่ามีแท่นคงกระพันอยู่ในทางที่กำลังมุ่งหน้าไป

แผนการระยะยาวของเขาคือการเดินทางไปที่แท่นคงกระพัน เพื่อเคลื่อนย้ายกลับไปยังด้ามกระบี่ และทำให้โยวหรันตามเขาต่อไม่ได้ ส่วนแผนการระยะสั้นของเขาคือการหาพื้นที่ที่กำลังจะเคลื่อนย้าย แล้วย้ายตนเองไปพร้อมพื้นที่นั้นเสียเลย!

หลังจากที่จัดระเบียบความคิดในสมองเรียบร้อย หวังเป่าเล่อก็กลืนโอสถเข้าไปอีกเม็ด และมุ่งหน้าต่อไป เสียงระเบิดก้องดังออกจากบริเวณที่หวังเป่าเล่อปรากฏตัวขึ้นหลังออกจากเรือบินรบ โยวหรันยืนอยู่ตรงนั้น

หุ่นเชิดที่หวังเป่าเล่อทิ้งเอาไว้จับการปรากฏตัวของชายชราได้ในทันที มันระเบิดก่อนที่โยวหรันจะทันได้ทำอะไร โยวหรันเดินไปหาหุ่นเชิด มองชิ้นส่วนที่แหลกเป็นจุณด้วยสีหน้ามืดมิด

ร้ายกาจ เด็ดขาด ระมัดระวัง แถมยังพรั่งพร้อมด้วยกลเม็ดมากมาย…ดูเหมือนข้าจะประเมินไอ้หวังเป่าเล่อนี่ต่ำไป! แววสังหารทวีความรุนแรงขึ้นในดวงตาโยวหรัน เขาสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ เพื่อปล่อยกระบวนเวทออกมาตามหาตัวหวังเป่าเล่อ ก่อนจะเริ่มออกไล่ล่าในทันที โยวหรันมุ่งมั่นเป็นอันมากกับภารกิจนี้ คราวนี้…เขาจะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะเห็นร่างไร้ลมหายใจของหวังเป่าเล่อ!

ในตอนที่โยวหรันจับเป้าหมายได้และกำลังไล่ตามหวังเป่าเล่ออยู่นั้น สีหน้าของหวังเป่าเล่อที่อยู่ไกลออกไปก็เต็มไปด้วยความตกใจ เขาทิ้งหุ่นเชิดเอาไว้เพื่อดูต้นทาง หากโยวหรันไม่ตามร่องรอยการเคลื่อนย้ายของเขามาจะเป็นการดีที่สุด แต่หากชายชราเลือกตามมาละก็ หวังเป่าเล่อก็จะรู้ได้ในทันที และมันก็ถือเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แต่ชายหนุ่มก็เตรียมรับมือเอาไว้แล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่แม้แต่จะหยุดชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงตัวตนของโยวหรันที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล หวังเป่าเล่อรีบเพิ่มความเร็วของตนเองขึ้นในทันที!

ชายหนุ่มกำลังทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง และนี่ก็ไม่ใช่เวลาให้มานั่งกังวลใจ เขาโยนความกลัดกลุ้มทิ้งไปเนื่องจากอาจทำให้อาการบาดเจ็บทรุดหนักลงอีก และเพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้งด้วยวิชากระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลง ชายหนุ่มกลายเป็นเส้นสายฟ้าที่เดินทางไปข้างหน้า เขาเลิกตามหาพื้นที่โดยรอบที่กำลังจะเคลื่อนย้าย และหันไปมุ่งมั่นกับการไปให้ถึงแท่นคงกระพันแทน

เวลาคือสิ่งสำคัญที่สุด ไม่มีที่สำหรับเรื่องอื่นอีกแล้วในตอนนี้ หวังเป่าเล่อเพิ่มความเร็วขึ้นถึงขีดสุด เขาทะยานผ่านคำสาปอันแล้วอันเล่า ทะลุผ่านทุกสิ่งไปโดยง่ายดาย

คำสาปหมดฤทธิ์ทันทีที่หวังเป่าเล่อพุ่งเข้าหา ก่อนจะกลับมาทำงานอีกครั้งเมื่อเขาผ่านมันไปได้ หวังเป่าเล่อตรงเข้าสู่จุดหมายอย่างรวดเร็ว

โยวหรันมีพลังปราณแข็งแกร่งที่ทำให้เขาทะลุผ่านจุดต้องสาปได้เช่นกัน แม้คำสาปจะระเบิดใส่ แต่ก็ทำอันตรายเขาได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น กระนั้นจำนวนของจุดต้องสาปทั้งหมดก็ยังมีมากเกินไป จึงทำให้เกิดการล่าช้าไปบ้าง ความเร็วของเขาที่ควรจะมากกว่าหวังเป่าเล่อ ถูกคำสาปมากมายเหล่านี้ชะลอลงไปนั่นเอง

นอกจากนี้กฎบริเวณตัวกระบี่ยังยุ่งเหยิง ทำให้เกิดความไม่แน่นอนยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการเคลื่อนย้ายของพื้นที่ โยวหรันต้องใช้กระบวนเวทของตนในการติดตามหวังเป่าเล่อต่อ และทำได้เพียงย่นระยะทางระหว่างตนเองกับหวังเป่าเล่อได้เท่านั้น แต่เข้าถึงตัวอีกฝ่ายไม่ได้ในทันที!

ระยะห่างระหว่างโยวหรันและหวังเป่าเล่อหดแคบลงเรื่อยๆ ความกระวนกระวายเข้าเกาะกุมจิตใจขณะกำลังไล่ล่าเป้าหมายของตน เมื่อโยวหรันเห็นหวังเป่าเล่ออยู่ในระยะไกล เขาก็กัดฟันใช้การเคลื่อนย้ายเพื่อพุ่งเข้าไปหาชายหนุ่ม แทนการทะลุผ่านคำสาปมากมายนับไม่ถ้วนที่อยู่ระหว่างทาง

โยวหรันหายตัวไปและมาปรากฏอีกครั้งที่สามสิบเมตรห่างจากหวังเป่าเล่อ สีหน้าของเขาซีดเผือด เขาโบกมือไปข้างหน้าหมายคว้าตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้ แต่ก็ต้องล่าถอยในทันที

พื้นที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ยุบตัวลง รอยแยกมากมายปรากฏขึ้นแทนที่ในบรรยากาศพร้อมที่จะฉีกทำลายทุกสิ่งเป็นชิ้นๆ แม้โยวหรันจะเป็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลัง แต่ก็ยังตกใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอยู่ดี

หวังเป่าเล่อยกมือขึ้นโบกเพื่อส่งอาวุธเวทออกไปเบื้องหลัง อาวุธเวทระเบิดตามคำสั่งของเขาในทันที คลื่นพลังปะทะเข้ากับแรงคว้าของโยวหรัน ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง การโจมตีของโยวหรันเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เขาเองก็กันเอาไว้ได้ด้วยอาวุธเวท กระนั้นแรงปะทะก็ยังทำให้อาการบาดเจ็บของเขาแย่ลง

แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ เขารีบเพิ่มความเร็วขึ้นอีกและสร้างผนึกฝ่ามือขณะหลบหนีไปด้วย ก้อนสายฟ้าปรากฏขึ้นมากมาย ชายหนุ่มโยนสายฟ้าเข้าใส่จุดต้องสาปไปตามทางที่ผ่าน ส่งให้มันระเบิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เขาตั้งใจจะใช้กลเม็ดนี้ในการทำให้โยวหรันติดตามตนเองได้ช้าลง และเพิ่มความโกลาหลให้มากขึ้นไปอีก

บริเวณตัวกระบี่เต็มไปด้วยความวุ่นวายมากมายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ราวกับเป็นภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดอยู่รอมร่อ หวังเป่าเล่อเพิ่มเชื้อเพลิงให้กับเปลวไฟ ทำให้ความสับสนอลหม่านทวีความรุนแรงขึ้น พร้อมด้วยทะเลเพลิงที่โกรธเกรี้ยว

“ไอ้หวังเป่าเล่อ!” สีหน้าของโยวหรันมืดหม่นและดุร้าย เขาหลบหลีกแรงระเบิดไปได้ แต่ก็ทำให้ระยะห่างระหว่างตัวเขากับหวังเป่าเล่อกว้างขึ้นเช่นกัน ตอนนี้โยวหรันไม่กล้าเคลื่อนย้ายสุ่มสี่สุ่มห้าอีกแล้ว การเคลื่อนย้ายก่อนหน้านี้ทุลักทุเลมากจนเขาเกือบเหยียบลงบนจุดที่ไม่ควรเหยียบเพราะกฎแห่งความวุ่นวายที่ปกครองบริเวณตัวกระบี่นี้ หากเขาเปลี่ยนที่ที่ตนเองจะปรากฏกายกะทันหัน ก็จะทำให้เกิดการยุบตัวของบรรยากาศอีก หลังจากตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ โยวหรันก็เรียนรู้ว่าตนเองควรระมัดระวังให้มากกว่านี้

………………………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset