หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 697 ล่องูออกจากรู!

หวังเป่าเล่อไม่อาจทนอาการบาดเจ็บรุนแรงได้อีกต่อไป ทันใดที่เป็นอิสระจากหัตถ์ยักษ์ บาดแผลก็ปรากฏให้เห็น เขากระอักเลือดออกมากองใหญ่ เลือดเริ่มพวยพุ่งออกมาจากรอยแตกบนเกราะจักรพรรดิ ไหลหลากมารวมกันเป็นสายธารโลหิตกลางห้วงอวกาศ เกราะจักรพรรดิไม่สามารถคงรูปได้เช่นกัน มันทลายลงกลายเป็นเส้นปราณขาดวิ่นหดกลับเข้าไปในร่างของชายหนุ่ม

เขาไม่ได้ใช้วิชาจักรพรรดิพินาศ ซึ่งแปลว่าแม้เกราะจะเสียหายหนัก แต่ก็ยังสามารถใช้ปราณวิญญาณฟื้นฟูสภาพของมันได้ สภาพพังพินาศของเกราะบ่งบอกว่าการต่อสู้ที่หวังเป่าเล่อเพิ่งเอาชีวิตรอดมาได้นั้นหนักหนาเพียงใด

ชายหนุ่มสูญเสียการป้องกันจากเกราะจักรพรรดิ วิสัยทัศน์เริ่มพร่ามัวเมื่อเป็นอิสระ เขาใช้พลังที่มีไปจนหมดสิ้น ทว่า…ภัยอันตรายก็ยังไม่หายไปหมดแม้จะฝ่าฟันจนเป็นอิสระมาได้

ทันทีที่เขาเป็นอิสระจากหัตถ์ยักษ์สีดำ เมฆหมอกก็ก่อตัวขึ้นเป็นผนึกภายในหัตถ์ที่สลายตัวไป จากนั้นก็พุ่งตรงไปทางชายหนุ่ม หมายจะทะลวงร่าง

มันแผ่พลังรัศมีของสรรพสิ่งที่สิ้นชีวีออกมา เป็นพลังอำนาจที่พร้อมปลิดชีพทุกสิ่งให้เน่าสลาย!

หากพุ่งถึงตัว ชายหนุ่มในสภาพอ่อนแรงคงไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้!

หวังเป่าเล่อไม่อาจหลบการโจมตีนี้ได้ เกราะจักรพรรดิหายวับไปแล้ว ดวงตาปีศาจก็อ่อนพลังลงเรื่อยๆ จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยบนหน้าผากของชายหนุ่มดูคล้ายตาดวงที่สาม ความหวังเดียวของเขาคือสิ่งสุดท้ายที่ได้บอกเฟิ่งชิวหรันไปทางข้อความเสียง หากเกิดอะไรขึ้นกับเฟิ่งชิวหรันระหว่างที่เขากำลังต่อสู้ ชายหนุ่มคงทำได้เพียงปลดปล่อยพลังฝักกระบี่เต็มกำลังเพื่อช่วยตนให้พ้นจากความตาย

เฟิ่งชิวหรันไม่ทำให้หวังเป่าเล่อผิดหวัง นางจับตาดูการต่อสู้อย่างใกล้ชิด ทันทีที่ชายหนุ่มพุ่งผ่านหัตถ์ยักษ์ นางก็รีบทะยานตรงไปหา และปรากฏตัวข้างหวังเป่าเล่อในพริบตาต่อมา คว้าตัวชายหนุ่มไว้และหมุนรอบตัว จากนั้นก็สร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ก่อนจะชี้มือขึ้นฟ้า พลังขั้นเชื่อมวิญญาณปะทุขึ้นจากร่าง เฟิ่งชิวหรันแบมือออก หันไปทางผนึกที่พุ่งตรงเข้ามา เตรียมรับผลกระทบจากอาการบาดเจ็บอีกครั้ง

หน้าของนางซีดเผือดในทันใด ขวดสีขาวปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ เข้าต้านผนึกที่พุ่งมาปะทะ

ขวดระเบิดพร้อมกับเสียงกัมปนาทที่ดังขึ้น ผนึกสีดำที่พุ่งเข้ามาหยุดชะงักเพราะแรงระเบิด มันสูญเสียพลังไปจนไม่สามารถติดตามตามหวังเป่าเล่อต่อได้ เปิดโอกาสให้เฟิ่งชิวหรันมีเวลาเพียงพอในการหนี นางคว้าตัวชายหนุ่ม ก่อนจะแปลงกายเป็นเส้นสายรุ้งพุ่งหายไปจากสนามรบ ด้วยความช่วยเหลือจากหลี่ซิงเหวินและสหพันธรัฐ นางจึงขึ้นไปบนเรือบินรบลำหนึ่งได้สำเร็จ

หลี่ซิงเหวินรีบวิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าเป็นกังวลทันทีที่ทั้งสองขึ้นมาบนเรือบินรบ เขาไม่มีเวลามัวเป็นห่วงเฟิ่งชิวหรันที่ได้รับผลกระทบจากอาการบาดเจ็บ ได้แต่รับหวังเป่าเล่อมาจากอ้อมแขนของเฟิ่งชิวหรัน เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของชายหนุ่มที่อ่อนแรงจนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ และสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่กำลังจะดับหายไม่ต่างจากเปลวเทียนที่กำลังหมดไส้ เขาก็พูดตะกุกตะกักขึ้นอย่างเจ็บปวดใจ

“เจ้าเด็กบ้า…”

“ท่านอาจารย์ปู่…” เหมือนหวังเป่าเล่อจะได้ยินเสียงของหลี่ซิงเหวินจึงพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เขาเห็นหลี่ซิงเหวินและเฟิ่งชิวหรันที่ยืนอยู่ข้างๆ วิสัยทัศน์เริ่มกระจ่างชัดขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าชายหนุ่ม

“ศิษย์ได้ทำตามที่ท่านบอก ข้าพาอาจารย์ย่ากลับมาอย่างปลอดภัย…” เขาไม่สามารถพูดต่อจนจบได้ดังใจหวังเนื่องจากไม่อาจลืมตาตื่นได้นานนัก เมื่อได้เห็นใบหน้าคุ้นเคยของผู้คนจากสหพันธรัฐก็รู้สึกโล่งใจ จึงหมดสติ หัวเอียงพับไปด้านหนึ่ง

หลี่ซิงเหวินถอนหายใจอยู่ภายในเมื่อพบว่าหวังเป่าเล่อยังนึกเป็นห่วงเฟิ่งชิวหรันแม้จะอยู่ในสภาพสะบักสะบอม เขาเงยหน้ามองเฟิ่งชิวหรัน ใบหน้าของนางซีดเผือด ดูเหมือนจะโล่งใจไม่ต่างกัน นางกระอักเลือดออกมาหลังจากพยายามฝืนทนไว้ ก่อนจะทรุดนั่งลง ไม่สามารถขยับตัวได้อีก จากนั้นก็เริ่มกระบวนการฟื้นฟูตัวเอง

หลี่ซิงเหวินมองเฟิ่งชิวหรันกับหวังเป่าเล่อ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหมู่ดาวที่อยู่ห่างออกไป เขาจ้องไปทางกองเรือรบและเหล่าผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลที่ตกอยู่ในความโกลาหลหลังจากที่ระเบิดต้านทานวิญญาณทำลายหัตถ์ยักษ์สีดำทิ้งไป ชายชราสูดหายใจลึก พวกเขาอยู่ใกล้ดาวพุธมากเกินไป เป้าหมายของภารกิจนี้คือช่วยหวังเป่าเล่อและเฟิ่งชิวหรัน ซึ่งก็สำเร็จลุล่วงไปแล้ว ไม่มีเหตุจำเป็นต้องสร้างเรื่องอะไรอีก ชายชรากัดฟันแน่น ห้ามตัวเองไม่ให้ทำอะไรหุนหันพลันแล่น แม้ในใจจะร่ำร้องบอกให้ตนกลับลำเรือบินรบเพื่อไล่ตามเหล่าศัตรูไป แต่หลี่ซิงเหวินก็ตะโกนออกคำสั่งให้ถอยกลับแทน

ขณะถอยทัพกลับ หลี่ซิงเหวินก็สั่งให้เตรียมปล่อยระเบิดต้านทานวิญญาณอีกร้อยลูก พวกเขาท่องไปในอวกาศพร้อมกับขู่จะปล่อยระเบิดทุกเมื่อ เมื่อเหล่าผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลเห็นดวงแสงเหล่านั้นก็เริ่มตื่นตัว รู้สึกลังเลใจขึ้นมา

ณ ที่ใดสักแห่งบนดาวพุธ โยวหรันนิ่งเงียบไป เขาต้องใช้พลังมหาศาลในการปล่อยหัตถ์ยักษ์ หากปล่อยการโจมตีดังกล่าวออกไปอีกครั้งจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการฟื้นฟูของเรือบินรบเต๋ามรณะ ชายชราหรี่ตาลง หลังจากประเมินสถานการณ์เสร็จ เขาก็เก็บงำความคิดชั่วร้ายไว้ ไม่คิดจะไล่ตามกองทัพสหพันธรัฐที่กำลังหนีไป

กองเรือบินสหพันธรัฐหนีไปอย่างเชื่องช้า ใช้งานประตูกระแสวนจากวงแหวนปราณระบบสุริยะท่องผ่านข้ามห้วงอวกาศ สนามรบตกอยู่ในความเงียบงันหลังจากที่พวกเขาจากไป ผ่านไปครู่ใหญ่ กองทัพสำนักวังเต๋าไพศาลและเหล่าผู้ฝึกตนก็กระจายกำลังออกไปอย่างเงียบเชียบ

เมื่อหลบหนีกลับมาได้อย่างปลอดภัย หลี่ซิงเหวินก็ออกคำสั่งให้ตั้งวงแหวนปราณคุ้มกันขึ้นรอบเฟิ่งชิวหรันเป็นการชั่วคราวขณะที่นางกำลังฟื้นฟูร่างกายตนเอง พร้อมทั้งจัดแจงผู้ฝึกตนที่ไว้ใจให้คุ้มกันนางอีกแรง เขาพาหวังเป่าเล่อไปยังห้องลับด้วยตนเองและใช้พลังจากวงแหวนปราณระบบสุริยะกับทรัพยากรของสหพันธรัฐมากมายจัดแจงบริเวณโดยรอบให้เหมาะกับการฟื้นฟูร่างกายของชายหนุ่ม

หลี่ซิงเหวินถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อพบว่าหวังเป่าเล่อแค่หมดสติไป ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงถึงตาย เขาขยายจิตสัมผัสวิญญาณออกไปเพื่อคอยดูแลคุ้มกันผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองคน

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ขณะกองทัพสหพันธรัฐท่องผ่านห้วงอวกาศมุ่งหน้าไปทางดาวศุกร์ หลายชั่วโมงต่อมา หวังเป่าเล่อก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ความเหนื่อยล้าที่ส่งผ่านลึกลงไปถึงกระดูกและความเจ็บแปลบที่แล่นไปทั่วทั้งร่างทำให้เขาต้องกัดฟันแน่น ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเลพร้อมหอบหายใจหนัก จากนั้นก็หันมองรอบกาย เขาอยู่ในห้องลับ สัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณเข้มข้นที่อัดแน่นอยู่ในห้อง ภาพการต่อสู้ครั้งล่าสุดแล่นกลับเข้ามาในหัว หวังเป่าเล่อขยายจิตสัมผัสวิญญาณออกไปตรวจดูทั่วบริเวณโดยไม่ให้คนอื่นรู้ เขาเห็นทุกอย่างบนเรือบินรบ รวมถึงเฟิ่งชิวหรันที่กำลังฟื้นฟูร่างกายตนเองและหลี่ซิงเหวินที่คอยคุ้มกันอยู่ด้านนอก

ในที่สุดหวังเป่าเล่อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้จริงๆ

ดูเหมือนว่าข้าจะยังไม่ตาย แถมยังกลับมายังสหพันธรัฐได้อย่างปลอดภัย ชายหนุ่มลูบท้องตนเองที่บัดนี้ความนุ่มนิ่มได้หายไป เมื่อโล่งใจได้แล้ว เขาก็หยิบขนมออกมายัดใส่ปากอย่างมูมมามโดยไม่ยั้งคิด จากนั้นก็เริ่มสังเกตอาการบาดเจ็บของตัวเอง

หนักหนาน่าดู เกราะจักรพรรดิเองก็เสียหายหนัก แต่ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล ของเหลววิญญาณสักสิบขวด…อาจจะสักยี่สิบขวดก็น่าจะพอฟื้นฟูร่างกายข้าให้สมบูรณ์ได้

ชายหนุ่มกินขนมต่อ ไม่ได้เริ่มกระบวนการฟื้นฟูตนเองในทันที เขาคิดคำนวณพร้อมหยิบน้ำเย็นหล่อวิญญาณออกมาซดหมดขวด จากนั้นก็หรี่ตาลงและยกมือขึ้นแตะรูปดวงตาสีดำที่ประทับอยู่บนหน้าผาก ภาพการต่อสู้เสี่ยงชีวิตเมื่อครู่ฉายขึ้นในหัว

วิชาดวงตาปีศาจแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้ พลังของดวงตาปีศาจหมื่นดวงสามารถทำลายหัตถ์ยักษ์ไปได้ครึ่งหนึ่งแถมยังลดทอนพลังของมันไปถึงครึ่ง หวังเป่าเล่อไม่ได้ขยายจิตสัมผัสวิญญาณไปยังรอยประทับบนหน้าผากในทันที ดวงตาฉายแสงวาบขึ้นจางๆ เขาวางขนมลง จากนั้นก็หยิบของเหลววิญญาณจากกระเป๋าคลังเก็บออกมาหนึ่งขวด วางไว้ใต้จมูกและสูดดมกลิ่น

ขวดสั่นไหว ของเหลววิญญาณภายในแปรเปลี่ยนเป็นหมอกหนา ลอยผ่านเข้าจมูก ปาก ดวงตา และหูทั้งสองข้างของหวังเป่าเล่อในทันที หมอกกระจายไปทั่วร่างชายหนุ่ม และเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บ

ไม่นานของเหลวในขวดก็หมดไป หวังเป่าเล่อหยิบขวดที่สอง และสามมาสูดดมต่อ ครึ่งชั่วโมงผ่านไป มีขวดเปล่ากว่าสามสิบขวดกองอยู่ข้างชายหนุ่ม เขาลืมตาขึ้น ยังคงดูเหนื่อยอ่อนอยู่ แต่อาการบาดเจ็บบนร่างกายได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว

เกราะจักรพรรดิกลับมาใช้งานได้อีกครั้งหลังได้ของเหลววิญญาณหล่อเลี้ยง ส่วนที่พังเสียหายได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์ แต่การกักเก็บพลังไว้ในเกราะต้องใช้วิชาลักอัคคีสูบเอาเลือดเนื้อเข้าไปเสริม เพราะเขาไม่ได้ใช้ของเหลววิญญาณไปกับส่วนนี้

เมื่อผ่านกระบวนการฟื้นฟูต่างๆ เป็นที่เรียบร้อย หวังเป่าเล่อก็สูดหายใจลึก เตรียมพักผ่อนดวงตาและสมอง จิตใจของเขาต้องได้รับการพักผ่อน จากการคำนวณ พอเขาตื่นขึ้นอีกครั้ง เรือบินรบก็น่าจะใกล้ถึงดาวศุกร์แล้ว

เขายังไม่เห็นเจ้าเยี่ยเหมิงและคนสนิทอื่นๆ บนเรือบินรบลำนี้ แต่จากการขยายจิตสัมผัสวิญญาณตรวจสอบเรือบินรบเมื่อครู่ ก็ได้ข้อมูลจากบทสนทนาของเหล่าผู้ฝึกตนที่ทำให้เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น ชายหนุ่มพบว่าเจ้าเยี่ยเหมิงและคนอื่นๆ กลับสหพันธรัฐได้อย่างปลอดภัย พวกเขาไม่ได้มาร่วมภารกิจนี้เพราะได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจอื่น

พอพวกเขาได้รู้ว่าข้าแข็งแกร่งขึ้นมากคงกลัวเกรงข้ากันไปหมดแน่ ต้องหาวิธีแสดงออกถึงความนอบน้อมถ่อมตัวเสียแล้ว

หวังเป่าเล่อค่อยๆ หลับตาลงด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม ความตึงเครียดคลายออกจากร่างกาย แต่แสงเยือกเย็นยังคงซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่ไหนสักแห่งในร่าง…เมื่อดวงตาของชายหนุ่มปิดสนิท รอยประทับดวงตาปีศาจบนหน้าผากก็เริ่มขยับ เหมือนจู่ๆ ก็มีชีวิตขึ้น ดวงตาสีดำที่ปิดสนิทเหมือนจะมีความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ตอนนั้นเองมันก็…ลืมตาตื่น!

ดวงจิตที่ซ่อนอยู่ในร่างตื่นขึ้นทันใด สภาพหวังเป่าเล่อในปัจจุบันคือโอกาสที่ดีที่สุดที่มันจะเข้าควบคุมอีกฝ่าย!

………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset