หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 763 ผนึก!

หากมองจากที่ไกลๆ จะเห็นว่าภาพตรงหน้านั้นสว่างจ้าเกินบรรยาย

หุ่นเชิดเจ็ดพันตัวและลำแสงเจ็ดพันสายพันเกี่ยวรอบตัวผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกจนเหมือนรังไหมขนาดใหญ่ ลำแสงแต่ละสายบนรังไหมไม่ได้ดูแกร่งกล้าเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะความเชี่ยวชาญด้านการหลอมวัตถุเวทและการที่ชายหนุ่มผสานกระบวนการหลอมของสหพันธรัฐเข้ากับของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ จึงทำให้ลำแสงสามารถปล่อยพลังขั้นจุติวิญญาณมาได้ช่วงสั้นๆ

แม้จะมีพลังไม่พอที่จะทำร้ายนาง แต่หวังเป่าเล่อก็สามารถถ่วงเวลาหญิงสาวไว้ได้ระยะหนึ่งโดยใช้ลำแสงขั้นจุติวิญญาณเจ็ดพันสายพันล้อมผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกเจ็ดพันชั้น!

ในเมื่อทำเช่นนี้ได้มันก็ควรถูกเรียกว่าเป็นผนึก!

ผู้ฝึกตนกองทหารมังกรหยดหมึกที่ตื่นเต้นดีใจกับการมาของผู้บัญชาการล้วนตื่นตกใจไปเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า ใครเห็นก็บอกได้ว่าต้องทุ่มไปไม่น้อยถึงจะสร้างผนึกนี้ขึ้นได้ ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าวิธีผนึกนี้มีประสิทธิภาพมากทีเดียว!

มันมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกถูกลำแสงเจ็ดพันสายพันเกี่ยวแขนขา นางร้องคำรามพร้อมปลดปล่อยพลังปราณพยายามจะหนีออกมา แต่ทำได้เพียงทำลายลำแสงบางสายและทำให้หุ่นเชิดจำนวนหนึ่งระเบิด ไม่มีทางที่นางจะเป็นอิสระได้ในทันที!

“กองทหารมังกรหยดหมึก ข้าอยากให้พวกเจ้าจำเอาไว้ว่ามาลองดีกับข้าก็ต้องเจอผลกรรมเช่นนี้!” จิตสังหารปะทุขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่อ เขาไม่รีรอ รีบพุ่งตามเหล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณไปในพริบตา!

“สังหาร!” หวังเป่าเล่อตะโกนลั่นพร้อมหายตัวไปปรากฏด้านหน้าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนหนึ่งราวกับเป็นสายฟ้า ผู้ฝึกตนคนนั้นอยู่ในวัยกลางคน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันทีที่เห็นหวังเป่าเล่อ เมื่อรู้ว่าไม่มีทางหนีรอดไปได้ ดวงตาของเขาก็ฉายแววคลุ้มคลั่งขณะงัดไพ่ตายออกมาใช้ ด้วยหวังว่าจะสามารถสกัดชายหนุ่มไว้ได้จนกว่ากำลังเสริมมาถึง

ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนอื่นๆ กัดฟันแน่นและรีบพุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะตอบโต้เป็นกลุ่มเพื่อยื้อเวลาให้ผู้บัญชาการของพวกตนหลบหนีออกมาได้!

แต่…พวกเขาคิดกันตื้นเขินเกินไป!

สถานการณ์ในสนามรบถูกกำหนดเอาไว้แล้ว พวกเขาได้ถอยหนีกันตามสัญชาตญาณเมื่อได้เห็นความโหดเหี้ยมของหวังเป่าเล่อ และชายหนุ่มไม่มีทางเปิดโอกาสให้พวกเขากลับมารวมตัวกันได้อีกครั้ง!

ขณะที่กลุ่มผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณกำลังจะเข้ามารวมกลุ่มกัน หวังเป่าเล่อก็โบกมือส่งเรือบินรบหลายสิบลำออกไป พวกมันระเบิดส่งเสียงดังสนั่น แรงปะทะนั้นไม่ต่างจากพายุที่พัดกระจายออกไปจนทำให้ห้วงอวกาศสั่นคลอน เหล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากร่ายคาถาออกมาต้าน ทำให้ล่าช้าลงไปอีก

ทันใดที่พวกเขาชะลอความเร็วลง หวังเป่าเล่อก็เร่งความเร็วขึ้น ไม่สนใจการต้านพลังของเหล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่ตนตั้งใจจะฆ่า ชายหนุ่มเป็นดั่งรถถังออกศึก เขาพุ่งเข้าชนผู้ฝึกตนคนหนึ่งเข้าอย่างจัง เสียงสั่นสะเทือนดังก้องไปทั่วบริเวณ

เสียงดังสนั่นก้องไปทั่วพร้อมร่างผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่ระเบิด ร่างถูกทำลายย่อยยับ หวังเป่าเล่อพุ่งฝ่าหมอกสีเลือดตรงไปหาผู้ฝึกตนอีกคนทันที!

“หลงหนานจื่อ!” ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกที่โดนผนึกอยู่ร้องตะโกนขึ้นพร้อมคำรามอย่างคลุ้มคลั่ง หุ่นเชิดหลายร้อยตัวไม่สามารถทนเสียงร้องนี้ได้จึงระเบิดออกมา

แต่ไม่ว่าผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกจะร้องคำรามอย่างไร หวังเป่าเล่อก็ทำเหมือนว่าไม่เห็นและไม่ได้ยิน ไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นจากความคลุ้มคลั่งของนางแม้แต่น้อย เขาไม่ได้บุ่มบ่ามเข้าไปโจมตีผู้บัญชาการ ถึงนางจะโดนผนึกไว้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถสังหารหญิงสาวได้ก่อนที่นางจะหลุดออกมา นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาข้อดีข้อเสียดูแล้วก็ตระหนักว่าถึงจะสามารถทำให้ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกบาดเจ็บได้ ก็ไม่ค่อยคุ้มค่าและไม่น่าดึงดูดใจเท่ากับการทำลายแผนการในอนาคตของกองทหารมังกรหยดหมึก

เพราะไม่ว่าผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกจะมีระดับการฝึกตนสูงเพียงใด นางก็เป็นแค่ผู้ฝึกตนคนเดียว แต่ที่เขาจะกำจัด…คือทั้งกองทัพ!

หวังเป่าเล่อตัดสินใจได้โดยไม่ลังเล ร่างของเขาหายวับไป พลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นปะทุขึ้นเต็มกำลัง แม้จะไม่ได้ปล่อยวิชาดวงเนตรปีศาจเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น แต่พลังเสริมจากเกราะจักรพรรดิที่เสียหายและวิญญาณจุติดวงดาราก็ทำให้เขาปลดปล่อยพลังสุดแกร่งกล้าออกมาในสนามรบ!

เขาเอี้ยวตัวยกมือขวาคว้าศีรษะผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอีกคน ก่อนจะบดขยี้กะโหลก สังหารโหดไปอีกหนึ่งราย!

เมื่อเขาสังหารผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอีกคนลง เสียงร้องคำรามของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณก็ดังขึ้นพร้อมกับพลังเทพที่ผสานรวมกันและปล่อยออกไป!

ถึงพลังเทพของพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่ด้วยการต้านทานของเกราะจักรพรรดิและร่างที่กลายเป็นหมอกในทันใด ก็ทำให้ชายหนุ่มไม่ได้รับผลกระทบเท่าใดนัก มากสุดที่พวกเขาทำได้คือทำให้หวังเป่าเล่อกระอักเลือดออกมา ขณะเดียวกันนั้นเอง กองทหารมังกรหยดหมึกก็ต้องพบกับการสูญเสียอีกครั้ง!

ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนที่สามกำลังถอยหนี แต่ร่างของเขาก็ถูกห้อมล้อมด้วยหวังเป่าเล่อที่กลายเป็นหมอก เมื่อชายหนุ่มพุ่งตัวไป ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนที่สามก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดก้องไปทั่วสนามรบ

ในระหว่างนั้นเอง เรือบินรบรอบๆ ก็เปิดฉากโจมตี ลำแสงลูกแล้วลูกเล่าระเบิดรอบตัวหวังเป่าเล่อ เขายกมือขึ้นโบก ส่งเรือบินรบหลายสิบลำออกไปรอบๆ และสั่งให้ระเบิดอีกครั้ง ส่งผลให้เรือบินรบกองทหารมังกรหยดหมึกที่พึ่งจัดขบวนขึ้นได้ใหม่ตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้งจากแรงปะทะ!

เมื่อผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น นางก็ดิ้นรนหนักขึ้นไปอีก เสียงร้องคำรามดังก้องขึ้นอีกระดับ ส่งผลให้หุ่นเชิดระเบิดเพิ่มไปอีกหลายตัว!

ทว่า…แม้หุ่นเชิดจะระเบิดไปมาก หุ่นเชิดจำนวนเจ็ดพัดตัวก็ยังทนต่อได้อีกสักพัก เนื่องจากนับตั้งแต่วินาทีที่นางโดนผนึกจนกระทั่งหวังเป่าเล่อสังหารผู้ฝึกตนไปสามคนนั้น มันเพิ่งจะผ่านไปได้เพียงสิบชั่วลมหายใจเท่านั้น!

ยังไม่ถึงเวลาที่จะจบเรื่องราวทั้งหมด แสงเย็นเยียบฉายขึ้นในแววตาหวังเป่าเล่อ เขาเอี้ยวตัวและพุ่งทะยานออกไปอีกครั้ง เล็งสังหารผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นโดยเฉพาะ โดยที่จัดการผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นกลางไปด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มพยายามเลี่ยงผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายของกองทหารมังกรหยดหมึกอีกสองคน เขาสามารถคุมสถานการณ์ในสนามรบไว้ได้ในเวลาสั้นๆ ด้วยพลังป้องกันและความเร็วของตนเอง ประกอบกับเรือบินรบทำลายตัวเองที่ปล่อยออกไปเป็นช่วงๆ

เมื่อผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนที่สี่ ห้า หก และเจ็ดถูกหวังเป่าเล่อสังหารไป ก็เหลือผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณในกองทหารมังกรหยดหมึกเพียงห้าคนเท่านั้น!

ขณะเดียวกัน การระเบิดทำลายตัวเองหลายต่อหลายครั้งของเรือบินรบก็สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับเรือบินรบของกองทหารมังกรหยดหมึก ส่วนเจ้าลาที่กำลังรวบรวมข้าวของอยู่นั้นก็กำลังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง!

เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกร้องคำรามเสียงดังขึ้นไปอีก นางตัดสินใจปลดปล่อยเคล็ดเวทเพื่อให้หลุดออกไปได้เร็วขึ้น แม้ว่าจะต้องจ่ายราคาแพงแต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ

นั่นก็เพราะ…พลังต่อสู้ของหลงหนานจื่อเป็นรองเพียงนางเท่านั้น อีกทั้งการกระทำของเขายังโหดร้ายยิ่งนัก ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือชายหนุ่มไม่ได้สนเรื่องความแตกต่างของระดับการฝึกตนแม้แต่น้อย ราวกับว่าสายตาของเขาแบ่งแยกเพียงแค่มิตรกับศัตรู ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความแข็งแกร่งหรือความอ่อนแอ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรีของผู้แข็งแกร่ง!

แม้จะอ่อนแอกว่า แต่ถ้าเป็นศัตรู เขาก็พร้อมสังหาร ไม่เกี่ยงแม้แต่เพศ!

นอกจากนี้ ความแม่นยำในการกะจังหวะโจมตีของเขาก็ทำให้ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกตื่นกลัวขึ้นในจิตใจ ความจริงแล้ว แม้กองทหารมังกรหยดหมึกจะออกปล้นได้สำเร็จในครั้งนี้ แต่พวกเขาก็ต้องพบกับความสูญเสียหนักหน่วง ทั้งเรือบินรบและกองทัพผู้ฝึกตนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยอ่อน!

ทำให้หวังเป่าเล่อสามารถใช้จุดอ่อนตรงนี้เด็ดหัวเด็ดหางกองทหารมังกรหยดหมึกได้ในเวลาสั้นๆ!

“หลงหนานจื่อ ข้าจะฆ่าเจ้า!” นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกเลือกที่จะทุ่มสุดตัว นางปล่อยเคล็ดเวทออกไป หุ่นเชิดรอบๆ ระเบิดทำลายตัวเองไปจำนวนมาก พริบตาเดียว หุ่นเชิดกว่าสี่พันตัวก็ทยอยระเบิดหายไป ที่เหลืออยู่พันตัวก็กำลังระเบิดตามไป

สีหน้าของหวังเป่าเล่อเคร่งเครียดขึ้น เมื่อเวลาที่คาดไว้ว่าผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกจะหลุดออกมาได้นั้นกระชั้นมามากกว่าเดิม แม้จะคาดคะเนและเตรียมการตอบโต้มาดี แต่เขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจอยู่ภายใน

เหมือนว่าข้าจะทำได้มากสุดเท่านี้…ถึงจะยังไม่ค่อยพอใจ แต่แค่นี้ก็ได้ ก่อนจากไป ขอทิ้งของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้นางอีกชิ้น! แววชั่วร้ายฉายชัดในดวงตาของหวังเป่าเล่อขณะที่ขยับตัวอีกครั้ง รอบนี้ชายหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายไป เขาไม่ได้เล็งผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณ แต่กลับแปลงกายเป็นหมอกและมุ่งหน้าตรงไปยังกองเรือบินรบ ขณะที่กองทหารมังกรหยดหมึกกำลังตกอยู่ในความโกลาหล!

เป้าหมายของเขาไม่ใช่การทำลายกองเรือบินรบด้วยพลังปราณของตนเอง แต่เป็นการซ้ำแผลเดิมที่มีอยู่แล้ว!

การระเบิดหลายครั้งก่อนหน้านี้ได้เปิดแผลเก่าของเรือบินรบส่วนใหญ่ของกองทหารมังกรหยดหมึก หวังเป่าเล่อกลายเป็นหมอกลอยออกไป ก่อนจะทำให้เรือบินรบสั่นสะเทือนอีกครั้งพร้อมส่งสัญญาณเตือนว่าไม่อาจทนรับแรงปะทะได้อีก

ทั้งหมดเหมือนจะดูเนิ่นนาน แต่จริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นในชั่วเวลาสั้นๆ หวังเป่าเล่อกลายเป็นหมอก ลอยผ่านเรือบินรบชีวภาพของกองทหารมังกรหยดหมึกจำนวนมาก เขายกมือขวาส่งเรือบินรบที่เหลืออยู่หลายร้อยลำออกมาจากกำไลคลังเวทและสั่งให้ระเบิดทำลายตัวเอง!

พริบตาต่อมา แรงสั่นสะเทือนก็กระจายไปทั่วบริเวณ ฝูงพายุที่ก่อตัวขึ้นผสานรวมกัน เมื่อเรือบินรบชีวภาพของกองทหารมังกรหยดหมึกที่เสียหายอยู่แล้ว ต้องเผชิญกับพลังทำลายล้างจากเรือบินรบทำลายตัวเองของหวังเป่าเล่อและการโจมตีด้วยร่างหมอกเข้า ก็ไม่สามารถทนรับแรงปะทะจากพายุที่รุนแรงและพัดไปทั่วบริเวณได้ พวกมันจึงเริ่ม…ทำลายตัวเองลง!

……………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset