หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 776 องค์ชายผู้สูงศักดิ์!

ชายหนุ่มรู้สึกว่าสะเก็ดดาวชิ้นนี้ซึ่งดูคล้ายศีรษะมนุษย์ ดูคลับคล้ายคลับคลาใครสักคน…

เซี่ยไห่หยาง! หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะหรี่ตาลงอย่างปุบปับ ภาพของเซี่ยไห่หยางปรากฏชัดอยู่ในใจ เมื่อเปรียบเทียบกับสะเก็ดดาวแล้ว หัวใจของชายหนุ่มก็เต้นโครมครามขึ้น

ทั้งสองดูเหมือนกันจริงๆ แต่อาจเป็นเพราะสีของสะเก็ดดาว ทำให้มันดูเก่าแก่กว่า หากว่าสะเก็ดดาวชิ้นนี้เป็นศีรษะและใบหน้าจริงๆ คงดูเหมือนเซี่ยไห่หยางตอนแก่หรือผู้อาวุโสสักคนในตระกูลของเขา

แต่แม้ว่าจะเป็นผู้อาวุโสจากตระกูลเซี่ย ก็ไม่น่ามีใบหน้าคล้ายคลึงสะเก็ดดาวถึงเพียงนี้ หวังเป่าเล่อจึงไม่อาจตัดสินใจในนาทีนี้ได้ว่าความเป็นจริงคือสิ่งใด หรือมันอาจจะเป็นเพียงเหตุบังเอิญเท่านั้นก็เป็นได้

ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังครุ่นคิด จั่วอี้เซียนก็กำลังชั่งใจกับความคิดของตน แต่ชายหนุ่มก็มองเห็นว่าเจ้านายกำลังตกตะลึง แม้จะไม่รู้ว่ามีสาเหตุจากอะไร แต่จั่วอี้เซียนก็คาดเดาได้ว่ารูปร่างของสะเก็ดดาวเป็นสาเหตุให้หวังเป่าเล่อตกตะลึง

“น่าสนใจเสียจริง” จู่ๆ หวังเป่าเล่อก็หัวเราะออกมา ชายหนุ่มหรี่ตาก่อนจะยกมือขวาขึ้นชี้ไปทางจั่วอี้เซียน ทันใดนั้นแสงสีแดงก็พวยพุ่งออกมาจากนิ้วมือ ก่อนจะกลายเป็นกรงขังจั่วอี้เซียน พร้อมปิดผนึกเรือบินรบเอาไว้ในคราวเดียวกัน

“เจ้ารอตรงนี้เล่า ข้าจะเข้าไปสำรวจเสียหน่อย” หวังเป่าเล่อพูดอย่างเย็นชา แม้การพาจั่วอี้เซียนมาด้วยจะช่วยให้สำรวจถ้ำได้ง่ายกว่า แต่หวังเป่าเล่อก็รู้เรื่องต่างๆ ของถ้ำจากบทสนทนากับจั่วอี้เซียนมาไม่น้อย อีกทั้งชายหนุ่มยังต้องปลดปล่อยพลังเต็มที่เพื่อปกป้องตนเองเมื่อเข้าไปในถ้ำ หากมีจั่วอี้เซียนอยู่ด้วย อีกฝ่ายอาจเห็นอะไรที่เขาไม่อยากให้เห็นก็เป็นได้

ดังนั้นการขังจั่วอี้เซียนเอาไว้จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

จั่วอี้เซียนไม่กล้าขัดขืนการคุมขังของหวังเป่าเล่อและรีบกุลีกุจอรับคำสั่งทันที แต่ชายหนุ่มยังคงรู้สึกเสียดายอยู่ในใจ เพราะอันที่จริงแล้ว เขาอยากกลับเข้าไปในถ้ำนั้นอีกครั้งหนึ่ง ลึกลงไปในใจ จั่วอี้เซียนยังมีความหวังว่าจะสามารถเดินทางกลับสหพันธรัฐได้จากที่แห่งนี้

หวังเป่าเล่อกระโจนลงจากเรือบินรบ เมินจั่วอี้เซียนไปเสียสนิท เมื่อชายหนุ่มปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็มายืนอยู่บนสะเก็ดดาวที่รูปร่างคล้ายศีรษะมนุษย์แล้ว เงาของหวังเป่าเล่อไม่ได้หยุดอยู่กับที่ มันเคลื่อนไปรอบๆ เพื่อสำรวจสะเก็ดดาวอย่างรวดเร็ว หวังจากที่ได้ภาพคร่าวๆ และขนาดของสะเก็ดดาวแล้ว  หวังเป่าเล่อก็มุ่งหน้าตรงไปยังช่องที่ดูคล้ายปากทันที!

ช่องนี้เป็นทางเข้าเดียวของสะเก็ดดาว มันดูลึกมาก แถมยังมีอากาศเย็นไหลบ่าออกมาจากภายใน เมื่อเขาขยับเข้าไปใกล้ อากาศเย็นนั้นก็ดูราวกับจะมีชีวิตขึ้นมา เมื่อมันสัมผัสกายของหวังเป่าเล่อ ก็คล้ายจะแปรสภาพเป็นเข็มน้ำแข็งที่พยายามทิ่มแทงเข้าไปในร่างของชายหนุ่ม

แต่ร่างของหวังเป่าเล่อก็ยังแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นเพราะการฝึกฝนหรือด้วยพลังของวิญญาณจุติดวงดาราก็ตาม แม้ว่ามันจะไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของเขา แต่ก็ยังเรียกได้ว่าแข็งแกร่งและหนังเหนียวไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะเมื่อชายหนุ่มเรียกเกราะจักรพรรดิออกมาใช้เพื่อเป็นการป้องกันร่างกายอีกชั้นหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเข็มน้ำแข็งจะพยายามทิ่มแทงเข้าไปในร่างกายของชายหนุ่มอย่างไม่หยุดหย่อนขณะกำลังมุ่งตรงไปข้างหน้า มันก็ไร้ซึ่งผลใดๆ

ด้วยเหตุนี้หวังเป่าเล่อจึงเร่งความเร็วมุ่งหน้าไปตามทางได้เรื่อยๆ ยิ่งเดินเข้าไปลึก อากาศเย็นก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นทุกที ทว่าผนังที่รายล้อมทางอยู่กลับไม่มีทีท่าว่าจะเป็นน้ำแข็งแต่อย่างใด ความจริงแล้วหลายๆ บริเวณมีแสงเรื่อเรืองสีฟ้าส่องสว่างออกมาด้วยซ้ำ

ปรากฏการณ์ที่เห็นดึงดูดความสนใจของชายหนุ่ม ทำให้เขาระมัดระวังตัวขึ้นกว่าเดิม และเริ่มลดความเร็วลง เขาเดินต่อไปจนกระทั่งถึงกลางทางตามการคาดการณ์ของตนเอง จากนั้นหวังเป่าเล่อก็หยุดเดิน ก่อนจะเอียงศีรษะไปมองผนังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

ผนังนั้นมีสีดำสนิทมาตั้งแต่แรก แต่ทันทีที่สายตาของหวังเป่าเล่อจับจ้องไป ลูกไฟสีเขียวก็ปรากฏขึ้น ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวอยู่ในผนังราวกับว่ากำลังล่องลอยอยู่ไปมา!

ขณะที่ลูกไฟกำลังเคลื่อนที่ไป ผนังก็ดูราวกับว่าโปร่งใสขึ้น โครงสร้างและความขุ่นมัวภายในปรากฏชัดขึ้นมาราวกับมีคนส่องไฟอยู่เบื้องหลังผนังกระนั้น สิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นก็คือ หวังเป่าเล่อเหมือนเห็นโครงร่างของตึกอยู่รางๆ ภายในลูกไฟที่กำลังเคลื่อนที่ไปมา!

ราวกับว่าภายในลูกไฟนั้นเป็นโลกอีกใบก็ไม่ปาน!

ภาพนี้ทำให้หวังเป่าเล่อต้องหรี่ตาลง ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน แต่จริงๆ มันผ่านไปเพียงสิบลมหายใจเท่านั้น และเมื่อลูกไฟนั้นจางหายไป ประกายแสงก็สว่างวาบขึ้นบนดวงตาของเขา

สะเก็ดดาวชิ้นนี้ช่างแปลกประหลาดเสียจริง… เป็นไปได้หรือว่าสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์จะไม่รู้เรื่องนี้ หรือบางทีพวกเขาอาจจะรู้และเข้ามาสำรวจที่นี่ไปแล้วแต่ตัดสินใจจะไม่ใส่ใจเสียเอง หวังเป่าเล่อรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ค่อยสมเหตุสมผล เพราะอย่างไรเสีย จั่วอี้เซียนก็ถูกพบตัวที่นี่ และสายธารสะเก็ดดาวแห่งนี้ก็อยู่ใกล้อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์มาก ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะไม่ได้มาสำรวจที่นี่อย่างถ้วนถี่

เมื่อคิดอยู่ครู่ใหญ่ ความคิดของหวังเป่าเล่อก็มัดเกี่ยวกันพัลวัน ชายหนุ่มออกเดินต่อไปพลางเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ แต่เมื่อเขาเดินลึกเข้าไป ก็ยิ่งเห็นลูกไฟที่เหมือนลูกไฟสีเขียวก่อนหน้านี้อยู่เบื้องหลังผนังมากขึ้น ลูกไฟเหล่านี้มีสีสันแตกต่างกันไป โดยเฉพาะเมื่อหวังเป่าเล่อเดินเข้าไปจนเกือบสุดทาง ลูกไฟในผนังที่รายล้อมอยู่ก็เริ่มหนาแน่นขึ้นและซ้อนทับกันไปมา ทำให้สีสันของพวกมันยิ่งงดงามตระการตาขึ้นไปอีก

สิ่งที่เขาเห็นต่อมาทำให้วิญญาณของหวังเป่าเล่อสั่นคลอนอย่างแท้จริง เมื่อชายหนุ่มเดินมาถึงสุดทางเดิน สายตาของเขาก็มองเห็นผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ ในบริเวณนั้น ลูกไฟหลากสีที่อยู่ในกำแพงก่อนหน้านี้ออกมาล่องลอยไปมาอยู่ในอากาศ!

ลูกไฟเหล่านี้นอกจากจะมีสีสันหลากหลายแล้วยังมีขนาดใหญ่เล็กแตกต่างกัน มันล่องลอยรวมกลุ่มกันไปมาราวกับเป็นฝูงปลาอนุบาล ภาพตรงหน้าทำให้หวังเป่าเล่อตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ ชายหนุ่มเหมือนจมอยู่ในทะเลแห่งแสงไฟก็ไม่ปาน!

ต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่! ดวงวิญญาณของหวังเป่าเล่อถึงกับสั่นไหว ชายหนุ่มยังสังเกตเห็นด้วยว่ามีเงารูปร่างต่าๆ อยู่ภายในลูกไฟเหล่านี้ บ้างก็เป็นตึกราม บ้างก็เป็นซากปรักหักพัง บ้างก็เป็นพื้นผิวดิน และบ้างก็เป็น…สิ่งมีชีวิตมากมายหลายหลาก!

ไม่ว่าจะเป็นอสูรดุร้ายหรือพืชพันธุ์ พวกมันก็ดูคล้ายถูกผนึกอยู่ภายในลูกไฟเหล่านี้ ความจริง…หวังเป่าเล่อเห็นกระทั่งเงาของผู้ฝึกตนอยู่ภายในนั้นด้วย!

นอกจากนั้น เงาภายในลูกไฟบางลูกก็ดูเหมือนจะเป็นรูปสลัก รูปสลักที่อยู่ภายในลูกไฟขนาดใหญ่ลูกหนึ่งสุกสว่างเป็นพิเศษ เงาของมันเห็นได้ชัดเจนกว่าเงาในลูกไฟลูกอื่นๆ เพียงแค่กวาดตามองครั้งเดียว หวังเป่าเล่อก็เห็นทุกสิ่งที่อยู่ภายใน

รูปสลักในดวงไฟเป็นดาวเคราะห์ห้าดวง แม้จะไม่มีอะไรให้เทียบขนาด แต่เมื่อหวังเป่าเล่อเห็นรูปสลักภายในลูกไฟเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มก็รู้สึกแปลกประหลาดอย่างไม่รู้ตัว ราวกับว่า…ดาวเคราะห์ทุกดวงนั้นล้วนกินขนาดเกินครึ่งหนึ่งของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์แห่งนี้ด้วยซ้ำ!

เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลย และช่างตรงกันข้ามกับความรู้ในศีรษะของหวังเป่าเล่อโดยสิ้นเชิง แต่…สัมผัสรับรู้ของชายหนุ่มก็บอกเขาว่ามันเป็นเรื่องจริง!

ความรู้สึกนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อเกรงกลัวจนหัวใจสั่นไหวด้วยซ้ำ แต่ความเป็นจริงที่ว่า เมื่อชายหนุ่มมองไปยังดาวเคราะห์ทั้งห้า วิญญาณจุติดวงดาราในกายก็เริ่มสั่นคลอนต่างหากที่ทำให้เขาหวาดกลัว ราวกับว่า…มันมาจากที่เดียวกับดาวเคราะห์เหล่านั้นก็ไม่ปาน

วิญญาณจุติดวงดารา? หรือว่า…ดาวเคราะห์ทั้งห้านี้จะกำเนิดมาจากวิญญาณจุติดวงดารานี้ ความคิดอันโง่งมนี้ปรากฏขึ้นในมโนสำนึกของหวังเป่าเล่อ

สายตาของเขาอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นก็เป็นได้ เพราะในวินาทีเดียวกันนั้นเอง หัวใจของหวังเป่าเล่อก็สัมผัสได้ถึงอันตราย จุดกำเนิดของอันตรายนั้นมาจากลูกไฟที่มีรูปสลักของดาวเคราะห์ทั้งห้าอยู่นั่นเอง!

ลมหายใจของชายหนุ่มหอบถี่ เขารู้สึกว่าด้วยระดับปราณของตนในตอนนี้ เขาต้องไม่ปลอดภัยแน่ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเผชิญความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ในเมื่อหวังเป่าเล่อมาที่นี่เพียงเพื่อจะผ่อนคลายความเครียดเท่านั้น แม้ว่าชายหนุ่มจะเป็นเพียงร่างอวตาร แต่เขาก็พร้อมหนีด้วยการสะบัดกายเพียงครั้งเดียว

แต่ทันทีที่ร่างกายของหวังเป่าเล่อถอยหนี ลูกไฟที่มีรูปสลักดาวเคราะห์ทั้งห้าภายในดงลูกไฟซึ่งคล้ายปลาอนุบาลก็ส่องแสงกล้าขึ้น จู่ๆ มันก็เคลื่อนออกจากกลุ่มและพุ่งตรงเข้าหาหวังเป่าเล่อทันที ราวกับว่ามีความเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างลูกไฟดวงนั้นกับตัวชายหนุ่ม

สีหน้าของหวังเป่าเล่อเปลี่ยนไป เขาเพิ่มความเร็วในการหนีมากขึ้น ชายหนุ่มสร้างผนึกฝ่ามือด้วยมือขวา เรียกเกราะจักรพรรดิออกมาสวมไว้พร้อมอาวุธเทพ เมื่อเกราะปรากฏขึ้น หวังเป่าเล่อก็ฟันใส่ลูกไฟที่ไล่ตามมาทันที!

ตอนที่ฟัน ชายหนุ่มก็ส่งพลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นกลางของเขาออกไปด้วย ราวกับเขาฟันใส่ความว่างเปล่าจนฉีกขาด ก่อให้เกิดคลื่นสะเทือนที่พุ่งเข้าหาลูกไฟลูกนั้นอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้น หวังเป่าเล่อก็เตรียมพร้อมที่จะหนี แต่ขณะที่ชายหนุ่มกำลังขยับตัวนั่นเอง ลูกไฟก็เร่งความเร็วเข้าใส่คลื่นที่อาวุธเทพของเขาสร้างขึ้น แสงสว่างจ้ารุนแรงระเบิดออกมาจากลูกไฟและสว่างปกคลุมไปทั้งถ้ำอย่างรวดเร็ว มันแปรเปลี่ยนถ้ำให้กลายเป็นทะเลแห่งแสง และเงาเลือนรางร่างหนึ่ง…ก็ก้าวออกมาจากลูกไฟลูกนั้น!

ร่างเงานั้นยืดตัวตรง น้ำเสียงเยียบเย็นแฝงไว้ด้วยไม่พอใจดังกังวานไปทั่วอย่างรวดเร็ว

“ที่นี่คือที่ใดกัน ไอ้เจ้าข้ารับใช้แก่เฒ่าโง่งม เจ้าเป็นผู้ที่เรียกข้าออกมาเช่นนั้นหรือ จงมาคุกเข่าแสดงความเคารพต่อองค์ชายของเจ้าเดี๋ยวนี้!”

เมื่อถ้อยคำของคนๆ นี้กระจายออกไป ทะเลแห่งแสงก็อ่อนแรงลงก่อนจะจางหาย ลูกไฟที่มีดาวเคราะห์ทั้งห้าอยู่ภายในก็เริ่มจางลงเช่นกัน หวังเป่าเล่อนัยน์ตาลุกโพลง ขณะที่ชายหนุ่มล่าถอย เขาก็หันกลับไปมองเงาที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยความระแวดระวัง

ร่างนั้นเป็นเด็กหนุ่ม ที่ดูเหมือนจะอยู่ในขั้นกำเนิดแก่นใน เสื้อผ้าของเขาดูหรูหรา สีเขียวและแดงที่จับคู่กับกระจกบานจ้อยมากมายบนตัวทำเอาหวังเป่าเล่อคลื่นเหียน

ขณะที่หวังเป่าเล่อลอบสังเกตเด็กหนุ่มอยู่นั้น เด็กหนุ่มเองก็จ้องมองมาที่เขาอย่างหยิ่งยโสเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหวังเป่าเล่อไม่ทำตามคำสั่ง เด็กหนุ่มก็ขมวดคิ้วก่อนจะพ่นลมออกมาทางจมูกอย่างขัดใจ เขายกมือขวาขึ้นหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาพลางขว้างไปทางหวังเป่าเล่อ และยกเท้าข้างขวาขึ้นเผยให้เห็นรองเท้าผ้าไหมสีดำขลับ

“มาเช็ดรองเท้าข้าให้สะอาดที โลกมนุษย์ของพวกเจ้าทำให้รองเท้าที่ทำขึ้นจากเส้นผมของสนมนับแสนของข้าต้องแปดเปื้อน”

 ………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset