โลกภายใต้พระจันทร์สีเลือดแดงฉานราวอาบด้วยโลหิต แอ่งกระทะบนพื้นกลายเป็นสีแดงเข้ม เสียงโซ่ตรวนขยับกระทบกันประสานกับเสียงร้องโหยหวนดังออกจากถ้ำทั้งเก้า เมื่อได้เห็นและได้ยินทุกสิ่งทุกอย่าง สีหน้าของหวังเป่าเล่อก็พลันเคร่งขรึมขึ้นทันที ผู้ดูแลกิจการสวีที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายความชั่วร้ายดำมืดเปิดปากพูด เสียงแหบแก่ชราของเขาให้ความความรู้สึกกระหายเลือด และดังกังวานไปทั่วบริเวณ
“เจ้าหลงน้อย รอสิ่งใดอยู่เล่า จงไปนั่งกลางสระน้ำเก้าอมตะเสีย การรับพรจะสิ้นสุดเมื่อเจ้าบรรลุขั้นปราณ หรือเมื่อเวลาสองชั่วโมงจบลง ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งใดเกิดก่อน!”
หวังเป่าเล่อไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใดที่ถูกเรียกว่าเจ้าหลงน้อย และรีบตอบรับคำสั่งของผู้ดูแลกิจการสวีในทันที แม้ชายหนุ่มจะลังเลอยู่ในใจ แต่ก็รีบตั้งสติและกระโจนลงไปกลางหลุม ร่างของเขาพลันจมลงไปใต้แอ่งกระทะ
กลิ่นเลือดรุนแรงโชยมาเข้าจมูก พื้นเป็นสีแดงเข้มราวกับคอยซับเลือดอยู่เป็นอาจิณ
หวังเป่าเล่อมองดูบรรยากาศรอบตัวโดยไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด เขานั่งขัดสมาธิลงกับพื้นและเงยหน้าขึ้นมองด้านบน ตอนนั้นเอง เมื่อเสียงโซ่ตรวนเหล็กกระทบกันพร้อมด้วยเสียงร้องโหยหวยจากถ้ำทั้งเก้าดังขึ้นจนถึงขีดสุด วินาทีต่อมา ร่างยักษ์ร่างหนึ่งก็พุ่งพรวดออกจากถ้ำ!
ร่างนั้นไม่ใช่ผู้ฝึกตน หากแต่เป็นกิ้งก่ายักษ์สองหัว ทันทีที่มันพุ่งออกจากถ้ำ กิ้งก่ายักษ์ก็กระโจนขึ้นไปในอากาศ ส่งเสียงกรีดร้องพร้อมดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ราวกับอยากจะหนีไปให้ไกลอย่างไรอย่างนั้น!
แต่โซ่ตรวนกลับจิกเข้าไปในเนื้อ ห้ามร่างของมันเอาไว้จากอิสรภาพ ไม่ว่ากิ้งก่ายักษ์จะดิ้นรนให้ตายเพียงใดก็ไม่มีความหมาย มันทำได้เพียงขยับตัวไปมาอยู่แถวถ้ำของตนเท่านั้น ไม่สามารถออกไปได้ไกล!
กระแสสายฟ้าสีแดงแลบออกจากโซ่เป็นระยะๆ ทำให้กิ้งก่ายักษ์กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เกล็ดบนร่างกายมันลุกชัน ปล่อยพลังขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นสมบูรณ์ออกมา เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของมัน มาพร้อมไอพลังโหดเหี้ยมเหนือคำบรรยายที่ทำให้ท้องฟ้าต้องสั่นสะท้าน
ยังไม่จบเพียงเท่านั้น สิ่งมีชีวิตอื่นๆ นอกจากกิ้งก่ายักษ์ต่างกระโจนจากถ้ำของตนออกมาตามๆ กัน มีทั้งมังกรยักษ์ สิ่งมีชีวิตคล้ายพืช และสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนผู้ฝึกตนแต่ไม่ใช่ ทุกตนถูกจองจำเอาไว้ด้วยโซ่ตรวน และล้วนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากสายฟ้าสีแดงเช่นกัน ทั้งชีวิตมีเพียงความบ้าคลั่งและความเจ็บปวดเท่านั้นให้รู้สึก!
เมื่อเห็นภาพทั้งหมดนี้ หวังเป่าเล่อก็หายใจถี่ เขารู้แล้วว่าสระน้ำเก้าอมตะมีไว้เพื่อสิ่งใด ที่แห่งนี้กักขังสิ่งมีชีวิตขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นสมบูรณ์เอาไว้เก้าตน เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรมาจารย์และผู้ดูแลกิจการสวีจับมาด้วยตนเองจากอารยธรรมที่พวกเขาไปปล้นทำลายมา
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่ได้ถูกสังหาร หากแต่ถูกจองจำเพื่อเป็นรางวัลแก่ศิษย์ของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์!
“เจ้าหลงน้อย เริ่มแล้วนะ” เสียงของผู้ดูแลกิจการสวียิ่งดูเหี้ยมขึ้นอีกท่ามกลางเสียงโหยหวยด้วยความเจ็บปวดของสิ่งมีชีวิตทั้งเก้า สีหน้าของเขาบ่งบอกเล็กน้อยว่าชื่นชอบภาพตรงหน้า ชายชราสร้างผนึกฝ่ามือด้วยมือขวา พลันโซ่ตรวนที่ตรึงสิ่งมีชีวิตทั้งเก้าเอาไว้ก็กลายเป็นสีแดง สายฟ้าที่รุนแรงกว่าเดิมชอนไชเข้าไปในร่างของสิ่งมีชีวิตทั้งเก้าในทันที
วินาทีต่อมาเสียงกรีดร้องก็ทวีความน่าขนลุกขึ้นไปอีก พลังชีวิตไหลบ่าออกจากร่างของพวกมันอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความที่พวกมันมีปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะ พลังที่ไหลออกมานั้นจึงมีทั้งพลังชีวิตและพลังปราณ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นพลังที่มากกว่าพลังปราณด้วยเช่นกัน
เห็นได้ว่าพลังชีวิตที่แผ่ออกมานั้นมีสภาพเป็นหมอกซึ่งไหลออกจากรูทวารทั้งเจ็ด หมอกเหล่านั้นไหลผ่านกำแพงหน้าผาเข้าท่วมแอ่งเบื้องล่าง กระบวนการนี้ฉีกร่างของพวกมันเป็นชิ้นๆ ก่อให้เกิดความเจ็บปวดอันยากจะทานทน เลือดสดๆ ไหลออกจากร่างกายที่สั่นเทิ้ม เลือดนี้…เป็นตัวการที่ทำให้พื้นแอ่งกระทะมีกลิ่นโลหิตเข้มข้นนั่นเอง!
ภาพตรงหน้านั้นโหดร้ายเหลือทน พลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตขั้นจิตวิญญาณอมตะทั้งเก้ายังคงทะลักออกจากร่างอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด สำนักไม่ยอมปล่อยให้พวกมันตาย ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตทั้งเก้านี้เป็นถูกใช้เป็นภาชนะและสมบัติเวทขนาดใหญ่ยักษ์อย่างไรอย่างนั้น
หวังเป่าเล่อเงียบงัน เขาหลับตาลงเพื่อซ่อนภาพนั้นไว้เบื้องหลังเปลือกตา และเริ่มดูดพลังชีวิตที่หลั่งไหลเข้ามาทันที ที่ทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะชายหนุ่มใจไม้ไส้ระกำ เพียงแต่ว่าความเมตตา ศีลธรรม และความต้องการปกป้องของเขานั้น มีไว้เพื่อสหพันธรัฐเพียงเท่านั้น!
สิ่งอื่นๆ ไม่ได้อยู่ในความใส่ใจของเขาแต่อย่างใด เขาไม่มีอำนาจไปยุ่มย่ามก้าวก่ายกิจการของอารยธรรมอื่น นอกจากนี้…เขารู้แก่ใจดีอยู่แล้วว่าโลกแห่งการฝึกตนนั้นโหดเหี้ยมเพียงใดตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้าสู่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์
ตัวตนนี้ของเขาไม่ได้เกิดจากการถูกหล่อหลอมด้วยประสบการณ์วัยเด็ก หากแต่เป็นธรรมชาติภายในสหพันธรัฐที่ทุกคนพึงรู้แต่แรก นับตั้งแต่วินาทีที่กระบี่สำริดเขียวโบราณพุ่งเข้าชนดวงอาทิตย์ และนำพายุคกำเนิดวิญญาณมาสู่มวลมนุษยชาติ!
สงครามอสูรมากมายอุบัติขึ้นพร้อมการมาถึงของยุคกำเนิดวิญญาณ ทำให้มนุษย์โลกทั้งสองชั่วอายุคนคุ้นเคยกับเลือดและความตายดี
เส้นทางแห่งการฝึกตนนั้น ยิ่งถลำตัวเข้าไปลึกเท่าใด ก็ยิ่งโหดเหี้ยมอันตรายมากขึ้นเท่านั้น!
แม้เขาจะรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นบ้าง แต่ความรู้สึกที่รุนแรงมากกว่าสิ่งใด…คือความมุ่งมั่นที่จะไม่ปล่อยให้ภาพนี้เกิดขึ้นกับสหพันธรัฐอย่างเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงปล่อยพลังของตนออกมา และใช้อำนาจทุกอย่างที่มีในการดูดพลังชีวิตซึ่งไหลหลั่งออกมาเข้าไป!
หวังเป่าเล่อมีปราณอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นกลาง เมื่อได้รับพลังชีวิตจากสิ่งมีชีวิตทั้งเก้า เขาก็ทำตนเหมือนฟองน้ำที่ดูดซับทุกสิ่งเข้าหาตน ภายในระยะเวลาอันสั้น ปราณขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นกลางที่เขาเพิ่งบรรลุก็หยั่งรากสมบูรณ์ในกายของชายหนุ่ม
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น หวังเป่าเล่อยังไม่พอใจกับความเร็วในการดูดซับและปริมาณพลังชีวิตที่ได้รับมา ชายหนุ่มจึงใช้กระบวนท่าสารัตถะบังหน้า แล้วแอบปล่อยพลังเมล็ดดูดกลืนภายในกายออกไปเล็กน้อย
เมล็ดดูดกลืนเปลี่ยนร่างของเขาให้เป็นเสมือนหลุมดำ ทันใดนั้น หมอกพลังชีวิตที่อยู่รอบกายเขาซึ่งกำลังก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มไหลออกจากแอ่งก็เริ่มยุบตัวลงทันที!
เมื่อเทียบกับปริมาณทั้งหมดแล้ว ระดับของหมอกที่ลดลงนั้นไม่ได้เยอะมาก หวังเป่าเล่อค่อยๆ ควบคุมพลังการดูดกลืนของตนให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามปริมาณหมอกที่ลดลง
หลังจากผ่านไปสิบห้านาที ร่างของชายหนุ่มก็สั่นสะท้าน พลังปราณของเขาขึ้นไปอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นกลาง และกำลังจะบรรลุไปสู่ชั้นปลาย ที่ทำเช่นนี้ได้เพราะสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ออกแบบและสร้างแอ่งกระทะนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ และโซ่ตรวนเหล่านั้นก็มีคุณสมบัติพิเศษในการเปลี่ยนพลังชีวิตให้อยู่ในรูปแบบที่ดูดซึมได้เร็ว พลังชีวิตที่ไหลออกจากสิ่งมีชีวิตทั้งเก้าจึงไม่ต่างอะไรกับโอสถอมตะแม้แต่น้อย!
ความแตกต่างเดียวคือโอสถเป็นพลังชีวิตที่ถูกกักเก็บไว้ แต่พลังชีวิตที่หวังเป่าเล่อกำลังดูดเข้าไปคือพลังที่ไหลออกจากร่างแบบสดๆ
หวังเป่าเล่อไม่มีปัญหาเรื่องการดูดพลัง แต่อำนาจเหนือธรรมชาติของเมล็ดดูดกลืนที่ทำให้ชายหนุ่มดูดพลังชีวิตได้เร็วขึ้น ทำให้ผู้ดูแลกิจการสวีเริ่มสนใจ แววตาของเขาเป็นประกายขณะหันกลับมามองหวังเป่าเล่อให้ดีอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าหมอนี่จะมีความลับซ่อนอยู่ในกาย แต่…ในเมื่อเจ้าเด็กหลิงโยวไว้เนื้อเชื่อใจเขา ก็คงไม่เป็นไรกระมัง ผู้ดูแลกิจการสวีคิดอยู่สักพักและตัดสินใจเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้หวังเป่าเล่อดูดพลังได้ตามใจชอบ
สิบห้านาทีผ่านไปในรูปการณ์นี้ หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังเดินทางมาสู่หัวเลี้ยวหัวต่อของการบรรลุปราณ ชายหนุ่มมั่นใจว่าอีกอึดใจเดียว ตนจะก้าวผ่านปราณขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นกลางไปเป็นชั้นปลายอย่างแน่นอน
และในวินาทีที่เขาบรรลุขั้นปราณ การรับพรนี้ก็จะจบลงตามกฎ
ความเร็วนี้ทำให้ชายหนุ่มทั้งตัวสั่นด้วยความกลัวและเกิดความกระหายอันไร้ก้นบึ้ง แต่ด้วยความที่มีคนนอกอยู่ด้วย หวังเป่าเล่อจึงนำเกราะจักรพรรดิของตนออกมาดูดพลังไม่ได้ และหากแอบทำก็คงไม่เป็นการดีเช่นกัน หลังจากที่คิดอยู่สักพัก เขาจึงตัดสินใจใช้พลังชีวิตเหล่าหลอมสร้างร่างอวตารจากกระบวนท่าสารัตถะให้แข็งแกร่งขึ้นแทน!
ข้าจะปล่อยให้โอกาสทองเช่นนี้สูญไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้! คิดได้ดังนั้นหวังเป่าเล่อก็แอบใช้พลังชีวิตที่ได้รับมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างอวตารของตน มันก็ได้ผลอยู่บ้าง แต่ร่างอวตารนี้ต้องการพลังจำนวนมากจึงทำให้พัฒนาไปได้อย่างเชื่องช้า แต่หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ว่าหากตนทำเช่นนี้ต่อไป ไม่ใช่เพียงร่างอวตารของเขาเท่านั้นที่จะแข็งแกร่งขึ้น แต่ร่างจริงก็จะพัฒนาขึ้นด้วยเช่นกันเมื่อรวมร่างเข้าด้วยกันอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงเดินหน้าหลอมร่างอวตารของตนด้วยความระมัดระวังและความกระวนกระวายกลัวว่าจะโดนจับได้
ผู้ดูแลกิจการสวีรู้สึกถึงปัญหาใหม่ได้ในทันที เขาเปิดเปลือกตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสีหน้าประหลาด ชายชรามุ่นคิ้วเล็กน้อย แต่หลังจากที่คิดว่าเทพธิดาหลิงโยวไว้ใจพ่อหนุ่มคนนี้ และคิดถึงความจริงที่ว่าหลงหนานจื่อพรั่งพร้อมด้วยไหวพริบและไม่ใช่คนที่จะทำอะไรเลยเถิด เขาจึงตัดสินใจกระแอมกระไอออกมาในที่สุดและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเสีย
เมื่อหวังเป่าเล่อเห็นว่าผู้ดูแลกิจการสวีไม่ได้พยายามหยุดเขา ดวงตาของชายหนุ่มก็ฉายแสงวาบ เขาเพิ่มพลังการดูดของตนเองในทันที หนึ่งชั่วโมงต่อมา พลังปราณในหลุมทั้งหมดก็ใกล้หมดลง ผู้ดูแลกิจการสวีลืมตาขึ้นอีกครั้งและเอ่ยด้วยเสียงเย็น
“สิบวินาที!”
เมื่อได้ยินดังนั้นหวังเป่าเล่อก็เพิ่มความเร็วในการดูดซึมของตนเองอีกครั้ง ทันทีที่สิ้นเวลาสิบวินาที ชายหนุ่มก็ไม่พยายามกดพลังของตนเองอีกต่อไป เขาพลันบรรลุสู่ขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายอย่างรวดเร็ว!
ทันทีที่กลายเป็นผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลาย เสียงดังลั่นก็ระเบิดออกจากกายชายหนุ่ม ไอพลังที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมระเบิดออกมา ร่างของเขาทะลึ่งพรวดขึ้นไปในอากาศ ยืนค้างอยู่บนความว่างเปล่าเบื้องบน ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นส่งเสียงคำราม ท้องฟ้าและสรวงสวรรค์สั่นสะเทือน ทั้งลมและเมฆถูกปัดเป่าปลิวไปด้วยอำนาจของหวังเป่าเล่อ พายุรุนแรงปะทุขึ้นรอบกายในทันที
……………………….