หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 810 ตกปลาน้ำขุ่น!

ท้องฟ้าสีแดงฉานลอยอยู่เหนือศีรษะ ผืนทรายสีขาวรองอยู่ใต้เท้า ขณะที่หวังเป่าเล่อซึ่งปลอมตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มตระกูลไม่รู้สิ้นพุ่งทะยานไปข้างหน้า ชายหนุ่มพุ่งตรงไปอย่างมั่นใจ ทะลุกำแพงเสียงหลายต่อหลายครั้งและทิ้งไว้เพียงเสียงดังสนั่นในทุกๆ แห่งที่ผ่าน ความเร็วของหวังเป่าเล่อพุ่งสูงขึ้นอีกเมื่อเข้าใกล้ค่ายทหาร

ชายหนุ่มอยู่ห่างจากค่ายทหหารไปราวสิบห้านาทีเมื่อกลุ่มนักรบตระกูลไม่รู้สิ้นปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า คนพวกนั้นหยุดทันทีเมื่อมองเห็นหวังเป่าเล่อ หลังจากที่มองดูชายหนุ่มและเห็นว่าเป็นเพื่อนนักรบด้วยกัน พวกเขาก็พากันประสานมือคารวะ

หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบ พวกเขาอยู่ใกล้ค่ายมากเกินไป แม้ว่าจุดประสงค์หลักของเขาคือสังหารผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นเหล่านี้ แต่ก็น่าจะดีกว่าหากเริ่มต้นสังหารตอนที่เข้าไปอยู่ในค่ายแล้ว หวังเป่าเล่อสามารถใช้กระบวนท่าสารัตถะปกปิดตัวตนที่แท้จริงได้ แต่หากโจมตีตอนนี้ อาจทำให้เกิดการสืบสวนโดยไม่จำเป็นได้

หวังเป่าเล่อควบคุมจิตสังหารของตนเอง ก่อนจะส่งสายตาเยือกเย็นไปให้กลุ่มนั้น แล้วพุ่งผ่านไปอย่างไม่ใยดี

พวกนั้นไม่ใช่กลุ่มผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นกลุ่มเดียวที่หวังเป่าเล่อพบระหว่างทางมาค่าย ชายหนุ่มพบกลุ่มเช่นนี้อีกราวเจ็ดถึงแปดกลุ่มภายในระยะเวลาสิบห้านาที กลุ่มแรกๆ ต่างพากันทักทายเมื่อเห็นเขา แต่กลุ่มที่เหลือต่างก็เมินเขาเสีย

หวังเป่าเล่อไม่คิดโจมตีใคร เอาแต่มุ่งหน้าต่อไปตามความทรงจำที่ได้รับมาจากการค้นวิญญาณ จนในที่สุด ค่ายก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา!

ค่ายของตระกูลไม่รู้สิ้นดูมีเอกลักษณ์ เหนือค่ายมีครอบวงกลมขนาดใหญ่อยู่ถึงเก้าอันที่ส่องแสงสีดำสนิทออกมา หากมองจากไกลๆ พวกมันดูเหมือนหลุมดำทั้งเก้าที่ดูดแสงซึ่งรายล้อมอยู่เข้าไป

จากความทรงจำที่ได้รับมา มีมิติทั้งเก้าแยกอยู่ในครอบทรงกลมเหล่านี้…หวังเป่าเล่อหรี่ตาขณะมองผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นเดินทางเข้าออกครอบวงกลมทั้งเก้านั้น ชายหนุ่มเพ่งสมาธิไปยังครอบวงกลมที่อยู่สูงสุด เขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณจางๆ ที่ออกมาจากครอบวงกลมนั้น

หวังเป่าเล่อรีบถอนสายตาออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งตรงไปหาครอบวงกลมที่ห้า ซึ่งเป็นที่ตั้งสาขาของหัวหน้ากลุ่มผู้ล่วงลับ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังก้าวเข้าไปในครอบวงกลม พลังจากวงแหวนปราณก็หมุนวนก่อนจะพัดผ่านกายเขาไปราวกับเป็นการตรวจสอบตราประจำตัวและรัศมีวิญญาณของเขา เมื่อตรวจสอบเสร็จพลังจากวงแหวนปราณก็ถอยหลังกลับไป หวังเป่าเล่อผ่านการตรวจสอบมาได้

กระบวนท่าสารัตถะของศิษย์พี่ช่างมีประโยชน์เสียจริง หวังเป่าเล่อนึกขอบคุณขณะก้าวเข้าไปในมิติด้านในครอบวงกลม ผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ซึ่งรายล้อมไปด้วยภูเขาปรากฏขึ้นสู่คลองจักษุ มิติแห่งนี้ไม่มีดวงอาทิตย์ แต่ผืนแผ่นดินก็ไม่ได้จมอยู่ในความมืดมิด ดูเหมือนว่าท้องฟ้าจะส่องแสงเรืองรองออกมา ห้องโถงที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ ปรากฏแซมอยู่ในทิวเขา เหมือนว่าจะมีเหตุผลที่ไปสร้างอยู่ในบริเวณนั้น เสียงตะโกนและเสียงโห่ร้องดังก้องมาจากโถงเหล่านั้นอยู่ประปราย

มีกองทัพเก้ากองประจำอยู่ในค่ายตระกูลไม่รู้สิ้นนี้ แต่ละมิติจะมีกองทัพตั้งอยู่หนึ่งกอง ในหนึ่งกองทัพแบ่งออกเป็นหนึ่งร้อยหน่วย และทุกๆ หน่วยมีโถงของตนเองเอาไว้ใช้เป็นฐาน หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ขณะจ้องมองภาพตรงหน้าและคาดเดาสถานการณ์อย่างเงียบเชียบ ขณะนี้ชายหนุ่มขโมยหน้าตาของหัวหน้าหน่วยผู้ล่วงลับซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพที่ห้ามาใช้ หัวหน้าหน่วยคนนี้มีผลงานดี และดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในสิบผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพที่ห้าอีกด้วย นั่นคือเหตุผลว่าเหตุใดผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นบางคนจึงทักทายเขาด้วยความเคารพระหว่างทาง

หากเป็นเช่นนั้น…ก็เริ่มจากกองทัพที่ห้าก็แล้วกัน! ประกายเย็นยะเยือกสะท้อนอยู่ในแววตาของหวังเป่าเล่อ รูปลักษณ์ภายนอกของชายหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขาออกตัวพุ่งไปข้างหน้า ชายหนุ่มแปลงกายเป็นยุงอย่างรวดเร็วก่อนที่ใครจะมองเห็นและบินเข้าไปในโถงใกล้ๆ

หวังเป่าเล่อได้ยินเสียงหัวเราะดังแว่วมาเมื่อเข้ามาในโถง ในนี้มีสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นอยู่นับสิบคนกำลังยืนล้อมวงหัวเราะกันอยู่ ภายในวงกลมมีผู้ฝึกตนพื้นเมืองที่บาดเจ็บยืนอยู่สองคน นัยน์ตาของพวกเขาแดงก่ำ ขณะที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดราวกับเป็นอสูรร้ายในกรงขัง

ภาพนั้นไม่ได้ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกเห็นอกเห็นใจแต่อย่างใด ชายหนุ่มไม่ใช่คนใจดีหรือเห็นใจผู้อื่น ที่นี่ไม่ใช่สหพันธรัฐ เขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเองมีหน้าที่ต้องปกป้องโลกนี้หรือคนของที่นี่แม้แต่น้อย จิตสังหารในแววตาของหวังเป่าเล่อแรงกล้าขึ้นระดับหนึ่ง ชายหนุ่มพุ่งตัวไปที่กลุ่มคนก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในหูของผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว อึดใจถัดมาเขาก็พุ่งออกมาจากหูอีกด้าน มีหมอกโลหิตจางๆ ลอยตามหลังมาเมื่อชายหนุ่มพุ่งไปหาเหยื่อคนต่อไป

หวังเป่าเล่อรวดเร็วเกินไป ก่อนที่ผู้ฝึกตนที่สู้กันอยู่ทั้งสองจะรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นรอบกายพวกเขาก็ตัวสั่นเทา ทุกคนเลือดออกจากหู นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึงและสับสน หลังจากนั้นร่างกายของพวกเขาก็เหี่ยวแห้งลงไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตาคนทั้งสอง ก่อนที่จะล้มลงกับพื้น เนื้อตัวแห้งเหือดไปจนหมด

มีพลังที่มองไปเห็นกวาดไปทั่วร่างคนเหล่านั้นตอนที่ล้มลง และทุบศพจนแหลกเป็นฝุ่นผงกระจายไปทั่วพื้นห้องโถง

ผู้ฝึกตนพื้นเมืองทั้งสองถึงกับตื่นตะลึง ก่อนจะยืนนิ่งจ้องมองภาพนั้นอยู่เป็นนาน ไม่นานนักพวกเขาก็หน้ามืดเป็นลมไป

หวังเป่าเล่อปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ร่างไร้สติของทั้งคู่ ก่อนจะรีบแปรสภาพเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นที่เขาเพิ่งสังหารไป ชายหนุ่มจัดแจงเสื้อผ้า แล้วเดินอาดๆ ออกจากโถง มุ่งหน้าไปยังโถงต่อไป

ฆ่า เก็บกวาด เริ่มต้นใหม่ ด้วยระดับปราณของหวังเป่าเล่อและพลังการจำแลงกายของกระบวนท่าสารัตถะ ทำให้ชายหนุ่มสังหารผู้ฝึกตนไปหลายสิบโถงในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง มีผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นที่ถูกเขาฆ่าตายอยู่เกลื่อนไปหมด หลังจากจบกับโถงหนึ่ง ชายหนุ่มก็จะแปลงร่างเป็นผู้ฝึกตนอีกคน ก่อนจะเริ่มใหม่อีกครั้ง

การสังหารอย่างต่อเนื่องนี้ทำเอาดวงตาปีศาจถึงกับงุ่นง่าน มันแผ่รัศมีความหิวกระหายออกมาอย่างรุนแรง หวังเป่าเล่อเองก็ไม่ได้พยายามทัดทานแม้แต่น้อย ชายหนุ่มต้องการคงพลังและความเร่าร้อนของมันไว้เช่นนี้ เขาต้องการเช่นนี้…เพื่อจะให้ระดับปราณรุดหน้าอย่างก้าวกระโดดจนบรรลุไปยังขั้นต่อไปในเร็ววัน

แต่หวังเป่าเล่อก็รู้ว่าการสังหารหมู่ระดับมโหฬารเช่นนี้ย่อมทำให้เขาความแตกเร็วขึ้น และง่ายต่อการที่จะติดตามตัวและหาตำแหน่งเขาจนพบ ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงรีบแปรสภาพเป็นคนอื่น ก่อนจะหนีออกจากครอบวงกลมเดิมแล้วมุ่งหน้าสู่ครอบวงกลมถัดไป

วันเวลาแห่งความสุขของตระกูลไม่รู้สิ้นคงจะยาวนานเกินไป อาจเพราะไม่มีผู้ใดกล้าท้าทาย หรือเพราะผู้ที่กล้าแข็งขืนบนแผ่นดินนี้ถูกทำลายไปจนสิ้นแล้ว แต่ไม่ว่าเหตุผลจะคืออะไร การไร้ซึ่งอันตรายก็ทำให้ค่ายตระกูลไม่รู้สิ้นตอบสนองกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นช้าเกินการณ์ไปมาก สองชั่วโมงผ่านไป หลังจากที่หวังเป่าเล่อสังหารกองทัพไปหลายหน่วย ถึงมีคนรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

มีการสืบสวนขึ้นทันที ตามมาด้วยการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ค่ายทั้งค่ายเริ่มลุกฮือ มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่นอยู่ในอากาศ ทำให้ผู้ฝึกตนทุกคนถึงกับตื่นตะลึง ข่าวที่ว่ามีผู้บุกรุกลอบเข้ามาสังหารนักรบไปมากมายกระจายไปราวกับไฟลามทุ่ง

ตอนที่ข่าวแพร่ออกไป หวังเป่าเล่อกำลังอยู่ในร่างผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณของกองทัพที่สาม เขาอยู่ระหว่างการเดินทางกลับไปยังโถงของตน ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวเข้าไปข้างใน เขาก็มองเห็นสีหน้าขึงขังของผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นที่อยู่ภายใน ใครบางคนกำลังละล่ำละลักออกมาด้วยความเร็วสูง

“มีผู้บุกรุกเข้ามาในค่ายของเรา ฆ่าคนของเราตายเป็นเบือ!”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน วงแหวนปราณของค่ายจับสัญญาณการบุกรุกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”

หวังเป่าเล่อได้ยินและสัมผัสได้ว่าแผ่นหยกสื่อสารจำนวนมากเริ่มสั่นไหว ชายหนุ่มแสร้งทำสีหน้าตื่นตกใจ ก่อนหยิบแผ่นหยกสื่อสารออกมา และทำเป็นว่าแผ่นหยกของเขาก็สั่นเช่นกัน หวังเป่าเล่อแสร้งส่งเสียงงุนงงและทำหน้าตาโกรธจัดก่อนจะตะโกนพูดกับสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นที่อยู่รอบตัว “ข้าก็ได้รับข้อความเช่นกัน บัดซบ เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน ไอ้โง่หน้าไหนบังอาจทำเรื่องเช่นนี้ได้ อาจจะเป็นพวกผู้รอดชีวิตต้องสาปกระมัง พวกมันกล้าดีอย่างไรมาลบหลู่ตระกูลไม่รู้สิ้นเช่นนี้!”

ผู้ฝึกตนคนอื่นที่มีระดับเท่าๆ กันไม่ได้สงสัยอะไร พลางพูดคุยกันอยู่ไปมาด้วยความตื่นตกใจ แต่เจ้าพนักงานประจำโถงซึ่งเป็นผู้นำขั้นเชื่อมวิญญาณของหน่วยเล็กๆ กลับขมวดคิ้วก่อนจะตะโกนออกมา “พวกเจ้าจะตกใจอะไรหนักหนา พวกมันเป็นแค่ผู้รอดชีวิต จะไปทำอะไรได้”

คลื่นพลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณแผ่ออกมาพร้อมคำพูดของเขา ทำเอาทุกคนในโถงเงียบเสียงลงด้วยสัญชาติญาณ วินาทีนั้นเอง ตัวตนที่น่าตื่นตะลึงซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะก็ระเบิดพลังออกมาบนดาวเคราะห์นั้น ดูเหมือนว่าพลังนั้นจะมาจากครอบวงกลมที่เก้า พลังปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะไหลบ่าท่วมค่ายรวมไปถึงโถงนั้นด้วย เสียงแก่ชราที่แฝงไปด้วยโทสะบ้าคลั่งดังก้องขึ้นในใจของทุกคน

“ปิดค่ายเสีย แล้วค้นให้ทั่ว ควานหาตัวผู้บุกรุกมาให้จงได้ ข้าอยากจะรู้นักว่าไอ้โง่หน้าไหนมันกล้าทำเช่นนี้!”

เสียงกัมปนาทดังสนั่นไปทั่วทั้งดาวเคราะห์ทันทีที่คำสั่งของผู้อาวุโสดังขึ้น ค่ายถูกปิดตายอย่างฉับพลัน รัศมีแห่งการฆ่าฟันแผ่ออกมาจากบรรดาผู้ฝึกตนในโถงนั้น ก่อนที่พวกเขาจะพุ่งตัวออกไปเพื่อเริ่มไล่ล่า

หวังเป่าเล่อเองก็ทำเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งขรึมและโกรธจัด เขาเริ่มค้นหาอย่างแข็งขันไปพร้อมๆ กับบรรดาผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นที่อยู่รอบกาย อันที่จริงแล้ว เขาดูเหมือนกำลังพยายามอย่างหนัก หวังเป่าเล่อชี้ไปที่มุมหนึ่งก่อนจะตะโกนว่า “ท่านหัวหน้าหน่วย ตรงนี้ดูมีอะไรแปลกๆ ขอรับ มีร่องรอยพลังงานที่ดูสับสนและไม่เหมือนร่องรอยพลังงานของตระกูลไม่รู้สิ้น ข้าว่าเจ้าผู้บุกรุกต้องผ่านบริเวณนี้ไปแน่ๆ ขอรับ!”

 ……………………………….

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset