การไล่ล่าตัวเองของหวังเป่าเล่อดำเนินต่อไปบนดาวเคราะห์ประหลาด แต่ในเวลาเดียวกัน ลึกเข้าไปในอาณาเขตกว้างไกลไร้จุดจบของจักรวาล ยังมี…ระบบดาวเคราะห์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเปลวเพลิงอยู่แห่งหนึ่ง
เขตแดนที่เวิ้งว้างของระบบดาวเคราะห์นี้น่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง มันมีขนาดใหญ่กว่าระบบดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์ถึงหนึ่งหมื่นเท่าเลยทีเดียว
ณ สถานที่นั้น มีเปลวไฟลุกไหม้ราวกับจะเผาผลาญอยู่เป็นนิจนิรันดร์ เมื่อมองออกไป จักรวารอันกว้างใหญ่ดูเหมือนเป็นทะเลเพลิง ภายในทะเลเพลิงนั้น มีดาวเคราะห์อยู่มากมายนับไม่ถ้วน มีขนาดใหญ่เล็กแตกต่างกันไป แต่ก็ถูกไฟเผาไหม้อยู่ทุกดวงไม่ว่างเว้น
หากมองดูใกล้ๆ ก็จะเห็นสรรพชีวิตหลากรูปแบบอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์ที่ลุกไหม้เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ คนธรรมดาหรือผู้ฝึกตน ต่างก็พบเห็นได้ทั่วไป บรรดาดาวเคราะห์เหล่านั้นดูครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน ที่จุดศูนย์กลางอันพลุกพล่านของระบบดาวเคราะห์แห่งนี้ มีภูเขาลูกหนึ่งล่องลอยอยู่ในอวกาศ ราวกับว่าทะเลเพลิงมากมายมีภูเขาลูกนี้เป็นจุดศูนย์กลาง ประหนึ่งว่าภูเขาแห่งนี้เป็นแหล่งกำเนิดของเปลวเพลิงทั้งมวล ภูเขามีสีแดงฉานราวโลหิตซึ่งทำให้ทุกคนที่มองเห็นต่างตัวสั่นด้วยความตื่นกลัว!
มีกระท่อมหลังน้อยอยู่บนยอดเขาของภูเขาลูกนี้ กระท่อมที่สร้างจากหญ้านั้นหน้าตาน่าเกลียด แต่หญ้าก็ยังมีสีเขียวสดท่ามกลางอุณหภูมิอันร้อนระอุ หญ้านั้นไม่มีทีท่าว่าจะเหี่ยวเฉาลงเลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก และภายในกระท่อมก็มีผู้อาวุโสคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่
ผู้อาวุโสผู้นี้สวมชุดคลุมสีแดงและมีผมสีแดงเพลิง แม้ว่าใบหน้าจะเหี่ยวย่น แต่ก็ยังดูแข็งแรงมาก โดยเฉพาะประกายแสงในแววตาที่ดูเหมือนสามารถทำให้จักวาลซึ่งรายล้อมอยู่ซีดจางลงได้ แม้ว่าดวงตาคู่นั้นจะเปิดอยู่เพียงครึ่งเดียวก็ตาม!
มีกระจกทองแดงบานหนึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าของผู้อาวุโส ในกระจกสะท้อนภาพ…ดาวเคราะห์ที่หวังเป่าเล่ออยู่ เมื่อผู้อาวุโสมองเข้าไป ภาพในกระจกก็ผันเปลี่ยนอยู่เป็นนิจ ทุกครั้งที่ภาพเปลี่ยนไป ร่างเงาที่สวมหน้ากากก็จะปรากฏขึ้นมา
ร่างเงาเหล่านี้คือบรรดาผู้มาจุติ และผู้อาวุโสคนนี้ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…ปรมาจารย์แห่งไฟ!
หน้ากากที่บรรดาผู้มาจุติ รวมทั้งหวังเป่าเล่อสวมอยู่นั้น ไม่เพียงมีพลังในการพรางตัวและคำสาบที่สามารถเสกใส่ศัตรูได้ พวกมันยังมีหน้าที่อีกสองอย่าง อย่างแรก หน้ากากจะบันทึกจำนวนของศพที่ถูกสังหาร อย่างที่สอง หน้ากากจะทำให้ปรมาจารย์แห่งไฟสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้มาจุติทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกไปเพียงใดก็ตาม
และสิ่งนี้ก็เป็นเรื่องที่ปรมาจารย์แห่งไฟให้ความสนใจ ในอดีต ทุกครั้งที่ภารกิจเริ่มต้นขึ้น ปรมาจารย์แห่งไฟก็ชอบที่จะเฝ้ามองสนามรบ ราวกับว่าเขากำลังดูถ่ายทอดสดจากหน้ากากอยู่ก็ไม่ปาน ทุกครั้งที่เห็นสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นตายอย่างทารุณ เขาจะรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอมในใจ
ตอนนี้ผู้อาวุโสก็กำลังดูอยู่เช่นกัน เขาเฝ้ามองดูการถ่ายทอดสดผ่านหน้ากากทุกชิ้นด้วยความสบายใจ แต่ไม่ช้า…เมื่อกระจกสะท้อนร่างเงาของหวังเป่าเล่อขึ้นมา ปรมาจารย์แห่งไฟก็กวาดสายตาไปมองบุรุษในหน้ากากกระทิงที่วิ่งไล่หวังเป่าเล่อและหันกลับไปมองหวังเป่าเล่อ ผู้ที่กำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดพลางวิ่งหนี ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ปรมาจารย์แห่งไฟยกมือขวาแล้วสะบัดลง เพื่อเรียกดูประวัติของหวังเป่าเล่อที่หน้ากากได้บันทึกไว้ สีหน้าของปรมาจารย์แห่งไฟเริ่มบิดเบี้ยวแปลกแปร่งอย่างช้าๆ
ใช้ตนเองวิ่งไล่ตนเองเช่นนั้นหรือ น่าสนใจดี…กระบวนท่าแปลงกายนี้ก็ดูคุ้นเสียจริง…
นี่มันกระบวนท่าสารัตถะของเฉินชิงนี่ เจ้านั่นชอบแสร้งทำเป็นอ่อนวัยเสียด้วย!
เจ้าหนุ่มนี่…มีความเกี่ยวข้องกับเฉินชิงอย่างไรกัน ปรมาจารย์แห่งไฟละสายตาออกมา ชายชราไม่ชอบเฉินชิงมานานแล้ว เพราะแม้จะแก่กว่าตน แต่เฉินชิงก็ชอบปรากฏตัวในรูปโฉมของเด็กหนุ่ม แต่ปรมาจารย์แห่งไฟก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขากลับชอบพอหวังเป่าเล่อหลังจากที่เห็นชายหนุ่มสังหารสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นไปมากมาย
ถึงจะดูเกินจริงไปสักหน่อย แต่ก็เพลินตาดี ปรมาจารย์แห่งไฟพึมพำก่อนจะตัดสินใจดูหวังเป่าเล่ออยู่คนเดียว ชายชรากะว่าจะดูเจ้าหนุ่มนี่ไปอีกสักพัก
ตอนนั้นเอง บุรุษในหน้ากากกระทิงที่หวังเป่าเล่อเสกให้ไล่กวดตนเองก็ส่งเสียงคำรามออกมา
“พ่อรูปหล่อท่านนั้น หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยวของบุรุษในหน้ากากกระทิงสะท้อนก้องไปในกระท่อมและทั่วบริเวณที่ชายชราอยู่ ประโยคนั้นทำเองใบหน้าของปรมาจารย์แห่งไฟกระตุก
รัศมีความหน้าไม่อายนี้ เหมือนของเฉินชิงไม่มีผิดเพี้ยน!
ปรมาจารย์แห่งไฟส่งเสียงอยู่ในลำคอขณะที่เฝ้าดูต่อไป หวังเป่าเล่อในภาพกำลังเร่งความเร็วอยู่กลางอากาศ ขณะที่ความรู้สึกหลากหลายพุ่งเข้ามาในใจ
ขนาดผู้ที่จะสังหารข้ายังมองเห็นว่าข้าหล่อเหลาเพียงใด ชีวิตช่างยากลำบากเสียจริง…หวังเป่าเล่อดูเหมือนจะลืมไปว่านี่เป็นการแสดงที่ตัวเขาเป็นผู้กำกับ วินาทีนั้นชายหนุ่มทุ่มเทให้กับการแสดงมาก แต่ในไม่ช้า สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หวังเป่าเล่อมองเห็นเงาตะคุ่มๆ ของหน่วยย่อยสองหน่วยปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเบื้องหน้า ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเหตุใดหน่วยย่อยสองหน่วย ซึ่งมีผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์หนึ่งคนจึงมารวมกัน แต่เขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะเข้าไปหาหน่วยทั้งสองพร้อมร้องเสียงโหยหวน
“มันจะมากเกินไปแล้ว! ที่นี่เป็นอาณาเขตของตระกูลไม่รู้สิ้น แต่เจ้าก็ยังกล้าทำตัวโอหัง! ข้าจะทำลายเจ้าเสีย ทั้งร่างกายและวิญญาณเลยเชียว!”
ถ้อยคำจากปากของบุรุษในหน้ากากกระทิงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“ไอ้เด็กบัดซบ เจ้าจบสิ้นแล้ว!”
แน่นอนว่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นย่อมมองเห็นการไล่ล่าระหว่างทั้งคู่ หัวหน้าหน่วยของกลุ่มนี้เป็นผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ สายตาเยือกเย็นของเขาจับจ้องมายังหวังเป่าเล่อก่อนจะมองไปทางบุรุษในหน้ากากกระทิงเบื้องหลัง ชายวัยกลางคนไม่ได้พูดอะไร และเพราะเหตุนั้น สมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นคนอื่นๆ จึงทำเพียงเมียงมองแต่ไม่โจมตี
แม้ว่าบุรุษในหน้ากากกระทิงจะเปลี่ยนท่าทีและหันหลังหนีไป ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ก็เพียงแค่ส่งสัญญาณให้ผู้ฝึกตนข้างกายคนหนึ่งไล่กวดไปเท่านั้น เขาไม่ใส่ใจหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อย แต่กลับนำกลุ่มที่เหลือมุ่งหน้าต่อไป
ตระกูลไม่รู้สิ้นจะใจร้ายเกินไปแล้ว! หวังเป่าเล่อปวดศีรษะ ชายหนุ่มรู้ดีว่าแม้บุรุษในหน้ากากกระทิงจะดูสมจริง แต่พลังการต่อสู้ก็ไม่ได้กล้าแข็งเท่าใดนัก เขาคิดว่าคงจะต้องมีใครนึกสงสัยขึ้นมาบ้าง และการพาร่างเงามาด้วยก็รังแต่จะทำให้ผู้คนสงสัยมากขึ้น ดังนั้นหลังจากที่ทอดถอนใจอยู่ในอก หวังเป่าเล่อก็พุ่งเข้าไปหาสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นราวกับเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
เมื่อถึงตอนนั้น ปรมาจารย์แห่งไฟก็เริ่มเบื่อหวังเป่าเล่อเลยจะเปลี่ยนไปดูคนอื่นแทน แต่ก่อนที่เขาจะได้ละสายตา หวังเป่าเล่อก็พูดขึ้น “ท่านผู้บัญชาการกองทหารขอรับ ข้ามีเรื่องจะรายงาน!”
ในกระจก ผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์หันมามองหวังเป่าเล่อเมื่อได้ยิน เขากำลังจะพูดแต่กลับหรี่ตาลงและยกแขนขวาคว้าตัวเพื่อนร่วมตระกูลไม่รู้สิ้นมาบังตนเองไว้
ทันทีที่เขาทำเช่นนั้น ร่างของหวังเป่าเล่อก็ระเบิดออกมาเป็นหมอกควันหนาก้อนใหญ่ที่แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเข้าปกคลุมกลุ่มผู้ฝึกตนกลุ่มนั้นทันที แต่ผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ก็รับมือได้ทันท่วงที เขาใช้ผู้ฝึกตนข้างกายเป็นโล่และส่งพลังปราณของตนเข้าไปในโล่ ทำให้ร่างนั้นระเบิด พลางใช้แรงระเบิดดันตัวเองให้ถอยออกมาไกลก่อนจะถูกหวังเป่าเล่อดูดกินเข้าไป!
“เจ้าเป็นใคร!” ขณะที่ถอยหลังไปนั้น จิตสังหารก็ปรากฏขึ้นในแววตาของผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ เขาสร้างผนึกฝ่ามือด้วยแขนทั้งหก จนเกิดเป็นตัวอักขระสีทองหลายชั้นที่รวมกันเป็นวงแหวน ชั้นวงแหวนเหล่านั้นส่องสว่างออกมานอกกาย ก่อนจะหมุนวนอย่างรวดเร็วจนสั่นสะเทือน
เป็นครั้งแรกที่หวังเป่าเล่อต้องพบสถานการณ์เช่นนี้จากการลอบโจมตีหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่มาถึงดาวเคราะห์ดวงนี้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่หยุด หมอกนั้นควบตัวกลายเป็นศีรษะขนาดยักษ์อย่างรวดเร็วพลางส่งเสียงคำรามออกมา
“ข้าคือบิดาเจ้า!” คลื่นพลังที่หวังเป่าเล่อปล่อยออกมาเทียบเท่าขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายเท่านั้น แต่มันกลับมีพลังกดดันเท่าขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้น ชายหนุ่มรีบพุ่งเข้าไปใส่ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ที่กำลังล่าถอยทันที
ผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์มีแววตาประหลาดใจ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นหยิบแผ่นหยกและปล่อยตัวอักขระเคลื่อนย้ายออกมา เขากำลังจะทุบมัน แต่ตอนนั้นเองดวงตาของหวังเป่าเล่อก็ส่องประกายขึ้นมา ชายหนุ่มรีบวิเคราะห์สถานการณ์ก่อนจะสรุปได้ว่า เขาไม่มีวิธีที่จะหยุดการเคลื่อนย้ายของอีกฝ่ายนอกจากจะใช้เรือบินรบเวทเท่านั้น ศีรษะที่เกิดจากหมอกจึงรีบเปลี่ยนทิศหนีอย่างรวดเร็วก่อนที่แผ่นหยกจะปลดปล่อยพลังขั้นสูงสุดของมันออกมา
ภาพนั้นทำเอาผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์งุนงงไป และทำให้ดวงตาของปรมาจารย์แห่งไฟส่องประกายกล้าขณะจ้องมองการถ่ายทอดสดอยู่ โดยเฉพาะตอนที่หวังเป่าเล่อหนี ชายหนุ่มยังปล่อยพลังรัศมีอันรุนแรงที่ทำให้ผู้คนเข้าใจว่าเขาทรงพลังออกมา เหมือนกับว่าเขาไม่ต้องการจะให้ใครสงสัยในพลังของตัวเอง
ทว่า…ยิ่งชายหนุ่มทำเช่นนั้น ผู้คนก็ยิ่งสงสัยว่าหวังเป่าเล่อจงใจแสดงพลังออกมาโดยไม่ระวังตัวหรือกำลังพยายามปกปิดสิ่งใดกันแน่ ผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ก็เริ่มรู้สึกเช่นเดียวกัน ปฏิกิริยาแรกของเขาคือสงสัยว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ชายวัยกลางคนเริ่มคิดใคร่ครวญอยู่ในใจว่าควรจะเคลื่อนย้ายหนีไปหรือ…ติดตามไปสังหารหวังเป่าเล่อเสีย
หากเขาไล่ตามไปก็กลัวว่าจะติดกับ แต่หากไม่ตาม เขาก็คงไม่อาจให้อภัยตนเองที่ปล่อยโอกาสในการสร้างความดีความชอบให้กับตระกูลหลุดมือไป และตามการคาดคะเนแล้ว หวังเป่าเล่อต้องอ่อนแอกว่าเขาเป็นแน่ หาไม่แล้ว ชายหนุ่มคงไม่เลือกจะลอบสังหารพวกตนเช่นเมื่อครู่แน่
ขณะที่ความคิดสองกระแสยังตีกันอยู่ในใจ เงาของหวังเป่าเล่อก็กำลังจะหลบหนีไป แต่คลื่นพลังที่ปล่อยออกมากลับไม่ได้ลดลงเลย ยิ่งชายหนุ่มกลัวว่าจะถูกไล่ตาม พลังที่ปล่อยออกมาก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเห็นเช่นนั้น ประกายเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นในแววตาของผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์
“หยุดเสแสร้งได้แล้ว!” พูดจบ ผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ก็ตัดสินใจไล่ตามไป
เมื่อเห็นว่าสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นตัดสินใจไล่กวดหวังเป่าเล่อ ปรมาจารย์แห่งไฟผู้ที่กำลังดูถ่ายทอดสดอยู่ ก็ยกมือขวาขึ้นสะบัดลงอีกครั้ง เขาหยิบผลไม้เพลิงออกมาเคี้ยวกินขณะเฝ้าดูต่อไปด้วยใจระทึก
………………………..