แม้ระดับดาวพระเคราะห์จะไม่ถือเป็นผู้มากอำนาจในจักรพิภพตระกูลไม่รู้สิ้น แต่ก็ไม่ได้มีพลังอ่อนด้อย เมื่ออยู่ภายในตระกูลไม่รู้สิ้นพวกเขาก็สามารถนำกองทัพได้ เพราะอย่างไรเสีย การจะบรรลุไประดับดาวพระเคราะห์ได้ ผู้ฝึกตนจะต้องหลอมตนเองเข้ากับดาวเคราะห์ก่อน หากจะกล่าวว่าผู้ฝึกตนเหล่านั้นคือดาวเคราะห์ก็ไม่ผิด
การล่มสลายของดาวเคราะห์เป็นสิ่งที่น่าพรั่นพรึงอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงการระเบิดพลีชีพของดาวเคราะห์เลย พลังที่ปล่อยออกมาเพียงพอที่จะทลายฟ้าดิน นอกจากนี้ยังทำให้ดาวเคราะห์ที่หวังเป่าเล่อและผู้มาจุติคนอื่นๆ อยู่ทลายลงด้วย ส่วนเหล่าผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นนั้น…ล้วนตายกันหมด
ยกเว้นพวกที่อยู่ในค่ายทหารซึ่งถูกผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายเคลื่อนย้ายไปจากการทำลายพรแห่งเต๋าสวรรค์ ส่วนที่เหลือ…ล้วนตายสิ้น!
ส่วนพวกผู้มาจุติเช่นหวังเป่าเล่อนั้นไม่ได้อยู่ในขอบเขตนี้ แม้พลังของปรมาจารย์แห่งไฟที่จับตาดูภาพที่เกิดขึ้นอยู่จะลึกล้ำสุดหยั่งถึง แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้เหล่าผู้มาจุติตายหลังจากได้เห็นเหตุการณ์นี้ เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังของระเบิดพลีชีพ ปรมาจารย์แห่งไฟที่กำลังกินผลไม้เพลิงและเฝ้าดูศึกที่สถานการณ์พลิกไปมาด้วยความเพลิดเพลินก็เปิดใช้การเคลื่อนย้ายที่อยู่ในหน้ากาก
เพียงแต่การเคลื่อนย้ายนั้นไม่สามารถบังคับใช้ได้ ต้องให้เหล่าผู้มาจุติเปิดใช้งานด้วยตนเอง ดังนั้นในตอนนั้นเอง เหล่าผู้มาจุติทุกคนจึงได้ยินเสียงดังขึ้นจากหน้ากากซึ่งสะท้อนไปถึงดวงวิญญาณ
“พูดว่า ‘หวนคืน’ แล้วพวกเจ้าจะกลับมาที่นี่!”
ประโยคดังกล่าวดังก้องไปถึงวิญญาณของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มถูกพลังคุ้มกันของจักรพรรดิของดาวเคราะห์แห่งนี้ดึงออกไปจากหินหลอมละลาย เขาถอยหนีไปได้เร็วกว่าตอนที่มาถึงและไปปรากฏตัวเหนือพื้นดินอีกครั้งในทันที ในหูยังคงได้ยินเสียงของชายชราที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นก้องอยู่
“ระเบิดพลีชีพดาวเคราะห์หรือ” สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป สิ่งที่คิดจะทำเป็นอย่างแรกคือเคลื่อนย้ายหนีไป แต่ก็นึกลังเลใจ จึงพยายามต้านสัญญาณอันตรายภายในที่ร้องเตือนให้รีบหนี จากนั้นก็หันไปมองดินแดนเบื้องหน้า
ตอนแรกชายหนุ่มเห็นฝุ่นผงหนาเหมือนหมอกปรากฏขึ้นก่อน หลังจากนั้นแรงสั่นสะเทือนอ่อนๆ ก็ปะทุขึ้นจากใต้ดินลึกลงไป ก่อนจะกระจายไปทั่วดาวเคราะห์อย่างรวดเร็ว
ราวกับว่าคลื่นพลังไร้เทียมทานได้ระเบิดขึ้นใต้พิภพและกระจายออกมาด้านนอก หวังเป่าเล่อยังไม่ทันจะได้เลื่อนสายตากลับ ผืนดินก็ทลายลงพร้อมเสียงสนั่นฟ้าดินที่ดังขึ้น มหาสมุทรบนดาวเคราะห์ยกตัวสูงขึ้นทันที
เปลือกของดาวเคราะห์สั่นไหวรุนแรง เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นจากทั่วทุกทิศ หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงจุดจบของโลกนี้ แต่เขาก็กัดฟันแน่น เลือกที่จะไม่เคลื่อนย้ายหนี ชายหนุ่มเอี้ยวตัวหายวับไปกลางอากาศ ขณะที่ผืนดินค่อยๆ ทลายลง
นอกจากตรงจุดที่ชายหนุ่มอยู่จะทลายลงแล้ว พื้นที่รอบๆ ก็พังลงเช่นกัน เสียงปริแตกดังขึ้นไปหยุด รอยร้าวปรากฏขึ้นบนพื้นที่ไร้ขอบเขต และขยายใหญ่เชื่อมกันทั่วพื้นที่บนดาวเคราะห์
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดไม่จำยอมดังขึ้นพร้อมเสียงแหวกอากาศจากการหลบหนีที่ดังขึ้นทั่วทุกมุมของดาวเคราะห์ เหล่าผู้มาจุติที่ยังมีชีวิตอยู่ ยกเว้นหวังเป่าเล่อ รวมถึงเจ้ากระทิงโล้นจอมอวดดีล้วนหน้าซีดเผือด พวกเขารีบท่องคำว่า ‘หวนคืน’ ในใจ พวกผู้ฝึกตนจากกองทัพตระกูลไม่รู้สิ้นที่ออกตามล่าหมายสังหารหวังเป่าเล่อไม่สามารถหลบหนีได้ ทำได้เพียงรอคอยด้วยความสิ้นหวังขณะเห็นฟ้าดินล่มสลายลงต่อหน้า!
พริบตาต่อมา ผืนดินก็พังทลาย เปลือกโลกยกตัวสูง น้ำทะเลถาโถมจากทั่วทุกทิศ อุณหภูมิสูงจัดระเบิดขึ้นจากใต้ดินและกระจายออกไปไม่หยุดหย่อนจนกลายเป็นหมอกหนา ตรงใจกลางดาวเคราะห์มีส่วนนูนขนาดใหญ่ยักษ์ปูดขึ้นมา มันตรงกับบริเวณยอดแท่นสังเวยพอดี
ส่วนที่นูนออกมามีสีดำสนิท ภายในมีแสงสายฟ้ามากมาย หากดูให้ดีจะเห็นว่าท่ามกลางแสงอัสนีเหล่านั้น มีดาวเคราะห์สีรุ้งที่กำลังปริแตกอยู่ภายในส่วนนูนสีดำสนิท
แรงสั่นสะเทือนกระจายไปทั่วไม่หยุดยั้ง สั่นคลอนไปถึงสวรรค์ เมื่อมองจากที่ไกลๆ ส่วนที่นูนขึ้นเป็นเหมือนดวงแสงขนาดยักษ์ มันขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กระจายออกไปทั่วบริเวณ แปรเปลี่ยนทุกสิ่งที่เคลื่อนผ่าน…ให้เป็นความว่างเปล่า!
ภาพทั้งหมดนี้ทำให้หวังเป่าเล่อสั่นกลัว โชคดีที่การคุ้มกันจากจักรพรรดิประจำดาวเคราะห์ช่วยปกป้องชายหนุ่มไว้ได้แม้จะต้องเผชิญคลื่นทำลายล้างเหล่านี้ ทำให้ดูเหมือนว่าชายหนุ่มลอยอยู่บนอากาศเฉยๆ โดยไม่ได้รับผลกระทบสักเท่าไหร่ แต่ร่างก็ปลิวไหวไปมาเช่นกันเมื่อต้องเผชิญกับแรงลมและพลังที่พัดผ่าน
ข้าจะกลับไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้ ข้าต้องได้เห็นผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นคนนั้นสิ้นลมกับตาตัวเอง! หวังเป่าเล่อหายใจถี่ด้วยความกังวล เขาไม่อยากทิ้งภัยคุกคามเอาไว้โดยไม่รู้ตัว แม้ชายหนุ่มจะเดินทางมาที่นี่โดยสวมหน้ากากเอาไว้ และไม่กลัวว่าจะถูกจำได้ แต่นิสัยระแวดระวังประจำตัวก็บอกให้เขาทำเช่นนั้น
หวังเป่าเล่อนึกภาพออกว่าถ้าผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นคนนั้นรอดมาได้ คนที่ชายผู้นั้นจะนึกเกลียดชังที่สุดย่อมไม่ใช่ชายชราที่เขาหลอมเอาดาวเคราะห์ แต่เป็นตนเอง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น แม้ดวงใจจะสั่นไหว ชายหนุ่มก็ยังบังคับให้ตนเองมองไปยังดาวเคราะห์ ส่วนที่นูนขึ้นขยายวงกว้างกินพื้นที่บนดาวเคราะห์ไปกว่าร้อยละสามสิบ แต่ก็ไม่ได้ขยายต่อไปจากนั้น ดาวเคราะห์ไม่สามารถทานทนได้ไหวอีกต่อไป มันจึงเริ่ม…ทำลายตัวเอง!
แรงสั่นสะเทือนดังสนั่นขึ้นจากทุกที่ขณะที่ดาวเคราะห์ล่มสลาย ราวกับว่าเป็นเครื่องถ้วยชามที่แตกร้าวไปทั่ว ดาวเคราะห์ไม่ได้แหลกละเอียดโดยสมบูรณ์ แต่แตกพังไปเพียงครึ่ง ระหว่างที่ดาวเคราะห์กำลังแหลกสลายและผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นตายไปเกือบหมด เสียงกรีดร้องก็ดังก้องขึ้นพร้อมชายสามหัวหกแขนที่พุ่งออกมาจากส่วนนูน!
เขายังไม่ตาย! หวังเป่าเล่อที่กำลังทานทนพลังพายุหรี่ตาลงเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ชายหนุ่มหมายจะฆ่าอีกฝ่าย แต่บริเวณรอบๆ ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นเต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง เขาจึงไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้
ขณะที่หวังเป่าเล่อถอนหายใจอย่างเสียดายและเตรียมตัวจากไปพร้อมความสิ้นหวัง สายตาของเขาก็พลันเลื่อนกลับไปที่เดิม
ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นเสื้อผ้าฉีกขาด ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน มีเส้นสายสีรุ้งพันอยู่เต็มร่างราวกับว่าจะตัดกายเขาให้ขาดสะบั้นกระนั้น สิ่งนี้ทำให้ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นต้องกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดหลังจากพุ่งออกมา แขนข้างหนึ่งถูกสะบั้น
หลังจากนั้น แขนข้างที่สอง สาม และสี่ แม้แต่ขาทั้งสองข้างก็โดนตัด ร่างของเขาถูกฟันขาดออกเป็นเจ็ดแปดส่วน
ยังไม่จบแค่นั้น ศีรษะของเขาก็มีสภาพไม่ต่างกัน ศีรษะแรกร่วงลงมา ตามด้วยศีรษะที่สองซึ่งแหลกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อเห็นเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็รู้สึกตื่นเต้น แต่…เส้นสายสีรุ้งที่สร้างขึ้นจากพลังทำลายล้างที่เกิดจากการระเบิดพลีชีพตนเองของจักรพรรดิประจำดาวเคราะห์แห่งนี้ก็อ่อนกำลังลงหลังจากนั้น ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นที่เหลือเพียงศีรษะเดียวพุ่งขึ้นฟ้าอย่างทุลักทุเล
หวังเป่าเล่อจ้องไปยังศีรษะนั้น อีกฝ่ายอยู่ห่างออกไปไกลมากและพลังทำลายล้างของดาวเคราะห์เบื้องหน้าก็แข็งแกร่งเกินไป ขณะเดียวกัน พลังป้องกันรอบกายชายหนุ่มก็เริ่มอ่อนกำลังลง เขารู้สึกว่าการคุ้มกันน่าจะทนอยู่ได้อีกไม่นาน ถึงจะอยากไล่ตามไปแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้
แต่หวังเป่าเลิกก็ไม่ยอมกลับออกไปทั้งอย่างนั้น
“ข้าจะทำให้เขาตื่นกลัวจนตายแม้จะไล่ตามไปไม่ได้ก็เถอะ!” ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงวาบ เขาขยับตัวขณะพูดพึมพำ ร้องคำรามออกมาเหมือนอยากไล่ตามไป ศีรษะที่พุ่งทะยานออกมาจากส่วนที่นูนขึ้นจ้องกลับมายังหวังเป่าเล่อด้วยความเกลียดชัง จากนั้นก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งและกัดฟันแน่น เสียงระเบิดดังขึ้นเมื่อชายตรงหน้าระเบิดหัวที่เหลืออยู่ไปครึ่งซีก!
จากนั้นก็ใช้พลังจากการระเบิดปลดปล่อยกลยุทธ์ปริศนาหายวับไปในทันใด
เขากลัวจริงๆ หรือ เห็นดังนั้น หวังเป่าเล่อก็รู้สึกสุขใจ คลายความกังวลใจลงไปบางส่วน แม้ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นจะยังมีชีวิตรอด แต่ก็ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลับมามีระดับพลังเท่าเดิม
ชายหนุ่มสูดหายใจลึก แตะหน้ากาก หันมองผืนดินที่กำลังล่มสลายและส่วนนูนที่ขยายออกไปเรื่อยๆ พร้อมถอนใจเบาๆ
“หวนคืน!”
ทันใดที่เอ่ย หน้ากากก็เปล่งแสง จังหวะนั้นเอง…แสงสีรุ้งจางๆ ก็ลอยออกมาจากส่วนที่นูนขึ้น นำของสองชิ้นมาให้หวังเป่าเล่อ
หนึ่งในนั้นคือแก่นศิลาที่เปล่งแสงสีรุ้งขนาดเท่าเล็บมือ อีกชิ้น…คือฝ่ามือครึ่งซีก เป็นฝ่ามือข้างขวาของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นที่หลบหนีออกไปได้ ฝ่ามือนี้เหลือนิ้วมืออยู่เพียงสามนิ้ว ที่นิ้วชี้…สวมแหวนคลังเวทอยู่!
แหวนคลังเวทวงนี้เป็นของพิเศษ แม้จะผ่านการระเบิดทำลายตัวเองมา…ก็ยังไม่เสียหายใดๆ!
ของทั้งสองชิ้นซึ่งห้อมล้อมไปด้วยแสงสีรุ้งมาปรากฏตรงหน้าหวังเป่าเล่อที่กำลังจะเคลื่อนย้ายกลับออกไป หลังจากที่ชายหนุ่มหยิบของทั้งสองชิ้นไว้ การเคลื่อนย้ายก็เริ่มต้นขึ้น!
ร่างของหวังเป่าเล่อหายวับไปในทันใด!
…………………………………………