หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 835 เปลวเพลิงดารานิรันดร์!

ในความคิดของหวังเป่าเล่อ วิชาหลอมดาราพิภพทมิฬช่างเป็นวิชาหลอมที่เหลือเชื่อ แม้จะมีความชำนาญสูงส่งในการหลอม ชายหนุ่มก็แทบอ่านบทแรกของตำราอันยอดเยี่ยมนี้ไม่เข้าใจ

วิชาการหลอมดาราพิภพทมิฬมีด้วยกันเก้าบท อัดแน่นไปด้วยความรู้และปรีชาญาณ บทที่แปดนั้นกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการหลอมจักรพิภพเต๋าขึ้นมา จักรพิภพเต๋าจะกลายเป็นอาณาเขตส่วนตัวของผู้หลอม ผู้ฝึกตนผู้ก็จะขึ้นไปอยู่บนจักรวาลและบรรลุมหาเต๋าขั้นสูงสุด

แม้ว่าการฝึกปราณจักรพิภพจะกลายมาเป็นเสมือนวิถีชีวิตของหวังเป่าเล่อ แม้ว่านิยายปรัมปราและตำนานต่างๆ ก็ไม่ได้ดูเหลือเชื่อเช่นก่อน และแม้ว่าหวังเป่าเล่อจะฟังเรื่องราวเหล่านั้นด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่า…จักรพิภพเต๋าที่ถูกกล่าวถึงในบทที่แปดนั้นเป็นเพียงเรื่องราวเล่าขานเท่านั้น

เนื้อหาของบทที่เก้ายิ่งบ้าบอไปกันใหญ่ บทนั้นพูดถึงจักรพิภพแห่งหนึ่งที่ทุกสรรพชีวิตมีพลังในการทำลายชีวิตอื่นลงได้อย่างง่ายดาย

ผู้แต่งบทนี้อาจจะกังวลว่าอธิบายได้ไม่ชัดเจนเพียงพอ จึงใส่ตัวอย่างมาให้ด้วยง ตัวอย่างเช่น คนๆ หนึ่งสามารถวาดรูปคนอีกคนหนึ่งลงบนกระดาษ ก่อนจะตัดรูปวาดนั้นเสีย ผู้ที่ถูกวาดไม่อาจทัดทานอะไรได้ คนคนหนึ่งสามารถถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ราวกับเป็นกระดาษได้ ต่อให้วาดสิ่งอื่นนอกเหนือจากมนุษย์ลงไป ไม่ว่าจะเป็นอสูรที่น่าสะพรึงกลัวหรือผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุด ผลของมันก็จะออกมาเหมือนกัน ผู้วาดสามารถทำลายชีวิตที่วาดลงไปได้อย่างง่ายดายดุจเดียวกัน

วิธีการทำสิ่งที่พูดถึงในบทที่เก้าฟังดูราวกับเป็นฝันที่ก่อร่างขึ้นมาจากอากาศธาตุ ที่คนสามารถแปลงกายสิ่งต่างๆ จากรูปวาดขึ้นมาเป็นสิ่งมีชีวิตได้ภายในจักรพิภพที่แยกออกไปนั้น

หวังเป่าเล่ออ่านจบก็ถึงกับผงะ เคล็ดวิชาฝึกตนที่ว่านี้ดูบ้าคลั่งสิ้นดี แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งก็ไม่สำคัญ ชายหนุ่มยังไม่อยู่ในระดับปราณที่จะฝึกวิชาเหล่านั้นได้ มันยังถือเป็นเรื่องเกินเอื้อมสำหรับเขาในตอนนี้ แต่กระนั้น หวังเป่าเล่อก็อดไม่ได้ที่จะคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้แต่งกล่าวไว้ในบทที่เก้า ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ดวงตาทั้งคู่ของเขาสุกสว่างราวกับว่าสามารถมองทะลุกำแพงเรือบินรบเวทออกไปสู่จักรวาลอันไกลโพ้นในเบื้องนอกได้

ครู่ใหญ่ต่อมา หวังเป่าเล่อก็หันไปหาเจ้าอู๋น้อยอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากถาม “เจ้ามาจากที่ใดกัน”

เจ้าอู๋น้อยกะพริบตา ก่อนจะลุกขึ้นยืนและสะบัดชายเสื้อออกไปด้านข้างอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเด็กหนุ่มไม่ได้ดูเลื่อนลอยอีกต่อไป กลับมีสีหน้าที่สุขุมและตั้งมั่นแทนที่ แววตาของเขาส่องสว่างไปด้วยแสงประหลาด ในวินาทีนั้น เด็กหนุ่มก็ไม่ใช่เจ้าอู๋น้อย ผู้ที่เรียกหวังเป่าเล่อว่าท่านบิดาอีกต่อไป แต่เขาคือผู้ฝึกตนปริศนา

“ข้าบอกท่านไปแล้ว ข้าคือองค์ชายแห่งอาณาจักรพิภพทมิฬ ท่านไม่ควรถามว่าข้าเป็นใคร แต่ว่า…ควรจะถามว่าอาณาจักรพิภพทมิฬนั้นอยู่ที่ใดจะดีกว่า!”

หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “อาณาจักรพิภพทมิฬอยู่ที่ใดกัน”

“ท่านไม่ควรถามเช่นนั้น ท่านควรจะถามว่า อาณาจักรพิภพทมิฬนั้นอยู่ที่นี่ ในจักรพิภพเต๋าแห่งนี้หรือไม่!” รัศมีของเจ้าอู๋น้อยแปรเปลี่ยนไปขณะที่พูด เห็นได้ว่ามีความหยิ่งทนงซุกซ่อนอยู่ภายในกายของเด็กหนุ่มและต้นกำเนิดของเขาที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่

เจ้าลาเองก็ตาเบิกโพลง เหมือนจะอ้าปากอยู่เล็กน้อยด้วย มันหันกลับไปจ้องมองเจ้าอู๋น้อยด้วยสายตาลุ่มลึกเปี่ยมความหมาย ราวกับว่ากำลังจับจ้องเข้าไปในวิญญาณของอีกฝ่ายกระนั้น

หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบอยู่เป็นนาน ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาช้าๆ “อาณาจักรพิภพทมิฬที่แท้จริงอยู่ที่ไหน”

“ท่านไม่ควรถามคำถามนั้น…”

“ข้าไม่สนใจแล้ว!” หวังเป่าเล่อระเบิดโทสะขึ้นมาก่อนที่เจ้าอู๋น้อยจะทันพูดจบ ชายหนุ่มยอมอดทนกับสองครั้งที่ผ่านมา แต่เจ้าเด็กน้อยนี่ช่างวอนหาเรื่องเสียแล้ว หวังเป่าเล่อจ้องหน้าเด็กหนุ่ม ก่อนจะเตะเข้าให้ทีหนึ่ง

เจ้าอู๋น้อยร้องลั่นขณะที่ลอยละลิ่วไปไกล แต่ก็ยังคงหนังเหนียวจึงไม่ได้รับบาดเจ็บจากลูกเตะแต่อย่างใด แต่แรงเตะก็ยังทำเอาเจ็บพอสมควร ก่อนเรียกเอาความทรงจำที่ถูกหวังเป่าเล่อกระทืบในครั้งแรกให้หวนคืนมาในใจเมื่อคราวที่หวังเป่าเล่อบีบบังคับให้เรียกว่าท่านบิดา เด็กหนุ่มตัวสั่นงันงกก่อนจะกลับเป็นคนเดิมทันที เจ้าอู๋น้อยรีบทำสีหน้าประจบประแจงก่อนจะกุลีกุจอพูดอย่างแทบไม่มีทางเลือก

“ท่านบิดา อย่าโกรธสิขอรับ ข้าผิดไปแล้ว ข้าทำผิดมหันต์ ข้าไม่ได้มาจากอาณาจักรพิภพทมิฬหรอก ข้าเป็นแค่หนึ่งในองค์ชายหลายคนจากอาณาจักรเล็กๆ เท่านั้น แผ่นหยกนั้นเป็นสมบัติของอาณาจักรของเรา ข้าขโมยมันมา…” ใบหน้าของอู๋น้อยเหี่ยวย่นลงจนน่าสงสารขณะที่เด็กหนุ่มอธิบายที่มาที่ไปของแผ่นหยกให้หวังเป่าเล่อฟัง

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็รู้สึกดีขึ้นมาก คำถามควรจะได้รับคำตอบเช่นนี้ แต่หวังเป่าเล่อก็ยังไม่เชื่อสิ่งที่เจ้าอู๋น้อยพูด ชายหนุ่มยังคงสงสัยเรื่องต้นกำเนิดของอีกฝ่าย ยังมีข้อมูลซึ่งระบุไว้ในบทที่เก้าของวิชาหลอมดาราพิภพทมิฬที่เขายังต้องครุ่นคิด…มันทำให้เขาตื่นตะลึงเป็นอันมาก แถมยังทำให้มองเจ้าอู๋น้อยไม่เหมือนเดิมอีกด้วย

เจ้าหนุ่มนี่มาจากจักรพิภพที่บทที่เก้าเอ่ยถึงหรือเปล่านะ ไม่น่าเป็นไปได้ เขาอ่อนแอเหลือเกิน

หวังเป่าเล่อคิดเช่นนั้นอยู่ในใจก่อนจะที่ครุ่นคิดเรื่องวิชาหลอมดาราพิภพทมิฬต่อไป เวลาผ่านไประยะหนึ่ง ชายหนุ่มก็เลิกสนใจเจ้าอู๋น้อยก่อนจะหันมานั่งลง จับจ้องไปที่แผ่นหยกในมือและเริ่มอ่านข้อมูลในบทที่หนึ่ง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าหนึ่งเดือนก็ผ่านไป ในเดือนหนึ่งนั้น กองเรือขนาดมหึมาของหวังเป่าเล่อก็เดินทางข้ามจักรพิภพต่างๆ มากมาย และได้พานพบนักเดินทางข้ามจักรพิภพหลายกลุ่ม ทุกๆ กลุ่มนั้นเหมือนกันตรงที่ต่างพากันตื่นกลัวเมื่อสัมผัสได้ถึงตัวตนของกองทัพของหวังเป่าเล่อ ก่อนจะถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อกองกำลังนั้นจากไป

หวังเป่าเล่อไม่มีอารมณ์จะสนใจบรรดาคนแปลกหน้า ชายหนุ่มกำลังจมอยู่กับบทแรกของวิชาหลอมดาราพิภพทมิฬ เขาหมดเวลาทั้งเดือนไปกับการอ่านบทนั้นแต่กลับเพิ่งเข้าใจส่วนเล็กๆ ได้เพียงส่วนเดียว

ส่วนเล็กๆ ที่ว่าพูดถึงการหลอมผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ให้เป็นวัตถุเวท

“ข้าอยากได้ดารานิรันดร์สักดวงหนึ่งเสียจริง!” หวังเป่าเล่อพึมพำ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองออกไปยังจักรวาลเบื้องนอกเรือบินรบเวทของตน สัมผัสเทพของเขาแผ่กระจายออกไปในอวกาศ แผ่ไพศาลไปจนถึงจักรวาลอันกว้างใหญ่เบื้องนอก หวังเป่าเล่อดึงแผนที่ดวงดาวออกมาศึกษาอย่างถี่ถ้วน จากนั้นจึงเปลี่ยนทิศทางเรือบินรบเวทก่อนจะมุ่งหน้าไปยังดารานิรันดร์ที่ใกล้ที่สุดอย่างเต็มกำลัง

กองกำลังของหวังเป่าเล่อเดินทางเจ็ดวันก่อนจะไปถึงจักรพิภพเป้าหมาย มีอารยธรรมอยู่ในจักรพิภพนั้นด้วย แต่ยังเป็นอารยธรรมที่ล้าหลัง จึงไม่อาจสัมผัสการมาถึงของหวังเป่าเล่อได้ ชายหนุ่มไม่ได้มุ่งจะรุกรานอารยธรรมนั้นอยู่แล้วตั้งแต่ต้น ขณะที่เคลื่อนที่เข้าไปใกล้ดารานิรันดร์ของจักรพิภพนั้น ก็พลันเห็นดวงอาทิตย์สีแดงกล้าปรากฏขึ้นบนคลองจักษุ

ทั้งขนาดและความร้อนนั้นคล้ายคลึงกับดารานิรันดร์ของระบบสุริยะ หวังเป่าเล่อหรี่ตาเมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนแรงและพลังทำลายล้างอันสูงส่งที่แผ่ออกมาจากดารานิรันดร์ดวงนั้น เนื้อหาของบทแรกในวิชาหลอมดาราพิภพทมิฬ วิธีการหลอมผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ ปรากฏขึ้นในศีรษะของชายหนุ่ม

เราต้องปรับโครงสร้างภายในของเปลวไฟของดารานิรันดร์ ก่อนจะหลอมไฟนั้นในทะเลสวรรค์ ต้องแปรสภาพมันให้กลายเป็นหุ่นเชิดของเรา!

ขั้นตอนอาจจะดูเรียบง่าย แต่ส่วนที่ยากที่สุดก็คือผู้หลอมต้องกลืนกินเปลวเพลิงของดารานิรันดร์เข้าไป!

หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบครุ่นคิด การกลืนกินเปลวเพลิงดารานิรันดร์เป็นขั้นแรกของการฝึกวิชาหลอมดาราพิภพทมิฬ ผู้ฝึกต้องสร้างกองฟางเอาไว้ภายในใจ ขณะที่เริ่มฝึกปราณไป ก็เพิ่มเติมเชื้อไฟอื่นๆ เข้าไปเพื่อให้เปลวไฟภายในเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง เปลวไฟนี้จะทำให้ผู้ฝึกทั้งแข็งแกร่งขึ้นและบ้าคลั่งขึ้นไปพร้อมๆ กัน

ขั้นแรกนี้มีความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่หลายประการ หากทำผิดพลาดก็จะถูกเผาทั้งเป็น มีคำเตือนเขียนอยู่บนแผ่นหยกว่าผู้ฝึกควรต้องฝึกวิชาหลอมดาราพิภพทมิฬภายใต้เงื่อนไขบางประการ หาไม่แล้วก็ไม่ควรฝึกเลย

มีเงื่อนไขพิเศษที่แตกต่างกันสองประการเขียนอยู่ภายในบทแรกนั้น คือต้องฝึกวิชาหลอมดาราพิภพทมิฬบนดารานิรันดร์ที่กำลังจะแตกดับหรือดารานิรันดร์ที่เพิ่งจะถือกำเนิด!

ผู้ฝึกต้องมีโชคช่วยเป็นอย่างมากหากจะบรรลุเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งได้ หวังเป่าเล่อยังไม่โชคดีขนาดนั้น ทว่าแม้วิชาหลอมดาราพิภพทมิฬไม่แนะนำให้ฝึกหากไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขสักข้อได้ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าการฝึกจะล้มเหลว

ด้วยเหตุนี้…หวังเป่าเล่อจึงคิดว่าอย่างไรก็คงต้องลองดูสักครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มมีข้อได้เปรียบที่คนอื่นไม่มี นั่นคือ กายของเขาในตอนนี้…เป็นร่างอวตารที่หลอมขึ้นมาด้วยกระบวนท่าสารัตถะ!

หากข้าล้มเหลวครั้งแรก ข้าก็จะลองอีกสิบครั้ง หากล้มเหลวอีกสิบครั้ง ข้าก็จะลองใหม่อีกร้อยครั้ง! ดวงตาของหวังเป่าเล่อส่องประกายขณะที่ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นสร้างผนึกฝ่ามือ กายเนื้อของเขาเริ่มพร่าเลือนในทันที ละอองหมอกเริ่มกระจายออกมาจากกาย แล้วรวมตัวกันตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นร่างของชายหนุ่มที่เล็กกว่าเดิม หวังเป่าเล่อน้อยก้าวทะลุกำแพงของเรือบินรบเวทแล้ววิ่งตรงเข้าไปหาดวงอาทิตย์

ร่างนั้นเข้าไปใกล้ดวงอาทิตย์เท่าที่จะทำได้ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก เปลวเพลิงไหลบ่าเข้าหาร่างของหวังเป่าเล่อน้อยและไหลท่วมปาก ในวินาทีถัดมา ร่างของหวังเป่าเล่อน้อยก็สั่นเทา ก่อนจะลุกไหม้ แล้วโดนเผาจนกลายเป็นธุลีไปในพริบตา

หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ชายหนุ่มตรึกตรองความรู้สึกที่ได้รับจากการทดสอบเมื่อครู่อย่างถี่ถ้วน

ข้าพยายามกลืนพลังงานเข้ามามากเกินไป ควรกินให้น้อยกว่านี้ และควรเปลี่ยนสิ่งที่ร่างอวตารทำหลังจากที่กลืนพลังงานเข้าไปแล้วด้วย…หวังเป่าเล่อเริ่มคิดหาต้นเหตุของความล้มเหลว ก่อนจะหลอมร่างอวตารร่างที่สองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มทดลองซ้ำไปซ้ำมาอยู่เช่นนั้น จนกองทัพของเขามาตั้งหลักกันอยู่ข้างดารานิรันดร์เป็นเวลาทั้งเดือน!

หวังเป่าเล่อแทบจะเสียสติไปในเวลาหนึ่งเดือนนั้น เขาล้มเหลวอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชายหนุ่มกลืนโอสถเมื่อรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและยังกินวัตถุดิบระดับดีเยี่ยมเช่นศิลาวิญญาณเพื่อจะให้มีแรงฮึดสู้ต่อไป แต่ถึงกระนั้น หวังเป่าเล่อก็รู้สึกว่าสารัตถะของตนเริ่มจะเลือนรางไปพร้อมๆ กับร่างกายที่เริ่มพร่าเลือนขึ้นทุกขณะ

แต่ความพยายามซ้ำไปซ้ำมานั้นก็ไม่ได้สูญเปล่าเสียทีเดียว ทุกๆ ครั้งที่หวังเป่าเล่อล้มเหลว เขาก็ได้รับประสบการณ์มามากโข ในการทดลองครั้งที่ 173 ร่างอวตารของเขาก็สามารถกลืนเปลวเพลิงดารานิรันดร์เข้าไปลูกใหญ่โดยไม่ระเบิดได้ ก่อนจะกลับมาบนเรือบินรบได้สำเร็จ!

หวังเป่าเล่อสุดจะลิงโลดใจเมื่อเห็นร่างอวตารกลับมา กายเนื้อของเขาจางหายกลายเป็นหมอก แล้วพุ่งเข้าไปหาร่างอวตารก่อนจะรวมร่างกันแล้วแปลงให้มันกลายเป็นร่างอวตารหลักโดยใช้กระบวนท่าสารัตถะ กายของชายหนุ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงทันที เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนที่กำลังไหลบ่าไปทั่วกาย!

มีดวงอาทิตย์จำลองที่แผดแสงร้อนแรงปรากฏขึ้นในทะเลสวรรค์ของเขา เปลวไฟสีดำห้อมล้อมดวงอาทิตย์ที่กำลังเผาไหม้ดวงนั้น เกิดเป็นความสมดุลระหว่างเปลวไฟสองประเภท!

ข้าทำได้แล้ว! เมื่อสัมผัสได้ถึงเปลวเพลิงดารานิรันดร์ภายในกาย หวังเป่าเล่อก็ลืมตาขึ้น เผยให้เห็นประกายไฟที่เต้นเร่าอยู่ในดวงตาทั้งคู่ ภาพของเปลวไฟจางๆ นั้นทำเอาเจ้าอู๋น้อยและเจ้าลาตัวสั่นงันงก แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะอยู่เพียงขั้นแสร้งอมตะ แต่รัศมีความอันตรายที่กายของชายหนุ่มแผ่ออกมาขณะนี้ รุนแรงยิ่งกว่าผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์เสียอีก!

 …………………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset