หวังเป่าเล่อเป็นคนเช่นนี้เอง เขาจดบันทึกชื่อทุกคนที่เคยทำร้ายเขาไว้และหาทางล้างแค้นเมื่อใดก็ตามที่โอกาสจะอำนวย
แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้จ้องจะหาโอกาสล้างแค้นอยู่ตลอดเวลาแต่อย่างใด ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำเคยพยายามจะฆ่าเขาก็จริง แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายอีกฝ่ายหรือทิ้งคนผู้นั้นไว้บนสนามรบโดยที่ไม่ช่วยเหลือแม้แต่น้อย
ความคิดของหวังเป่าเล่อตอนนี้พุ่งเป้าไปยังปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ในความเห็นของชายหนุ่ม ตัวเขาเองบัดนี้บรรลุขั้นปราณมาถึงระดับหนึ่ง นับว่าเป็นบุคคลสำคัญ การยึดติดอยู่กับความขัดแย้งในอดีตระหว่างตัวเขาและผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำนั้นไม่เป็นผลดีกับผู้ที่เพิ่งจะได้มีหน้ามีตานัก
คงจะไม่เป็นไรหากไม่มีใครเห็น แต่นี่มีคนเฝ้ามองอยู่มากมายเหลือเกิน ช่างมันเถิด อย่างไรเสียท่านบิดาผู้นี้ก็เป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตา หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอและเมินใบหน้าเปี่ยมอารมณ์ของผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำไปเสียสิ้น ชายหนุ่มเชื่อว่า ทุกคนควรจะได้รับโอกาสแก้แค้นคนที่กระทำผิดต่อตน แต่หากถูกสุนัขกัดก็ย่อมต้องไปทวงถามความรับผิดชอบจากเจ้าของสุนัขนั้น
นี่เป็นเหตุให้ชายหนุ่มคิดตก ผู้ที่ต้องรับผิดชอบเรื่องความขัดแย้งของเขากับสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำก็คือตัวปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเอง
ดูเหมือนว่าข้าจะปราดเปรื่องขึ้นมาก ในฐานะผู้นำของสหพันธรัฐในอนาคตและบุคคลสำคัญ นี่เป็นวิธีที่ข้าควรจะคิดและกระทำตน หวังเป่าเล่อพึงใจกับการใช้เหตุผลของตนเป็นอย่างยิ่ง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปรอบๆ จากนั้นจึงหันไปจ้องที่ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำและผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ พลางคิดไปว่าทำอย่างไรจึงจะสังหารปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำได้ แต่ประกายตามุ่งร้ายในสายตาของหวังเป่าเล่อคงจะชัดเจนเกินไป ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำจึงเริ่มวิตกเมื่อมองเห็นแววตาของชายหนุ่ม
ผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ดูลำบากใจไม่แพ้กัน หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ชายชราบอกตนเองว่าความยากลำบากที่พวกเขาเผชิญอยู่ในขณะนี้นั้นมาจากกลยุทธ์ของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำมากกว่าความล้มเหลวในการบุกสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ของพวกเขา แต่เขาก็รู้ดีว่าความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะกำลังเสริมทุกคนต่างก็แสดงอาการว่าเพิ่งจะได้ต่อสู้อย่างหนักมาเมื่อไม่นานนี้
แม้การมาถึงของกำลังเสริมจะไม่ใช่สัญญาณว่าประมุขสำนักพ่ายแพ้ แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าศัตรูสามารถแบ่งกำลังมาช่วยก็เห็นได้ชัดว่าสงครามไม่ได้ดำเนินไปตามที่พวกเขาหวังไว้ เป็นไปได้มากว่าการต่อสู้เกิดยืดเยื้อหรือไม่ก็มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ความเป็นไปได้ที่จะเกิดหนึ่งในสองอย่างดังกล่าวขึ้นทำให้ผู้อาวุโสตื่นตัว ความคิดที่จะล่าถอยเริ่มผุดขึ้นมาในใจ ความรู้สึกอยากประวิงเวลาการต่อสู้ค่อยๆ เลือนหายไป เขาปลดปล่อยพลังปราณออกมาอีกครั้ง ส่งแรงกดดันระดับดาวพระเคราะห์ไหลบ่าท่วมสนามรบเพื่อจะรักษาระยะห่างจากคู่ต่อสู้เอาไว้ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำคงต้องยอมให้เขาถอยเมื่อสัมผัสได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะอย่างไรเสีย ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำก็ไม่ได้รู้ถึงสิ่งรอบข้างแต่อย่างใด พวกเขาต่อสู้กันมาเป็นเวลานาน และปรมาจารย์สำนักก็ไม่อยากให้การต่อสู้ยืดเยื้อออกไป ทั้งตัวเขาเองและสำนักต่างต้องการเวลาพักฟื้น เพราะเหตุนั้น เมื่อสัมผัสได้ว่าศัตรูกำลังจะหนี เขาเองก็ถอยหนีเช่นกัน ก่อนจะเปิดช่องให้ศัตรูหนีได้ระหว่างการโจมตีระลอกต่อไปของตนเอง
ผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สัมผัสได้ถึงโอกาสนี้ เขาจึงรีบถอยทันที และสร้างระยะห่างระหว่างตนเองกับปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำไปไกล
หวังเป่าเล่อมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้อาวุโสฝ่ายขวาตัดสินใจจะถอยหนี นัยน์ตาของชายหนุ่มส่องประกายกล้าก่อนที่ความคิดหนึ่งจะผุดขึ้นในศีรษะ เขารู้แล้วว่าจะคิดบัญชีปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำได้อย่างไร
ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย เจ้าก็จะหนีเสียแล้วหรือ นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อลุกโชนขณะที่ความคิดนั้นแล่นเข้ามาในใจ ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไป เร่งความเร็วข้ามสนามรบราวกับเป็นดาวหาง เขามุ่งหน้าไปหาปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำและผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ พลางตะโกนลั่นไปตามทาง
“ท่านปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติแห่งสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ข้าได้รับคำสั่งให้มาช่วยเหลือท่าน ข้าสาบานว่าจะสู้จนตัวตาย!” หวังเป่าเล่อคำรามแล้วเร่งความเร็วขึ้นอีก เขายังไม่ได้ปล่อยพลังปราณออกมาเต็มที่ แต่ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็ยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงขณะที่พุ่งเข้าไปหาผู้อาวุโสฝ่ายขวาด้วยหวังจะขัดขวางการหลบหนี!
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม นัยน์ตาของผู้อาวุโสฝ่ายขวาก็ส่องประกายแรงกล้า เขาไม่ได้กังวลเรื่องการมาของหวังเป่าเล่อเท่าใดนัก ในสายตาเขา ผู้ที่ยังไม่บรรลุระดับดาวพระเคราะห์ก็เป็นเพียงมดปลวก เขายกมือขวาแล้วซัดการโจมตีข้ามจักรวาลเข้าใส่หวังเป่าเล่อโดยไม่ได้ลดความเร็วจากการหนีลงเลย แต่กลับเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก ในเวลาเดียวกันนั้น ชายชราก็ส่งดวงจิตเทพออกไปสั่งให้ศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทุกคนถอยเช่นกัน
ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเองก็ไม่ได้สนใจหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อย เขาคิดอยู่กับตนเองว่าหวังเป่าเล่อไม่ควรจะเข้ามาสอดการต่อสู้นี้ แต่กระนั้น ชายหนุ่มก็มาที่นี่ในฐานะความช่วยเหลือจากสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ ไม่ว่าชายชราจะโกรธแค้นปรมาจารย์อีกสำนักเพียงใดที่ไม่ยอมมาช่วยด้วยตนเอง เขาก็ไม่อาจปฏิเสธหรือด่าทอการช่วยเหลือของหวังเป่าเล่อต่อหน้าบรรดาศิษย์ได้ ปรมาจารย์สำนักต้องแสดงท่าทีร่วมมือ เขายกมือขวาขึ้นก่อนสะบัดชายเสื้อ พลางมองไปมาราวกับว่ากำลังพยายามจะหยุดการถอยหนีของผู้อาวุโสฝ่ายขวา ในความเป็นจริงแล้ว เขาออมแรงเอาไว้ ความตั้งใจที่แท้จริงของเขาคือการเปิดช่องให้อีกฝ่ายหนีได้สำเร็จ
ผลก็คือ บรรดาศิษย์จึงมองเห็นว่าปรมาจารย์สำนักกำลังจะโจมตี และหวังเป่าเล่อก็กำลังเสี่ยงชีวิตเพื่อหยุดการหลบหนีของผู้อาวุโสฝ่ายขวา พวกเขาจ้องมองเมื่อการโจมตีของผู้อาวุโสพุ่งผ่านจักรวาลไปกระแทกหวังเป่าเล่อ ส่งให้ชายหนุ่มตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงพร้อมกระอักเอาเลือดออกมากองใหญ่ก่อนจะกระเด็นถอยหลังไป เป็นภาพที่ทำให้ศิษย์จำนวนมากรู้สึกโมโห
“เขาเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเรา!”
“ข้าเข้าใจหลงหนานจื่อผิดไป…ข้าไม่รู้เลยว่าเขากำลังเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยเรา!” ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำต่างก็เต็มตื้นไปด้วยอารมณ์
อีกด้านหนึ่ง หวังเป่าเล่อ…ก็รู้สึกภูมิใจอยู่เงียบๆ ขณะที่บ้วนเลือดออกมาจากปาก การโจมตีระดับดาวพระเคราะห์ที่เขารับไปนั้นไม่ได้รุนแรงอะไรเลย ชายหนุ่มรับได้สบายใจมาก ส่วนเลือดนั้นเขาก็ตั้งใจบ้วนออกมาเพื่อให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น หวังเป่าเล่อแสร้งทำสีหน้าบ้าคลั่ง ส่งเสียงคำรามที่ดังกว่าเก่าออกมาขณะล่าถอย
“ท่านปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติแห่งสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ข้ามีเรือบินรบเวทอยู่จำนวนหนึ่ง เป็นผลิตผลของทรัพยากรที่ข้าสั่งสมมานานปี ข้าจะระเบิดพวกมันให้หมดเพื่อช่วยเหลือพวกท่าน แต่เรือบินรบเวทก็เป็นสินค้าราคาแพงยิ่ง ข้าขอให้ท่านปรมาจารย์โปรดชดใช้เงินให้ข้าหลังจากการต่อสู้นี้ด้วย!” หวังเป่าเล่อพูดจบก็ไม่ได้รอให้อีกฝ่ายตอบคำ เขาหันหลังไปคำรามแล้วยกมือขวาขึ้น ก่อนจะดึงเรือบินรบเวทสองลำที่ได้มาจากสุสานหลวงแล้ว
เขวี้ยงไปใส่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาทันที
“จงระเบิด!”
เรือบินรบเวททั้งสองลำระเบิดทันที ส่งคลื่นพลังวิญญาณไหลบ่าออกไป ภาพของการระเบิดส่งความตื่นตะลึงเข้าไปในใจของศิษย์ที่รายล้อมอยู่ทุกคน
“สวรรค์ เขาระเบิดเรือบินรบเวทของตัวเอง!”
“หลงหนานจื่อ…ไม่เพียงแต่เอาชีวิตเข้าแลกเท่านั้น แต่ยังเอาทุกอย่างที่มีมาเสี่ยงอีกด้วย!”
ในสายตาของพวกเขา หวังเป่าเล่อขณะนี้กำลังใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อจะช่วยเหลือ ทว่า…แม้ว่าเรือบินรบเวทสองลำจะดูล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์แม้แต่น้อย เป็นเหตุให้ทั้งผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำต่างก็ไม่ค่อยจะใส่ใจนัก ข้างผู้อาวุโสนั้นโบกมือเพียงครั้งเดียวก็หยุดแรงระเบิดเอาไว้ได้สิ้น เขาบอกได้เลยว่าแรงระเบิดตัวเองของเรือบินรบเวทสองลำนั้นค่อนข้างจะอ่อนแอ เขาไม่ได้หยุดล่าถอยแต่อย่างใด ฝ่ายปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ เมื่อเห็นว่าบรรดาศิษย์ปลาบปลื้มกับการเสียสละของหวังเป่าเล่อเพียงใด เขาก็ไม่อาจปฏิเสธข้อเรียกร้องของอีกฝ่ายได้ ชายชรายังสัมผัสได้ว่าแรงระเบิดของเรือบินรบเวทนั้นอ่อนแอ แต่กระนั้น ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำก็ตอบอย่างรวดเร็วด้วยถ้อยคำรวบรัด
“แน่นอน!”
แววตาซาบซึ้งสะท้อนอยู่ในดวงตาของหวังเป่าเล่อเมื่อได้ยินว่าปรมาจารย์สำนักยอมตกลง ขณะที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ยังเมินแรงระเบิดจากเรือบินรบเวทและถอยหนีต่อไปนั้น หวังเป่าเล่อก็คำรามและโบกมือ ครั้งนี้ชายหนุ่มหยิบเรือบินรบเวทออกมาสี่สิบลำแล้วเขวี้ยงเข้าไปหาผู้อาวุโสฝ่ายขวาพร้อมๆ กัน
ผู้อาวุโสถึงกับตะลึง ศีรษะมึนชาเพราะความตกใจ เขาอาจไม่ใส่ใจเรือบินรบเวทระเบิดตัวเองสองลำได้ แต่สี่สิบลำ…เรือบินรบเวทเหล่านั้นทุกลำต่างก็มีพลังมหาศาลไหลบ่าออกมา คลื่นความตกใจไหลไปทั่วกายชายชรา แม้ว่าจะอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์…แต่ต่อหน้าเรือบินรบเวทระเบิดตัวเองสี่สิบลำ ในขณะที่เหนื่อยล้าถึงเพียงนี้ และในขณะที่จิตใจคิดถึงแต่เรื่องการหนีเท่านั้น ความมุ่งมั่นของผู้อาวุโสจึงเริ่มถดถอยลง
คนที่ตกใจเสียยิ่งกว่าก็คือปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ตาของเขาเบิกโพลงขึ้นมาในทันที ความตกตะลึงและสับสนทะลักล้นท่วมใจ ชายชรานึกถึงคำสัญญาเรื่องการชดใช้เงินแล้วก็ตัวสั่นด้วยความกลัว
ความตื่นตกใจนั้นล้นปรี่อยู่ในใจของผู้อาวุโสฝ่ายขวา ปรมาจารย์สำนัก และผู้ฝึกตนรอบๆ กาย หวังเป่าเล่อคำราม
“จงระเบิดเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นเอง…เรือบินรบเวทสี่สิบลำที่ชายหนุ่มเก็บมาจากสุสานหลวงก็ระเบิดขึ้น คลื่นพลังงานทะลักล้นออกมาท่วมจักรวาล แล้วแปรสภาพเป็นพายุหมุนจำนวนมากที่พุ่งเข้าทำลายบริเวณโดยรอบ!
แม้ว่าการทำลายตัวเองของเรือบินรบเวทแต่ละลำจะปล่อยพลังงานออกมาได้เพียงหนึ่งในสิบของพลังจริงเท่านั้น แต่เมื่อรวมพลังกัน การทำลายตัวเองของเรือบินรบเวทสี่สิบลำก็ไม่อาจดูเบาได้ พายุหมุนที่เกิดจากแรงระเบิดนั้นทำเอาผู้อาวุโสฝ่ายขวาหน้าซีดเผือด เขาปลดปล่อยพลังปราณออกมาเต็มที่เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้บาดเจ็บเพิ่ม ขณะที่พยายามสกัดกั้นพลังทำลายล้างของพายุหมุนไปพร้อมๆ กัน
จักรวาลส่งเสียงครืนสนั่นขณะที่ผู้อาวุโสพยายามจะควบคุมพายุ ผู้อาวุโสฝ่ายขวารู้สึกได้อีกครั้งว่าเรือบินรบเวทเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าที่เขาคาดการณ์ไว้ เมื่อคิดได้เช่นนั้น ชายชราจึงทอดถอนใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะมีแววตามุ่งร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาที่กวาดไปมองหวังเป่าเล่อ สำหรับเขาแล้ว หวังเป่าเล่อเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ แต่ก็ดันไปได้เรือบินรบเวทไม่ได้มาตรฐานเหล่านั้นมาแล้วเอามาใช้ทำให้เขาปั่นป่วนได้ ผู้ที่กระทำเช่นนี้สมควรต้องตายแล้ว!
ตอนนั้นเอง…ชายชราก็ส่งจิตสังหารไปทางหวังเป่าเล่อก่อนจะพุ่งเข้าไปโจมตี หวังเป่าเล่อส่งสายตามุ่งร้ายหมายขวัญกลับไปให้ผู้อาวุโสก่อนจะยกมือขวาขึ้น…
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นลั่นจักรวาล เรือบินรบเวทสองร้อยลำปรากฏขึ้นรอบกายชายหนุ่ม!
“บัดซบ…” ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เบิกตาโพลงก่อนจะรีบถอยทันที
……………………