เสียงปริแตกดังขึ้นจากร่างกายของเขาอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะต้านทานอย่างไรก็ไม่สามารถทานแรงกดดันได้โดยสมบูรณ์ ร่างกายของเขาเริ่มบิดงอผิดรูป แรงกดดันภายนอกนั้นรุนแรงเกินไปจนร่างกายของหวังเป่าเล่อเริ่มโอนเอนไปมา โชคดีที่ร่างนี้ไม่ใช่กายแท้ของเขา เป็นแค่ร่างสารัตถะ จึงเพียงบิดงอ ไม่ได้สิ้นลมหายใจไป
แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงภัยอันตรายร้ายแรง ภายใต้แรงกดดันนี้ เขามั่นใจว่าหากไม่หลบหนีออกไปให้เร็วที่สุด คงจะมีเวลาอย่างมากเพียงสิบนาทีเท่านั้นก่อนที่ร่างอวตารจะสลายไป
ข้าเปิดกระเป๋าคลังเก็บไม่ได้ ใช้พลังฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ก็ไม่ได้ บ้าจริง… แววดุดันฉายวาบขึ้นในดวงตาชายหนุ่ม แต่เขาไม่ได้กังวลใจอะไร หวังเป่าเล่อรู้ว่าศึกครั้งนี้ถือเป็นการแย่งชิงอำนาจควบคุมจึงมีทางเลือกหลายทางที่สามารถเลือกทำได้
ทำลายเปลวเพลิงดารานิรันดร์ทิ้ง…แล้วเอาร่างหลักมาที่นี่ดีไหม ถึงจะทำเช่นนั้นได้ แต่ก็ยุ่งยากนิดหน่อย อย่างไรเสีย บริเวณนี้ก็ไม่ใช่ขอบนอกของดารานิรันดร์ ข้าต้องใช้เวลาไม่น้อยในการตามหาที่แห่งนี้ ผลกระทบที่ตามมาก็ค่อนข้างหนักหนา… หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว เขาก็ตัดสินใจเลือกทางอื่น
ตื่นเถิด… หวังเป่าเล่อปลดปล่อยพลังปราณในทันใด ขณะที่ใช้พลังปราณต้านแรงกดดันที่โถมมาจากทั่วทุกทิศ เขาก็ท่องบทสวดแห่งเต๋าในใจ ตัดสินใจลองเสี่ยงดูสักตั้ง ถ้าไม่สำเร็จก็ยังมีเวลาเหลือให้ทำลายตัวเอง!
ภัยอันตรายที่เขาเผชิญในครั้งนี้ถือว่าน่าพรั่นพรึงมากทีเดียว แต่เพราะชายหนุ่มมีไพ่ตายซ่อนอยู่ ถึงร่างอวตารจะตายไปก็ไม่ส่งผลอะไรกับร่างหลัก
แต่…ถ้าไม่ได้จำเป็นจริงๆ หวังเป่าเล่อก็ไม่อยากแบกรับผลกระทบที่ตามมาจากการตายของร่างอวตาร อย่างไรเสียเมื่อร่างอวตารตาย ถึงมันจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร่างกายเขาทั้งหมด แต่ก็ยังส่งผลกระทบในบางส่วน นอกจากนี้ หวังเป่าเล่อยังไม่อยากเสียข้าวของในกระเป๋าคลังเก็บไป
ส่วนเจ้าเยี่ยเหมิง เจ้าอู๋น้อย และเจ้าลาที่อยู่บนเรือบินรบเวทในกระเป๋าคลังเก็บของหวังเป่าเล่อ ขอแค่ร่างหลักของเขาตื่นขึ้นได้ทันเวลา ชายหนุ่มก็มั่นใจว่าจะสามารถส่งพวกเขาออกไปนอกขอบเขตการระเบิดในจังหวะระเบิดทำลายตัวเองสังหารผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและผู้อาวุโสฝ่ายขวาได้
แต่สิ่งที่ต้องทำให้ได้ก่อนคือปลุกร่างหลักให้ทันเวลาและหาจุดอ่อนให้เจอ โดยต้องอาศัยพลังธรรมชาติของขอบนอกดารานิรันดร์และระบุตำแหน่งร่างอวตารเพื่อช่วยในการทำเช่นนั้น
อาจจะยังไม่ถึงจุดนั้นก็ได้… หลังจากท่องบทสวดแห่งเต๋าในใจ แววเย็นเยียบก็ฉายขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่อ นอกจากเปลวเพลิงดารานิรันดร์แล้ว ไพ่ตายที่ยังเหลือก็มีแผ่นหยกที่ปรมาจารย์แห่งไฟลงคำสาปไว้ให้
เพราะเหตุนี้…แม้ร่างของเขาจะถูกกดพลังไว้ในฟองอากาศสีรุ้งให้ไม่สามารถขยับตัวได้ ขอแค่เปิดกระเป๋าคลังเก็บและหยิบฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ออกมาได้ ชายหนุ่มก็คิดว่าวิกฤตินี้ไม่ยากเกินกว่าจะรับมือไหว
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบทสวดแห่งเต๋าซึ่งเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถใช้ได้ในตอนนี้ ว่าจะคลายผนึกและเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มปล่อยเคล็ดวิชาอื่นๆ ต่อได้หรือเปล่า
ความคิดทั้งหมดผุดขึ้นในหัวหวังเป่าเล่อในคราวเดียวขณะที่ฟองอากาศสีรุ้งหดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและผู้อาวุโสฝ่ายขวาปลดปล่อยพลังเข้าไปเสริมและควบคุมฟองอากาศ แรงกดดันมหาศาลด้านในนั้นเพียงพอที่จะทำให้ร่างของหวังเป่าเล่อบิดงอและตายได้
ดวงตาของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายไร้ซึ่งความเมตตาปรานี เขาเกลียดหวังเป่าเล่อยิ่งกว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวา ถ้าไม่ใช่เพราะหวังเป่าเล่อ เขาคงไม่ต้องเสียร่างกายไปในศึกที่สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และระดับพลังยุทธ์คงไม่ตกลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับดาวพระเคราะห์ นอกจากนี้ชายหนุ่มยังทำให้เขาไม่สามารถบรรลุขั้นการฝึกตนได้อีกในอนาคต
“ตายเสีย!” ดวงตาของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเปี่ยมไปด้วยแววความโกรธแค้นขณะร้องคำรามและปล่อยพลังปราณเพิ่มขึ้นไปอีกครั้ง ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังสั่นเทิ้มและบางส่วนของร่างกายเริ่มแหลกสลายไปจากการบิดงอ ดารานิรันดร์พลันสั่นไหวด้วยพลังจากจักรวาลอันไกลโพ้นที่จุติลงมา
พลังที่ว่ากล้าแกร่งยิ่งนัก แต่น่าแปลกที่นอกหวังเป่าเล่อและผู้อาวุโสทั้งสองแล้ว คนอื่นๆ ภายนอกดารานิรันดร์กลับไม่ได้สังเกตเห็นพลังที่ว่าเลย พวกเขาเห็นเพียงแค่ว่า…แสงของดารานิรันดร์อ่อนลงไปชั่วครู่เท่านั้น
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองฝั่งที่ปะทะกันอยู่ด้านนอกผงะไป ทว่าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและผู้อาวุโสฝ่ายขวาที่อยู่ในดารานิรันดร์ต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ผู้อาวุโสฝ่ายขวาตาเบิกกว้างเมื่อรู้สึกได้ถึงจิตใจที่สั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ มันสั่นไหวตั้งแต่ส่วนลึกสุดในขั้วหัวใจราวกับกำลังกลับไปเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาและได้มาอยู่ต่อหน้าพลังของฟ้าดิน
ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างกัน เนื่องจากบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว จึงสัมผัสได้ถึงพลังฟ้าดินที่รุนแรงยิ่งกว่าจนกระอักเลือดสดๆ ออกมา
ร่างกายและดวงวิญญาณที่สั่นไหวของทั้งสองส่งผลต่อผนึก ภายใต้พลังของบทสวดแห่งเต๋า ผนึกก็คลายลงโดยไม่รู้ตัว…หากปล่อยพลังบทสวดแห่งเต๋าไปเรื่อยๆ ผนึกคงพังทลายลงอย่างแน่นอน
แต่…หวังเป่าเล่อรู้อยู่แล้วว่าพลังของบทสวดแห่งเต๋านั้นมาและจากไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่พลังจุติลงมาและคลายผนึกลง ร่างกายของเขาก็รู้สึกผ่อนคลายลง แม้จะขยับร่างกายไม่ได้ตามปกติภายใต้แรงกดดันนี้ แต่ก็สามารถเปิดกระเป๋าคลังเก็บได้ด้วยสัมผัสสวรรค์ ส่วนควบคุมฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ในร่างกายได้เช่นกัน
เมื่อสัมผัสได้ว่าสามารถปลดปล่อยกระเป๋าคลังเก็บและฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ในร่างกายได้ ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็ฉายแสงวาบ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างฉับไวและเรียกฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ออกมาโดยไม่ลังเลใจ
หลังจากนั้น เขาก็ยกมือขวาขึ้นโบกอย่างทุลักทุเล แสงสว่างพลันเปล่งออกมารอบร่างกาย ฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ที่มีนิ้วมือเหลือเพียงสองนิ้วปรากฏขึ้นเหนือหัว หวังเป่าเล่อไม่นึกลังเล ปลดปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมาทันทีที่ฝ่ามือปรากฏขึ้นและควบคุมมันด้วยพลังทั้งหมดที่มี ฝ่ามือสั่นไหวอย่างรุนแรงและ…พุ่งตรงไปยังฟองอากาศสีรุ้งด้านนอกร่างกายชายหนุ่ม!
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กะทันหันเกินไปสำหรับผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและผู้อาวุโสฝ่ายขวา ตอนนั้นเองระหว่างที่ทั้งสองกำลังตื่นตระหนก ฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ของหวังเป่าเล่อก็สัมผัสเข้ากับฟองอากาศสีรุ้งด้านนอกร่างกายที่อ่อนพลังลง
“จงระเบิด!” แววดุดันฉายวาบขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่อขณะที่ร้องคำราม เขาไม่รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่น้อยขณะที่ตัดสินใจแน่วแน่และระเบิดทำลายนิ้วหนึ่งของฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์!
หลังจากเสียงของชายหนุ่มดังก้องไปทั่ว นิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ก็เปล่งแสงสุกสว่างก่อนจะระเบิดทำลายตัวเองในจังหวะต่อมา ปลดปล่อยพลังระดับดาวพระเคราะห์ปะทะเข้ากับฟองอากาศสีรุ้ง
เมื่อมองจากที่ไกลๆ นิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ในฟองอากาศนั้นเป็นเหมือนกระบี่คมที่หมายจะทำลายทุกสิ่ง!
แม้หวังเป่าเล่อจะสามารถควบคุมทิศทางการระเบิดทำลายตัวเองของนิ้วมือได้ แต่ร่างของเขายังอยู่ในฟองอากาศสีรุ้งทำให้ได้รับผลกระทบไปด้วย ถึงจะมีเกราะสวรรค์พิพากษา ก็ไม่สามารถปกป้องร่างกายไม่ให้สั่นเทิ้มและกระอักเลือดออกมาได้
แต่เรื่องนี้ก็อยู่ในแผนของชายหนุ่มเช่นกัน ระหว่างที่ใช้แรงระเบิดทำลายตัวเองจากนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างให้ฟองอากาศสีรุ้ง เขายังยอมให้แรงระเบิดเข้าปะทะตนเอง ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากขึ้นภายใต้แรงกดดันในฟองอากาศสีรุ้ง ระหว่างที่แรงปะทะกระจายออกไป และขณะที่ร่างกายกำลังสั่นไหวและกระอักเลือดออกมา แววเย็นเยียบก็ฉายวาบขึ้นในดวงตาชายหนุ่ม ร่างกายของเขาพุ่งไปข้างหน้าในทันใดและตรงไปยังฟองอากาศสีรุ้งที่โดนนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ระเบิดใส่
ทว่า…แม้แรงระเบิดจากนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์จะแกร่งกล้า แต่ฟองอากาศสีรุ้งก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ต้องทำการสังเวยเพื่อสร้างขึ้น เสียงสั่นสะเทือนฟ้าดินดังกึกก้อง ภายใต้พลังกล้าแกร่ง ฟองอากาศไม่ได้ทลายลง แต่…ปรากฏรอยแยกขึ้น!
ทันได้ที่รอยแยกปรากฏให้เห็น ฟองอากาศก็ฟื้นฟูสภาพอย่างรวดเร็ว ในจังหวะนั้นเอง บทสวดแห่งเต๋าก็เริ่มอ่อนพลังลง ผู้อาวุโสฝ่ายขวาตอบโต้ในทันที สีหน้าของเข้าเปลี่ยนไปขณะที่พยายามกดต้านหวังเป่าเล่อไว้อีกครั้ง
“กลับเข้าไป!” ผู้อาวุโสฝ่ายขวาร้องคำราม ผนึกมือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าก่อนจะสั่นไหว
ทว่า…แม้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาจะตอบโต้อย่างรวดเร็วและมีเพียงรอยแยกรอยเดียวปรากฏขึ้นบนผนึก แค่นั้นก็ถือเป็นโอกาสของหวังเป่าเล่อแล้ว แววความคลั่งฉายชัดในดวงตาของชายหนุ่มขณะที่เขาเสี่ยงชีวิตพุ่งไปโจมตีพร้อมๆ กับผู้อาวุโสฝ่ายขวา โดยมีเพียงรอยแยกจากภายในและภายนอกฟองอากาศสีรุ้งกั้นไว้
ทันใดนั้น แรงสั่นสะเทือนก็กระจายไปรอบๆ อีกครั้ง ถึงระดับพลังปราณของหวังเป่าเล่อจะไม่ธรรมดา เขาก็ไม่ได้อยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ นอกจากนี้ชายหนุ่มยังอยู่ภายในฟองอากาศ การเสริมพลังจากผู้อาวุโสฝ่ายขวาทำให้ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มรุนแรงและกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ร่างกายของชายหนุ่มถูกผลักกลับไป แต่รอยยิ้มชั่วร้ายกลับผุดขึ้นที่มุมปาก นั่นเป็นเพราะว่า…ระหว่างที่ผู้อาวุโสมือจวาพยายามจะกดต้านเขาไว้ นิ้วมืออีกนิ้วของฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ก็ระเบิดตัวเอง!
เป้าหมายของมันไม่ใช่ผู้อาวุโสฝ่ายขวา แต่เป็น…ผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย!