หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 921 ผลไม้วิญญาณ!

ก่อนหวังเป่าเล่อจะพูดจบ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างเหมือนกับคนอื่นๆ ร่างกายยืนไม่อยู่จนต้องจับแท่นบูชาข้างๆ ไว้ ลมหายใจก็ไม่คงที่ ดวงตาพร่ามัว โดยเฉพาะศีรษะที่เกิดวิงเวียนขึ้นมากะทันหัน

“มีพิษหรือ?!”

หวังเป่าเล่อคร่ำครวญในใจ เมื่อร่างกายกระสับกระส่าย อาการวิงเวียนรวมถึงการมองเห็นที่พร่ามัวก็พุ่งไปรวมกันอยู่ในดวงวิญญาณเทพของเขา วิญญาณเทพที่เขาใช้ส่งเสียงคำรามที่คนอื่นไม่ได้ยินออกมา

ขณะคำราม ดวงวิญญาณเทพของเขาก็พองตัวราวกับถูกกระตุ้น และได้รับยาชูกำลังขนานใหญ่ ในชั่วพริบตา จู่ๆ มันก็ระเบิดออก

วิญญาณเทพระดับต่ำกว่าดาวพระเคราะห์ไม่มีรูปร่าง อาศัยอยู่ในชั้นกายเนื้อ และไม่ทราบแน่ชัดว่าอยู่ตรงส่วนไหนของร่างกาย เพราะมันมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ในระดับหนึ่งชั้นกายเนื้อก็เป็นเพียงพาหะของดวงวิญญาณเทพเท่านั้น

แต่ ณ ตอนนี้…เมื่อผลไม้ละลายและถูกดูดซับไป พร้อมกับการระเบิดดวงวิญญาณเทพ จู่ๆ หวังเป่าเล่อก็รู้สึกแปลกๆ ราวกับ… เขาได้เชื่อมต่อกับดวงวิญญาณเทพแล้ว ขณะเดียวกันร่างแยกนี้ก็เหมือน…ไม่อาจรองรับดวงวิญญาณเทพได้!

เนื่องจากวิญญาณเทพของเขาในตอนนี้ถูกเติมเต็มเข้าไปอย่างมหาศาลจนเกือบปะทุออกมา มันใหญ่มากเกินกว่าที่ร่างกายเขาจะรับไหว

ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกับเสื้อผ้าหดเล็กลงในชั่วพริบตา ความแน่นเช่นนี้ทำให้หวังเป่าเล่ออึดอัดมาก เขาใช้เวลานานกว่าจะทรงตัวได้อย่างลำบาก เขาไม่จับแท่นบูชาอีกแล้วและพยายามยกมือขวาขึ้น

หลังจากชี้นิ้ว…แม้มือของเขาจะยกขึ้นทันที แต่หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าการตอบสนองของร่างกายช้าลง ไม่นานเขาก็เข้าใจ ไม่ใช่ว่าร่างกายของเขาช้าหรอก แต่เพราะหลังวิญญาณเทพของเขาแข็งแกร่งขึ้น การตอบสนองก็เร็วขึ้นตามไปด้วย

“เจ้าผลไม้นี่…เป็นของดี!” หลังจากเข้าใจแล้ว หวังเป่าเล่อก็ปลาบปลื้มอย่างหนัก อันที่จริงเขารู้ดีว่าความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ระดับดาวพระเคราะห์ดูจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับวิญญาณเทพ นั่นก็เป็นเพราะในโลกนี้มีสิ่งที่ทำให้วิญญาณเทพในขั้นจิตวิญญาณอมตะปะทุออกมาได้ไม่มากนัก แต่วิญญาณเทพกับการบำเพ็ญตนจนทะลวงไปถึงขั้นดาวพระเคราะห์กลับเกี่ยวข้องกันอย่างมาก

อาจกล่าวได้ว่าเจ้าผลไม้นี้ทำให้อัตราความสำเร็จในการทะลวงของเขาเพิ่มขึ้นถึงครึ่งหนึ่ง ส่วนผลด้านอื่น หวังเป่าเล่อไม่ใช่นักปรุงยาและยังไม่รู้รายละเอียดของเจ้าผลไม้นี่แน่ชัด เขาจึงยังไม่รู้

แต่ไม่เป็นไร มีคนบอกเขาแล้ว

คนที่บอกเขาก็คือผู้หญิงที่สวมหน้ากากอยู่นั่นอย่างไรล่ะ!

“ผลไม้นี้เรียกว่าผลไม้วิญญาณซึ่งเติบโตในสุสานดวงดาราเท่านั้น แทบจะไม่ปรากฏในโลกภายนอกเลย แต่ในบรรดาผลไม้แปลกๆ ของตระกูลคงกระพัน ผลไม้ชนิดนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวช่วยอันดับหนึ่งของขั้นจิตวิญญาณอมตะทะลวงสู่ระดับดาวพระเคราะห์”

“แม้มันจะแค่ยกระดับวิญญาณเทพขึ้นไปถึงขีดสุด แต่ความจริงแล้วมันยังเก็บซ่อนอีกผลลัพธ์หนึ่งไว้ นั่นก็คือ…เพิ่มอัตราการผนึกกายเข้ากับดาวเคราะห์อมตะหรือดาวเคราะห์พิเศษให้มากขึ้น!”

หญิงสวมหน้ากากพูดช้าๆ หลังหวังเป่าเล่อได้ฟังก็ตกตะลึง เขาหยิบผลไม้ขึ้นมาอีกหนึ่งลูกทันทีโดยไม่ลังเล ส่วนคนอื่นๆ นั้นเห็นได้ชัดว่าเข้าใจเรื่องพวกนี้แจ่มแจ้งแล้ว แต่ขณะนี้ยังคงตะลึงงันอยู่

สาเหตุที่พวกเขาตกตะลึงไม่ใช่เพราะคำพูดของหญิงสวมหน้ากาก แต่เพราะได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึงแล้ว จากสภาวะมึนงงจึงกลายเป็นความโกลาหลและความไม่อยากจะเชื่อ

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!!”

“เข้าใจแล้ว…ก่อนหน้านี้มีเพียงองค์ชายทั้งสามของตระกูลคงกระพันที่ทำสำเร็จ เจ้าผลไม้นี่…บัดซบ เหตุใดทูตดาวตกถึงไม่หยุดยั้งเขา!!”

เสียงเซ็งแซ่ทำให้เรือที่เคยเงียบสงบดังระงม เหล่ามหาศิษย์แห่งเต๋าต่างลุกขึ้นและมองหวังเป่าเล่อด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและริษยาขั้นสุด

โดยเฉพาะเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อหยิบผลไม้ลูกที่สองขึ้นมาต่อหน้าต่อตา หลังจากหวังเป่าเล่อกัดไปอีกสองสามคำ พวกเขาเขาก็เริ่มความคุมอารมณ์ไม่ได้

“เซี่ยต้าลู่ เจ้าหยุดก่อน ผลไม้นี่ไม่ใช่ให้กินเข้าไปโดยตรงเช่นนี้…”

“ผลไม้วิญญาณ สำหรับเหล่าผู้ฝึกตนกินเพียงลูกเดียวก็พอแล้ว กินมากไปก็ไม่มีประโยชน์!” ยามที่เหล่ามหาศิษย์แห่งเต๋ารอบตัวรีบพูดขึ้นมา หวังเป่าเล่อก็รู้สึกเช่นกันว่าผลไม้ลูกที่สองที่กินเข้าไปแทบไม่มีผลอะไรเลย แต่ถึงกระนั้นรสชาติของผลไม้ชนิดนี้ก็อร่อยมาก หวังเป่าเล่อจึงกระแอมไอหนึ่งทีก่อนจะหยิบลูกที่สามขึ้นมาต่อหน้าต่อตาทุกคน คราวนี้เขาค่อยๆ กินมันอย่างช้าๆ

ภาพนี้ทำให้ทุกคนโกรธมาก โดยเฉพาะหลี่หลินจื่อที่ตอนนี้ตาแดงก่ำไปหมดแล้ว เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกินผลไม้ได้จริงๆ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“เป็นไปได้ไหม…เป็นไปได้ไหมว่าหากเข้าไปอีกครั้งก็จะไม่ถูกทูตดาวตกขัดขวางแล้ว” แม้ความคิดที่ผุดขึ้นมานี้จะทำให้เขารู้สึกไร้สาระอยู่บ้าง แต่ความปรารถนาในใจตอนนี้ทำให้เขากัดฟันและรีบตรงไปยังแท่นบูชาที่หวังเป่าเล่อยืนอยู่

มีอีกสามถึงห้าคนที่พุ่งเข้าไปเช่นกัน พวกเขาต่างก็คิดเหมือนหลี่หลินจื่อจึงรีบเข้าไปด้วยความรวดเร็ว เมื่อกำลังจะก้าวถึงแท่นบูชา จู่ๆ ฝีพายกระดาษรูปมนุษย์ก็ยกมือขวาขึ้นโบก พลังแข็งแกร่งที่เคยขวางไม่ให้หวังเป่าเล่อเข้าไปใกล้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันกีดกันและผลักพวกเขาออกไปอย่างแรง

เสียงดังกึกก้องขึ้น ร่างของหลี่หลินจื่อกับคนอื่นๆ ถูกสะบัดถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว มีคนหนึ่งถูกเหวี่ยงแรงเกินไปจนเลือดกบปาก เมื่อเห็นคนพวกนี้กระเด็นออกมา คนอื่นๆ ก็สูดหายใจเข้าและได้สติ

“อี๋ ข้าไม่คิดเลยว่ายังมีคนโง่อยู่จริงๆ หลี่หลินจื่อ พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าตั้งแต่สมัยโบราณมีเพียงสองคนเท่านั้นที่เคยได้รับผลไม้วิญญาณจากเรือดาวตกลำนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะเป็นคนที่สามหรือ” หวังเป่าเล่อกินผลไม้ไปสามลูก และกำลังหยิบลูกที่สี่พร้อมกับถากถางอีกฝ่าย

“เจ้า!” สีหน้าหลี่หลินจื่อน่าเกลียดน่ากลัว แต่เขายังคงดื้อรั้นราวกับคิดว่าหากลองอีกเป็นครั้งที่สองอาจจะสำเร็จก็ได้ ดังนั้นเขาจึงสะบัดร่างพุ่งเข้าไปยังแท่นบูชาอีกหน

“ยังคิดจะลองอีกหรือ หลี่หลินจื่อ ข้าล่ะชื่นชมความกล้าหาญของเจ้าจริงๆ สู้ๆ นะ!” หวังเป่าเล่อพูดยิ้มๆ ก่อนจะหยิบผลไม้ลูกที่ห้าขึ้นมา คราวนี้เขาไม่ได้กิน แต่โยนมันไปมาในมือและมองดูหลี่หลินจื่อที่พุ่งเข้ามา ทันทีที่เข้าใกล้เขาก็ถูกพลังของกระดาษรูปมนุษย์ขัดขวางและกระเด็นออกไปอีกครั้ง

ครั้งนี้ราวกับเป็นบทลงโทษ แรงผลักนั้นรุนแรงจนหลี่หลินจื่อกระอักเลือดและเมื่อตกถึงพื้นก็เซถลาไปสองสามก้าว สีหน้าซีดเผือด แต่ยามที่จ้องหวังเป่าเล่อ ทั้งสีหน้าแววตาล้วนเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและโกรธเกรี้ยว!

เขาโกรธจัดแต่ทำอะไรไม่ได้ เขาต้องยอมรับจริงๆ ว่าแต่ละคนล้วนต่างกัน…คนอื่นๆ ต่างก็เห็นแล้วว่านี่คือความต้องการของทูตดาวตก ภาพที่หวังเป่าเล่อขึ้นเรือมาเป็นครั้งแรกและพายเรือ ไปจนทะลวงการฝึกฝนได้ย้อนกลับมาในความคิดพวกเขาอีกครั้ง

“ทำไมกัน!!”

“นี่มันเกินไปแล้ว!!”

“ช่วยเขาทะลวงการฝึกฝน แล้วยังช่วยให้เขาขึ้นเรือ เขาฆ่าคนและสวมรอยแทนก็ไม่สน ตอนนี้ยังได้รับอนุญาตให้กินผลไม้วิญญาณเพียงคนเดียวและยังกินได้ตามใจชอบอีก…หรือเซี่ยต้าลู่ผู้นี้คือบุตรแห่งดาวตก!!”

ความลำเอียงอย่างชัดเจนทำให้ทุกคนทำอะไรไม่ถูก ดวงตาจ้องมองหวังเป่าเล่อที่กินผลไม้ลูกที่ห้าในมือแล้วหยิบลูกที่หกขึ้นมาราวกับจะกินผลไม้ทั้งหมดให้สิ้น เมื่อจิตใจสงบลงและความคิดในหัวเปลี่ยนไป หญิงสวมหน้ากากที่บอกผลลัพธ์ของผลไม้ชนิดนี้ให้หวังเป่าเล่อฟังก็พูดขึ้นอีกครั้ง

“สหายเซี่ย ข้าเต็มใจให้ผลึกสีชาดสามล้านเม็ด แลกกับผลไม้หนึ่งลูกได้หรือไม่”

“เท่าไหร่นะ” หวังเป่าเล่อที่กำลังจะกัดผลไม้อีกคำได้ยินก็เบิกตาโพล่งอ้าปากค้าง เขาหยุดกินทันทีแล้วมองไปยังหญิงสวมหน้ากากคนนั้น

“ผลึกสีชาดสามล้านเม็ด นี่คือบัตรผลึกสีชาดของตระกูลเซี่ย เจ้าเป็นคนของตระกูลเซี่ยย่อมรู้ดีว่าข้างในนี้มีสามล้านเม็ด พอดี!” ขณะที่พูดหญิงสวมหน้ากากก็ใช้มือขวาหยิบแผ่นหยกแดงขึ้นมา ก่อนจะโยนไปทางหวังเป่าเล่อ

หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้า ก่อนจะยกมือดูดแผ่นหยกนั่นเข้ามา ถึงแม้เขาจะไม่รู้จักมัน แต่ในเมืองเซี่ยเจียฟางเขาเคยเห็นผู้คนหยิบของคล้ายๆ กันนี้ออกมา แต่ก็ไม่ได้มีมากนัก

ด้วยความตกใจ เขามองผลไม้ที่มีรอยฟันในมือ ก่อนจะหันไปมองที่เหลืออีกหนึ่งลูกบนแท่นบูชา แล้วเขาก็รู้สึกเสียใจอย่างที่สุด

“ให้ตายเถอะ เมื่อกี้เท่ากับว่าข้ากินผลึกสีชาดไปเท่าไหร่กันนะ กินไปหนึ่งพันห้าร้อยล้านหรือ ! ข้า ข้า…ข้าควรขายมันให้เร็วกว่านี้!!”

…………………………………….

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset