“เอ่อ…” หวังเป่าเล่อลังเลไปชั่วขณะ ในใจเขากล้าอยู่แล้ว แต่เขาเข้าใจดีว่าความแตกต่างของกฎเกณฑ์และกฎหมายทำให้วิธีฝึกฝนเคล็ดวิชาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากไม่มีการอ้างอิงและการเปรียบเทียบก็ยากที่เขาจะเข้าใจ เว้นแต่ว่าจะสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงของเคล็ดวิชาได้ด้วยตัวเอง
มิเช่นนั้นอีกฝ่ายก็สามารถสร้างเคล็ดวิชาปลอมได้อย่างง่ายดาย และถึงแม้จะไม่มีการโกหก แต่หากฝึกฝนอย่างไม่ระวังก็เกรงว่าร่างกายจะกลายเป็นกระดาษไปเสีย
นอกเสียจากจะได้เข้าใจและเห็นตัวอักษรเองกับตา อีกทั้งยังต้องแน่ใจว่าข้อความนั้นเป็นจริงถึงจะลองฝึกได้ แต่ระดับความอันตรายก็เท่ากัน
คิดได้ดังนี้ หวังเป่าเล่อก็เหยียดยิ้มและส่ายหน้า
“ไม่กล้าจริงหรือ อย่างเล่มนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาชั้นสูงในร้านข้าเลยนะ มันชื่อว่าเก้าวิธีกลายเป็นกระดาษ ทันทีที่เปิดออกจะทำให้พลังเทพของเจ้าเข้ากับกฎของกระดาษได้ ทำให้ศัตรูที่สัมผัสเจ้าถูกเผาในชั่วพริบตา…เมื่อผู้แข็งแกร่งแห่งจักรวรรดิดาวตกของเราต่อสู้กับนอกพิภพ เคล็ดวิชานี้ทำให้ศัตรูภายนอกจำนวนมากกลายเป็นกระดาษและถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน” ชายชราพูดพร้อมกับยกมือขวาขึ้นแบกลางอากาศ ทันใดนั้นกระดาษสีทองแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนชั้นสูงสุดก็ลอยมาตกลงบนฝ่ามือ
“ถึงแม้เจ้าจะมองไม่เห็นเคล็ดวิชาบนนี้ แต่เจ้าสามารถซื้อเพื่อสะสมได้” ชายชราดูมีความสุขที่เห็นหวังเป่าเล่อกระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เพราะมองไม่เห็นและไม่สามารถฝึกฝนได้ เขาจึงดูหดหู่ขึ้นมา
“ผู้อาวุโส…” หวังเป่าเล่อเปิดปาก ชายชรากระแอมไอหนึ่งทีก่อนจะยกมือขวาโบกไปมาอีกครั้ง
“ไม่อยากหรือ เช่นนั้นเล่มนี้เป็นอย่างไร มันชื่อว่าคำสาปวานรเพลิง เพียงเปิดออกก็สามารถแปลงร่างเป็นวานรเพลิงยักษ์ได้ อานุภาพของมันรุนแรงมากจนแม้แต่ดารานิรันดร์ก็ยังปวดหัว!”
“และนี่ เคล็ดวิชานี้น่าทึ่งมาก เรียกว่าเคล็ดเวทดวงดาว หลังจากฝึกฝนแล้วสามารถเปลี่ยนดวงดาวให้กลายเป็นดาวกระดาษได้และหากพับไว้ในมือก็จะถือได้ว่าเป็นพลังแห่งความโชคดี!” ชายชราหยิบเคล็ดวิชาแผ่นแล้วแผ่นเล่าขึ้นมาและอธิบายพลังของมันอย่างโอ้อวด หวังเป่าเล่อฟังแล้วก็อดถอนใจไม่ได้ ก่อนจะยกมือขวาแตะกระเป๋าคลังเก็บเบาๆ และทันใดนั้นก็มีแผ่นหยกปรากฏอยู่บนฝ่ามือ
“ผู้อาวุโส แผ่นหยกในมือผู้น้อยนี้ ไม่ทราบว่าท่านมองเห็นเนื้อหาข้างในหรือไม่ เคล็ดวิชานี้เรียกว่าเคล็ดเวทสวรรค์ไร้ความคิด เมื่อฝึกฝนแล้ว ทั่วทั้งโลกที่ท่านอยู่ก็จะไม่มีดวงจิตเทพของคนอื่นๆ อีกต่อไป มันจะมุ่งเน้นไปที่ความคิดของท่านเป็นหลัก ก้าวข้ามขอบเขตและกลายเป็นผู้สูงสุด!” หวังเป่าเล่อหยิบแผ่นหยกแผนที่ขึ้นมาแล้วพูดเบาๆ
คำพูดนั้นทำให้ชายชราผงะไปชั่วครู่ ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไร หวังเป่าเล่อก็เลิกคิ้วก่อนจะพูด
“ไม่พอใจ ยังมีสิ่งนี้ เคล็ดวิชานี้เรียกว่ากระบวนเวทคุนเผิงกลืนกิน เมื่อฝึกฝนแล้วสามารถแปลงร่างเป็นปลาคุนเผิงยักษ์กลืนกินทุกอย่าง เรียกได้ว่าเป็นวิธีอยู่ยงคงกระพัน!”
“ยังไม่พอใจหรือ ไม่เป็นไร ข้าเซี่ยต้าลู่แห่งตระกูลเซี่ย ตระกูลอันดับหนึ่งในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น ยังมีเคล็ดวิชามากมาย เช่นเคล็ดวิชานี้ชื่อว่าอมตะสามเคาะ ท่านอย่าเห็นว่าชื่อแปลก แต่อานุภาพของมันเหนือจินตนาการมาก เมื่อฝึกฝนแล้ว เคาะแรกสามารถทำให้ทะเลแห้งเหือดได้ เคาะที่สองสาทารถทำให้โลกถล่มได้ เคาะที่สามสามารถทำให้ดวงดาวร่วงลงมาได้!” ขณะที่พูดหวังเป่าเล่อก็หยิบแผ่นหยกสามสี่แผ่นขึ้นมาในคราเดียว บนนั้นมีทั้งแผนที่และแผ่นเปล่า ก่อนจะวางไว้เบื้องหน้าชายชราที่สีหน้าแข็งทื่อไปเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสกล้าเรียนหรือไม่” หวังเป่าเล่อกระแอมไอ ก่อนจะถามอีกครั้ง ความจริงเขามองออกแล้วว่าชายชราตรงหน้าตั้งใจล้อเลียนเขา ดังนั้นเพื่อให้สาสมกัน หวังเป่าเล่อจึงคิดว่าต้องทำให้อีกฝ่ายเจอกับความรู้สึกคล้ายๆ กันบ้าง
“เจ้ามาที่นี่เพื่อฝึกฝนถึงระดับดาวพระเคราะห์หรือมาขายของกันแน่” สีหน้าชายชราแปลกประหลาด ครู่หนึ่งเขาก็แค่นเสียงออกมา
“ตระกูลเซี่ย? ข้าเคยได้ยิน มิน่าล่ะ…ช่างเถอะ เรามาแลกเปลี่ยนกันเถอะ!” ขณะที่พูดชายชราก็ยื่นกระดาษสี่แผ่นในมือให้หวังเป่าเล่อย่างรวดเร็ว
หวังเป่าเล่อตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะกะพริบตาและรีบส่งแผ่นหยกในมือให้อย่างรวดเร็วเพื่อเสร็จสิ้นการค้ากับอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด จากนั้นเขาก็รีบจากไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว
ส่วนชายชราคนนั้นก็ไม่ได้รั้งเขาไว้ และยังมีท่าทีกังวลเล็กน้อย จนกระทั่งแน่ใจว่าหวังเป่าเล่อไปแล้ว เขาจึงก้มมองแผ่นหยกในมือด้วยรอยยิ้มกว้างและภาคภูมิใจ
“ฮ่าๆ ใช้กระดาษขยะไม่กี่แผ่นแลกแผ่นหยกจากนอกพิภพมาได้ ต่อให้ข้างในไม่มีเคล็ดวิชาก็ไม่เป็นไร แค่วัสดุที่ทำก็ดีแล้ว ไม่เลวจริงๆ นี่เป็นของหายาก รอให้คนจากนอกพิภพจากไปแล้ว ข้าก็จะเป็นนักสะสมของหายากแล้ว! ”
ในเวลาเดียวกันหวังเป่าเล่อที่ออกจากร้านไปก็หายใจกระชั้นถี่ จ้องมองกระดาษในมือตาเป็นประกายและรู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน
“แผ่นหยกขยะไม่กี่แผ่นก็แลกกับเคล็ดวิชาพวกนี้ได้แล้วหรือ ต่อให้เคล็ดวิชาข้างในนี้จะระดับต่ำมาก แต่หากนำออกไปนอกพิภพคงใช้หลอกคนได้ไม่น้อย ถึงจะเอาไปขายต่อก็ได้ราคาดีกว่าแผ่นหยกแน่นอน…อย่างไรก็คุ้ม!” คิดได้เช่นนี้ ความสนใจของหวังเป่าเล่อก็เพิ่มมากขึ้น เขาเข้าร้านขายเคล็ดวิชาและร้านสมบัติเวทไปอีกหลายร้าน
สองวันผ่านไปในชั่วพริบตา สองวันนี้หวังเป่าเล่อตระเวนไปหลายร้านและใช้แผ่นหยกขยะแลกกระดาษมาได้ไม่น้อย สิ่งเดียวที่เขาเสียใจก็คือในร้านสมบัติเวท เคล็ดลับนี้ใช้ไม่ได้ผล
“ใครจะไปคิดว่าสมบัติเวทของจักรวรรดิดาวตกจะใช้การวาดออกมา…” หวังเป่าเล่อถอนหายใจ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาดู ในมือของเขามีกระดาษอยู่หนึ่งแผ่น ด้านบนนั้นวาดรูปกระบี่เล่มหนึ่ง
สมบัติเวทชิ้นนี้เขาต้องนำเทพวัตถุขยะสิบกว่าชิ้นออกมาแลก อีกฝ่ายถึงยอมมอบให้เขาอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ตอนนี้หวังเป่าเล่อถือเจ้าสิ่งนี้อยู่ในมือแล้วรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเจ้าคนโง่…
“ช่างเถอะ พรุ่งนี้ก็จะเริ่มการทดสอบแล้ว สงบจิตใจไว้เพื่อรักษาระดับการฝึกฝนให้อยู่ในระดับสูงสุดดีกว่า” หวังเป่าเล่อส่ายหน้าก่อนจะโยนกระดาษในมือเข้าไปในกระเป๋าคลังเก็บรวมกับกระดาษอีกกว่าร้อยแผ่นด้านใน จากนั้นจึงเดินไปยังโถงที่พัก
ไม่นานก็กลับมาถึงและกำลังจะกลับเข้าห้องตัวเอง แต่ในตอนนั้นเองก็มีกลุ่มคนเดินหัวเราะกันออกมาจากด้านใน ยังไม่ทันที่คนจะเดินมาถึง เสียงกระพรวนก็ดังเข้ามาในหูหวังเป่าเล่อและคนทั้งกลุ่มก็มาปะหน้ากันที่หน้าประตู
ในกลุ่มคนนี้ คนแรกที่เดินนำมาคือผู้ที่แข็งแกร่งเหมือนกับหญิงสวมหน้ากาก หญิงสาวที่เอาแต่ยิ้มแย้มหน้าตางดงามและมีเสน่ห์อย่างยิ่ง นางสวมชุดคลุมสีสันสดใสปิดบังรูปร่างอันงดงามไว้ ที่ข้อมือขาวสวมกระพรวนที่ดังกังวานยามเคลื่อนไหว
ส่วนอีกเจ็ดแปดคนข้างกายนาง หวังเป่าเล่อเห็นหลี่หลินจื่อ เจ้าอ้วนน้อยคนนั้น และยังมีอีกหนึ่งคน รูปร่างสูง สีหน้าหนิ่งยโส สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุดคือทรงผมที่มัดสูงจนดูเกินจริงของเขา มองไกลๆ แล้วทำให้ผู้คนตกใจได้เพราะมันสูงมาก
โดยเฉพาะที่ผมของเขาดูเหมือนกับมีบางอย่างพิเศษที่ทำให้มันเรืองแสง ตอนที่หวังเป่าเล่อเห็นคนคนนี้จึงผงะไปชั่วครู่ราวกับเห็นหลอดไฟเดินได้
ในชีวิตนี้สิ่งที่เขาเห็นว่าทรงผมพอจะเทียบกับคนคนนี้ได้น่าจะมีแค่สเปรย์ฉีดผมของเซี่ยไห่หยางเท่านั้น แต่หลังจากสำรวจอีกฝ่ายอย่างละเอียดถี่ถ้วน หวังเป่าเล่อก็ต้องยอมรับว่าเซี่ยไห่หยางยังด้อยกว่าคนคนนี้อยู่
“สูงส่ง?” หวังเป่าเล่อพึมพำในใจ และกำลังจะเดินผ่านพวกเขาไปยังห้องโถง ทว่าหลังจากหลี่หลินจื่อเห็นหวังเป่าเล่อ สายตาก็ฉายแววเยาะเย้ย ก่อนจะหันไปพูดกับนักบุญคนนั้นด้วยรอยยิ้ม
“พี่ชายผู้ส่งสูง เมื่อกี้ท่านไม่ได้ถามข้าหรือว่าใครกันที่ไร้ยางอายและบ้าจนขายสิทธิ์ด้วยราคา 100,000 เม็ด ก็คนคนนี้อย่างไรเล่า เขาไม่ใช่แค่ขายสิทธิ์ แต่ยังฆ่าผู้เข้าทดสอบของอารยธรรมครามทองคำแล้วขโมยสิทธิ์ไปด้วย!”
ทันทีที่หลี่หลินจื่อพูด ผู้ฝึกตนคนนั้นก็หันมามองหวังเป่าเล่อทันที แม้แต่แม่นางกระพรวนก็ยังกวาดดวงตางดงามมายังหวังเป่าเล่อด้วย
หวังเป่าเล่อเลิกคิ้ว เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนกัดฟันอดทนอะไรอยู่แล้ว เมื่อได้ยินหลี่หลินจื่อพูดแบบนี้ เขาจึงมองด้วยสายตาเย็นชาทันที
“หลี่หลินจื่อ หากครั้งหน้าเจ้ายังพูดจาเช่นนี้กับข้าอีก ข้าจะฆ่าเจ้า!” หวังเป่าเล่อพูดอย่างสงบนิ่ง แต่ท่าทางจริงจังรวมถึงเจตนาฆ่าในแววตาก็ทำให้หลี่หลินจื่อที่คิดจะพูดต่อหยุดชะงักไปทันที และในใจพลันเกิดความรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
พูดจบ หวังเป่าเล่อก็ไม่สนใจหลี่หลินจื่ออีก แต่หันไปพยักหน้าให้ผู้สูงส่งและแม่นางกระพรวนก่อนจะหันตัวเดินเข้าห้องโถงไป มองจากด้านหลังดูราวกับไม่ได้ระวังตัวแต่อย่างใด สีหน้าหลี่หลินจื่อน่าเกลียดยิ่ง ดวงตาวาววับฉายเจตนาฆ่า เขาถลึงตามองแผ่นหลังหวังเป่าเล่อราวกับอยากจะลงมือจนทนไม่ไหว แต่จู่ๆ แม่นางกระพรวนที่กำลังมองหวังเป่าเล่ออยู่เหมือนกันก็เอ่ยขึ้น
“สหายหลี่หลินจื่อ ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าไปยั่วยุเขาเลย เขาตั้งใจทำให้เจ้าโกรธ!”
“เจ้าลืมกฎของที่นี่ไปแล้วหรือ ทันทีที่เจ้าเริ่มลงมือก็จะเสียสิทธิ์ทันที และหลังจากเสียสิทธิ์ไปแล้ว หากเขาอยากจะฆ่าเจ้าก็ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในกฎพวกนั้นนะ กฎเป็นเพียงเงื่อนไข ผู้ที่มีสิทธิ์ไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้ก่อนการทดสอบจะเริ่ม!” แม่นางกระพรวนพูดเบาๆ สายตาที่มองแผ่นหลังหวังเป่าเล่อมีแววสนใจบางอย่าง ไม่ใช่ความรู้สึกระหว่างชายหญิงพวกนั้น แต่นางรู้สึกว่าจิตใจและวิธีการของอีกฝ่ายสามารถมาเป็นผู้ติดตามนางได้
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!” หวังเป่าเล่อที่หันหลังเดินเข้าไปในห้องโถงบ่นพึมพำในใจ ก่อนจะเก็บวิชาดวงเนตรปีศาจไป
…………………………………