หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 925 สุสานดวงดารา!

สุสานดวงดารา พื้นที่หวงห้ามในตำนานของจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นและหนึ่งในสถานที่ลึกลับที่สุด!

การจะเข้ามาที่นี่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขสามประการ หนึ่งคือประตูเปิด สองคือการฝึกฝนไม่เกินระดับดาวพระเคราะห์ และประการที่สามคือได้สิทธิ์!

เงื่อนไขสามข้อนี้จะขาดข้อใดข้อหนึ่งไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงป้องกันความโลภของคนจำนวนมากได้ และเป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ไม่มีดารานิรันดร์หรือแม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งนครดาราย่างกรายเข้ามา แต่ผู้ที่พยายามบุกรุกเข้ามาต่างก็ต้องล้มเหลวไปโดยไม่มีข้อยกเว้น

แม้แต่ตระกูลไม่รู้สิ้นที่คิดจะบุกเข้ามาภายใต้การนำของจักรพรรดิสวรรค์ก็ประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก สุดท้ายจักรพรรดิสวรรค์คนนั้นก็กลับมาและขอโทษต่อสาธารณชน เรื่องนี้ทำให้ทั่วทั้งนครตกตะลึง และยังทำให้ตระกูลและผู้มีอำนาจต้องยอมละทิ้งความละโมบและความอยากรู้อยากเห็นจากสุสานดวงดาราไป

โชคดีที่สุสานดวงดาราไม่ได้รังเกียจโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ มีการให้สิทธิ์กว่าห้าร้อยที่ด้วยหลากหลายวิธี จนถึงตอนนี้แม้สิทธิ์เหล่านี้จะเหลือเพียงสี่ร้อยกว่าคนเนื่องจากกาลเวลาที่ล่วงเลยไป แต่สุสานดวงดาราก็ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าตราบใดที่ปฏิบัติตามกฎของพวกเขา พวกเขาก็ยินดีต้อนรับโลกภายนอก

นั่นเป็นเหตุผลที่การเดินทางไปยังสุสานจะเกิดขึ้นสักครั้งในรอบหลายร้อยปี

และขณะนี้ เหล่ามหาศิษย์แห่งเต๋าสี่ร้อยกว่าคนบนเรือดาวตกเก้าลำที่หายไปพร้อมกับกระดาษขาวที่พับครึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เกิดตาพร่าขึ้นมา แม้แต่หวังเป่าเล่อก็ด้วย ทว่าในไม่ช้าสายตาของพวกเขาก็ฟื้นกลับมาปกติ ทั้งหมดราวกับกินเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ

เมื่อสายตาหวังเป่าเล่อกลับมา เขาก็เห็นสถานที่ที่เขาอยู่ทันที มันต่างจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

นี่มันมหาสมุทร!

แวบแรกเขาเห็นสีน้ำทะเลเป็นสีดำ แต่หากมองใกล้ๆ จะต้องตกใจที่พบว่าทะเลแห่งนี้…จริงๆ แล้วคือเศษกระดาษสีดำนับไม่ถ้วน! !

ส่วนท้องฟ้า…ถึงจะเป็นสีฟ้าปกติ ทว่าพระอาทิตย์ที่ลอยเด่นอยู่ข้างบนนั้นแท้จริงแล้วทำมาจากกระดาษขาว เมื่อมองไปรอบตัว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เหมือนกับ…กระดาษ!

แม้แต่นกทะเลที่เห็นอยู่ไกลๆ และเมฆบนท้องฟ้า ก็เป็นกระดาษ!

ส่วนเรื่องสีสัน นอกจากท้องฟ้าแล้วก็มีแต่สีขาวกับดำ!

มีเพียง…เรือที่พวกเขาโดยสารอยู่และตัวของพวกเขาเท่านั้นที่ไม่ใช่กระดาษ ความรู้สึกไม่เข้ากันนี้ทำให้หวังเป่าเล่อรวมถึงมหาศิษย์แห่งเต๋าบนเรือใจสั่น

“ทะเลกระดาษดาวตก!”

“ข้ามทะเลนี้ไปก็จะเข้าสู่จักรวรรดิดาวตก…”

“พวกเราเข้ามาในสุสานดวงดาราแล้ว! !” หวังเป่าเล่อไม่ได้รู้จักสุสานดวงดารามากนัก ต่างจากมหาศิษย์แห่งเต๋าคนอื่น ภูมิหลังอันลึกซึ้งและผู้มีอำนาจของตระกูลทำให้พวกเขาเข้าใจสถานที่แห่งนี้อย่างละเอียด ตอนนี้จึงมีบางคนกระซิบกระซาบกันทันที

เมื่อได้ยินเหล่าผู้ฝึกตนรอบตัวกระซิบกระซาบกัน หวังเป่าเล่อก็หรี่ตาลง คำว่าทะเลกระดาษและจักรวรรดิผุดขึ้นในหัว ตอนที่กำลังกวาดมองไปรอบทะเลกระดาษสีดำเพื่อสำรวจอย่างละเอียด จู่ๆ…เสียงกระดาษรูปมนุษย์ยักษ์ที่เคยคำรามตอนอยู่ข้างนอกก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ

“ผู้ฝึกตนจากโลกภายนอก บางคนอาจรู้แล้วว่าที่นี่คือที่ไหน แต่คงจะมีบางคนที่ยังไม่รู้ ตอนนี้ข้าจะบอกพวกเจ้าเอง ที่นี่คือทะเลดำดาวตก”

“จุดประสงค์ที่พวกเจ้ามาในครั้งนี้ ข้าเข้าใจดี เพื่อรับวาสนาแห่งโชค รับดวงดาราพิเศษ หรือแม้แต่เลื่อนขึ้นสู่ระดับดาวพระเคราะห์ เรื่องนี้จึงเป็นเหตุผลที่สุสานดวงดาราเปิดออก แต่…หากคิดจะได้สิ่งเหล่านี้ จะต้องมีการทดสอบพวกเจ้าสักหน่อย และตอนนี้คือบททดสอบแรกและเป็นจุดเริ่มต้นที่ง่ายที่สุด!”

“ในบรรดาพวกเจ้า ผู้ที่สามารถขึ้นฝั่งได้เท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติเป็นแขกพิเศษของจักรวรรดิดาวตกของข้า!”

“ชายฝั่งอยู่ไกล จากค่าเฉลี่ยการฝึกฝนของพวกเจ้าจะใช้เวลาประมาณห้าวันก็จะถึงฝั่ง ดังนั้นทั้งหมดนี้จำกัดเวลาไว้ที่ห้าวัน พวกเจ้าจะใช้วิธีใดก็ได้ ขอเพียงสามารถขึ้นฝั่งได้ก็ถือว่าสำเร็จ แต่หากเกินห้าวันจะถือว่าล้มเหลว!”

“ข้าขอเตือนพวกเจ้า ทะเลแห่งนี้ประกอบด้วยพลังปราณสีดำอันน่าสยดสยอง พลังปราณนี้สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งในโลกให้กลายเป็นกระดาษได้ รวมถึงพวกเจ้าด้วย ความจริงแล้วทุกครั้งที่ประตูเปิดออก การที่มีผู้ฝึกตนจมลงไปในทะเลและกลายเป็นส่วนหนึ่งของมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย”

“ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเจ้าแล้ว!” เสียงนี้ทรงพลังและน่าเกรงขาม ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของหวังเป่าเล่อก็เปลี่ยนไป เขาเห็นทันทีว่าทะเลกระดาษสีดำแห่งนี้ดูเหมือนปลดยับยั้งที่มองไม่เห็นออก ก่อนที่พลังปราณมืดจำนวนมากจะกระจายออกมาปกคลุมรอบเรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ มันสัมผัสไปที่ใด เรือที่มองเห็นด้วยตาเปล่า…ก็จะกลายเป็นกระดาษอย่างรวดเร็ว!

ไม่ใช่แค่เรือที่เขาอยู่ อีกแปดลำก็เป็นเช่นเดียวกัน คนบนเรือมีบางส่วนที่สีหน้าปกติดี แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่หน้าเปลี่ยนสีทันทีที่เห็นภาพนี้

ในความเป็นจริง ดูจากความเร็วในการเปลี่ยนเป็นกระดาษแล้ว อย่าว่าแต่ห้าวันเลย แค่ในหนึ่งก้านธูป เรือดาวตกทั้งลำก็คงกลายเป็นกระดาษแล้ว ทำให้เห็นภาพว่าเมื่อถึงตอนนั้น จุดจบของทุกคนจะต้องถูกฝังไว้ที่นี่เป็นแน่

วิธีเดียวที่จะช่วยให้ตัวเองรอดไปได้ก็คือต้องออกจากเรือและวิ่งไปบนอากาศ เปลี่ยนการฝึกฝนของตัวเองให้เป็นความเร็ว ด้านหนึ่งต่อต้านการรุกรานจากพลังปราณมืด อีกด้านหนึ่งก็ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดเหาะไปยังฝั่ง

และการทดสอบจากสุสานดวงดารานี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการกำจัดพวกเขา ผู้ที่ไม่ผ่านข้อกำหนดทั้งหมดจะถูกกำจัดและเมื่อถูกกำจัด จุดจบก็คือความตาย!

“เพียงแค่การประเมินเบื้องต้นก็ไม่สนเรือดาวตกอันโดดเด่นทั้งเก้าลำรวมถึงกระดาษรูปมนุษย์เก้าคนบนนั้นด้วยหรือ ส่วนบนท้องฟ้าก็คงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด หากสามารถเหาะได้โดยไม่มีข้อจำกัด การประเมินนี้ก็ไม่มีความหมาย” เมื่อเห็นเช่นนี้ จิตใจหวังเป่าเล่อก็สั่นไหว เขาหันไปมองกระดาษรูปมนุษย์ที่ยังคงพายเรืออยู่ตามสัญชาตญาณ ในใจเขาก็เกิดทนไม่ได้ขึ้นมา

ความโชคดีที่ได้รับจากกระดาษรูปมนุษย์ตนนี้ รวมถึงความเข้ากันได้ดีมาตลอดทาง ทำให้หวังเป่าเล่อไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่กระดาษ แต่เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเองก็มีชีวิต เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกต่างออกไปเท่านั้น

แต่เรื่องนี้ไม่อาจพลิกผันได้ด้วยเพียงตัวเขา ระดับการฝึกตนของหวังเป่าเล่อในปัจจุบันไม่สามารถปกป้องอีกฝ่ายได้ อีกอย่างคือเขาเปลี่ยนความคิดแล้ว ต่อให้พลังจะแข็งแกร่ง แต่คาดว่ากระดาษรูปมนุษย์ยักษ์คงไม่ยอมสูญเสียคนของตัวเองเพียงเพื่อทดสอบคนนอก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะคิดผิด กระดาษรูปมนุษย์กับเรืออาจไม่เป็นอะไร

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นกระดาษรูปมนุษย์อยู่แล้ว จะกลายเป็นกระดาษอีกได้อย่างไร

ความคิดนี้ทำให้หวังเป่าเล่อโล่งใจขึ้นเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองเรือดาวตกอีกแปดลำ ตอนนี้มีผู้ฝึกตนจำนวนไม่น้อยสละเรือและกลายเป็นสายรุ้งกลางอากาศเหาะไปไกล เรือของเขาก็เช่นกัน หญิงสวมหน้ากากรวมถึงพวกหลี่หลินจื่อต่างก็เหาะออกไปแล้ว

ร่างของแทบทุกคนที่เหาะขึ้นไปสั่นสะท้านมากบ้างน้อยบ้าง เห็นได้ชัดว่าสัมผัสได้ถึงอิทธิพลที่มองไม่เห็น มีไม่กี่คนที่ล้มลงและเกือบตกลงไปในทะเลกระดาษสีดำ โชคดีที่การฝึกตนระเบิดออกมาในช่วงเวลาวิกฤติพอดีจึงหลีกเลี่ยงอันตรายไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ยังมองเห็นสีหน้าซีดเผือดและความตื่นตระหนกในดวงตาได้

“บนท้องฟ้ามีบางอย่างไม่ปกติจริงๆ ด้วย!” หวังเป่าเล่อหรี่ตา ในสายตาของเขาเหล่ามหาศิษย์แห่งเต๋าที่สละเรือแต่ละคนเหมือนกับแปดเซียนข้ามทะเล[1] แต่ละคนเปิดเผยพลังเทพของตน บางคนแผ่ลำแสงล้ำค่าไปทั่วร่างและเหาะออกไปพร้อมกับร่างที่มีการคุ้มกัน บางคนนำอาวุธเวทที่แค่มองก็รู้ว่าเป็นของดีออกมาต้านทานและเหาะไปข้างหน้า

และยังมีบางคนสวดคาถา มังกรดำเก้าตัวปรากฏขึ้นและส่งเสียงคำรามไปทั่วทิศ ก่อนจะเหยียบมังกรขึ้นไป หลากหลายวิธีต่างกันไปละลานตาอยู่บนท้องฟ้า

ระดับการฝึกตนของพวกเขาถูกเปิดเผยออกมาในชั่ววินาทีนั้นเอง ถึงแม้ทุกคนจะอยู่มีระดับขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นมหาวัฏจักร แต่ความแข็งแกร่งของพลังลมปราณก็ยังถูกผู้คนจับสังเกตได้

ตรงนี้มีอยู่สี่คน ความเร็วและอานุภาพต่างก็ขึ้นถึงขีดสุดซึ่งกระตุ้นสายตาหวังเป่าเล่อให้หันไปมอง

ทั้งสี่คนนี้มีชายสองหญิงสอง หนึ่งในนั้นคือหญิงสวมหน้ากากบนเรือของเขา ตอนที่นางเหาะออกจากเรือครั้งแรก และขึ้นไปอยู่กลางอากาศ ที่เท้าของนางก็แผ่แสงหลากสีกลายเป็นหงส์เพลิงสีรุ้งขนาดมหึมาคอยสนับสนุนนางไปตลอดทางและจัดการสิ่งขีดขวางที่มองไม่เห็นจากอากาศ ความเร็วของมันทำให้นางกลายเป็นหนึ่งในสี่คนที่เร็วที่สุด!

ยังมีผู้หญิงอีกคนนึงที่มาจากเรืออีกลำ ผู้หญิงคนนี้รูปร่างหน้าตาสวยงาม นางยิ้มแย้มโดยไม่พูดอะไร ช่างสง่างามหาใดเปรียบ ขณะเดียวกันมือขวาของนางก็ผูกกระพรวนไว้ เพียงแค่ขยับเล็กน้อย เสียงกระพรวนก็ดังกังวาลไปทั่ว เกิดเป็นระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และนางก็กำลังเหยียบระลอกคลื่นนั้นอยู่ ยิ่งเสียงกระพรวนดัง ความเร็วก็ยิ่งมากขึ้น!

ส่วนผู้ชายอีกสองคน คนหนึ่งดูดุร้าย อีกคนสง่างาม คนที่ดุร้ายสวมชุดสีดำ เขาบีบมือขวากลางอากาศ ทันใดนั้นก็ปรากฏกระบี่ยาวเล่มหนึ่งในความว่างเปล่า ขณะที่ปราณกระบี่หมุนวนไปรอบๆ ราวกับแม่น้ำสายยาว ไอพิฆาตก็ระเบิดออกมาจากตัวเขา ไม่ว่าเขาจะผ่านไปที่ใดสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นก็ไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้ และยังถูกเขาทำลายจนสิ้นซากก่อนจะเคลื่อนตัวไปต่อ!

วิธีข้ามทะเลของผู้ฝึกตนผู้สง่างามคนสุดท้ายนั้นพิเศษที่สุด เขาหยิบม้วนไม้ไผ่ออกมา ก่อนจะอ่านหนังสือไปพลาง เหยียบบนทะเลสีดำไปพลาง ปล่อยให้พลังปราณมืดไหลเข้ามาหาแต่พวกมันกลับหยุดอยู่ห่างจากเขาสามฟุตและไม่สามารถทะลุเข้าไปได้อีก ฝีเท้าของเขาก็ไม่เร่งรีบ เขาเหยียบเศษกระดาษในทะเลสีดำเดินออกไปเรื่อยๆ

เมื่อเห็นเช่นนี้ หวังเป่าเล่อก็ตกตะลึงกับทั้งสี่คน ทว่าในใจก็บังเกิดความรู้สึกยอมไม่ได้ขึ้น

“ข้าก็ทำได้!” คิดได้ดังนั้น หวังเป่าเล่อก็หันศีรษะมาคำนับกระดาษรูปมนุษย์ ก่อนจะกระโดดลอยขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว

………………………………………………………………..

[1] แปดเซียนข้ามทะเล หมายถึง ความสามารถแตกต่างกันไป แต่ยอดเยี่ยมทุกคน

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา
Status: Ongoing
นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset