ขณะที่กระดาษรูปมนุษย์ทั้งห้ากำลังประหลาดใจและงงงวย หวังเป่าเล่อในดาวมายาก็กำลังกลัดกลุ้มเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าข้างนอกมีเรื่องอะไร ตอนนี้ในสายตาของเขามีเพียงดาวพระเคราะห์มากกว่าสี่สิบร่างที่ปรากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า ในจำนวนนี้เขาเห็นตันโจวจื่อ เห็นซานหลิงจื่อ และยังเห็นผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายด้วย!
“ซานหลิงจื่อถูกขวดปรารถนาฆ่าตายก็ถือว่าเป็นฝีมือข้าด้วยรึ ยังมีผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย…ข้าไม่ได้ฆ่าเขานะ นี่ก็นับรึ ยังดีที่ไม่นับผู้อาวุโสฝ่ายขวา…” หวังเป่าเล่อปวดหัวเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นว่าดาวพระเคราะห์ทั้งสามอยู่บนหัวของเขาและกำลังมองมาที่เขาด้วยเจตนาฆ่าอย่างแรงกล้า
หากเป็นเวลาอื่นเรื่องนี้ต้องทำให้เกิดความสั่นคลอนอย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้…แสงของหวังเป่าเล่อถูกคนอื่นบดบังไปหมดแล้ว เพราะบนหัวเขามีสาม แต่บนหัวชายหนุ่มชุดดำผู้เย็นชาคนนั้นมีถึงสิบหก!!
ส่วนแม่นางกระพรวนและชายหนุ่มผู้สง่างามนั้น มีจำนวนดาวพระเคราะห์ที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมารวมกันเพียงสิบกว่าร่าง ซึ่งยังห่างจากชายหนุ่มชุดดำมาก ทางฝั่งพี่ชายผู้สูงส่งมีเก้า ฝั่งของหญิงสวมหน้ากากเพียงคนเดียวก็มีสายตาจ้องมองจากดาวพระเคราะห์ถึงสิบ ฉากนี้ทำให้หลายคนสั่นสะท้าน ทว่าฉากที่ตามมา…ไม่ใช่นาง แต่เป็น…แม่นางน้อยที่ดูอ่อนแอคนนั้น!
ดาวพระเคราะห์สิบห้าร่างกำลังกัดฟันจ้องมาที่นาง!
ในชั่วพริบตา…กลุ่มคนที่อยู่รอบนางก็แตกกระเจิง ในนั้นมีหลี่หลินจื่อที่หน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็วและมองไปทางแม่นางน้อยราวกับเห็นผี
และสิ่งนี้ทำให้แม่นางคนนั้นไม่มีความสุขเลย ริมฝีปากเล็กๆ ของนางเริ่มเบะออก นัยน์ตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาราวกับจะร้องไห้
หวังเป่าเล่อเองก็ตกใจกับฉากนี้ เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่และรู้สึกว่าตัวเองไม่อาจภาคภูมิใจได้ ในกลุ่มมหาศิษย์แห่งเต๋ามีคนผิดปกติไม่น้อยเลย…
“ตอนแรกคิดว่าชายหนุ่มชุดดำผู้เย็นชาคนนั้นจะจัดการได้ยากสุด ไม่คิดว่าแม่นางน้อยคนนี้จะซ่อนตัวได้ลึกลับเช่นนี้ นางยังเป็นคนที่มืดมนที่สุดด้วย!” หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากเพิ่มความระแวดระวังต่อแม่นางน้อยคนนั้นไว้ถึงขีดสุดแล้วก็สงสัยว่ากฎร่างมายาน่าจะสิ้นสุดลงแล้ว เขาจึงคิดจะถอยออกมา
แต่ในตอนนั้นเอง…ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน!
สายตาของทุกคนเห็นว่าจู่ๆ ก็มีแสงส่องออกมาจากร่างคนผู้หนึ่งในฝูงชน…ด้วยระดับความสว่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มันพุ่งขึ้นท้องฟ้าเรืองรองราวกับดวงอาทิตย์!
และขณะเดียวกันกับที่ลำแสงปรากฏขึ้น ร่างมายาทั้งหมดโดยรอบก็สั่นสะท้าน แม้แต่ดาวพระเคราะห์ห้าสิบร่างก็ด้วย
พวกเขากำลังสั่นพร้อมกับมหาศิษย์แห่งเต๋าทุกคน ณ ที่แห่งนี้ที่กำลังตกตะลึง แม้แต่หญิงสวมหน้ากากก็ยังเบิกตากว้าง ชายหนุ่มชุดดำลมหายใจสะดุด แม้กระทั่งผู้ฝึกตนผู้สง่างามที่อ่านหนังสือคนนั้นต่างก็มองดวงอาทิตย์อันชั่วร้ายที่ไม่เคยมีมาก่อนนั้น…ปรากฏขึ้นระหว่างฟ้าดิน!
“ผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์!!” เสียงอุทานดังออกมาจากฝูงชน
ร่างมายาที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาคือผู้ฝึกตนดารานิรันดร์!
เขาปรากฏตัวพร้อมกับเปลวเพลิงมายาขนาดใหญ่ พลังแห่งดารานิรันดร์รุนแรงกว่าที่เคยเป็นมา บดบังแสงจากดาวพระเคราะห์รอบๆ จนหมดทำให้ในวินาทีนี้ราวกับโลกสั่นสะเทือน
ขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ ร่างเลือนรางร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากดวงอาทิตย์ชั่วร้าย ไม่มีสสารใดๆ ราวกับร่างของเขาถูกกำจัดไปก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
ทว่าบางทีอาจเป็นเพราะความเจ็บปวดรุนแรงก่อนตายจึงทำให้แม้ร่างจะเลือนราง แต่ก็ยังถ่ายทอดความน่าอึดอัดชวนหายใจไม่ออกนี้ไปรอบบริเวณได้ และทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความบ้าคลั่งไปพร้อมๆ กัน
ทันทีที่ปรากฏตัว เขาก็จ้องเขม็งไปที่คนคนหนึ่งในฝูงชนที่แสงบนร่างสว่างไสวที่สุด เมื่อเทียบกับรอบด้านแล้วเขาก็เหมือนกับคบไฟในคืนมืดมิด!
คนคนนั้น…ก็คือหวังเป่าเล่อ!
“ข้ารึ?” หวังเป่าเล่อตกตะลึงจนนิ่งค้างไปแล้ว เขาก้มมองแสงบนร่างตัวเอง จากนั้นก็มองฝูงชนที่แตกฮือออกห่างในทันใด ทุกคน…รวมถึงแม่นางน้อยที่เขาคิดว่าซ่อนตัวตนได้ลึกลับที่สุดด้วย
สายตาแม่นางน้อยที่มองมายังเขาเหมือนกับสายตาของหลี่หลินจื่อก่อนหน้านี้ไม่มีผิด ล้วนเป็นสายตาราวกับเห็นผีและกลัวว่าจะได้รับผลกระทบหากอยู่ใกล้เกินไป หญิงสวมหน้ากากเองก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ชายหนุ่มชุดดำที่ปกคลุมไปด้วยไอพิฆาตคนนั้นก็ยังถอยหลังไปด้วยความเร็ว ยามมองหวังเป่าเล่อก็ยังมีเจตนาต่อสู้แฝงอยู่ด้วยเล็กน้อย
คนอื่นๆ ก็เช่นกัน พริบตาเดียวรอบตัวหวังเป่าเล่อก็เกิดพื้นที่ว่างขึ้น มีเพียงเขาคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนั้นและเปล่งแสงพราวระยับออกมา
หลังจากก้มมองตัวเอง มองคนรอบข้าง สุดท้ายหวังเป่าเล่อก็เงยหน้ามองดารานิรันดร์ที่ส่งสายตาโกรธเกรี้ยวมาให้ เขาตะลึงงัน ความคับข้องใจที่รุนแรงยิ่งขึ้นผุดขึ้นในใจเขาอย่างควบคุมไม่ได้
“ผิดแล้วมั้ง…”
หวังเป่าเล่อร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา เรื่องนี้มันประหลาดเกินไปแล้ว เขานึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าตัวเองเคยสังหารดารานิรันดร์…
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ข้าไม่รู้จักคน…” หวังเป่าเล่อเหงื่อแตก สมองหมุนวนเร็วจี๋ ใช้ช่วงเวลาสั้นๆ นี้นึกถึงเหตุการณ์สำคัญๆ ทั้งหมดตั้งแต่เด็กจนโต แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าตัวเองเคยโหดเหี้ยมถึงขนาดสังหารดารานิรันดร์ไปเมื่อไหร่
โดยเฉพาะผู้ฝึกตนดารานิรันดร์คนนี้ ร่างของเขาเลือนราง จากที่หวังเป่าเล่อตรวจสอบร่างมายาก่อนหน้านี้ เขาคำนวณได้คร่าวๆ ว่าคนคนนี้คงจะร่างแหลกสลายไปก่อนจะตาย แม้แต่ดวงวิญญาณเทพก็ดูเหมือนจะหนีไม่พ้นถูกคนที่พลังเหนือกว่าดารานิรันดร์ใช้พลังเทพหรือไม่ก็อาวุธเวทบังคับฆ่า!
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่…” หวังเป่าเล่อมองผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์บนท้องฟ้า รัศมีของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนพื้นดินสั่นสะเทือนราวกับดาวมายาดวงนี้สั่นสะเทือนเพราะกฎแปลงร่างมายาออกมาเป็นดารานิรันดร์ของมันเอง ราวกับว่ากฎเกณฑ์ถึงขีดสุดแล้ว และมีสัญญาณของความไม่มั่นคงปรากฎขึ้นจางๆ
ทั้งหมดนี้ทำให้หวังเป่าเล่อร้อนใจ ขณะเดียวกันก็ทำให้กระดาษรูปมนุษย์ห้าตนที่กำลังเฝ้ามองดาวมายาอยู่ในจักรวรรดิดาวตกตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีเหล่ามหาศิษย์แห่งเต๋าบนดาวมายาที่ตีตัวออกห่างหวังเป่าเล่อ
หลี่หลินจื่อตะลึงค้างไปแล้ว คนอื่นๆ เองก็งงงันไปตามๆ กัน กระทั่งมีคนไม่น้อยแอบสาปแช่งอยู่ในใจ ทันทีที่ดารานิรันดร์ปรากฏขึ้นก็หมายความว่าการทดสอบในครั้งนี้ยากขึ้นมากเกินไป ถึงแม้พวกเขาล้วนเป็นมหาศิษย์แห่งเต๋าและมีภูมิหลังลึกซึ้ง แต่ที่แห่งนี้…ภูมิหลังไม่มีค่าอะไร พลังต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ
และผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์…ก็เป็นภัยคุกคามที่น่าสะพรึงกลัว เพียงพอที่จะฆ่าพวกเขาทั้งหมด ดังนั้นทุกคนจึงทั้งตกตะลึงทั้งหวาดกลัวหวังเป่าเล่อ พร้อมกับรู้สึกขุ่นเคืองรุนแรงในขณะเดียวกัน
พวกเขาไม่ได้เก็บซ่อนอารมณ์ หวังเป่าเล่อจึงรับรู้ได้อย่างชัดเจน แต่เขาเองก็รู้สึกผิดและสับสนเช่นกัน สมองยังคงประมวลผลถึงภาพความทรงจำไม่หยุด จนกระทั่งผ่านไปไม่กี่อึดใจดวงตาของหวังเป่าเล่อก็เบิกโพล่ง ร่างกายสั่นสะท้าน
เขาแน่ใจว่าตัวเองไม่รู้จักดารานิรันดร์คนนี้และไม่เคยสังหารเขา แต่มีช่วงหนึ่งของชีวิตเขาที่ไม่มีสติรับรู้…นั่นคือตอนที่เขาถูกศิษย์พี่เฉินชิงจับยัดไว้ในโลงศพและพาข้ามจักรวาล
“หรือว่า…” หวังเป่าเล่อใจเต้นรัวในฉับพลัน ในหัวคาดเดาไปว่าตอนที่ศิษย์พี่แบกโลงศพข้ามจักรวาล บางทีอาจจะมีดารานิรันดร์ดวงซวยที่เผลอไปยั่วโมโหศิษย์พี่เข้าจนโดนสังหาร?
“แต่ถูกศิษย์พี่สังหารก็จะมาโทษข้าไม่ได้สิ หรือว่า…ศิษย์พี่ใช้โลงศพที่ข้านอนอยู่ทุบอีกฝ่ายจนตาย?” หวังเป่าเล่อตาถลึงตา การคาดเดาอีกอย่างผุดขึ้นมาอย่างเลือนราง
“หรือว่า…ตอนที่ศิษย์พี่แบกโลงศพข้าเหาะไป ดารานิรันดร์คนนี้จะถูกโลงศพที่ข้านอนอยู่ชนตาย?” หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าเหลือเชื่อเกินไป แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองคาดเดาถูกหรือไม่ ทว่าเมื่อเห็นร่างที่ชัดเจนว่าถูกทุบจนไม่เหลือแม้แต่ร่างกาย ตอนนี้จึงทำได้เพียงพยายามปะติดปะต่อร่างผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์ที่เลือนราง…บางทีสิ่งที่เขาคาดเดาก็เป็นไปได้มากทีเดียว
“ศิษย์พี่เอ๋ย!!” หวังเป่าเล่อคร่ำครวญในใจ แต่ยังไม่ทันคิดว่าจะแก้ไขอย่างไร พลังของผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์คนนั้นก็พุ่งถึงจุดสูงสุดแล้ว ร่างมายาทั้งหมดรวมถึงตัวเขาพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับเสียงคำรามรุนแรง
แม้ว่าทุกความคับข้องใจต้องมีผู้รับผิดชอบ ทุกหนี้มีลูกหนี้ ตามหลักความจริงแล้ว เป้าหมายของร่างมายาพวกนั้นควรเป็นคนที่สังหารตัวเอง แต่ว่า…
ทุกอย่างบนดาวมายาไม่มีอะไรแน่นอน ถึงแม้ร่างมายาพวกนั้นจะเกลียดชังคนที่สังหารตน ทว่าขอบเขตของการแก้แค้นนั้นส่งผลรวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นทั้งหมดด้วย!
นั่นส่งผลให้ทั้งสนามรบโกลาหลในทันที โชคดีที่พลังของร่างมายาเหล่านี้แตกต่างกับตอนพวกเขายังมีชีวิตอยู่ หรือบางทีอาจเป็นอิทธิพลของกฎเกณฑ์ที่นี่ จึงทำให้พวกเขาไม่มีปัญญาวิญญาณและดูเหมือนมีเพียงแค่สัญชาตญาณเท่านั้น ดังนั้นท่ามกลางเสียงคำรามดังสนั่น ร่างของหวังเป่าเล่อถดถอยไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะร้อนใจไปหมด ทว่าเมื่อเห็นเงามายาเหล่านั้น จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจ
“พวกนี้คือ… ผีหรือ” พอความคิดนี้ปรากฏขึ้น เขาก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ดวงตาก็กลับมาสงบเยือกเย็น