หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 982 กลับมา!

หลังจากผนึกตราลงบนหว่างคิ้วปรมาจารย์มหาทัณฑ์แล้ว หวังเป่าเล่อก็หันกลับไปมองทั่วทั้งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ด้วยแววตาครุ่นคิด ความเงียบของเขาทำให้ทั้งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ด้วยไปด้วยความหดหู่ โดยเฉพาะปรมาจารย์มหาทัณฑ์ด้านหลังเขา

แม้เขาจะเอาชีวิตรอดมาได้และรู้ว่าตัวเองจะไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิตในระยะเวลาสั้นๆ นี้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหวังเป่าเล่อที่เงียบงันในขณะนี้ นอกจากความขมขื่น ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ยังมีความหวาดกลัวยิ่งกว่า

ด้านหนึ่งคือกลัวภูมิหลังของหวังเป่าเล่อ อีกด้านหนึ่งคือกลัวความแข็งแกร่งที่เปลี่ยนไปของเขา

เวลานี้ทั้งจักรวาลต่างเงียบงัน ผู้ฝึกตนทั้งหมดของอารยธรรมครามทองคำตายหมดแล้ว

ส่วนผู้ฝึกตนของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์นั้นส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ตามหมู่ดาว พวกเขาหลายคนสัมผัสได้ถึงความสยดสยองของการต่อสู้ในจักรวาลและกำลังสัมผัสสวรรค์สั่นคลอนอยู่ในขณะนี้

อย่างเช่นพวกเทพธิดาหลิงโยว เหล่าคนที่หวังเป่าเล่อรู้จักในสำนักมหาทัณฑ์ก็เช่นกัน พวกเขาทุกคนต่างตกอยู่ในความกังวลและสับสนกับอนาคตข้างหน้า พวกเขารู้ดีว่า…อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ได้จบสิ้นแล้ว

สามสำนักใหญ่ในปัจจุบันเหลือเพียงแต่ชื่อไปแล้ว และดาวพระเคราะห์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามในตอนนั้นก็เหลือเพียงหนึ่งคน อีกทั้งราชวงศ์ที่แทบจะไม่สามารถสืบทอดต่อไปได้ก็แตกสลายไปแล้วในวันนี้ ทำให้คนของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ขมขื่นและไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร

และสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้พวกเขาก็ไม่อาจโทษหวังเป่าเล่อและยังพูดได้ว่าหากไม่มีหวังเป่าเล่อ อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ในวันนี้คงจะน่าเศร้ายิ่งกว่านี้

ดังนั้นในความเงียบ ทั้งจักรวาลก็ยิ่งเงียบสงัดขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านไปนาน หวังเป่าเล่อก็ถอนสายตากลับมายังปรมาจารย์มหาทัณฑ์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ

“จัดการสนามรบ ปลอบขวัญสิ่งมีชีวิตที่รอดตายทั้งหมดและส่งมอบอำนาจต่อไป…อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์จะไม่จบสิ้น แต่จะได้เริ่มต้นใหม่ อีกหนึ่งเดือนข้าจะย้ายอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เข้าสู่สหพันธรัฐของโลก” พูดจบหวังเป่าเล่อก็ไม่สนใจปรมาจารย์มหาทัณฑ์ที่อารมณ์ซับซ้อน และขยับเพียงครั้งเดียวฟองอากาศที่ห่อหุ้มเจ้าเยี่ยเหมิงรวมถึงเจ้าลาน้อยและอู๋น้อยก็แตกออกและสะบัดพวกเขาออกมาก่อนจะหายไปกับพื้น

อีก

ตอนที่ปรากฏตัวก็มาอยู่ในดารานิรันดร์ดวงเนตรสวรรค์แล้ว

การอพยพอารยธรรมหนึ่งกลับสู่ระบบสุริยะและผสานกับดวงอาทิตย์จะทำให้ปราณวิญญาณทั่วทั้งสหพันธรัฐเข้มข้นขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้สหพันธรัฐพัฒนาไปอีกระดับ นี่คือวิธีพัฒนาอารยธรรมและเป็นสิ่งที่หวังเป่าเล่อได้ตัดสินใจไว้แล้ว

เข้า

การทำเช่นนี้จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ เพียงแต่นับแต่นี้ไปจะมีความสัมพันธ์แบบนายบ่าว หลังจากผสานเข้ากับดารานิรันดร์ระบบสุริยะ ทุกชีวิตที่เกิดในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ทั้งในอดีตและอนาคตล้วนเกี่ยวโยงใกล้ชิดกับระบบสุริยะและไม่อาจทรยศได้!

นี่อาจจะดูเหมือนโหดร้าย แต่ก็ดีกว่าต้องตกเป็นทาสของอารยธรรมครามทองคำ อย่างน้อยก็มีหวังเป่าเล่ออยู่ ในฐานะอารยธรรมแรกที่เข้าสู่ระบบสุริยะ ฐานะของพวกเขาอาจจะดูเหมือนไม่สูงส่ง แต่ก็ได้รับความเคารพในระดับหนึ่ง และอิงตามความคิดของหวังเป่าเล่อ หากมีโอกาสเขาจะทำให้มีอารยธรรมมาเข้าร่วมสหพันธรัฐให้มากขึ้นเพื่อยกระดับอารยธรรมสหพันธรัฐไปเรื่อยๆ

นี่ไม่เพียงแต่เป็นผลดีแก่สหพันธรัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อทุกชีวิตที่เกิดในสหพันธรัฐด้วย สิ่งพื้นฐานที่สุด…ก็คือการพัฒนาฐานการฝึกฝน เมื่อผสานกันสำเร็จ ผู้ฝึกตนของสหพันธรัฐทุกคนรวมถึงหวังเป่าเล่อจะได้รับจากการก้าวกระโดดของอารยธรรมทันที ฐานการฝึกฝนของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย

สิ่งตอบแทน

ตอนนี้เงื่อนไขในการอพยพทั้งหมดพร้อมแล้ว เพียงแต่การอพยพอารยธรรมหนึ่งนั้น ต่อให้เป็นหวังเป่าเล่อที่เป็นดาวพระเคราะห์ก็ยังต้องมีการเตรียมตัวถึงจะทำได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรค ดังนั้นจึงให้ปรมาจารย์มหาทัณฑ์จัดการอยู่ที่นอกโลก ขณะเดียวกันหวังเป่าเล่อที่ปรากฏตัวในดารานิรันดร์ดวงเนตรสวรรค์ก็นั่งขัดสมาธิ แผ่จิตใต้สำนึกออกไปผสานกับดารานิรันดร์และเริ่มรวบรวมพลัง

จากการคำนวนของเขา การรวมพลังนี้ในอีกประมาณหนึ่งเดือนข้างหน้าจะพุ่งถึงขีดสุด เมื่อถึงเวลานั้นก็สามารถเริ่มการอพยพได้ อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ทั้งหมดจะ…ถูกส่งเข้าสู่ระบบสุริยะทันที

ในเวลาเดียวกันกัที่รวบรวมพลัง ร่างแยกของหวังเป่าเล่อก็แยกออกมาจากร่างต้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่าการที่ร่างแยกและร่างต้นผสานเข้าด้วยกันจะทำให้รวบรวมพลังได้เร็วกว่า แต่เพราะแรงขับเคลื่อนหลักมาจากดารานิรันดร์ดวงเนตรสวรรค์ ดังนั้นต่อให้รวบรวมพลังได้เร็วขึ้นก็ไม่ได้เร็วขึ้นมากมายอะไร นอกจากนี้หวังเป่าเล่อยังจากสหพันธรัฐมาเป็นเวลานานมากแล้ว เขาจำเป็นต้องกลับไปเตรียมการบางอย่างในระบบสุริยะก่อนเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด

ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงวางแผนที่จะให้ร่างแยกกลับไปก่อน ก่อนกลับเขาได้พูดคุยกับเจ้าเยี่ยเหมิงที่ได้สติกลับมาแล้ว เจ้าเยี่ยเหมิงไม่ได้เลือกที่ะตามร่างแยกกลับสหพันธรัฐไป แต่จะอยู่ที่อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ชั่วคราวเพราะนางแนะนำกับหวังเป่าเล่อว่าในเมื่อต้องการให้อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เป็นของสหพันธรัฐอย่างแท้จริง เช่นนั้นนอกจากดารานิรันดร์แล้วก็ยังเป็นเจ้าของจิตใจด้วย

“เป่าเล่อ ข้าแนะนำให้เจ้า…ขึ้นครองบัลลังก์อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์และกลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์คนใหม่!”

“มีเพียงวิธีนี้เจ้าถึงจะได้การยอมรับจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์อย่างแท้จริงและหลังจากรวมพวกเขาเข้ากับระบบสุริยะแล้ว พวกเขาจะได้รู้สึกเหมือนได้กลับบ้านและไม่ตื่นตระหนกมากเกินไป”

หวังเป่าเล่อลังเลก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของเจ้าเยี่ยเหมิง เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาพูดออกหน้า จุดประสงค์ที่เจ้าเยี่ยเหมิงอยู่ที่นี่ก็เพื่อช่วยให้หวังเป่าเล่อเข้ากับผู้ฝึกตนทั้งหมดของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ได้อย่างราบรื่นนั่นเอง

ความร่วมมือจากปรมาจารย์มหาทัณฑ์และกลเม็ดของเจ้าเยี่ยเหมิง เรื่องนี้จึงไม่ยาก สิ่งที่หวังเป่าเล่อต้องทำก็คือมาพิธีบรมราชาภิเษก

ด้วย

เข้า

เท่านั้น

เรื่องเหล่านี้ต้องจัดการให้เสร็จภายในหนึ่งเดือน และหลังจากเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าเยี่ยเหมิงก็จะกลับระบบสุริยะพร้อกับอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ผ่านทางดารานิรันดร์

นอกจากนี้ยังมีเจ้าลาน้อยและอู๋น้อยซึ่งไม่ได้กลับในทันที แต่อยู่เพื่อจัดการเรื่องนี้กับเจ้าเยี่ยเหมิง

หลังจากการพูดคุยกัน หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจได้ว่าไม่มีอันตรายใดๆ ซ่อนอยู่ ถึงอย่างไรร่างต้นแบบของเขาก็อยู่ในดารานิรันดร์ดวงเนตรสวรรค์ หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงเขาสามารถตื่นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ อีกทั้งยังสามารถใช้ดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ที่ทำให้ร่างแยกกลับมาได้ทันที

ก็

ดังนั้นหลังจากตัดสินใจแล้ว หวังเป่าเล่อก็พูดคุยรายละเอียดกับเจ้าเยี่ยเหมิงอีกสักครู่ สุดท้ายภายใต้แสงดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ที่สว่างวาบปกคลุมไปทั่วจักรวาลอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ร่างแยกของหวังเป่าเล่อก็จากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ไป

ท่ามกลางการระเบิดพลังแห่งดารานิรันดร์และส่งออกไปนั้น ในจักรวาลนอกระบบสุริยะก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นก่อตัวเป็นรัศมีแผ่ไปทั้งสี่ทิศ ร่างของหวังเป่าเล่อก็ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้นจากความเลือนราง และจากภาพมายาค่อยๆ กลายเป็นกระบวนการทั้งหมดกินเวลาประมาณครึ่งชั่วยามจนกระทั่งรัศมีรอบตัวจางลง ร่างของหวังเป่าเล่อจึงได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างแท้จริง

ก็

สิ่งที่จับต้องได้

ที่ใช้เวลานานมากก็เพราะว่าระยะทางไกลมาก และนี่ก็เป็นเหตุผลที่หวังเป่าเล่อต้องกลับมาเตรียมการก่อน เพราะการอพยพอารยธรรมจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ อีกทั้งหากถูกรบกวนระหว่างทางก็จะเกิดแรงสะท้อนกลับ

ร่างแยกของเขายังดี หากเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น เลวร้ายที่สุดก็แค่สลายไปเท่านั้น ถึงแม้จะมีผลกระทบต่อร่างต้น แต่ก็ไม่ได้มากอะไร แต่หากอพยพอารยธรรมแล้วเกิดแรงสะท้อนกลับอาจเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ได้

ขณะนี้เมื่อการเคลื่อนย้ายมวลสารสิ้นสุดลง หวังเป่าเล่อก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ขณะที่มองไปรอบตัว ฐานการฝึกฝนดาวพระเคราะห์ในร่างกายก็ปะทุขึ้นซึ่งมาจากจักรวาลรอบตัวที่เขาคุ้นเคย และยิ่งทำให้จิตใจที่สงบนิ่งของเขาเกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่

“ในที่สุด…ก็กลับมาแล้ว…” หวังเป่าเล่อพึมพำ หลังจากจากมาหลายสิบปี เขาคิดถึงบ้านเกิดมาก โดยเฉพาะบ้านที่พ่อแม่ของเขาอยู่ยิ่งทำให้เขาคิดถึงจับใจ

เพียงแต่ว่าหลังจากเลือกเส้นทางการฝึกตนแล้ว มีหลายเรื่องนักที่ไม่อาจทำตามใจตนเองได้ หวังเป่าเล่อรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขายืนอยู่นอกระบบสุริยะครู่หนึ่งก่อนจะขยับตัวเหาะไปยังระบบสุริยะ

เริ่มแรกความเร็วของเขาไม่ได้เร็วมากนัก แต่เหาะไปเหาะมาพร้อมกับอารมณ์ผันผวนจึงยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายร่างของเขาก็กลายเป็นเหมือนกับรุ้งกินน้ำที่ตัดผ่านจักรวาล ในชั่วพริบตาต่อมาก็ข้ามผ่านสิ่งกีดขวางนอกระบบสุริยะที่มองไม่เห็นซึ่งถูกจัดเตรียมไว้โดยสหพันธรัฐและมาปรากฏตัวอยู่ในระบบสุริยะ!

โลก ดาวพุธ ดาวอังคาร ดาวศุกร์ ดาวพฤหัสบดี…

ทันทีที่เหยียบเข้าสู่ระบบสุริยะ หวังเป่าเล่อก็เผยรอยยิ้มมีความสุขบนใบหน้าและจิตสำนึกของเขาแผ่ขยายออกไปโดยไม่ตั้งใจ เขาเห็นดวงดาวที่คุ้นเคย ดวงอาทิตย์อยู่ที่ใจกลาง และกระบี่สำริดโบราณที่ปักอยู่บนนั้น

แต่ในเวลาต่อมา รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังเป่าเล่อก็แข็งค้าง…

เพราะแสงของระบบสุริยะดูเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ!!

“เกิดเรื่องหรือ!” หวังเป่าเล่อหน้าเปลี่ยนสี หัวใจพลันเต้นรัว!

…………………………………………………………….

หลังจากผนึกตราลงบนหว่างคิ้วปรมาจารย์มหาทัณฑ์แล้ว หวังเป่าเล่อก็หันกลับไปมองทั่วทั้งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ด้วยแววตาครุ่นคิด ความเงียบของเขาทำให้ทั้งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ด้วยไปด้วยความหดหู่ โดยเฉพาะปรมาจารย์มหาทัณฑ์ด้านหลังเขา

แม้เขาจะเอาชีวิตรอดมาได้และรู้ว่าตัวเองจะไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิตในระยะเวลาสั้นๆ นี้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหวังเป่าเล่อที่เงียบงันในขณะนี้ นอกจากความขมขื่น ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ยังมีความหวาดกลัวยิ่งกว่า

ด้านหนึ่งคือกลัวภูมิหลังของหวังเป่าเล่อ อีกด้านหนึ่งคือกลัวความแข็งแกร่งที่เปลี่ยนไปของเขา

เวลานี้ทั้งจักรวาลต่างเงียบงัน ผู้ฝึกตนทั้งหมดของอารยธรรมครามทองคำตายหมดแล้ว

ส่วนผู้ฝึกตนของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์นั้นส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ตามหมู่ดาว พวกเขาหลายคนสัมผัสได้ถึงความสยดสยองของการต่อสู้ในจักรวาลและกำลังสัมผัสสวรรค์สั่นคลอนอยู่ในขณะนี้

อย่างเช่นพวกเทพธิดาหลิงโยว เหล่าคนที่หวังเป่าเล่อรู้จักในสำนักมหาทัณฑ์ก็เช่นกัน พวกเขาทุกคนต่างตกอยู่ในความกังวลและสับสนกับอนาคตข้างหน้า พวกเขารู้ดีว่า…อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ได้จบสิ้นแล้ว

สามสำนักใหญ่ในปัจจุบันเหลือเพียงแต่ชื่อไปแล้ว และดาวพระเคราะห์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามในตอนนั้นก็เหลือเพียงหนึ่งคน อีกทั้งราชวงศ์ที่แทบจะไม่สามารถสืบทอดต่อไปได้ก็แตกสลายไปแล้วในวันนี้ ทำให้คนของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ขมขื่นและไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร

และสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้พวกเขาก็ไม่อาจโทษหวังเป่าเล่อและยังพูดได้ว่าหากไม่มีหวังเป่าเล่อ อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ในวันนี้คงจะน่าเศร้ายิ่งกว่านี้

ดังนั้นในความเงียบ ทั้งจักรวาลก็ยิ่งเงียบสงัดขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านไปนาน หวังเป่าเล่อก็ถอนสายตากลับมายังปรมาจารย์มหาทัณฑ์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ

“จัดการสนามรบ ปลอบขวัญสิ่งมีชีวิตที่รอดตายทั้งหมดและส่งมอบอำนาจต่อไป…อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์จะไม่จบสิ้น แต่จะได้เริ่มต้นใหม่ อีกหนึ่งเดือนข้าจะย้ายอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เข้าสู่สหพันธรัฐของโลก” พูดจบหวังเป่าเล่อก็ไม่สนใจปรมาจารย์มหาทัณฑ์ที่อารมณ์ซับซ้อน และขยับเพียงครั้งเดียวฟองอากาศที่ห่อหุ้มเจ้าเยี่ยเหมิงรวมถึงเจ้าลาน้อยและอู๋น้อยก็แตกออกและสะบัดพวกเขาออกมาก่อนจะหายไปกับพื้น

อีก

ตอนที่ปรากฏตัวก็มาอยู่ในดารานิรันดร์ดวงเนตรสวรรค์แล้ว

การอพยพอารยธรรมหนึ่งกลับสู่ระบบสุริยะและผสานกับดวงอาทิตย์จะทำให้ปราณวิญญาณทั่วทั้งสหพันธรัฐเข้มข้นขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้สหพันธรัฐพัฒนาไปอีกระดับ นี่คือวิธีพัฒนาอารยธรรมและเป็นสิ่งที่หวังเป่าเล่อได้ตัดสินใจไว้แล้ว

เข้า

การทำเช่นนี้จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ เพียงแต่นับแต่นี้ไปจะมีความสัมพันธ์แบบนายบ่าว หลังจากผสานเข้ากับดารานิรันดร์ระบบสุริยะ ทุกชีวิตที่เกิดในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ทั้งในอดีตและอนาคตล้วนเกี่ยวโยงใกล้ชิดกับระบบสุริยะและไม่อาจทรยศได้!

นี่อาจจะดูเหมือนโหดร้าย แต่ก็ดีกว่าต้องตกเป็นทาสของอารยธรรมครามทองคำ อย่างน้อยก็มีหวังเป่าเล่ออยู่ ในฐานะอารยธรรมแรกที่เข้าสู่ระบบสุริยะ ฐานะของพวกเขาอาจจะดูเหมือนไม่สูงส่ง แต่ก็ได้รับความเคารพในระดับหนึ่ง และอิงตามความคิดของหวังเป่าเล่อ หากมีโอกาสเขาจะทำให้มีอารยธรรมมาเข้าร่วมสหพันธรัฐให้มากขึ้นเพื่อยกระดับอารยธรรมสหพันธรัฐไปเรื่อยๆ

นี่ไม่เพียงแต่เป็นผลดีแก่สหพันธรัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อทุกชีวิตที่เกิดในสหพันธรัฐด้วย สิ่งพื้นฐานที่สุด…ก็คือการพัฒนาฐานการฝึกฝน เมื่อผสานกันสำเร็จ ผู้ฝึกตนของสหพันธรัฐทุกคนรวมถึงหวังเป่าเล่อจะได้รับจากการก้าวกระโดดของอารยธรรมทันที ฐานการฝึกฝนของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย

สิ่งตอบแทน

ตอนนี้เงื่อนไขในการอพยพทั้งหมดพร้อมแล้ว เพียงแต่การอพยพอารยธรรมหนึ่งนั้น ต่อให้เป็นหวังเป่าเล่อที่เป็นดาวพระเคราะห์ก็ยังต้องมีการเตรียมตัวถึงจะทำได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรค ดังนั้นจึงให้ปรมาจารย์มหาทัณฑ์จัดการอยู่ที่นอกโลก ขณะเดียวกันหวังเป่าเล่อที่ปรากฏตัวในดารานิรันดร์ดวงเนตรสวรรค์ก็นั่งขัดสมาธิ แผ่จิตใต้สำนึกออกไปผสานกับดารานิรันดร์และเริ่มรวบรวมพลัง

จากการคำนวนของเขา การรวมพลังนี้ในอีกประมาณหนึ่งเดือนข้างหน้าจะพุ่งถึงขีดสุด เมื่อถึงเวลานั้นก็สามารถเริ่มการอพยพได้ อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ทั้งหมดจะ…ถูกส่งเข้าสู่ระบบสุริยะทันที

ในเวลาเดียวกันกัที่รวบรวมพลัง ร่างแยกของหวังเป่าเล่อก็แยกออกมาจากร่างต้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่าการที่ร่างแยกและร่างต้นผสานเข้าด้วยกันจะทำให้รวบรวมพลังได้เร็วกว่า แต่เพราะแรงขับเคลื่อนหลักมาจากดารานิรันดร์ดวงเนตรสวรรค์ ดังนั้นต่อให้รวบรวมพลังได้เร็วขึ้นก็ไม่ได้เร็วขึ้นมากมายอะไร นอกจากนี้หวังเป่าเล่อยังจากสหพันธรัฐมาเป็นเวลานานมากแล้ว เขาจำเป็นต้องกลับไปเตรียมการบางอย่างในระบบสุริยะก่อนเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด

ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงวางแผนที่จะให้ร่างแยกกลับไปก่อน ก่อนกลับเขาได้พูดคุยกับเจ้าเยี่ยเหมิงที่ได้สติกลับมาแล้ว เจ้าเยี่ยเหมิงไม่ได้เลือกที่ะตามร่างแยกกลับสหพันธรัฐไป แต่จะอยู่ที่อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ชั่วคราวเพราะนางแนะนำกับหวังเป่าเล่อว่าในเมื่อต้องการให้อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เป็นของสหพันธรัฐอย่างแท้จริง เช่นนั้นนอกจากดารานิรันดร์แล้วก็ยังเป็นเจ้าของจิตใจด้วย

“เป่าเล่อ ข้าแนะนำให้เจ้า…ขึ้นครองบัลลังก์อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์และกลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์คนใหม่!”

“มีเพียงวิธีนี้เจ้าถึงจะได้การยอมรับจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์อย่างแท้จริงและหลังจากรวมพวกเขาเข้ากับระบบสุริยะแล้ว พวกเขาจะได้รู้สึกเหมือนได้กลับบ้านและไม่ตื่นตระหนกมากเกินไป”

หวังเป่าเล่อลังเลก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของเจ้าเยี่ยเหมิง เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาพูดออกหน้า จุดประสงค์ที่เจ้าเยี่ยเหมิงอยู่ที่นี่ก็เพื่อช่วยให้หวังเป่าเล่อเข้ากับผู้ฝึกตนทั้งหมดของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ได้อย่างราบรื่นนั่นเอง

ความร่วมมือจากปรมาจารย์มหาทัณฑ์และกลเม็ดของเจ้าเยี่ยเหมิง เรื่องนี้จึงไม่ยาก สิ่งที่หวังเป่าเล่อต้องทำก็คือมาพิธีบรมราชาภิเษก

ด้วย

เข้า

เท่านั้น

เรื่องเหล่านี้ต้องจัดการให้เสร็จภายในหนึ่งเดือน และหลังจากเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าเยี่ยเหมิงก็จะกลับระบบสุริยะพร้อกับอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ผ่านทางดารานิรันดร์

นอกจากนี้ยังมีเจ้าลาน้อยและอู๋น้อยซึ่งไม่ได้กลับในทันที แต่อยู่เพื่อจัดการเรื่องนี้กับเจ้าเยี่ยเหมิง

หลังจากการพูดคุยกัน หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจได้ว่าไม่มีอันตรายใดๆ ซ่อนอยู่ ถึงอย่างไรร่างต้นแบบของเขาก็อยู่ในดารานิรันดร์ดวงเนตรสวรรค์ หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงเขาสามารถตื่นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ อีกทั้งยังสามารถใช้ดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ที่ทำให้ร่างแยกกลับมาได้ทันที

ก็

ดังนั้นหลังจากตัดสินใจแล้ว หวังเป่าเล่อก็พูดคุยรายละเอียดกับเจ้าเยี่ยเหมิงอีกสักครู่ สุดท้ายภายใต้แสงดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ที่สว่างวาบปกคลุมไปทั่วจักรวาลอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ร่างแยกของหวังเป่าเล่อก็จากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ไป

ท่ามกลางการระเบิดพลังแห่งดารานิรันดร์และส่งออกไปนั้น ในจักรวาลนอกระบบสุริยะก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นก่อตัวเป็นรัศมีแผ่ไปทั้งสี่ทิศ ร่างของหวังเป่าเล่อก็ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้นจากความเลือนราง และจากภาพมายาค่อยๆ กลายเป็นกระบวนการทั้งหมดกินเวลาประมาณครึ่งชั่วยามจนกระทั่งรัศมีรอบตัวจางลง ร่างของหวังเป่าเล่อจึงได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างแท้จริง

ก็

สิ่งที่จับต้องได้

ที่ใช้เวลานานมากก็เพราะว่าระยะทางไกลมาก และนี่ก็เป็นเหตุผลที่หวังเป่าเล่อต้องกลับมาเตรียมการก่อน เพราะการอพยพอารยธรรมจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ อีกทั้งหากถูกรบกวนระหว่างทางก็จะเกิดแรงสะท้อนกลับ

ร่างแยกของเขายังดี หากเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น เลวร้ายที่สุดก็แค่สลายไปเท่านั้น ถึงแม้จะมีผลกระทบต่อร่างต้น แต่ก็ไม่ได้มากอะไร แต่หากอพยพอารยธรรมแล้วเกิดแรงสะท้อนกลับอาจเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ได้

ขณะนี้เมื่อการเคลื่อนย้ายมวลสารสิ้นสุดลง หวังเป่าเล่อก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ขณะที่มองไปรอบตัว ฐานการฝึกฝนดาวพระเคราะห์ในร่างกายก็ปะทุขึ้นซึ่งมาจากจักรวาลรอบตัวที่เขาคุ้นเคย และยิ่งทำให้จิตใจที่สงบนิ่งของเขาเกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่

“ในที่สุด…ก็กลับมาแล้ว…” หวังเป่าเล่อพึมพำ หลังจากจากมาหลายสิบปี เขาคิดถึงบ้านเกิดมาก โดยเฉพาะบ้านที่พ่อแม่ของเขาอยู่ยิ่งทำให้เขาคิดถึงจับใจ

เพียงแต่ว่าหลังจากเลือกเส้นทางการฝึกตนแล้ว มีหลายเรื่องนักที่ไม่อาจทำตามใจตนเองได้ หวังเป่าเล่อรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขายืนอยู่นอกระบบสุริยะครู่หนึ่งก่อนจะขยับตัวเหาะไปยังระบบสุริยะ

เริ่มแรกความเร็วของเขาไม่ได้เร็วมากนัก แต่เหาะไปเหาะมาพร้อมกับอารมณ์ผันผวนจึงยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายร่างของเขาก็กลายเป็นเหมือนกับรุ้งกินน้ำที่ตัดผ่านจักรวาล ในชั่วพริบตาต่อมาก็ข้ามผ่านสิ่งกีดขวางนอกระบบสุริยะที่มองไม่เห็นซึ่งถูกจัดเตรียมไว้โดยสหพันธรัฐและมาปรากฏตัวอยู่ในระบบสุริยะ!

โลก ดาวพุธ ดาวอังคาร ดาวศุกร์ ดาวพฤหัสบดี…

ทันทีที่เหยียบเข้าสู่ระบบสุริยะ หวังเป่าเล่อก็เผยรอยยิ้มมีความสุขบนใบหน้าและจิตสำนึกของเขาแผ่ขยายออกไปโดยไม่ตั้งใจ เขาเห็นดวงดาวที่คุ้นเคย ดวงอาทิตย์อยู่ที่ใจกลาง และกระบี่สำริดโบราณที่ปักอยู่บนนั้น

แต่ในเวลาต่อมา รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังเป่าเล่อก็แข็งค้าง…

เพราะแสงของระบบสุริยะดูเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ!!

“เกิดเรื่องหรือ!” หวังเป่าเล่อหน้าเปลี่ยนสี หัวใจพลันเต้นรัว!

…………………………………………………………….

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset