หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 1031 สะกด!

หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่บนระเบียง ในขณะที่พูด มือขวาก็ยกขึ้นมา แล้วโบกไปทางมือยักษ์สีทองพันจั้งที่กำลังมาถึงนี้ ภายใต้การโบกนี้ก็เกิดเสียงดังไปรอบทิศ รอยมือขนาดใหญ่เท่ากัน ก็โผล่ออกมาต่อหน้าหวังเป่าเล่อในทันใด!

มันมรขนาดพันจั้ง สีสันเก้าสี ชั่วขณะที่ปรากฎออกมา ก็ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนรอบข้างตกตะลึง แม้แต่บนตัวคนจำนวนมากก็มีแสงหลากสีปรากฎออกมาโดยที่ควบคุมไม่ได้!

นี่เป็นเพราะว่าการโบกมือที่ดูเหมือนง่ายนี้ รอยมือที่ก่อตัวขึ้นประกอบด้วยกฎเก้าอย่างของดาวเคราะห์บรรพกาลเก้าดวง!

ส่วนกฎเก้าอย่างนี้ โดยพื้นฐานแล้วครอบคลุมคุณลักษณะพลังเทพของผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ บวกกับการสะกดชั้นยอด จึงทำให้มือขวาที่โบกไปของหวังเป่าเล่อซึ่งยืนขึ้นที่นี่ ไม่เพียงแต่สามารถสะกดพลังของเหล่าผู้ฝึกตนรอบข้างไว้ได้ ทำให้ผู้ฝึกตนที่มีกฎพวกนี้ ในขณะที่พลังสั่นคลอนก็ถูกดึงดูดด้วย โดยมีแสงส่องประกายระยิบระยับบนตัวของแต่ละคน ทำให้ถูกดึงเอาพลังของตัวเองออกมาส่วนหนึ่ง!

นี่คือระดับการฝึกฝนและตกตะกอนในช่วงที่ผ่านมานี้บนดาราจักรไฟ ตามความคุ้นเคยของดาวเคราะห์บรรพกาลทั้งเก้าดวงของตัวเอง ทำให้ถูกหวังเป่าเล่อเข้าใจวิธีการใช้อย่างลึกซึ้ง และการเข้าใจถึงวิธีการนี้ โดยพื้นฐานแล้วการต่อสู้แบบกลุ่มสำหรับหวังเป่าเล่อกลับได้เปรียบกว่า!

ในเวลานี้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่า หลังจากที่ร่างของผู้ฝึกตนจำนวนมากในตลาดมีแสงหลากสีปรากฎออกมา แสงพวกนี้กลายเป็นสำแสงพุ่งตรงไปยังรอยมือด้านหน้าหวังเป่าเล่อ ในชั่วขณะที่รวมตัวกันก็ทำให้รอยมือนี้ขยายตัวอีกครั้ง ขนาดขยายออกหลายพันจั้งพุ่งไปยังมือยักษ์สีทองที่กำลังกดลงมาในทันใด!

มองดูไกลๆ แม้ว่ามือยักษ์สีทองจะสูงพันจั้งและท่าทางทรงพลัง แต่อยู่ต่อหน้ารอยมือของหวังเป่าเล่อ ก็ยังเล็กเกินไปมากนัก และฉากนี้ก็ทำให้สีหน้าของเซี่ยอวิ๋นเถิงเปลี่ยนไปในทันที

และในขณะสีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไป รอยมือทั้งสองนี้ก็สัมผัสถึงกันแล้ว เกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าดิน เสียงคำรามดังก้องไปทั่วทุกที่ ซึ่งระเบิดออกมาบนเรือเหาะในทันใด ท่าทางยิ่งใหญ่มาก ผลกระทบนั้นใหญ่มากจนกลายเป็นชั้นของระลอกคลื่น เสียงดังกระจายไปยังรอบข้างไม่หยุด

ชั่วพริบตาเดียว ตลาดที่ทั้งคู่ต่อสู้กันต่างก็ทยอยพังทลายลงมา อาคารจำนวนนับไม่ถ้วนก็พังทลายลง และผู้ฝึกตนในตลาดก็มีไม่น้อยที่กระอักเลือดออกมา ทุกคนต่างถอยหนีอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองดูไปแล้ว โดยรอบตลาดรัศมีสามกิโลเมตร ในขณะนี้ แทบจะหายไปหมดแล้ว เว้นเพียง…ตำหนักหรูรับรองแขกที่หวังเป่าเล่ออาศัยอยู่ ยังตั้งตระหง่านอยู่กลางซากอาคาร ไร้ซึ่งความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น เขาที่ยืนอยู่บนระเบียง ดวงตาในขณะนี้มีเจตจำนงในการต่อสู้ จ้องมองไปยังเซี่ยอวิ๋นเถิงที่อยู่กลางอากาศ โดยที่ร่างกายถอยหลังไม่หยุด จนกระทั่งไปห่างไปไกลกว่าร้อยจั้ง!

“เจ้า…” สีหน้าเซี่ยอวิ๋นเถิงแย่จนถึงที่สุด เขากำลังจะพูด แต่ในเวลาต่อมาหวังเป่าเล่อที่อยู่บนระเบียงก็ได้หัวเราะขึ้นมา

“น่าสนใจ!” ระหว่างที่พูด เงาร่างของเขาก็ก้าวออกไปและพุ่งขึ้นไปในอากาศแล้ว มันเร็วมากจนกลายเป็นเงาภาพชุดหนึ่ง ดูเหมือนว่ายังอยู่ห่างไกล แต่จริงๆ แล้วเขาไปถึงด้านหน้าเซี่ยอวิ๋นเถิงแล้ว มือขวายกขึ้นชี้นิ้วลงไป!

นิ้วนี้ชี้ออกไป โดยรอบก็บิดเบี้ยวในทันใด กลายเป็นกลุ่มหมอก มันก็คือ…นิ้วเมฆา!

เดิมทีการชี้นี้ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เป็นหนึ่งในไม่กี่กระบวนเวทที่ใช้เป็นเคล็ดวิชาลับได้ในบรรดาพลังเทพของหวังเป่าเล่อ ในขณะนี้ถูกใช้ออกมาด้วยพลังระดับดาวพระเคราะห์ชั้นกลาง และได้รับการสนับสนุนด้วยดาวเคราะห์บรรพกาลอีก ประสิทธิภาพนี้ใหญ่เกินกว่าระดับดาวพระเคราะห์ชั้นกลางคนอื่นมาก

ในความเป็นจริงนั้น จนถึงตอนนี้ นอกจากลงมือช่วยเซี่ยไห่หยางไว้ในครั้งนั้น หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ใช้พลังแห่งดาวเคราะห์เต๋าเลย เพราะเขาเองก็อยากเห็นเช่นกันว่า ตัวเองในตอนนี้ ภายใต้การไม่ใช้พลังดาวเคราะห์เต๋า จะมีพลังในการต่อสู้ขนาดไหน

ดังนั้นนิ้วเมฆาในตอนนี้ ไม่ใช่พลังเต็มที่ของเขา แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังคงทำให้เซี่ยอวิ๋นเถิงหน้าเปลี่ยนสี ดวงตาเบิกกว้าง ผู้คุ้มกันระดับดารานิรันทร์ด้านหลังแปดคนนั้นกำลังจะก้าวไปข้างหน้า

“ถอยไป! ” อยู่ๆ เซี่ยอวิ๋นเถิงก็ตะโกนขึ้น

” ข้าจัดการเอง! ” ขณะที่เขาพูด ร่างกายก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ถอย และยิ่งชั่วขณะที่เข้าใกล้หวังเป่าเล่อ สองมือผนึกมุทรา เสียงอันเย็นชาดังออกมาจากปาก

“เวทดวงดาว! ”

ขณะที่เสียงดังออกมา ก็มีเส้นใยจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากทุกตำแหน่งบนตัวเขา รวมถึงทวารทั้งเจ็ดและรูขุมขนทั่วทั้งร่างกาย

เส้นใยพวกนี้เป็นสีดำทั้งหมด ในขณะที่ปล่อยพิษออกมา ก็ให้ความรู้สึกเหมือนถูกเฉือน แม้แต่ตอนที่ปรากฏขึ้น อากาศโดยรอบก็บิดเบือนไป และยังมีรอยฉีกขาดปรากฏออกมาไม่หยุดอีก

เพียงแค่ชั่วพริบตา เส้นใยเหล่านี้ก็มากมายจนล้อมรอบเซี่ยอวิ๋นเถิงเอาไว้ หลังจากห้อมล้อมตัวเองแล้ว รังไหมสีดำขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์!

รังไหมนี้ มีร่องรอยพลังงานโบราณ และยังคลื่นดวงดาวแผ่ออกมา หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่านี่มันคือ…ดาวพระเคราะห์พิเศษดวงหนึ่ง!!..Aileen-novel

นี่ก็คือดาวพระเคราะห์ที่เซี่ยอวิ๋นเถิงลูกหลานสายตรงลำดับที่ห้าของตระกูลเซี่ยผนึกกาย ซึ่งเป็นดาวพระเคราะห์พิเศษจริงๆ ยิ่งกว่านั้นยังเป็น…ดาวเคราะห์บรรกาลดวงหนึ่งที่พัฒนาเป็นดาวเคราะห์เต๋าล้มเหลว!

และกฎมันยิ่งประหลาดเข้าไปอีก ไมใช่พวกกฎน้ำ ไฟ สายฟ้า แต่เป็น…เส้นใย!

ดาวพระเคราะห์แห่งเส้นใย!

ซึ่งกฎนี้แม้แต่ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นก็หาเจอได้ยาก จะเห็นถึงความแข็งแกร่งของภูมิหลังของตระกูลเซี่ย

ปรากฎขึ้นในชั่วขณะนี้ ตอนที่กลายเป็นรังไหมสีดำ นัยน์ตาหวังเป่าเล่อฉายแววแปลกใจ แต่นิ้วเมฆาที่กางออกก็ตกลงบนนั้นโดยตรงโดยไม่หยุดแม้สักนิด

เสียงดังกระจายไปทั่วทุกทิศ รังไหมสีดำที่ประกอบขึ้นจากเส้นใยก็พังทลายลงเรื่อยๆ แต่…นิ้วเมฆาของหวังเป่าเล่อก็สลายไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน กระทั่งรังไหมสีดำแตกสลายไปกว่าร้อยละแปดสิบ ในที่สุดนิ้วเมฆาก็ถูกสลายจนหมดสิ้น หายไปกลางอากาศ

“บิดเกลียว! ” ในขณะที่เมฆสลายไป ดวงตาของเซี่ยอวิ๋นเถิงที่อยู่ภายในรังไหมสีดำก็ฉายแววโหดเหี้ยมออกมา ทันที่ที่เอ่ยปากออก เส้นใยที่สลายไปโดยรอบ ก็ฟื้นฟูดังเดิมและแพร่กระจายออกไปในทันที พุ่งไปหาหวังเป่าเล่ออย่างเร็วจากทุกทิศทาง

ราวกับตาข่ายใหญ่ ปิดล้อมทั้งสี่ทิศ!

มองจากไกลๆ เซี่ยอวิ๋นเถิงดูเหมือนแมงมุมขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง กระจายตาข่ายเส้นใย ปกคลุมตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้ภายใน!

และเส้นใยของตาข่ายนี้มีนับพันนับหมื่น ไม่ว่าเส้นไหนต่างก็มีพลังอันน่าตกใจ ทำให้ผู้ฝึกตนที่ยืนดูรอบๆ ต่างถอยห่างออกไป ไม่มีใครที่ไม่รู้สึกตกตะลึง

“แกร่งเกินไปแล้ว! ”

“พลังแห่งกฎเกณฑ์นี้…”

“สมเป็นท่านชายห้าแห่งตระกูลเซี่ย!!”

ในเวลาเดียวกันกับที่มีเสียงความโกลาหล เซี่ยไห่หยางบนระเบียงก็มีสีหน้าตกใจแบบเดียวกัน เขาไม่แปลกใจที่ในความแข็งแกร่งของเซี่ยอวิ๋นเถิง อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนในตระกูล เดิมทีก็ชอบต่อสู้อยู่แล้ว เขาก็ไม่ได้แปลกใจในดาวเคราะห์บรรพกาลของอีกฝ่าย เพราะเขาเอง… ก็เป็นดาวเคราะห์บรรพกาลเหมือนกัน!

เพียงแค่กฎนั้นต่างกัน ที่เขาตกใจคือหวังเป่าเล่อ!

สามารถกล่าวได้ว่าตลอดเส้นทางของหวังเป่าเล่อ ในหลายๆ ช่วงเวลา เซี่ยไห่หยางล้วนเห็นกับตาตัวเอง ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีการประเมินความสามารถของหวังเป่าเล่อไว้คร่าวๆ แล้ว แต่ในตอนนี้ความคิดภายในหัวของเขาก็ยังคงสั่นไหว

เพราะเขารู้ว่าความแข็งแกร่งที่หวังเป่าเล่อแสดงออกมาในตอนนี้ ยังไม่ได้ใช้เวทผนึกดารา ดาวเคราะห์เต๋าเองก็ยังไม่แสดง!

“ยังมีดาวเคราะห์บรรพกาลเก้าดวงของเขา…” ชั่วขณะที่เซี่ยไห่หยางบ่นในใจ หวังเป่าเล่อที่อยู่กลางอากาศ บนใบหน้ามีรอยยิ้มเผยออกมา

“น่าสนใจแล้วสิ ” หวังเป่าเล่อพอใจกับการออกมือครั้งนี้มาก สามารถเจอเข้ากับกฎที่แปลกเช่นนี้ ขณะที่รอยยิ้มปรากฏขึ้น จิตวิญญาณการต่อสู้ในนัยน์ตาของเขาก็เข้มข้นขึ้นเช่นกัน เขาไม่ได้ถอยหลังหรือหลบเลย เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ตอนที่ยกมือขวาขึ้นแล้วกำหมัด ใช้วิธีที่ตรงที่สุดปล่อยหมัดออกไป!

หมัดนี้มีสีแดงแผ่ออกมา!

มันก็คือ… หนึ่งในกฎดาวเคราะห์บรรพกาล เต๋าโลหิตแดง!

เมื่อชกออกไปก็เกิดระลอกคลื่นดั่งคลื่นมหาสมุทรในทุกทิศทุกทาง มีสีแดงฉานดั่งเลือดของผู้ฝึกตนบรรพกาลพุ่งสู่ตาข่ายเส้นใยที่ปกคลุมลงมา แล้วระเบิดออกไปทันที!

“ดาวเคราะห์บรรพกาลรึ? ” เซี่ยอวิ๋นเถิงตะลึง

ไม่มีที่สิ้นสุด สีหน้าหวังเป่าเล่อแผ่ความเผด็จการออกมา ชกไปอีกครั้งในขณะที่ก้าวเท้าออกไป!

หมัดนี้ สีส้ม มันก็คือเต๋าดนตรีส้ม ทันทีที่มันปรากฏขึ้น รอบข้างก็มีเสียงอันไพเราะนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ก่อตัวเป็นคลื่นเสียง ส่งเสียงดังกึกก้องไปทุกทิศทางอีกครั้ง!

ฉากนี้ ทำให้เซี่ยอวิ๋นเถิงหน้าเสียอีกครั้ง!

“ดาวเคราะห์บรรพกาลอีกแล้ว!!”

ก่อนหน้านี้ เพราะเขามาอย่างรีบร้อน ดังนั้นไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างๆ เซี่ยไห่หยางเป็นใคร แต่ตอนนี้ อยู่ๆ ในหัวของเขาก็มีชื่อหนึ่งปรากฏขึ้นมา คนที่กำลังมีชื่อเสียงในช่วงนี้!

“หวังเป่าเล่อ!!”

หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่บนระเบียง ในขณะที่พูด มือขวาก็ยกขึ้นมา แล้วโบกไปทางมือยักษ์สีทองพันจั้งที่กำลังมาถึงนี้ ภายใต้การโบกนี้ก็เกิดเสียงดังไปรอบทิศ รอยมือขนาดใหญ่เท่ากัน ก็โผล่ออกมาต่อหน้าหวังเป่าเล่อในทันใด!

มันมรขนาดพันจั้ง สีสันเก้าสี ชั่วขณะที่ปรากฎออกมา ก็ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนรอบข้างตกตะลึง แม้แต่บนตัวคนจำนวนมากก็มีแสงหลากสีปรากฎออกมาโดยที่ควบคุมไม่ได้!

นี่เป็นเพราะว่าการโบกมือที่ดูเหมือนง่ายนี้ รอยมือที่ก่อตัวขึ้นประกอบด้วยกฎเก้าอย่างของดาวเคราะห์บรรพกาลเก้าดวง!

ส่วนกฎเก้าอย่างนี้ โดยพื้นฐานแล้วครอบคลุมคุณลักษณะพลังเทพของผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ บวกกับการสะกดชั้นยอด จึงทำให้มือขวาที่โบกไปของหวังเป่าเล่อซึ่งยืนขึ้นที่นี่ ไม่เพียงแต่สามารถสะกดพลังของเหล่าผู้ฝึกตนรอบข้างไว้ได้ ทำให้ผู้ฝึกตนที่มีกฎพวกนี้ ในขณะที่พลังสั่นคลอนก็ถูกดึงดูดด้วย โดยมีแสงส่องประกายระยิบระยับบนตัวของแต่ละคน ทำให้ถูกดึงเอาพลังของตัวเองออกมาส่วนหนึ่ง!

นี่คือระดับการฝึกฝนและตกตะกอนในช่วงที่ผ่านมานี้บนดาราจักรไฟ ตามความคุ้นเคยของดาวเคราะห์บรรพกาลทั้งเก้าดวงของตัวเอง ทำให้ถูกหวังเป่าเล่อเข้าใจวิธีการใช้อย่างลึกซึ้ง และการเข้าใจถึงวิธีการนี้ โดยพื้นฐานแล้วการต่อสู้แบบกลุ่มสำหรับหวังเป่าเล่อกลับได้เปรียบกว่า!

ในเวลานี้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่า หลังจากที่ร่างของผู้ฝึกตนจำนวนมากในตลาดมีแสงหลากสีปรากฎออกมา แสงพวกนี้กลายเป็นสำแสงพุ่งตรงไปยังรอยมือด้านหน้าหวังเป่าเล่อ ในชั่วขณะที่รวมตัวกันก็ทำให้รอยมือนี้ขยายตัวอีกครั้ง ขนาดขยายออกหลายพันจั้งพุ่งไปยังมือยักษ์สีทองที่กำลังกดลงมาในทันใด!

มองดูไกลๆ แม้ว่ามือยักษ์สีทองจะสูงพันจั้งและท่าทางทรงพลัง แต่อยู่ต่อหน้ารอยมือของหวังเป่าเล่อ ก็ยังเล็กเกินไปมากนัก และฉากนี้ก็ทำให้สีหน้าของเซี่ยอวิ๋นเถิงเปลี่ยนไปในทันที

และในขณะสีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไป รอยมือทั้งสองนี้ก็สัมผัสถึงกันแล้ว เกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าดิน เสียงคำรามดังก้องไปทั่วทุกที่ ซึ่งระเบิดออกมาบนเรือเหาะในทันใด ท่าทางยิ่งใหญ่มาก ผลกระทบนั้นใหญ่มากจนกลายเป็นชั้นของระลอกคลื่น เสียงดังกระจายไปยังรอบข้างไม่หยุด

ชั่วพริบตาเดียว ตลาดที่ทั้งคู่ต่อสู้กันต่างก็ทยอยพังทลายลงมา อาคารจำนวนนับไม่ถ้วนก็พังทลายลง และผู้ฝึกตนในตลาดก็มีไม่น้อยที่กระอักเลือดออกมา ทุกคนต่างถอยหนีอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองดูไปแล้ว โดยรอบตลาดรัศมีสามกิโลเมตร ในขณะนี้ แทบจะหายไปหมดแล้ว เว้นเพียง…ตำหนักหรูรับรองแขกที่หวังเป่าเล่ออาศัยอยู่ ยังตั้งตระหง่านอยู่กลางซากอาคาร ไร้ซึ่งความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น เขาที่ยืนอยู่บนระเบียง ดวงตาในขณะนี้มีเจตจำนงในการต่อสู้ จ้องมองไปยังเซี่ยอวิ๋นเถิงที่อยู่กลางอากาศ โดยที่ร่างกายถอยหลังไม่หยุด จนกระทั่งไปห่างไปไกลกว่าร้อยจั้ง!

“เจ้า…” สีหน้าเซี่ยอวิ๋นเถิงแย่จนถึงที่สุด เขากำลังจะพูด แต่ในเวลาต่อมาหวังเป่าเล่อที่อยู่บนระเบียงก็ได้หัวเราะขึ้นมา

“น่าสนใจ!” ระหว่างที่พูด เงาร่างของเขาก็ก้าวออกไปและพุ่งขึ้นไปในอากาศแล้ว มันเร็วมากจนกลายเป็นเงาภาพชุดหนึ่ง ดูเหมือนว่ายังอยู่ห่างไกล แต่จริงๆ แล้วเขาไปถึงด้านหน้าเซี่ยอวิ๋นเถิงแล้ว มือขวายกขึ้นชี้นิ้วลงไป!

นิ้วนี้ชี้ออกไป โดยรอบก็บิดเบี้ยวในทันใด กลายเป็นกลุ่มหมอก มันก็คือ…นิ้วเมฆา!

เดิมทีการชี้นี้ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เป็นหนึ่งในไม่กี่กระบวนเวทที่ใช้เป็นเคล็ดวิชาลับได้ในบรรดาพลังเทพของหวังเป่าเล่อ ในขณะนี้ถูกใช้ออกมาด้วยพลังระดับดาวพระเคราะห์ชั้นกลาง และได้รับการสนับสนุนด้วยดาวเคราะห์บรรพกาลอีก ประสิทธิภาพนี้ใหญ่เกินกว่าระดับดาวพระเคราะห์ชั้นกลางคนอื่นมาก

ในความเป็นจริงนั้น จนถึงตอนนี้ นอกจากลงมือช่วยเซี่ยไห่หยางไว้ในครั้งนั้น หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ใช้พลังแห่งดาวเคราะห์เต๋าเลย เพราะเขาเองก็อยากเห็นเช่นกันว่า ตัวเองในตอนนี้ ภายใต้การไม่ใช้พลังดาวเคราะห์เต๋า จะมีพลังในการต่อสู้ขนาดไหน

ดังนั้นนิ้วเมฆาในตอนนี้ ไม่ใช่พลังเต็มที่ของเขา แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังคงทำให้เซี่ยอวิ๋นเถิงหน้าเปลี่ยนสี ดวงตาเบิกกว้าง ผู้คุ้มกันระดับดารานิรันทร์ด้านหลังแปดคนนั้นกำลังจะก้าวไปข้างหน้า

“ถอยไป! ” อยู่ๆ เซี่ยอวิ๋นเถิงก็ตะโกนขึ้น

” ข้าจัดการเอง! ” ขณะที่เขาพูด ร่างกายก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ถอย และยิ่งชั่วขณะที่เข้าใกล้หวังเป่าเล่อ สองมือผนึกมุทรา เสียงอันเย็นชาดังออกมาจากปาก

“เวทดวงดาว! ”

ขณะที่เสียงดังออกมา ก็มีเส้นใยจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากทุกตำแหน่งบนตัวเขา รวมถึงทวารทั้งเจ็ดและรูขุมขนทั่วทั้งร่างกาย

เส้นใยพวกนี้เป็นสีดำทั้งหมด ในขณะที่ปล่อยพิษออกมา ก็ให้ความรู้สึกเหมือนถูกเฉือน แม้แต่ตอนที่ปรากฏขึ้น อากาศโดยรอบก็บิดเบือนไป และยังมีรอยฉีกขาดปรากฏออกมาไม่หยุดอีก

เพียงแค่ชั่วพริบตา เส้นใยเหล่านี้ก็มากมายจนล้อมรอบเซี่ยอวิ๋นเถิงเอาไว้ หลังจากห้อมล้อมตัวเองแล้ว รังไหมสีดำขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์!

รังไหมนี้ มีร่องรอยพลังงานโบราณ และยังคลื่นดวงดาวแผ่ออกมา หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่านี่มันคือ…ดาวพระเคราะห์พิเศษดวงหนึ่ง!!..Aileen-novel

นี่ก็คือดาวพระเคราะห์ที่เซี่ยอวิ๋นเถิงลูกหลานสายตรงลำดับที่ห้าของตระกูลเซี่ยผนึกกาย ซึ่งเป็นดาวพระเคราะห์พิเศษจริงๆ ยิ่งกว่านั้นยังเป็น…ดาวเคราะห์บรรกาลดวงหนึ่งที่พัฒนาเป็นดาวเคราะห์เต๋าล้มเหลว!

และกฎมันยิ่งประหลาดเข้าไปอีก ไมใช่พวกกฎน้ำ ไฟ สายฟ้า แต่เป็น…เส้นใย!

ดาวพระเคราะห์แห่งเส้นใย!

ซึ่งกฎนี้แม้แต่ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นก็หาเจอได้ยาก จะเห็นถึงความแข็งแกร่งของภูมิหลังของตระกูลเซี่ย

ปรากฎขึ้นในชั่วขณะนี้ ตอนที่กลายเป็นรังไหมสีดำ นัยน์ตาหวังเป่าเล่อฉายแววแปลกใจ แต่นิ้วเมฆาที่กางออกก็ตกลงบนนั้นโดยตรงโดยไม่หยุดแม้สักนิด

เสียงดังกระจายไปทั่วทุกทิศ รังไหมสีดำที่ประกอบขึ้นจากเส้นใยก็พังทลายลงเรื่อยๆ แต่…นิ้วเมฆาของหวังเป่าเล่อก็สลายไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน กระทั่งรังไหมสีดำแตกสลายไปกว่าร้อยละแปดสิบ ในที่สุดนิ้วเมฆาก็ถูกสลายจนหมดสิ้น หายไปกลางอากาศ

“บิดเกลียว! ” ในขณะที่เมฆสลายไป ดวงตาของเซี่ยอวิ๋นเถิงที่อยู่ภายในรังไหมสีดำก็ฉายแววโหดเหี้ยมออกมา ทันที่ที่เอ่ยปากออก เส้นใยที่สลายไปโดยรอบ ก็ฟื้นฟูดังเดิมและแพร่กระจายออกไปในทันที พุ่งไปหาหวังเป่าเล่ออย่างเร็วจากทุกทิศทาง

ราวกับตาข่ายใหญ่ ปิดล้อมทั้งสี่ทิศ!

มองจากไกลๆ เซี่ยอวิ๋นเถิงดูเหมือนแมงมุมขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง กระจายตาข่ายเส้นใย ปกคลุมตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้ภายใน!

และเส้นใยของตาข่ายนี้มีนับพันนับหมื่น ไม่ว่าเส้นไหนต่างก็มีพลังอันน่าตกใจ ทำให้ผู้ฝึกตนที่ยืนดูรอบๆ ต่างถอยห่างออกไป ไม่มีใครที่ไม่รู้สึกตกตะลึง

“แกร่งเกินไปแล้ว! ”

“พลังแห่งกฎเกณฑ์นี้…”

“สมเป็นท่านชายห้าแห่งตระกูลเซี่ย!!”

ในเวลาเดียวกันกับที่มีเสียงความโกลาหล เซี่ยไห่หยางบนระเบียงก็มีสีหน้าตกใจแบบเดียวกัน เขาไม่แปลกใจที่ในความแข็งแกร่งของเซี่ยอวิ๋นเถิง อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนในตระกูล เดิมทีก็ชอบต่อสู้อยู่แล้ว เขาก็ไม่ได้แปลกใจในดาวเคราะห์บรรพกาลของอีกฝ่าย เพราะเขาเอง… ก็เป็นดาวเคราะห์บรรพกาลเหมือนกัน!

เพียงแค่กฎนั้นต่างกัน ที่เขาตกใจคือหวังเป่าเล่อ!

สามารถกล่าวได้ว่าตลอดเส้นทางของหวังเป่าเล่อ ในหลายๆ ช่วงเวลา เซี่ยไห่หยางล้วนเห็นกับตาตัวเอง ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีการประเมินความสามารถของหวังเป่าเล่อไว้คร่าวๆ แล้ว แต่ในตอนนี้ความคิดภายในหัวของเขาก็ยังคงสั่นไหว

เพราะเขารู้ว่าความแข็งแกร่งที่หวังเป่าเล่อแสดงออกมาในตอนนี้ ยังไม่ได้ใช้เวทผนึกดารา ดาวเคราะห์เต๋าเองก็ยังไม่แสดง!

“ยังมีดาวเคราะห์บรรพกาลเก้าดวงของเขา…” ชั่วขณะที่เซี่ยไห่หยางบ่นในใจ หวังเป่าเล่อที่อยู่กลางอากาศ บนใบหน้ามีรอยยิ้มเผยออกมา

“น่าสนใจแล้วสิ ” หวังเป่าเล่อพอใจกับการออกมือครั้งนี้มาก สามารถเจอเข้ากับกฎที่แปลกเช่นนี้ ขณะที่รอยยิ้มปรากฏขึ้น จิตวิญญาณการต่อสู้ในนัยน์ตาของเขาก็เข้มข้นขึ้นเช่นกัน เขาไม่ได้ถอยหลังหรือหลบเลย เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ตอนที่ยกมือขวาขึ้นแล้วกำหมัด ใช้วิธีที่ตรงที่สุดปล่อยหมัดออกไป!

หมัดนี้มีสีแดงแผ่ออกมา!

มันก็คือ… หนึ่งในกฎดาวเคราะห์บรรพกาล เต๋าโลหิตแดง!

เมื่อชกออกไปก็เกิดระลอกคลื่นดั่งคลื่นมหาสมุทรในทุกทิศทุกทาง มีสีแดงฉานดั่งเลือดของผู้ฝึกตนบรรพกาลพุ่งสู่ตาข่ายเส้นใยที่ปกคลุมลงมา แล้วระเบิดออกไปทันที!

“ดาวเคราะห์บรรพกาลรึ? ” เซี่ยอวิ๋นเถิงตะลึง

ไม่มีที่สิ้นสุด สีหน้าหวังเป่าเล่อแผ่ความเผด็จการออกมา ชกไปอีกครั้งในขณะที่ก้าวเท้าออกไป!

หมัดนี้ สีส้ม มันก็คือเต๋าดนตรีส้ม ทันทีที่มันปรากฏขึ้น รอบข้างก็มีเสียงอันไพเราะนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ก่อตัวเป็นคลื่นเสียง ส่งเสียงดังกึกก้องไปทุกทิศทางอีกครั้ง!

ฉากนี้ ทำให้เซี่ยอวิ๋นเถิงหน้าเสียอีกครั้ง!

“ดาวเคราะห์บรรพกาลอีกแล้ว!!”

ก่อนหน้านี้ เพราะเขามาอย่างรีบร้อน ดังนั้นไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างๆ เซี่ยไห่หยางเป็นใคร แต่ตอนนี้ อยู่ๆ ในหัวของเขาก็มีชื่อหนึ่งปรากฏขึ้นมา คนที่กำลังมีชื่อเสียงในช่วงนี้!

“หวังเป่าเล่อ!!”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset