แม้แต่หวังเป่าเล่อก็ยังไม่ทราบว่าตนเองดึงดวงวิญญาณทั้งสามออกมาได้อย่างไร อาจเป็นเพราะอำนาจที่มองไม่เห็นที่ทำให้หัตถ์สื่อวิญญาณของเขาดึงดวงวิญญาณเหล่านั้นออกมาจากบ่อได้โดยธรรมชาติก็เป็นได้
“ชะตาของบุตรแห่งความมืดทุกคนล้วนผูกติดกับวิญญาณวุธในวัตถุเวทแห่งความมืดทั้งสิ้น ดูเหมือนว่าดวงวิญญาณในบ่อน้ำวิญญาณทั้งสามดวงนี้จะเป็นสมบัติของเจ้า” หมิงคุนจื่อยิ้มบาง ขณะมองหวังเป่าเล่อใช้หัตถ์สื่อวิญญาณดึงวิญญาณทั้งสามดวงขึ้นมาจากบ่อน้ำวิญญาณ
“แต่พวกนี้เป็นวิญญาณสีดำทั้งหมด แปลว่าทั้งสามได้กระทำความชั่วใหญ่หลวงมาในชาติก่อน จึงทำให้ยังไปเกิดใหม่ไม่ได้ หน้าที่ของเจ้าคือชำระล้างดวงวิญญาณพวกนี้ ในเมื่อชะตาของเจ้าผูกติดอยู่กับดวงวิญญาณทั้งสาม ดังนั้นเจ้าจึงมีหน้าที่ทำให้พวกเขาหมดสิ้นบาปกรรมและความพยาบาท เจ้าต้องทำให้พวกเขาสมัครใจยอมติดตามในฐานะวิญญาณวุธ!”
หวังเป่าเล่อมองดวงวิญญาณสามดวงที่จับมาได้ พวกมันมีสีดำสนิท ตอนนี้ดวงวิญญาณทั้งสามอยู่ในหัตถ์มายาของเขา แต่ละดวงมีท่าทีกระวนกระวาย แต่ก็แสดงสีหน้าและพฤติกรรมที่แตกต่างกันไป
ใบหน้าของวิญญาณเด็กชายถมึงทึงด้วยความเดือดดาล ยิ่งเขากระวนกระวายมากขึ้น เขาก็ยิ่งดูโกรธเกรี้ยว เด็กชายจ้องหวังเป่าเล่อเขม็ง จนดูราวกับว่าจะเขมือบหวังเป่าเล่อเข้าไปทั้งตัวทันทีที่มีโอกาส
เทียบกับเด็กชายที่แสดงอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจนโจ่งแจ้ง ชายชราข้างกายเขามีปฏิกิริยาที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้เขามีใบหน้าบึ้งตึง ทว่าตอนนี้ดูเหมือนจะใจเย็นลงแล้ว ชายชรายกมือแสดงความเคารพพร้อมค้อมศีรษะให้หวังเป่าเล่อ ดูราวกับว่ายอมศิโรราบ แต่หวังเป่าเล่อกลับรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของชายชราขณะที่ที่อีกฝ่ายยืนอยู่บนหัตถ์มายา ชายชราผู้นี้เจ้าเล่ห์เพทุบายและเป็นคนจิตใจคดโกง ต่อหน้าดูเหมือนยอมจำนน แต่เบื้องหลังกลับถือมีดพร้อมแทงด้วยเจตนาแสนชั่วร้าย!
ชายร่างสูงหน้าตาน่ากลัวที่ยืนข้างๆ ดูอ่านง่ายกว่ามาก แม้เขาจะดูป่าเถื่อนน่ากลัว แต่หลังจากที่ถูกดึงออกมาจากบ่อน้ำวิญญาณ เขาก็เริ่มมองไปรอบๆ ด้วยความกระวนกระวาย เมื่อเขาเห็นบ่อน้ำวิญญาณที่รายล้อม และศิษย์หญิงหลายคนยืนคุ้มกันบ่อน้ำอยู่ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายด้วยความหื่นกระหาย จนน้ำลายแทบจะไหลลงคาง แต่ด้วยความที่เป็นวิญญาณ จึงไม่มีน้ำลายให้ไหลออกมา
สีหน้าหื่นกระหายและกระเหี้ยนกระหือรือของเขา บอกชัดว่าชายผู้นี้เป็นคนมักมากในกาม!
“นี่มัน… ท่านอาจารย์ การพยายามชำระบาปให้วิญญาณทั้งสามดวงนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” หลังจากมองสำรวจดวงวิญญาณในมือตนเอง หวังเป่าเล่อก็เริ่มปวดหัวตุบ ชายหนุ่มสงสัยว่าจะปรึกษาอาจารย์และลองเลือกวิญญาณใหม่อีกครั้งจะได้หรือไม่
หมิงคุนจื่อเดาออกว่าหวังเป่าเล่อกำลังคิดสิ่งใดอยู่ ชายชราเหลือบตามองอีกฝ่าย ก่อนเดินหนีไปโดยไม่สนใจใยดีชายหนุ่มอีก ก่อนจะจากไปยังได้ทิ้งเส้นตายเอาไว้ด้วย
“อย่ามัวแต่คิดสิ่งไร้ประโยชน์ให้เสียเวลาเปล่าเลย เจ้ามีเวลาหนึ่งเดือน จงชำระบาปวิญญาณเหล่านี้ให้เรียบร้อยเสีย!”
หวังเป่าเล่อเห็นท่าทียืนกรานของอาจารย์ตน และยิ่งรู้สึกปวดหัวมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่อาจารย์จากไปเรียบร้อย ชายหนุ่มก็นำวิญญาณทั้งสามดวงกลับไปที่ที่พัก ณ สำนักแห่งความมืดด้วยท่าที่ขุ่นเคือง
เขาปล่อยวิญญาณทั้งสามดวงในที่พัก ทันทีที่พวกมันปรากฏกายก็พากันเดินสำรวจห้องพัก หวังเป่าเล่อไม่ได้ใส่ใจพวกมันนัก เขาพูดเพียงว่า “เรามาคุยกันเสียหน่อยดีไหม พวกเจ้าทำบาปหนาในชาติก่อน ทำให้ไปผุดไปเกิดไม่ได้ พวกเจ้ามีทางเลือกเดียวคือมาเป็นวิญญาณวุธของข้า ด้วยเหตุนี้…”
ก่อนที่หวังเป่าเล่อจะทันได้พูดจบ แววตาของเด็กชายก็สว่างวาบ เขาถอยหลังหนีในทันที ดูราวกับต้องการหนีออกจากที่แห่งนี้ แต่ห้องพักของหวังเป่าเล่อมีวงแหวนปราณควบคุมอยู่ เด็กชายที่กำลังเผ่นหนีเอาหัวพุ่งชนวงแหวนปราณเข้าอย่างจังจนเกิดเสียงดังโครมคราม เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถอยกรูดไปอีกครั้ง แววตาของเด็กชายส่องแรงอาฆาตอันตรายออกมา เขากู่ร้องก่อนกระโจนเข้าใส่หวังเป่าเล่อ ตั้งใจจะกลืนกินชายหนุ่มเข้าไปทั้งเป็น
แต่ก่อนที่เด็กชายจะได้เข้าประชิดตัวเป้าหมาย เปลวไฟสีดำในตัวของหวังเป่าเล่อก็พวยพุ่งออกมาเผาไหม้กายของเขา เด็กชายกรีดร้องอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด ในที่สุดเขาก็หยุดการกระทำมาดร้าย ร่างกายสั่นเทิ้ม เมื่อเด็กชายมองหวังเป่าเล่อ ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยความดุร้ายและบ้าคลั่ง จนเหมือนไม่มีวันทำให้เชื่องได้
หวังเป่าเล่อเริ่มรู้สึกไม่พอใจ เขามองเด็กชายตรงหน้า ก่อนจะเบือนสายตาไปมองวิญญาณอีกสองดวงที่เหลือ
วิญญาณหื่นมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเยาะเย้ย ทัศนคติของเขาที่มีต่อหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ต่างกัน วิญญาณหื่นหาวหวอด เขาไม่ได้พยายามหนี แต่สีหน้าก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าคิดสิ่งใดอยู่ เจ้าอยากบังคับขู่เข็ญให้ข้าเป็นวิญญาณวุธเช่นนั้นหรือ ไม่มีวันเสียหรอก!
วิญญาณชายชราก็ไม่ได้พยายามหนีเช่นกัน เมื่อเทียบกับดวงวิญญาณอีกสองดวงที่เหลือ สีหน้าของเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ดูไม่ยินดียินร้าย ไม่ได้สุขใจหรือโกรธเกรี้ยว เขาค้อมศีรษะลงต่ำเหมือนข้ารับใช้อาวุโส
“ข้าจะไม่อ้อมค้อมกับพวกเจ้านะ หากพวกเจ้าไม่ตกลงเป็นวิญญาณวุธของข้า ข้าจะทำลายวิญญาณของพวกเจ้าให้กลายเป็นผุยผงเสีย!” หวังเป่าเล่อเริ่มหงุดหงิด เขารู้สึกว่าการพยายามชำระบาปให้วิญญาณทั้งสามนั้นเป็นเรื่องเสียเวลาไร้ประโยชน์ แม้เขาจะมองไม่เห็นว่าทั้งสามได้ทำบาปมหันต์อะไรไว้ในชาติที่แล้ว แต่ดูจากสีและทัศนคติของวิญญาณทั้งสามแล้ว เขาก็พอเดาได้ว่าคงเป็นเรื่องขืนใจหรือไม่ก็ปล้นสะดม หรืออาจเป็นฆาตกรรมไม่ก็ทารุณกรรม!
“เจ้าอยากให้ข้าเป็นวิญญาณวุธของเจ้าเช่นนั้นหรือ ฝันไปเถิด ความฝันของข้าคือการไม่มีวันแก่ และการให้บิดามารดาของข้าปรนนิบัติข้า อยู่เคียงข้างข้าไปตลอดชั่วกัลปาวสาน ความฝันของข้าเป็นจริงแล้วในช่วงหนึ่งของชีวิต ข้าไม่สนใจหรอกหากเจ้าจะฆ่าข้าให้ตาย ตายแล้วมันจะทำไมกันเล่า อย่างกับว่าข้าไม่เคยตายเช่นนั้นล่ะ!” เด็กชายหัวเราะเยาะด้วยเสียงเย็นเยือกเหมือนน้ำแข็ง
หวังเป่าเล่อตกใจกับคำพูดของอีกฝ่ายเป็นอันมาก เนื่องจากเด็กชายตรงหน้าดูเหมือนจะอายุเพียงเจ็ดถึงแปดขวบเท่านั้น ชายหนุ่มคิดถึงความฝันที่เด็กชายเอ่ยให้ฟังก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
วิญญาณชายหื่นข้างเด็กชายยังคงหาวไม่หยุด ก่อนจะเหลือบมองหวังเป่าเล่อ มองต้นขา และหน้าอก ก่อนจะทำสีหน้าเบื่อหน่ายในทันที
“หากเจ้าเป็นสตรีและยินดีจะเล่นสนุกกับข้า ข้าคงจะตกปากรับคำเป็นวิญญาณวุธของเจ้าทันที เจ้าจะทำอะไรก็ทำ จะฆ่าข้าเช่นนั้นหรือ ข้าไม่กลัวหรอก! ต่อให้วิญญาณของข้ากลายเป็นเถ้าธุลี สหายอีกนับล้านก็จะสานต่อเจตนารมณ์ของข้า พวกเขาจะพิชิตเพศตรงข้ามให้หมดทั้งโลกตามของข้าอย่างไรเล่า!” วิญญาณหื่นประกาศด้วยความภาคภูมิใจ พร้อมยืดตัวให้สูงขึ้น
ความปรารถนาอันแรงกล้าของอีกฝ่ายทำให้หวังเป่าเล่อมีสีหน้าประหลาดขึ้นไปอีก เขาพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปมองวิญญาณจิ้งจอกเฒ่าที่ทำท่าเหมือนข้ารับใช้ชราเป็นรายสุดท้าย
ข้ารับใช้ชรายิ้ม ก่อนทำมือคารวะหวังเป่าเล่อเป็นการทักทาย
“ท่านบุตรแห่งความมืดผู้ยิ่งใหญ่ ข้าคงทำตามคำขอของท่านไม่ได้ ข้าไม่อยากปิดบังสิ่งใดจากท่าน ชาติที่แล้วข้าเคยเป็นราชครูแห่งอาณาจักรคู่หลิง ข้ามีผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว แต่มีผู้ใต้บังคับบัญชาหลายหมื่นหลายแสนคน ในชีวิตข้าเสียใจอยู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น นั่นคือตัวข้ารับใช้อาณาจักรของข้าได้ไม่ถึงสามร้อยปี ข้ายังทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงไม่ได้เลย แล้วข้าจะเป็นวิญญาณวุธของท่านได้อย่างไรเล่า”
หวังเป่าเล่อพยักหน้าอีกครั้งพลางมองหน้าวิญญาณทั้งที่เต็มไปด้วยความความทะนงตนและความยโสโอหังสามดวงตรงหน้า จากนั้นชายหนุ่มก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะชี้ไปที่เด็กชายตัวจ้อย
“เจ้าอยากเป็นเด็กไปตลอดกาล และให้บิดามารดาปรนนิบัติดูแล อยู่เคียงข้างเจ้าไปชั่วกัลปาวสานเช่นนั้นหรือ เจ้าเป็นเด็กดี ฉะนั้นข้าจะช่วยให้ความฝันของเจ้าเป็นจริง” พูดจบ หวังเป่าเล่อก็ยกแขนขวาขึ้นจับตัวเด็กชายไว้ เขาปลุกผนึกฝ่ามือขึ้นมาชุดหนึ่ง ก่อนจะโยนเด็กชายไปในวงแหวนปราณของที่พัก
วงแหวนปราณเริ่มเปลี่ยนรูปร่างตามเวทของหวังเป่าเล่อ มันก่อตัวกลายเป็นพายุหมุน ก่อนจะดูดเด็กชายเข้าไปทั้งร่างในทันที หวังเป่าเล่อสร้างผนึกฝ่ามืออีกครั้งเพื่อปรับการทำงานของวงแหวนปราณ จากนั้นจึงหันมามองวิญญาณหื่น
“เจ้าอยากพิชิตเพศตรงข้ามให้หมดทั้งโลกเช่นนั้นหรือ ง่ายนิดเดียว ข้าจะทำให้ฝันของเจ้าเป็นจริงเอง!” ทันทีที่พูดจบ เขาก็ไม่ปล่อยให้วิญญาณหื่นได้มีเวลาตอบโต้ ชายหนุ่มวาดมือเป็นวงกว้างและโยนวิญญาณหื่นเข้าไปในพายุเช่นกัน เขาปรับวงแหวนปราณอีกครั้ง ก่อนจะหันมามองชายชราเป็นคนสุดท้าย
ราชครูชราถอยหลังด้วยความตื่นกลัว เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวิญญาณสองดวงก่อนหน้า แต่ก็รู้สึกได้ว่าชะตาของการโดนโยนเข้าไปในวงแหวนปราณนั้นน่าจะเลวร้ายยิ่งกว่าตายเสียอีก ชายชรากำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว มือใหญ่ของหวังเป่าเล่อหยิบร่างของเขาโยนเข้าไปในพายุหมุนวงแหวนปราณ ชายชรารู้สึกเหมือนได้ยินหวังเป่าเล่อพนลมเยาะทันทีที่ร่างของเขาหายเข้าไปในพายุนั้น
“เจ้าเสียใจที่ตนเป็นราชครูได้เพียงสามร้อยปีเช่นนั้นหรือ ไม่มีปัญหา ข้าจะช่วยให้เจตจำนงของเจ้าสำเร็จเอง ข้าจะทำให้เจ้าไม่เสียใจอีกต่อไปในชีวิตนี้!”
หวังเป่าเล่อปรับวงแหวนปราณอีกครั้ง วงแหวนปราณที่หวังเป่าเล่อโยนวิญญาณทั้งสามเข้าไปนั้น คือวงแหวนปราณมายาวัฏสงสารของสำนักแห่งความมืด วงแหวนปราณนี้มีหน้าที่สร้างร่างของวิญญาณผู้ที่ตายแล้วขึ้นมาใหม่ เพื่อแยกชาติที่แล้วออกจากชาติใหม่อย่างชัดเจน ศิษย์หลายคนยังใช้วงแหวนปราณนี้เพื่อการตื่นรู้อีกด้วย ศิษย์จากสำนักแห่งความมืดเข้าไปฝึกปราณภายในวงแหวนปราณนี้ได้ เนื่องจากวงแหวนปราณมายาวัฏสงสารนั้นเชื่อมต่อกับเต๋าสวรรค์ จึงสร้างวัฏจักรของชีวิต ความตายและการกำเนิดใหม่ได้
แต่หากเข้าถึงอำนาจของวงแหวนปราณได้ถึงระดับหนึ่ง จะสามารถสร้างโลกมายาที่มีรายละเอียดเฉพาะตนขึ้นมาได้ มนุษย์หรือวิญญาณที่เข้าไปในโลกมายานี้จะแยกไม่ออกระหว่างความจริงและภาพวงตา ผู้ที่ควบคุมกำหนดได้แม้กระทั่งกระแสของเวลาที่ไหลไปในโลกมายา
หวังเป่าเล่อสร้างโลกที่เต็มไปด้วยสงครามให้ราชครูจิ้งจอกเฒ่า เพื่อที่ชายชราจะได้กลับไปทำหน้าที่เป็นราชครูอีกครั้งในโลกมายา…
ส่วนชายหื่น โลกมายาที่หวังเป่าเล่อสร้างนั้นง่ายดายยิ่งกว่า เขาปรับวงแหวนปราณให้สร้างโลกที่วิญญาณหื่นเป็นชายเพียงคนเดียว เสียแต่ว่าโลกนั้นเป็นโลกที่ผู้หญิงเป็นใหญ่…
ส่วนเด็กชายนั้นก็ง่ายดายพอกัน หวังเป่าเล่อทำให้ฝันทุกอย่างของเขาเป็นจริง ด้วยการสร้างโลกที่ตรงตามอุดมคติของเด็กชายทั้งหมด
กุญแจของเรื่องนี้คือเวลาที่ผ่านไปในโลกมายา เขาปรับโลกมายาแต่ละใบให้… เวลาหนึ่งวันในโลกแห่งความจริง เท่ากับเวลาหมื่นปีในโลกมายา!
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หวังเป่าเล่อก็เริ่มฝึกปรือวิชาหัตถ์สื่อวิญญาณของตนต่อไป สามวันต่อมา ชะตากรรมของวิญญาณทั้งสามดวงก็หายไปจากความคิดของหวังเป่าเล่อเรียบร้อย จนเวลาล่วงเลยไปถึงสองสัปดาห์…