หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 457 นายท่าน ในที่สุดท่านก็กลับมา!

บทที่ 457 นายท่าน ในที่สุดท่านก็กลับมา!

หวังเป่าเล่อเริ่มช่ำชองการใช้วิชาหัตถ์สื่อวิญญาณ อันเป็นขั้นที่สองของวิชาแห่งศาสตร์มืดมากขึ้น ตลอดระยะเวลาการฝึกสองสัปดาห์ แต่พลังของวิชาหัตถ์สื่อวิญญาณที่หวังเป่าเล่อใช้ได้ยังอยู่ในระดับต่ำ ชายหนุ่มไม่อยากคิดเลยว่าหากใช้มันเพื่อโจมตีผลจะออกมาเช่นไร

หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะขั้นปราณของเขายังมีระดับต่ำเกินไป เนื่องจากวิชานี้เป็นวิชาสำหรับผู้ที่มีปราณขั้นกำเนิดแก่นใน

สิ่งที่เขาต้องทำไม่ใช่การใช้วิชาหัตถ์สื่อวิญญาณในการโจมตี หากแต่ต้องใช้มัน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้และเพิ่มจำนวนเปลวไฟสีดำ เพื่อเตรียมตัวบรรลุปราณขั้นกำเนิดแก่นใน

ตอนนี้หวังเป่าเล่อมีเปลวไฟสีดำอยู่ในกายหกสิบสามดวงแล้ว พลังจากการระเบิดพลังปราณของเขารุนแรงเหลือเชื่อ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนอยู่หลายเท่านัก!

สำนักแห่งความมืดมีข้อกำหนดขั้นต่ำสำหรับศิษย์พรสวรรค์ที่ใกล้บรรลุปราณขั้นกำเนิดแก่นใน พวกเขาต้องสะสมเปลวไฟสีดำในกายให้ได้สามสิบหกดวงเสียก่อน หวังเป่าเล่อผ่านข้อกำหนดขั้นต่ำเรียบร้อยแล้ว แต่เขารู้สึกว่าตนเองยังพัฒนาได้อีก!

ระหว่างที่กำลังฝึกวิชาอยู่อย่างขะมักเขม้นนั้น หวังเป่าเล่อลืมวิญญาณสามดวงที่ตนเองส่งไปอยู่ในวงแหวนปราณมายาวัฏสงสารเสียสนิท เส้นตายการชำระบาปดวงวิญญาณที่อาจารย์ของเขาขีดไว้กำลังคืบเข้ามาเรื่อยๆ วันเวลาเดินหน้าผ่านไปอีกเจ็ดวัน หวังเป่าเล่อที่บัดนี้มีเปลวไฟสีดำอยู่ในกายถึงเจ็ดสิบดวง ก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองต้องทำภารกิจที่อาจารย์มอบหมายไว้ให้สำเร็จ

ข้ารู้สึกเหมือนลืมอะไรไป… หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบๆ มองไปที่วงแหวนปราณอย่างละอายใจ

ข้าจำได้ว่าปรับเวลาไว้ให้หนึ่งวันในโลกเท่ากับหมื่นปีในโลกมายา… ชายหนุ่มกระแอมกระไออย่างเคอะเขิน เขาตัดสินใจว่าจะให้ดวงวิญญาณทั้งสามใช้ชีวิตตามความฝันเสียให้พอใจ แม้เขาแทบลืมไปแล้วว่าดวงวิญญาณทั้งสามนี้มีตัวตนอยู่ แต่…พอมาคิดดูดีๆ แล้ว เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายผิดแต่อย่างใด

เมื่อคิดได้ดังนั้นหวังเป่าเล่อก็เริ่มเบาใจ เขาไปยืนตรงหน้าวงแหวนปราณ พร้อมยกมือขวาขึ้นสร้างผนึกฝ่ามือ ก่อนจะกดฝ่ามืดลงไปบนวงแหวนปราณ ทันใดนั้น ภาพตรงหน้าก็เริ่มพร่าเลือน ราวกับดวงจิตได้ออกจากร่างเป็นที่เรียบร้อย ดวงจิตของหวังเป่าเล่อก้าวเข้าวงแหวนปราณไปเพื่อรับดวงวิญญาณบาปหนาทั้งสามกลับมา

โลกมายาแรกที่เขาก้าวเข้าไป คือโลกของเด็กชายตัวจ้อย

โลกนี้เป็นโลกที่ไม่มีผู้ฝึกตน ถ้าจะพูดให้ถูก โลกนี้ดูคล้ายสหพันธรัฐในความฝันของหวังเป่าเล่อ เป็นสหพันธรัฐเมื่อหนึ่งพันปีก่อนที่มีแต่ความสงบสุข

เด็กชายอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง ตอนกลางวัน ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ไปทั่วบริเวณ ส่วนในยามกลางคืน แสงจากหลอดไฟหลากสีส่องสว่างทั่วท้องฟ้า เมืองแห่งนี้เป็นเมืองอันแสนมั่งคั่งและโอ่อ่างดงาม

หวังเป่าเล่อเดินทางมายังโลกนี้ในเช้าวันหนึ่ง ดวงอาทิตย์ทอแสงจ้าอยู่บนท้องฟ้า ยานพาหนะพากันหลั่งไหลไปตามถนน ชายหนุ่มมาโผล่ในย่านโรงเรียนของเมือง

ข้ารู้สึกว่าเจ้าเด็กนั่นน่าจะอยู่ที่นี่ หวังเป่าเล่อลอยละล่องอยู่บนอากาศ มือลูบคางขณะใช้ความคิด เขาเริ่มกวาดสายตาหาเด็กชาย และไม่นานก็มองเห็นเป้าหมายอยู่ในตรอกแห่งหนึ่ง เด็กชายตัวจ้อยอยู่ในชุดนักเรียน แบกกระเป๋าเป้หนักอึ้งเหมือนภูเขาไว้บนบ่า… เขาเดินโซเซไปข้างหน้า ดวงตาอ่อนล้าโรยแรง ท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา

เบื้องหลังของเด็กชายมีคู่สมรสวัยกลางคนคู่หนึ่ง ดูก็รู้ว่าเป็นบิดามารดาของเด็กชาย ทั้งคู่แบกกระเป๋านักเรียนที่หนักอึ้งเสียยิ่งกว่า และกำลังบ่นไม่หยุดว่าเด็กชายจะต้องทำอะไรบ้างในวันนี้ขณะก้าวเดิน

ภาพนี้ดูอบอุ่นจนหวังเป่าเล่อยังอดตื้นตันใจไม่ได้ แม้เขาจะมาถึงช้า แต่ภาพครอบครัวที่รักกันอย่างแน่นแฟ้นอบอุ่น ทำให้เขานึกถึงบิดามารดาของตนเองขึ้นมา

หวังเป่าเล่อตัวแข็งทื่อกับความคิดนั้น เขารู้สึกว่าภาพของบิดามารดาในโลกนี้ของตนช่างพร่าเลือน แต่กลับจำภาพครอบครัวที่สหพันธรัฐได้อย่างแม่นยำ

ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกเหมือนหลงทาง เขามองดูโลกรอบกายอย่างไม่รู้ตัว มันดูเหมือนจริงอย่างไม่ผิดเพี้ยน ไม่ว่าจะเป็นสายลมอ่อนที่พัดโชย หรือจะเป็นผู้คนที่กำลังเดินขวักไขว่ ทุกอย่างดูเหมือนจริงจนยากจะเชื่อว่าเป็นเพียงโลกมายา

ขณะที่หวังเป่าเล่อยังงุนงงกับความคิดตนเองอยู่นั้น เสียงของครอบครัวเด็กชายก็ลอยมาตามสายลม

“เสี่ยวเป่า เจ้าต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หยุดเล่นวีดิโอเกมกับใช้เงินเสียที เมื่อเจ้าโตขึ้น พ่อกับแม่จะไม่ได้อยู่คอยบ่นเจ้าจนปากเปียกปากแฉะเช่นนี้อีกแล้วนะ!”

“หยุดบ่นลูกเสียทีเถิด เสี่ยวเป่า บิดาของลูกหวังดีต่อลูกนะ ลูกยังเด็กนัก แต่ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันเกิดของลูก พวกเราคุยกันเรียบร้อยแล้วว่าหลังจากเลิกเรียน ลูกพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย วันนี้เราจะเรียนกันแค่แปดบท หลังจากนั้นก็ทำแบบฝึกหัดสิบสองชุด และท่องจำบทกลอนสักห้าสิบบท จากนั้นเราค่อยเป่าเค้กกัน!

“เสี่ยวเป่า ลูกยังเด็กอยู่เลย หยุดถอนหายใจเหมือนคนแก่ได้แล้ว ลูกต้องจดจำเวลาตอนเป็นนักเรียนเอาไว้ วัยประถมมีแค่สามหมื่นปีเท่านั้น บิดาลูกกับแม่คุยกันเรียบร้อยแล้วว่า ตอนลูกเรียนมัธยมอีกสองแสนปี พวกเราจะหาชั้นเรียนหลังเลิกเรียนที่ดีกว่านี้ให้!”

ดวงตาของเสี่ยวเป่าเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง เด็กน้อยเกือบร้องไห้เมื่อได้ยินสิ่งที่บิดามารดาพูด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้งไปหมดแล้ว ถุงใต้ตาของเด็กน้อยดำเหมือนถ่าน หน้าตาดูเหมือนจะสติแตกลงได้ทุกเมื่อ เขาไม่รู้เลยว่าตนเองทนเวลาสองแสนปีที่ผ่านมาได้อย่างไร… ทุกวันเขาต้องไปโรงเรียน จากนั้นก็เรียนเสริมหลังจากเลิกเรียน ทำแบบฝึกหัด และท่องจำข้อมูลมากมายล้านแปด…

แต่ละวันดำเนินไปเหมือนเดิม แต่ละปีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย… เขาเรียน เรียน เรียน แล้วก็เรียน ท่ามกลางการคุมเข้มของบิดามารดา…

เขาคิดจะลุกขึ้นมาต่อต้าน แต่ไม่ว่าเขาจะทำวิธีใด แม้แต่การฆ่าตัวตาย เสี่ยวเป่าน้อยก็จะตื่นขึ้นในวันต่อมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาต้องศึกษาเล่าเรียนต่อไป และไปเรียนเสริมหลังเลิกเรียนที่โรงเรียน…

สิ่งเดียวที่ทำให้เสี่ยวเป่ามีกำลังใจใช้ชีวิตต่อไป คือการที่เขารู้ว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกแห่งความจริง เด็กชายรู้ดีว่าหวังเป่าเล่อจะต้องมารับเขากลับไปในวันหนึ่ง เสี่ยวเป่าจึงเฝ้ารอต่อไปวันแล้ววันเล่า เขารอหวังเป่าเล่อทุกวันทุกนาที จนเวลาผ่านไปถึงสองแสนปี แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่มาเสียที

หวังเป่าเล่อมีสีหน้าแปลกแปร่งเมื่อได้ยินสิ่งที่บิดามารดาของเสี่ยวเป่าพูด เขาตกใจเมื่อได้เห็นสีหน้าอมทุกข์หนักหนาสาหัสของเด็กชาย และเริ่มรู้สึกสงสารขึ้นมาทันที ชายหนุ่มกระแอมกระไอแก้เก้อ

ทันทีที่หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอออกมา บรรยากาศรอบตัวก็หยุดนิ่ง ทุกสรรพสิ่งตกอยู่ในความเงียบงัน มีแต่หวังเป่าเล่อและเสี่ยวเป่าเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ได้

ตอนแรกเด็กชายยังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ เขาลากกระเป๋าหนังสือถูลู่ถูกังไปข้างหน้า สีหน้าอมทุกข์เหมือนกำลังตรอมใจตาย เสี่ยวเป่าก้าวไปสองสามก้าว ก่อนรู้สึกตัวว่ามีบางอย่างแปลกๆ เขาเงยหน้าขึ้นฉับพลันและมองไปรอบกาย เมื่อเด็กชายเห็นหวังเป่าเล่อ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นในทันที เขาระเบิดร้องไห้จ้าก่อนวิ่งเข้ามาหาหวังเป่าเล่อ และล้มลงคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่ม

“นายท่าน ในที่สุดท่านก็กลับมา ได้โปรดพาข้าไปจากที่นี่เสียทีเถิด ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ข้าไม่อยากไปเรียนพิเศษแล้ว ข้าอยากกลับไปเป็นวิญญาณวุธ ได้โปรดเถิด นายท่าน พาข้าไปที ได้โปรด…”

เด็กชายร้องไห้สะอึกสะอื้นน่าสงสาร กลัวว่าหวังเป่าเล่อจะเมินเขาจึงกอดขาชายหนุ่มเอาไว้แน่น และเริ่มร้องไห้ดังขึ้นอีก

หวังเป่าเล่อทำได้เพียงแสร้งทำสีหน้าขึงขัง ก่อนจะปล่อยเสี่ยวเป่าตัวน้อยออกจากวงแหวนปราณมายาวัฏสงสาร หลังจากที่คิดอยู่สักพัก ชายหนุ่มก็เดินทางเข้าไปยังโลกที่ราชครูจิ้งจอกเฒ่าอาศัยอยู่

โลกของราชครูกว้างใหญ่ไพศาลกว่าโลกของเด็กชายมากนัก ดวงดาวนับไม่ถ้วนสว่างพร่างพรายสุดขอบฟ้า ดูเหมือนโลกแห่งความจริงยิ่งนัก ในโลกนี้มีผู้ฝึกตน ผู้ฝึกตนหลายคนมีพลังที่แก่กล้ามากจนน่าตกใจ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่มีใครมองเห็นหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มสามารถทำลายโลกใบนี้ให้ย่อยยับได้ในเสี้ยววินาทีเพียงแค่ใช้ความคิด

หวังเป่าเล่อก้าวเข้ามาในโลกมายานี้ และพบจิ้งจอกเฒ่าที่เคยเป็นราชครูในชาติที่แล้ว ชายชรากำลัง… วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต!

ราชครูเฒ่ากำลังหนีตายจ้าละหวั่น สภาพของเขารุ่งริ่งดูไม่ได้ ผมกระเซิงยุ่งเหยิงเหมือนรังนก แต่เขาก็ยังพุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็วอันน่าตกใจ ผู้เฒ่ากำลังวิ่งหนีบางอย่างอย่างไม่คิดชีวิตโดยไม่สนใจสิ่งใด

เบื้องหลังเขาคือผู้คนมากมายที่กำลังวิ่งไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ ในกลุ่มนั้นมีทั้งผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน และเรือบินอีกหลายลำที่เกาะกลุ่มกันมาเหมือนเมฆทะมึนบนท้องฟ้า ทุกคนต่างไล่หลังราชครูชนิดเอาเป็นเอาตาย

ผู้ฝึกตนและฝูงเรือบินเหล่านั้นมาจากหลายภาคส่วน เมื่อสำรวจดูใกล้ๆ จะเห็นว่ามีสิบภาคส่วนเป็นอย่างน้อย

หากพวกเขาทำเพียงวิ่งไล่หลังราชครู หวังเป่าเล่อก็คงไม่ตกใจมากนัก แต่มีบางสิ่งที่ต่างออกไปจากปกติ สีหน้าของชายหนุ่มเริ่มปุเลี่ยนขึ้นทุกที… ผู้ติดตามราชครูเหล่านี้ตะโกนกู่ร้องไปด้วย แต่ละภาคส่วนดูเหมือนกำลังต่อสู้แย่งชิงบางสิ่งกันอยู่

“ท่านราชครู ท่านไม่ได้เป็นเด็กหนุ่มอีกต่อไปแล้วนะขอรับ ท่านไม่ควรวิ่งเร็วขนาดนี้ ระวังจะได้รับบาดเจ็บนะขอรับ”

“ท่านราชครู อย่าไปเลยขอรับ อาณาจักรของเราขาดท่านไม่ได้ ประชาชนหลายสิบล้านคนของเราต้องการท่าน!”

“ท่านราชครู ท่านจักรพรรดิได้ประกาศประกาศิตเอาไว้เรียบร้อย หากท่านไม่กลับไป พระองค์จะปลิดชีพตนเองเสีย…”

“ท่านราชครู เราค้นพบกาแล็กซีใหม่ มีประชาชนอยู่หลายพันหลายหมื่นคนเลยทีเดียว ทุกคนต้องการให้ท่านไปปกครอง!”

เสียงตะโกนนั้นดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า ชายชราที่กำลังหนีตายอยู่กำลังจะใกล้บ้า ผมกระเซิงของเขาปลิวปิดหน้าตนเอง ดวงตาแดงก่ำขณะกรีดร้องออกมาด้วยความทุกข์แสนสาหัส

“ไสหัวของพวกเจ้าไปให้หมด ข้าไม่ใช้ราชครู พวกเจ้าต่างหากเป็นราชครู ตระกูลของพวกเจ้าหมดทั้งโคตรต่างหากที่เป็นราชครู!” น้ำตาของชายชราไหลรินอาบแก้ม ความทุกข์สุดพรรณนาเข้าเกาะกุมหัวใจอันอ่อนแรงของเขา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset